สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 355 รีบฟื้นขึ้นมาได้แล้ว

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

ลู่จิ่งเฉินน่าจะคิดไม่ถึงว่าซูสือเยว่สรุปเรื่องที่เขาพาเจียงหลีไปออกงานได้เร็วขนาดนี้

เขาขมวดคิ้วแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา “เจียงหลีหน้าตาเหมือนแม่ของผมมาก เรื่องนี้คุณก็น่าจะรู้ใช่ไหม?”

“ที่ผมพาเจียงหลีไปออกงาน คู่หมั้นของผมไม่ใช่แค่ไม่ถึง แต่ในทางตรงกันข้ามกับรู้สึกว่าผมให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว”

พอพูดจบ ลู่จิ่งเฉินก็ขมวดคิ้ว เหมือนกับว่าไม่กล้าพูดอะไรกับซูสือเยว่ให้มากไปกว่านี้ เพราะกลัวว่าเธอจะเห็นพิรุธ

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างเย็นชา “กลับมาแล้วก็มาหาผมด้วยนะ เซ็นใบหย่าด้วย”

พอพูดจบ เขาก็ตัดสายไป

ซูสือเยว่ถือโทรศัพท์อยู่ พอได้ยินเสียงตู้ดๆ จะอีกฝั่งหนึ่งนั้น ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรุนแรง

ลู่จิ่งเฉินคนนี้เนี่ย……

คิดจะทำอะไรกันแน่?

แต่ว่าเธอก็ไม่ได้คิดนาน

เพราะว่าจี้หนานเฟิงมาเคาะกระจกรถ

“เสร็จหรือยัง?”

“เสร็จแล้ว”

ซูสือเยว่เก็บความคิดของตัวเอง แล้วก็ถอนหายใจออกมา จัดแจงเสื้อผ้าบนร่างกายของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วก็ลงจากรถไป

“ไม่ต้องห่วง มีผมอยู่”

หานหยุนยิ้มจนตาหยีและมองมาที่ซูสือเยว่ “ผมจะช่วยปกปิดคุณเอง ไอดอลของผม”

จี้หนานเฟิงขมวดคิ้วอย่างไม่มีทางเลี่ยง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองซูสือเยว่:

“ผมเป็นศิลปินมานานกว่าคุณมาก ทำไมถึงไม่ได้มีแฟนคลับที่เก่งกาจแบบนี้บ้าง?”

ซูสือเยว่ยิ้มอย่างเก้อเขิน “เรื่องนี้……”

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ทำไมหานหยุนถึงชอบเธอ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ

ถ้าจะบอกว่าชอบเธอที่บทบาท แต่ว่าความจริงแล้วเธอก็เล่นแค่บท สองบทเท่านั้น

ถ้าจะบอกว่าถูกดึงดูดเพราะเสน่ห์ของเธอ……

เธอก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองสวยเท่าไหร่นัก

สรุปก็คือ มันเป็นเรื่องลึกลับ

“เดี๋ยวมีเวลาค่อยมาคุยกัน”

หานหยุนกะพริบตาให้ซูสือเยว่ แล้วก็เดินตามหลังของจี้หนานเฟิง ทั้งสามคนก็เข้าไปในโรงพยาบาลส่วนตัวด้วยกัน

บรรยากาศในโรงพยาบาลมันช่างกดดันจนทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออก

ซูสือเยว่เดินไปด้วย พร้อมกับพินิจพิเคราะห์บรรยากาศรอบๆ อย่างระมัดระวัง

พอสังเกตเห็นสายตาของเธอ หานหยุนก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดได้เสียงเบาว่า

“อย่ามองไปเรื่อย”

“คุณแค่มาทำงานเท่านั้น”

ซูสือเยว่เม้มปาก ทำได้แค่ก้มหน้า กัดฟันและเดินหน้าต่อไป

เดินไปไม่นาน พวกเขาก็ได้เจอกับคนคุ้นเคย

หนึ่งในเด็กที่เจี่ยนหมิงจงเก็บมาเลี้ยง:หลิงหราน

หลิงหรานในตอนนี้สวมใส่เสื้อกันลมสีแดงและรองเท้าหนังสีดำ ดูมีสง่าราศี

ดูเหมือนกับว่าตอนนี้เธอเพิ่งออกมาจากห้องผู้ป่วยของฉินโม่หาน

พอเห็นว่าจี้หนานเฟิงพาคนสองคนเข้ามา หลิงหรานก็เลิกคิ้ว แล้วก็เดินเข้ามาหา

“คุณชายน้อย ได้ยินว่าคุณพาหมอดังมาเหรอคะ?”

เขาพูดจบ เธอก็เลิกคิ้วพร้อมกับมองมาที่หานหยุน “ท่านนี้คือหมอมีชื่อเสียงที่คุณพามาเหรอ?”

สุดท้าย สายตาของหญิงสาวก็มองไปที่กล่องยาที่หานหยุนถือมาด้วย หลังจากนั้นก็มองมาที่หญิงสาวที่สวมใส่หน้ากากอนามัย “ถ้าอย่างนั้นท่านนี้ก็คงจะเป็นผู้ช่วยของคุณหมอสินะ? ”

“ทำไมถึงได้ดูคุ้นตาจัง?”

หานหยุนขมวดคิ้ว แล้วก็เดินไปกั้นระหว่างหลิงหรานกับซูสือเยว่

“ใบหน้าของผู้ช่วยผมสวยงามหยาดเยิ้มมาก การที่คุณรู้สึกว่าคุณตามันเป็นเรื่องปกติ ยังไงซะคนสวยๆ ก็ดูไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ”

หลิงหรานยิ้ม

เธอเดินเข้ามาอย่างสง่างาม แล้วสายตาของเธอก็มองตรงไปที่ซูสือเยว่ “ใบหน้าที่งามหยาดเยิ้มอย่างนั้นเหรอ?”

หญิงสาวยื่นมือออกมา แล้วก็ค่อยๆ ยกคางของซูสือเยว่ขึ้น

“พี่สาวชอบผู้หญิงที่สวย ถอดหน้ากากออกสิ ให้ฉันได้ชื่นชมหน่อยได้ไหม?”

ซูสือเยว่ที่ถูกหลิงหรานจับคางให้เชิดขึ้นกัดฟันแน่น สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็สงบลงทันที ลดเสียงของตัวเองลงและพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“คุณผู้หญิงคะ อย่าไปฟังที่คุณหมอของพวกเราพูดเลยนะคะ ที่จริงแล้วฉัน……ขี้เหร่มาก”

“เสียงยังไม่น่าฟังขนาดนี้”

หลิงหรานเหลือบมองหลิงหรานด้วยสายตารังเกียจ สุดท้ายก็หยิบนามบัตรออกมาแล้วก็ยัดใส่กระเป๋าเสื้อของซูสือเยว่

“ไม่ให้ฉันเห็นหน้าตอนนี้ก็ไม่เป็นไร”

เธอยิ้มและขยับเข้ามาใกล้หูของซูสือเยว่ “ในนี้มีช่องทางการติดต่อของฉันอยู่ ถ้าเกิดว่ามีเวลาเมื่อไหร่ก็มาหาฉันด้วยนะ”

พอพูดประโยคนี้จบ ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับรองเท้าหนังของเธอ

แต่ว่าเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว สุดท้ายก็หยุด แล้วก็บอกยามที่เฝ้าอยู่หน้าห้องผู้ป่วยของฉินโม่หาน

“ฉันชอบคนที่คุณชายน้อยพามามากเลย อย่าทำให้พวกเขาลำบากล่ะ”

พอพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกไป

ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว มองดูแผ่นหลังสีแดงของหลิงหราน ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย

หลิงหรานคือลูกที่เจี่ยนหมิงจงเลี้ยงมาจนโต ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้วพวกเธอต้องอยู่ฝ่ายเดียวกัน

แต่……

สถานที่ที่ฉินโม่หานอยู่ในตอนนี้ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของฉินโม่หานอย่างจี้หนานเฟิงยังต้องหว่านล้อมเพื่อให้ได้โอกาสในการมาที่นี่

แล้วทำไมหลิงหรานไม่ใช่แค่ไม่มีคนห้าม แต่ว่ายังสามารถสั่งยามได้ด้วย?

หรือในเมื่อหลิงหรานอยู่ฝ่ายเดียวกับลู่จิ่งเฉิน แล้วทำไมถึงไม่ห้ามเธอล่ะ?

การกระทำของหลิงหรานเมื่อกี้นี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจำเธอได้

แต่ว่าหลิงหรานกลับไม่ได้เปิดเผย แถมยังสั่งให้ยามไม่ทำให้พวกเขาลำบากอีกต่างหาก

ซูสือเยว่ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ

หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาทุกอย่างก็งงๆ ไปหมด เหมือนกับว่ามีตาข่ายขนาดใหญ่ ขังเธอไว้ด้านใน

บางทีซูสือเยว่ก็คิดว่าตัวเองแค่ต้องพยายาม ก็จะได้รู้ความจริงทั้งหมด

แต่บางที เธอก็รู้สึกว่าความจริงนั้นได้อยู่ห่างไกลจากตัวเธอมาก…

ตอนที่เธอกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น พวกเขาก็เดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยของฉินโม่หาน

หลังจากที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสัมภาระของพวกเขาอย่างเข้มงวดแล้ว ก็อนุญาตให้พวกเขาสวมชุดป้องกัน แล้วก็เข้าไปในห้องผู้ป่วยของฉินโม่หาน

มีหน้าที่ที่ประตูเปิดออก ซูสือเยว่ก็รู้สึกหัวใจของตัวเองห้อยโหน

เธอรอคอยที่จะได้เจอเขา

แต่ก็กลัวการที่จะได้เจอเขาเหมือนกัน

เธอกลัวว่าเขาที่เธอกำลังจะเจอนั้น จะอ่อนแอกว่าที่เธอคิดเอาไว้

หลังจากที่ทั้งสามคนเข้าไปข้างใน ประตูก็ถูกปิด

ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นมา

แล้วท้ายสุดเธอก็ได้เห็นหน้าของผู้ชายที่เธอคิดถึงทั้งวันคืน

ฉินโม่หานนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูซีดจนน่ากลัว

ซูสือเยว่อึ้งไปหลายวินาที หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าไปที่เตียงของเขา

เดินไปได้ไม่กี่ก้าว น้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้

ฉินโม่หาน

คนที่เคยเป็นท้องฟ้าของเธอ ตอนนี้กลับมานอนนิ่งเงียบอยู่ที่นี่

เขาหายใจอ่อนมากจนแทบมองไม่เห็นการขยับเขยื้อนตรงหน้าอก ต้องมองผ่านเครื่องมือแพทย์เท่านั้น ถึงจะรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

ใบหน้าที่เคยละเอียดอ่อนของเขา เหมือนกับถูกปกคลุมด้วยขี้เถ้า มันทั้งซีดเซียวเหี่ยวเฉา

ท่าทางของเขาในตอนนี้ ถึงจะบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ที่จริงก็แทบไม่ต่างอะไรจากไม่มีชีวิตเลย

แต่ถ้าจะบอกว่าเขาเสียชีวิตแล้ว แต่ว่าหัวใจกับลมหายใจของเขา ก็ยังคงมีอยู่แบบอ่อนแรง

จี้หนานเฟิงกับหานหยุนยืนอยู่ตรงประตู ทั้งสองคนการหายใจโดยไม่รู้ตัว

นี่คือครั้งแรกที่จี้หนานเฟิงได้เจอกับฉินโม่หาน หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น

ตอนที่ยังไม่ได้มาที่นี่ เขาก็ไม่รู้เลยว่าอาการของฉินโม่หานร้ายแรงขนาดนี้

หานหยุนยืนอยู่ตรงหน้าประตู มือทั้งสองข้างของเขาบีบกล่องยาแน่น

เขาเป็นหมอ

ดังนั้นเขาย่อมรู้ดีว่า อาการของฉินโม่หานในตอนนี้ มันมาถึงขั้นที่แย่ที่สุดแล้ว

หากท่อและเครื่องมือทั้งหมดในร่างกายของเขาถูกถอดออก บางทีเขาอาจจะตายภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

เขาบาดเจ็บอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้?

“สามี”

ซูสือเยว่เดินเข้าไป แล้วก็กุมมือที่เย็นยะเยือกของผู้ชายตรงหน้า

“ฉันได้ยินที่เชียนเชียนเล่าให้ฟังแล้ว ว่าคุณอยากตายไปพร้อมกับขงเนี่ยนโหรว”

“คุณเก่งมาก กล้าหาญมาก”

หญิงสาวหลับตาลง และน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่มีเสียง

“เมื่อไหร่คุณถึงจะฟื้นขึ้นมาล่ะ?”

“ฉันยังไม่ทันได้ชื่นชมคุณด้วยตัวเองเลย”

เธอลืมตาขึ้น แล้วก็เอามือที่เย็นยะเยือกของเขามาจับใบหน้าของตัวเอง แล้วก็จูบเบาๆ ที่มือของเขา:

“หรือว่าคุณเชื่อแม้แต่คำพูดที่โกหกของเจียงหลี?”

“คุณกับเธอไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น รีบฟื้นขึ้นมาได้แล้ว”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท