สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – บทที่ 378 ฉันคิดถึงคุณมากเลยนะ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

ซูสือเยว่ลั่วเยียนและทั้งสามซิงออกจากบ้านแบ่งทีมแยกกันไปสองทาง

ซิงหยุนซิงเฉินซิงกวงเด็กน้อยทั้งสามคน คนนึงรับผิดชอบนำทางไปโรงพยาบาล คนนึงรับผิดชอบในการติดต่อหาหานหยุน อีกคนนึงก็รับผิดชอบในการจัดการกับจี้หนานเฟิง

เข้าไปนั่งในรถแล้วซิงเฉินก็ได้โบกมือให้กับซูสือเยว่ที่อยู่ข้างนอกหน้าต่างรถ “หม่ามี้สบายใจได้เลย! พวกเราจะต้องเอาบันทึกเสียงไปมอบให้กับคุณอาหานหยุนอย่างแน่นอน เพื่อให้เขาเปิดวนตลอดทั้งวันให้กับแด๊ดดี้!”

“หลังจากที่แด๊ดดี้ได้ยินแล้ว จะต้องตื่นขึ้นมาหาพวกเราอย่างมีความสุขแน่ๆ!”

ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ซูสือเยว่ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เดินทางปลอดภัยนะ!”

“ครับ หม่ามี้ก็เดินทางปลอดภัยนะครับ!”

“หลังจากที่จัดการกับผู้หญิงไม่ดีคนนั้นแล้วอย่าลืมไปเจอกับพวกเราที่โรงพยาบาลด้วยนะครับ พวกเราจะได้รอแด๊ดดี้ฟื้นขึ้นมาด้วยกัน!”

ซูสือเยว่พยักหน้าตอบตกลง ก้าวขาขึ้นรถไป

ลั่วเยียนถูกเสียงพูดของเด็กน้อยทำเอาตลกขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะขึ้นรถไปพลางเอ่ยพูดออกมาพลางว่า

“สือเยว่ ถ้าเมื่อไหร่ฉันมีลูกที่น่ารักอย่างซิงเฉินมันก็ดี”

เมื่อก่อนหน้านี้ตอนที่เธอร้องไห้เสียใจหนักมาก ซิงเฉินก็ยังให้เธอยืมไหล่ ให้เธอพิงไหล่ของเขาร้องไห้

ลั่วเยียนถึงขนาดที่สามารถจินตนาการออกมาได้เลยว่าหลังจากที่ซิงเฉินโตไป จะต้องเป็นเด็กที่เอาอกเอาใจเก่งและเป็นสุภาพบุรุษมากแน่ๆเลย

เธอนั่งอยู่ในรถ พูดคร่ำครวญออกมามากมาย

“เพียงแต่ตอนนี้ฉันโสด ไม่เจอคนที่เหมาะสมกันเลย”

“ถ้าฉันเจอคนที่เหมาะสม ฉันจะรีบคว้าโอกาสคลอดลูกสาวออกมาสักคนนึงอย่างแน่นอน!”

ซูสือเยว่ถือโน๊ตบุ๊คนั่งอยู่บนเก้าอี้เบาะหนังแท้ หันหน้าไปมองด้านนอกหน้าต่าง

“คลอดลูกสาวไปทำไม?”

“เพื่อมาเป็นภรรยาของซิงเฉินไง!”

ลั่วเยียนถลึงตาใส่ซูสือเยว่ไปอย่างตำหนิ

“เธอไม่คิดว่าซิงเฉินของเธอนั้นอ่อนโยนมากทั้งยังมีความเป็นสุภาพบุรุษมากและยังสดใสมากๆเลยหรือไง?”

“ชั่วชีวิตนี้ฉันคงไม่มีโชคที่จะมีลูกที่ว่าง่ายรู้ความอย่างนี้แล้ว แต่ฉันสามารถทำให้เขากลายเป็นลูกเขยของฉันได้นะ!”

ลั่วเยียนพูดไปแล้วก็ได้ยกมือขึ้นมาพนมมือ

“ตอนนี้ซิงเฉินห้าขวบ รอให้ฉันคลอดลูกสาวออกมา อายุก็คงจะห่างจากเขาประมาณ…หกปี”

“หกปีก็ยังถือว่าดีอยู่ สามารถรับได้เลย!”

ซูสือเยว่มองผู้หญิงที่คิดเพ้อเจ้ออยู่ข้างๆไปด้วยความจนใจ

“ฉันต้องเตือนคุณเอาไว้หน่อยนะคะคุณลั่วเยียน ว่าตอนนี้คุณยังไม่มีแฟน และเพิ่งจะจบชีวิตสมรสที่แสนจะเฮงซวบไปเองนะคะ”

“ถ้าเธอหาแฟนใหม่มาแต่งงานล่ะก็ อย่างน้อยก็ต้องคบหาดูใจกันสักปีนึงก่อนถึงจะแต่งงาน คบกันปีนึง แต่งงานปีนึง แล้วค่อยมีลูกอีกปีนึง อย่างนั้นแล้วระยะห่างของลูกสาวของเธอกับซิงเฉินก็ไม่ใช่แค่หกปีแล้ว”

“นี่ฉันยังไม่ได้นับช่วงระหว่างที่จบรักครั้งเก่ามาเริ่มต้นรักครั้งใหม่ก่อนที่เธอจะเจอแฟนเลยนะ ถ้าภายในห้าปีเธอยังหาแฟนไม่ได้แล้วล่ะก็ รอจนกว่าเธอจะคลอดลูกสาวออกมา ซิงเฉินก็คงจะมีแฟนไปแล้ว”

คำพูดของซูสือเยว่ ทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากของลั่วเยียนเต้นตุบๆออกมา

เธอเหลือบมองซูสือเยว่ไปอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ก้มหน้าลงเอานิ้วขึ้นมานับ

“ถ้าตามที่เธอว่ามาแล้วล่ะก็…”

“จากคบหาดูใจกันไปจนถึงมีลูกฉันต้องใช้เวลาสามปี…”

“เพื่อไม่ให้อายุของซิงเฉินกับลูกของฉันห่างกันเกินสิบปี ฉันก็ควรจะหาแฟนให้ได้ภายในสองปี”

พูดจบ เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

“รอหลังจากที่เรื่องตรงนี้ของเธอได้แก้ไขปัญหาลงไปแล้ว ฉันจะเริ่มไปเที่ยวรอบโลก นัดบอดไปทั่วโลกเลย!”

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าภายในสองปีฉันจะไม่เจอคนที่เหมาะสมเลยสักคนเดียว!”

ซูสือเยว่ได้ยินคำพูดเกินจริงของเธอแล้ว ก็อดถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้

“ไม่พิจารณาฉินหนานเซิงดูจริงๆ?”

ได้ยินชื่อของฉินหนานเซิง สีหน้าของลั่วเยียนก็ได้เปลี่ยนไปทันที

เธอเบือนหน้าออกไปทางด้านนอกหน้าต่างรถ

“พูดถึงเขาขึ้นมาทำไม หมดสนุกเลย!”

“ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบเขาแล้ว ก็คือไม่ชอบเขาแล้วสิ ไม่เพียงแต่จะไม่ให้โอกาสเขา แต่ยังไม่ให้โอกาสตัวฉันเองด้วย!”

“เดินหน้าแล้วไม่คิดจะถอยหลัง ฉันไม่มีวันจะหันหลังกลับไป!”

พูดจบ เธอก็หันหน้าไปมองซูสือเยว่

“แฟนเก่าเธอชื่ออะไรแล้วนะ?”

“ใช่ เฉิงเซวียน”

“เธอจะให้โอกาสเฉิงเซวียนได้เริ่มต้นใหม่อีกหรือเปล่า?”

ซูสือเยว่ถูกเถียงเข้ามาจนพูดไม่ออก

เธอทอดถอนหายใจออกมา อันที่จริงก็มีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งที่เธออยากจะบอกลั่วเยียน

แต่ว่าเห็นใบหน้าต่อต้านของลั่วเยียนแล้ว เธอเลือกที่จะไม่พูดออกไปดีกว่า

อันที่จริงสิ่งที่เธออยากจะพูดออกไปก็คือ…

ฉินหนานเซิงกับเฉิงเซวียนไม่เหมือนกันเลยจริงๆ

เฉิงเซวียนเป็นผู้ชายสารเลวทุกกระเบียดนิ้วคนหนึ่ง

ส่วนฉินหนานเซิงล่ะ?

ถึงแม้ว่าในใจจะมีลู่จื่อเหยามาโดยตลอด คิดมาโดยตลอดว่าคนที่เขียนจดหมายกับเขาเมื่อตอนนั้นเป็นลู่จื่อเหยา

แต่ว่าเขาก็ยังใส่ใจเป็นห่วงเป็นใยลั่วเยียนมากเหมือนกัน

อย่างเช่นตอนนี้…

ข้อความที่โชว์อยู่ในโทรศัพท์ของเธอ ก็เป็นข้อความที่ฉินหนานเซิงส่งเข้ามา

“ตอนนี้อารมณ์ของลั่วเยียนไม่มั่นคงมาก คุณสามารถหาเวลาไปอยู่เป็นเพื่อนเธอหน่อยได้มั้ย?”

“ขอบคุณนะ”

ซูสือเยว่ถอนหายใจออกมา

เธอคิดว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตามในใจของฉินหนานเซิงก็มีลั่วเยียนอยู่เต็มไปหมด

ตรงจุดนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็เทียบกันไม่ได้เลย

เพียงไม่นานรถก็ได้มาถึงโรงแรม

ซูสือเยว่กับลั่วเหยียนได้ขึ้นไปข้างบนตามที่อยู่ที่ลู่จิ่งเฉินส่งมาให้

หลังจากที่เข้าห้องไปแล้ว ก็ได้พบว่านี่เป็นห้องชุดห้องนึง

ด้านนอกห้องชุดมีลู่จิ่งเฉินที่อยู่ในชุดสูทรองเท้าหนังนั่งอยู่

ด้านในห้องชุด…

นึกไม่ถึงว่าจะมีจี้ว่านเชิ่งเจี่ยนหมิงจงแล้วก็ยังมี…หลิวหรูเยียนนั่งอยู่บนรถเข็นด้วยอีกคน

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูสือเยว่ได้เจอหลิวหรูเยียนที่อยู่ในสถานะตื่นมีสติครบถ้วนแล้ว

เธอเบิกตากว้างออกมา มองหน้าของหลิวหรูเยียน ปากก็อ้าออกมา นึกอยากจะพูดอะไรออกไป แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำเดียว

เธออยากจะตะโกนเรียกเธอว่าแม่มากเลย

แต่คำพูดมันมาถึงที่ปากแล้ว มันกลับพูดไม่ออกเสียได้

หลิวหรูเยียนมองเธอมานิ่งๆ พลางยิ้มออกมา

“ตอนที่ฉันยังอยู่ในอาการโคม่า หนูพูดอยู่ที่ข้างๆหูฉันเก่งมากเลยไม่ใช่เหรอ?”

“ทำไมเห็นฉันฟื้นขึ้นมาแล้ว ปากมันใช้การไม่ได้ขึ้นมา?”

ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก พยักหน้าตอบรับไปเงียบๆ

ปากของเธอตอนนี้เหมือนกับได้สูญเสียฟังค์ชั่นในการพูดนี้ไปเลย

อ้าๆหุบๆ อยากจะพ่นคำพูดออกไปสักคำนึง แต่กลับพูดไม่ออกเลยสักคำเดียว

เธอตื่นเต้นมากเกินไป

เธอนึกไม่ถึงว่าจะมาเจอกับหลิวหรูเยียนในสถานการณ์แบบนี้ได้

และก็นึกไม่ถึงว่าตอนที่หลิวหรูเยียนฟื้นขึ้นมา จะสวยได้ขนาดนี้ พูดจาอ่อนโยนได้ถึงขนาดนี้

เห็นเธอยังคงมีท่าทางที่ดูตื่นเต้นออกมา เจี่ยนหมิงจงก็ได้ถอนหายใจออกมา

“เธอเป็นแม่แท้ๆของเธอ เธอมีอะไรให้ต้องกลัวนักหนา?”

“ยังไม่รีบเข้ามาอีก?”

ซูสือเยว่จึงได้กัดริมฝีปากเอาไว้ แล้วเอาโน๊ตบุ๊ควางลงไปในมือของลั่วเยียน ค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ

หลิวหรูเยียนดึงมือของเธอเข้าไป พลางถอนหายใจออกมา

“ทำให้ลูกเจอกับความยากลำบากแล้ว”

“แม่กับพ่อของลูก แล้วก็ยังมีคุณอาจี้ของลูกด้วยอีกคน อยู่ที่เมืองสตัฟฟ์ ไม่รู้เลยว่าพวกลูกต้องใช้ชีวิตกันอย่างนี้อยู่ที่ทางนี้”

“ถ้ารู้ก่อนล่ะก็ แม่จะรีบมาให้เร็วกว่านี้”

“แต่มันก็แค่…”

คำพูดยังไม่ทันได้พูดออกไปจนจบ เธอก็กวาดตามองลู่จิ่งเฉินที่นั่งอยู่ข้างนอก กลืนคำจำพวก “คนเลวทรามต่ำช้า” ตรงท่อนหลังกลับลงไปเงียบๆ

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา ทันทีที่คิดอยากจะถามออกไปว่าทำไมหลิวหรูเยียนถึงได้มาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ประตูห้องก็ได้ถูกคนกดออดมาจากข้างนอก

เจี่ยนหมิงจงรีบส่งสัญญาณให้พวกเขาอย่าเพิ่งพูดอะไรกันออกมาทันที จากนั้นก็ปิดบานประตูที่อยู่ตรงกลางห้องชุดนั้นลง

เพียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงลู่จิ่งเฉินลุกขึ้นไปเปิดประตูจากข้างนอกดังเข้ามา

“จิ่งเฉิน!”

ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงออดอ้อนของลู่จื่อเหยาจากด้านนอกก็ได้ดังขึ้น

“ฉันคิดถึงคุณมากเลยนะ!”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

Status: Ongoing
หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท