My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 64 คำพูดที่เกือบหลุดออกมา

My Death Flags Show No Sign of Ending

มันเป็นการลอบโจมตีที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ รวมถึงความเฉียบคมเช่นกัน ซึ่งทำให้ยากที่จะป้องกันมันได้ ไม่ต้องพูดถึงการพยายามหลบเลย สิ่งเหล่านี้คือข้อสรุปของฮาโรลด์ที่เขาวิเคราะห์ขึ้นก่อนที่การโจมตีนั้นจะมาถึงตัว

อะไรวะเนี้ย ? หากเป็นการโจมตีระดับนี้ ถ้างั้น ———

หากเป็นคนอื่น การโจมตีนี้อาจจะเป็นปัญหาพอสมควร แต่สำหรับฮาโรลด์ มันช้ามากจนเกือบหาวออกมา

สิ่งที่เขาทำเพียงแค่บิดตัวไปด้านข้างและเอนหลังลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้อาวุธของฝ่ายตรงข้ามเฉือนโดนแค่อากาศเท่านั้น

แต่เมื่อลองพิจารณาดูดีๆ อาวุธของฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงดาบไม้เท่านั้น แม้ว่าการโจมตีนี้จะดูทรงพลังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีศักยภาพในการฆ่าอะไรเท่าไหร่นัก ซึ่งสำหรับฮาโรลด์ก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นผลร้ายต่อเขาอะไรเท่าไหร่

การลอบโจมตีนั้นฟันตัดอากาศพลาดเป้าไปอย่างน่าหวาดเสียว เพราะเช่นนั้นจึงทำให้ศัตรูที่ลอบโจมตีเสียการทรงตัวหน้าขมำไปด้านหน้า ซึ่งในตำแหน่งของเขาตอนนี้ เขาเห็นเพียงเท้าของฮาโรลด์เพียงเท่านั้น

และนั้น ฮาโรลด์จึงใช้เท้าซ้ายของตนเตะไปยังมือของชายคนนั้นที่กำลังถือดาบอยู่ เขาร้องครวญครางออกมาพร้อมกับดาบที่ปลิวลอยออกไป ทันทีที่ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นสีหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างชัดเจน

ดูจากลักษณะ ชายคนนี้น่าจะอายุราวๆ 50 ปี ด้วยใบหน้าที่ดุดันและหนวดเคราแบบลินคอล์นทำให้เขาดูแก่เกินวัย แม้จะรู้อายุคร่าวๆของผู้ลอบโจมตีแล้วแต่มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรนักในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นฮาโรลด์จึงคิดที่จะจัดการกับชายคนนี้

ฮาโรลด์ดึงเท้าที่เตะค้างไว้อยู่นั้นกลับมาฟาดเข้าที่ไหล่ของชายคนนั้นด้วยส้นเท้า แม้ว่าฮาโรลด์จะปรับระดับความรุนแรงลงบ้างแล้ว แต่มันก็ถือว่ารุนแรงพอสมควร แต่ทว่า กล้ามเนื้อของชายคนนั้นกลับสามารถทนการโจมตีนี้ได้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ส่งผลอะไร ร่างของชายคนนั้นแข็งทื่อไปชั่วขณะ

แม้ฮาโรลด์เองก็รู้สึกชื่นชมในความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อของหมอนี่ แต่เขาก็ใช้ขาซ้ายของตนที่ยังพาดอยู่บนไหล่ของชายคนนั้นเป็นจุดค้ำยันและตีลังกาไปด้านหลังเพื่อคว้าดาบที่เขาเตะลอยขึ้นไปบนอากาศ เขาปรับท่าทางของเขาขณะลอยตัวอยู่ในอากาศเล็กน้อยและเหวี่ยงดาบฟาดลงมา

ชายคนนั้น ผู้ซึ่งคลายจากอาการแข็งทื่อได้ เขาใช้แขนทั้ง 2 ของตนไขว้เป็นกากบาทป้องกันส่วนหัวของตน อย่างไรก็ตาม หากเขาใช้แขนของเขาป้องกันการโจมตีนี้ แขนของชายคนนั้นต้องถูกบดขยี้เป็นแน่ ขณะที่ฮาโรลด์คิดได้เช่นนั้น ดาบไม้ก็ถูกหยุดลงพร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างปะทะกับโลหะดังกึกก้อง

ที่ใต้แขนเสื้อของชายคนนี้ มีวัสดุแวววาวบางอย่างปรากฎออกมาให้เห็นจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาด เหมือนกับถุงมือของนินจา บางทีนี่อาจเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่ชายคนนี้ถนัดแม้มันจะดูไม่เหมาะสมกับรูปร่างที่บึกบึนของเขาก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แม้ชายคนนั้นจะป้องกันการโจมตีของฮาโรลด์ได้ แต่แรงปะทะยังคงอยู่ เมื่อรับต่อไปไม่ไหว การป้องกันของชายคนนั้นพังลง เขาจึงเริ่มที่จะถอยหนี แต่ฮาโรลด์ก็ยังไล่ตามต่อไปอย่างไม่ลดละ ทำให้ชายคนนั้นหาช่องว่างหนีไม่ได้เลย เขาถูกฮาโรลด์คว้าเข้าที่คอเสื้อและดึงเข้าไปหา พร้อมกับตีเข่าเข้าไปที่ท้องของชายคนนั้น

 

[ อึกกกกก ] – ???

 

ชายคนนั้นงอตัวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับน้ำลายที่กระจายออก ขณะที่ฮาโรลด์คิดว่าควรจบเรื่องไร้สาระนี้ได้เสียที เขาจึงจับไปที่ข้อมือขวาของชายคนนั้น และจับหลังศีรษะด้วยมืออีกข้าง และใช้แรงขณะที่หมอนี่งอตัวลง ผลักไปชนเข้ากับผนังจนเกิดเสียง ตู้ม! ดังน่ากลัวมาก

มันเป็นการโจมตีที่เรียกว่าเด็ดขาดมาก ชายคนนั้นแน่นิ่งอยู่ที่ผนัง ไร้แรงขัดขืนใดๆ ขณะที่ฮาโรลด์กำลังนิ่งเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ ร่างของชายคนนั้นก็ค่อยๆไหลลงจากผนัง ดวงตาของเขากลายเป็นสีขาวโพน ผนังที่ถูกเหวี่ยงไปปะทะถึงกับรอยแตก แม้ว่าชายคนนี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงใด หากโดนการโจมตีชุดนี้ไปก็คงไม่สามารถทนได้ไหวหรอก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฮาโรลด์จะจัดการกับผู้ลอบโจมตีจนแน่นิ่งไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีคำถามง่ายๆ 1 คำถาม

 

[ ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร ? ] – ฮาโรลด์

 

ภายใต้ความเงียบสงัดในห้องจัดงานเลี้ยงด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ผู้ที่ตอบคำถามนั้นคือ อิสุกิ

 

[ …. เอ่อ .. คนๆนี้คือ ออเรเลียน เบอร์ลิออส ผู้นำตระกูลเบอร์ลิออสคนปัจจุบัน …. ] – อิสุกิ

[ …. ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์สูญเสียถ้อยคำใดๆที่จะพูดต่อไปจนหมดสิ้น ไม่เพียงผู้ลอบโจมตีจะเป็นถึงผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลเบอร์ลิออส แต่ฮาโรลด์ถึงกับซัดเขาจบหมอบอย่างไร้ความปราณีอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากสิ่งที่อิสุกิพูดเป็นเรื่องจริง ก็มีอีก 1 คำถามที่จะต้องถามให้ได้

 

[ ฮึ งั้นก็หมายความว่า ไอ้การแสดงความป่าเถื่อนต่อแขกแบบนี้คือวิธีการต้อนรับแขกของตระกูลเบอร์ลิออสสินะ ? ] – ฮาโรลด์

 

จริงๆแล้ว ฮาโรลด์คิดว่าต่อให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย เขาก็คงไม่ถูกคนเข้ามาโจมตีโดยไม่ถงไม่ถามกันก่อนได้หรอก แต่เพื่อความปลอดภัยของเขาที่จะต้องอาศัยอยู่ที่นี่อีกซักระยะ เขาเลยต้องถามเรื่องนี้เผื่อเอาไว้ ขณะที่เขาคิดจะถามออกไป ปากของเขาก็แปลมันเป็นคำเสียดสีตามปกติ

 

[ ต้องขออภัยที่ปล่อยให้คุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ด้วยค่ะ โปรดรับการขอขมาของดิฉันแทนสามีที่โง่เง่าของดิฉันด้วย แม้ว่าคำขอโทษของดิฉันมันจะไม่มีค่ามากพอก็ตาม ] – ???

 

ขณะที่เธอกล่าวออกมาเช่นนั้นพร้อมกับก้มหัวของเธอลง เธอไม่สนใจคำเสียดสีของฮาโรลด์เลยซักนิด แค่เห็นก็รู้ว่าเธอมีความเป็นผู้ใหญ่และสติปัญญา ช่างเหมาะสมกับคำว่า “นายหญิง” เหลือเกิน ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นภรรยาของ ออเรเลียน เพราะเธอกล่าวออกมาว่า “สามีที่โง่เง่า” ขณะชี้ไปทางหมอนั้น

ที่ข้างๆของเธอยังมีผู้หญิงผมสีฟ้าอ่อนอีกคน ดูเหมือนเธอคนนั้นจะอายุราวๆ 20 ปี และยังมีเด็กผู้หญิงคนนึงที่เกาะเอวของนายหญิงด้วยท่าทีกล้าๆกลัวราวกับระแวงฮาโรลด์ บางที 1 ในนั้นอาจเป็นคู่หมั้นของอิสุกิ ฮาโรลด์ได้แต่พยายามไม่คิดถึงความเป็นไปได้ที่มันจะเป็นคนเด็ก

ทว่า พวกเธอทั้ง 3 กับไม่มีความกังวลใดๆกับออเรเลียนเลยซักนิด ราวกับว่ามันไม่สำคัญอะไรแม้จะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนาสำหรับหัวหน้าครอบครัว

หลังจากนั้น เอริกะ ผู้เป็นฮิลเลอร์ประจำปาร์ตี้ผู้กล้าในเนื้อเรื่องของเกมส์ เธอก็ใช้เวทรักษาของเธอเยียวยาให้แก่ออเรเลียน ดูเหมือนว่าเธอจะเติบโตขึ้นในหลายๆด้านแล้วตอนนี้ ขณะที่มองภาพของเอริกะกำลังใช้เวทมนตร์ของเธอ ฮาโรลด์รู้สึกยินดีมากจนอดไม่ได้ที่จะเผลอเอ่ยปากออกมาว่า “ว้าว” ราวกับเป็นการชื่นชม

อย่างไรก็ตาม คำพูดแรกหลังจากที่ออเรเลียนฟื้นขึ้นมาคือ “ข้าประทับใจมากที่นายจัดการข้าได้อย่างง่ายๆเช่นนี้” ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ฮาโรลด์ ได้สร้างความประทับใจให้กับชายสมองกล้ามอย่างออเรเลียนเข้าแล้ว

ตามที่เขากล่าวมา การโจมตีเมื่อสักครู่เป็นเพียงวิธีหนึ่งในการตรวจสอบความสามารถของหนุ่มสาวที่ดูมีอนาคต โดยปกติแล้ว อิสุกิเองก็เคยถูกจู่โจมแบบนี้ และดูเหมือนว่าเขาจะรับมือกับมันได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน และนั้นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เหตการณ์ต่างๆพัฒนามาจนถึงการแต่งงานของอิสุกิและซิลวี่

แม้ส่วนตัวแล้วฮาโรลด์คิดเพียงแค่ว่าไอ้หมอนี่เป็นเพียงตัวน่ารำคาญก็ตาม

กลับมาที่ปัจจุบัน ทุกๆคนได้มานั่งที่โต๊ะกลมขนาดใหญ่เพื่อรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมกันตามข้อเสนอของซิลวี่ “ทำไมพวกเราไม่มาทนอาหารกลางวันด้วยกันก่อนล่ะคะ” แน่นอนว่าฮาโรลด์คาดการถูกว่าคนไหนคือซิลวี่ ซึ่งอาหารกลางวันที่นำมาเสิร์ฟนั้นมีไม่ได้มากมายอะไรนัก เพราะ เมนูส่วนใหญ่ถูกเตรียมไว้เพื่องานปาร์ตี้ที่จะจัดตอนเย็น

หลังจากการแนะนำตัว(อุปสรรค์)เบื้องต้นจบลง ฮาโรลด์พยายามรักษาความสงบแต่ว่าไม่เป็นผล นั้นเพราะ ออเรเลียนมาเกาะติดนึบอยู่ทางด้านซ้ายและอิสุกิทางด้านขวา ตอนนี้กลายเป็นสถานการณ์ที่ฮาโรลด์ไม่สามารถหาทางหนีไปได้

 

[ ไงก็ตาม ข้าไม่คิดเลยว่าเธอจะมีเพื่อนอย่างลอร์ดด้วย อิสุกิ ] – ออเรเลียน

 

ออเรเลียนพูดออกมาขณะลูบเคราทรงลินคอร์นของเขาไปด้วยซึ่งดูเหมือนเขาจะภาคภูมิใจกับมัน แม้ว่าฮาโรลด์จะเรียกไอ้เครานี้ว่าลินคอร์น แต่มันก็ไม่ได้มีลินคอร์นในโลกนี้หรอกนะ ซึ่งเอาจริงๆฮาโรลด์ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกไอ้เครานี้ว่าอย่างไรดี

 

[ แปลกใจหรอครับ ? ] – อิสุกิ

[ ใช่ ยิ่งกว่านั้น ปัจจุบันนี้ที่เหล่าคนหนุ่มสาวต่างพากันอ่อนแอลง ข้าภาคภูมิใจจริงๆที่ได้พบเจอคนหนุ่มที่แข็งแกร่งเฉกเช่นเธอและลอร์ด ] – ออเรเลียน

[ ขอบพระคุณมากครับ ] – อิสุกิ

[ …. ] – ฮาโรลด์

 

อิสุกิขอบคุณออกมาพร้อมกับรอยยิ้มแก่ออเรเลียนที่กำลังผยักหน้ากับตนเอง สำหรับฮาโรลด์ เขายังคงเงียบราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน แต่เห็นได้ชัดว่าออเรเลียนประทับใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก มันเป็นช่วงเวลาที่ลำบากสำหรับฮาโรลด์ที่ต้องวิเคราะห์ว่าสมองกล้ามเนื้อของหมอนั้นมันทำงานแบบไหนกันแน่

 

[ ดิฉันพอจะเข้าใจได้ถึงความแข็งแกร่งของท่านอิสุกิเพราะเค้ามาจากตระกูลนักสู้ แสดงว่าสำหรับเธอท่านลอร์ด ? เธอเองก็มาจากตระกูลนักสู้เช่นเดียวกันสินะคะ ] – บริกิต

 

อย่างไรก็ตาม การเงียบที่เขาทำอยู่ตลอดไม่เป็นผลกับบริกิต ผู้เป็นภรรยาของออเรเลียน ซึ่งเขาไม่สามรถตอบคำถามของเธอโดยหุบปากเอาไว้ต่อไปได้ ซึ่งฮาโรลด์ก็เตรียมพร้อมกับสถานการณ์เช่นนี้ไว้อยู่แล้ว โดยหวังว่าอิสุกิจะเข้าแทรกแซงทันทีเมื่อมันจำเป็น ซึ่งก็ทำให้ฮาโรลด์อุ่นใจลง

 

[ มันไม่เกี่ยวกับตระกูลของชั้น มันเพราะพรสววค์ของชั้นเท่านั้น ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์ตั้งใจจะสื่อว่ามันมาจากการฝึกฝนของเขา แต่ปากของเขาปรับเปลี่ยนคำว่า “ความพยายาม” กลายเป็น “พรรสววค์” ซะงั้น สมเป็น ฮาโรลด์ สโตร์ก ผู้หยิ่งผยอง เพราะคำว่าพรสวรรค์ เป็นคำที่เหมาะสมกับเขา การมีร่างกายที่มีความสามารถเป็นต้นทุนเดิมทำให้ความแข็งแกร่งเติมโตได้อย่างรวดเร็วกว่าร่างกายของคนทั่วไป แม้ว่าพวกเขาจะฝึกฝนเช่นเดียวกับฮาโรลด์ก็ตาม

ซึ่ง ส่วนที่เป็นปัญหาคือคำว่า “พรสวรรค์” ยังติดอยู่ในหัวของออเรเลียนนี่สิ

 

[ พรสวรรค์ เธอพูดว่าพรสวรรค์งั้นรึ ! ลอร์ด นายเริ่มฝึกฝนดาบมานานเท่าไหร่แล้ว ? ] – ออเรเลียน

[ 8 ปี ] – ฮาโรลด์

[ แสดงว่าตั้งแต่เธออายุได้ 10 ขวบ งั้น? อืม หากเทียบกับคนที่ข้ารู้จักที่เริ่มต้นฝึกพร้อมๆกับเธอ เขายังแข็งแกร่งน้อยกว่าเธอเป็นอย่างมาก ดังนั้นสิ่งที่เธอบอกว่าความแข็งแกร่งของเธอมาจากพรสวรรค์คงไม่ใช่เรื่องโกหก ] – ออเรเลียน

[ แน่นอน ] – ฮาโรลด์ 

[ แล้ว เธอฝึกฝนแบบไหนกันรึ ? ] – ออเรเลียน

[ ใช่ๆ ชั้นก็อยากจะถามเรื่องนี้เหมือนกัน ] – อิสุกิ

 

อิสุกิก็ใช้ประโยชน์จากการสนทนานี้ถามในสิ่งที่เขาอยากรู้ เมื่อมองไปที่ซิลวี่และบริกิต พวกเธอทั้ง 2 ก็ดูเหมือนจะสนใจเช่นกัน สำหรับ โนเอลเลีย ลูกสาวคนที่ 3 ของตระกูลเบอร์ลิออส เธอนั่งข้างๆเอริกะและดูไม่สนใจอะไร และเล่นอะไรสักอย่างอยู่กับเอริกะ ซึ่งฮาโรลด์หวังว่าเธอ2คนนี้จะเป็นแบบนี้ตลอด 3 วันที่เหลือ มันคงดีที่ช่วยลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเขาลงเป็นอย่างมาก 

 

[ ชั้นก็ไม่ได้ฝึกอะไรเป็นพิเศษ ก็แค่เหวียงดาบไปเรื่อยๆตอนที่ว่างและออกล่าพวกมอนเตอร์เป็นครั้งคราว ] – ฮาโรลด์

[ จริง ชั้นเคยเห็นหมอนี่เคยทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนั้นมากับตา มีครั้งหนึ่งถึงขั้นกระดูกหัก ตอนนั้นชั้นล่ะตกใจจริงๆ ] – 

[ ดูเหมือนจะผ่านมาอย่างยากลำบากเหมือนกันนะ ] – บริกิต

[ มันฟังดู … เจ็บตัวจัง ] – ซิลวี่

[ สมัยก่อน ข้าเองก็เคยออกผจญภัยและทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนั้นมาเช่นกัน ข้าคิดว่าลอร์ดและข้าน่าจะเข้ากันได้ดี ] – ออเรเลียน

 

“ไม่โว้ย ไม่มีทางโว้ย” นั้นคือสิ่งที่ฮาโรลด์คิดอยู่ในหัว แม้ฮาโรลด์จะไม่เกลียดพวกบ้าการต่อสู้แบบออเรเลียน แต่เขาก็เลือกที่จะรักษาระยะห่างจากเขา เพราะหมอนี่มันเลือดร้อนจนเกินไป

 

[ ไงก็ตาม ถึงมันจะไม่ใช่การฝึกพิเศษอะไรก็จริง แต่เธอพูดว่าเธอฝึกฝนตอนที่ว่าง แล้วมันใช้เวลานานขนาดไหนในวันๆหนึ่ง ? ] – ออเรเลียน

 

เมื่อออเรเลียนถามออกมาเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็นึกย้อนกลับไปตั้งแต่เขามายังโลกใบนี้ แม้ในตอนนั้นจะมีหลายๆสิ่งที่เขาจะต้องคิดและต้องจัดการ แต่เขาก็ยังคงเป็นแค่เด็กและส่วนใหญ่มักจะว่างอยู่เสมอ

เขาเอาแต่ฝึกฝนเพราะหมกมุ่นในความแข็งแกร่งเพื่ออนาคตของเขา และมันยังช่วยระบายความเครียดและความวิตกกังวลจากปัญหาต่างๆที่เข้ามาลุมเร้าอีกด้วย และยิ่งกว่านั้น มันยังสนุกที่ได้ใช้ท่าต่างๆเหมือนดั่งในเกมส์ สิ่งเหล่านี้เป็นแรงจูงใจให้เขาฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ในโลกก่อน แม้เขาจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งอันลิมิตอย่างกับร่างกายในโลกแห่งนี้ แต่ที่เขาจำได้ เขาก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝนคอมโบต่างๆอยู่ตลอด

 

[ ชั้นไม่ได้มีตารางฝึกฝนอะไรอย่างชัดเจน ซึ่งปกติแล้ว วันๆหนึ่งชั้นคงฝึกราวๆ 10 ชม. ต่อวันล่ะมั้ง ? ] – ฮาโรลด์

[ [ [ [ [ [ …… อะไรนะ!!!? ] ] ] ] ] – ทุกๆคน

 

นั้นคือปฎิกิริยาของทุกๆคนยกเว้น โนเอลเลีย ดูเหมือนว่าเอริกะเองก็แอบฟังบทสนทนานี้อยู่เช่นกันแม้ว่าเธอจะกำลังเล่นกับโนเอลเลียอยู่ก็ตาม 

“ เดี่ยวนะ ไม่ใช่ว่าเอริกะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วหรอกหรอตั้งแต่เธอมาพักที่คฤหาสน์สโตร์ก ” ถึงแม้ฮาโรลด์จะคิดเช่นนั้น แต่ในตอนนั้น เอริกะก็อยู่แต่ในห้องพักของเธอ และฮาโรลด์ ก็แอบมาฝึกเงียบๆลับสายตาคนอื่นอยู่ตลอด และเมื่อฮาโรลด์นึกถึงเรื่องนี้ดูดีๆ ถึงจะถูกเห็นตอนฝึกแต่ใครจะรู้ว่าเขาฝึกนานขนาดนั้น ใครกันจะบ้าพอมาเฝ้าดูเขาฝึกฝน 10 ชม. ติดต่อกัน

 

[ สะสะสะ สิบ ชม . ? จาก 24 ชม. อะนะ ? ] – อิสุกิ

[ ชั้นแน่ใจว่า 1 วันมี 24 ชม. เพราะงั้นใช่ ] – ฮาโรลด์

 

แม้เขาจะตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ฮาโรลด์ก็เข้าใจดีถึงความสับสนของอิสุกิ แม้ฮาโรลด์ยังคิดเลยว่าไอ้คนที่ฝึกฝน 10 ชม.ต่อวันแม่งบ้าไปแล้วแน่ๆ –

อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์มีเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ นอกนจากนี้ด้วยร่างกายของเขาเป็นดั่งพรสวรรค์ที่ทำให้เขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นหากเขายิ่งพยายามมากขึ้น ร่างกายที่เขาสามมารถแกว่งดาบได้ตลอดตามที่เขาต้องการ และเหนือสิ่งอื่นใด มันเกิดจากความตั้งใจอันแรงกล้าของเขาที่จะเอาชนะธงตายให้ได้ นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องพยายามขนาดนี้ 

ซึ่งฮาโรลด์ก็สงสัยว่า คนพวกนี้จะมีปฎิกิริยาแบบไหนกันหากเขาบอกพวกเขาว่าจริงๆแล้วตอนนี้เขาเพิ่มเวลาฝึกเป็น 12 ชม. ต่อวันแล้ว นั้นเพราะในช่วงที่ไม่มีภารกิจใดๆจากยูสทัส ฮาโรลด์จึงมีเวลาว่างเยอะเกินไป 

 

[ ดูเหมิอนว่าความเข้าใจในคำว่า “พรสวรรค์” ของพวกเราและลอร์ดคุงจะแตกต่างกันนะ ] – ออเรเลียน

[ หากนายคิดได้แค่นั้น นั้นก็หมายความว่านายมีความสามารถได้แค่นั้นแหละ ไอ้งั้ง ] – ฮาโรลด์( สิ่งที่ต้องการจะพูดจริงๆ : มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ )

 

บรรยากาศโดยรอบเริ่มเย็นเฉียบ อาจเพราะฮาโรลด์เรียกผู้นำตระกูลว่า ไอ้ งั้ง ต่อหน้าเขา 

ไหล่ของออเรเลียนเริ่มสั่น จากนั้น เขาก็ค่อยลุกขึ้นอย่างช้าๆ ขณะมองไปยังท้องฟ้าเขาก็ตะโกนออกมาว่า

 

[  ข้ามันช่างน่าอายจริงๆ เพียงเพราะข้าทำไม่ได้แบบลอร์ด ข้าจึงสรุปไปว่ามันเป็นไปไม่ได้ ความคิดของข้ามันช่างคับแคบ ข้านี่ช่างโง่เง่าเสียจริงที่ไม่เข้าใจถึงพรสวรรค์อย่างเช่น ลอร์ด ! ] – ออเรเลียน

 

หมอนี่ไม่ได้โกรธ ฮาโรลด์อดไม่ได้ที่จะชื่นชมกระบวนการทางความคิดของหมอนี่ ทั้งๆที่ในสมองมีแต่กล้ามแท้ๆ

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ตอนนี้เขายังตกอยู่ในสถาการณ์ที่ลำบาก

หลังจากที่ออเรเลียนตะโกนเพ้อเจ้ออยู่สักพักจนใจเย็นลง เขาก็ใช้มืออันแข็งแรงของเขาจับไปที่ไหล่ของฮาโรลด์อย่างแน่น และถามเขาด้วยใบหน้าจริงจัง

 

[ ลอร์ด สนใจรับโนเอลเลียเป็นภรรยามั้ย ? ] – ออเรเลียน

[ ดูเหมือนสมองนายจะมีปัญหานะ ] – ฮาโรลด์

 

แน่นอนว่าคำพูดพวกนั้นถูกตอบกลับไปโดยปากของฮาโรลด์ทันที แม้เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นก็ตาม แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้เขามีส่วนผิด สำหรับฮาโรลด์ สิ่งที่ผิดพลาดคือหัวของออเรเลียนต่างหาก ฮาโรลด์กลับมาไม่เข้าใจความคิดการทำงานของสมองกล้ามเนื้ออีกครั้ง

สำหรับ โนเอลเลีย ผู้ซึ่งอายุเพียง 8 ขวบ และจู่ๆกำลังจะถูกผลักดันให้แต่งงาน เธอเองก็ขึ้นเสียงประท้วงเช่นกัน

 

[ หนู่ไม่อยากจะเป็นภรรยาของลอร์ด !! เขาน่ากลัวจะตาย ! ] – โนเอลเลีย

[ ชั้นต่างหากที่จะพูดแบบนั้น ใครจะบ้าไปอยากแต่งงานกับยัยนี่กัน การแต่งงานกับเด็กไม่ใช่รสนิยมของชั้น ] – ฮาโรลด์

[ ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า ถึงเธอจะยังเด็กอยู่ตอนนี้ แต่ว่า ข้ารับประกันได้เลย ใน 10 ปีต่อจากนี้ โนเอลเลียจะเติบโตมาเป็นสาวสวยอย่างแน่นอน ] – ออเรเลียน

 

แน่นอนว่า โนเอลเลียจะต้องเติบโตมาเป็นคนที่งดงามอย่างแน่นอน ดูจากซิลวี่และบริกิตเป็นตัวอย่างได้ อย่างไรก็ตาม นั้นไม่ใช่สิ่งที่ฮาโรลด์ต้องการจะสื่อในตอนที่เขาบอกกับออเรเลียนว่าเขาไม่ต้องการสิ่งนี้ และมันเริ่มทำให้เขาหงุดหงิด

 

[ หากเธอโอเค ข้าจะจัดแจงห้องสำหรับเธอในคฤหาสน์แห่งนี้ เพื่อโอเอลเลียและเธอจะได้ ——– ] – ออเรเลีย

[ ….. หุบปาก ] – ฮาโรลด์

[ เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องจะโน้มน้าวตระกูลของเธอกับเรื่องนี้อย่างไรดี ข้าจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง ] – ออเรเลียน

[ หุบปาก ] – ฮาโรลด์

[ เธอจะได้เป็นพี่น้องกับอิสุกิเลยนะ มันฟังดูดีไม่ใช่หรอหากนาย —- ] – ออเรเลียน

[ ชั้น บอก ให้ หุบ ปาก เวร นั้น ซะ …… ชั้นมี —— ] – ฮาโรลด์

 

ขณะที่เผชิญหน้ากับออเรเลียผู้ที่เสนอลูกสาวของตนให้หมั้นหมายกับเขา เลือดเริ่มขึ้นหน้าของฮาโรลด์ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกโกรธจริงๆ

อย่างไรก็ตาม แต่ว่ามันจะเพียงแว็บเดียว แต่ความโกรธที่เล็ดรอดออกมานั้นมันรุนแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกๆคนในที่นี่ต่างถูกครอบงำโดยความโกรธของเขา

แม้แต่ฮาโรลด์เอง ก็ยังพูดไม่ออกหลังจากที่เขากลับคืนมีสติอีกครั้งหลังจากที่เขายืนขึ้นและขึ้นเสียง แต่ไม่ใช่เพราะเขาปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือสติแต่อย่างใด แต่เขาตกใจมาก.. กับบางสิ่งที่เกือบจะหลุดออกมาจากปากของเขา 

 

—— ชั้นมีเอริกะอยู่แล้ว

 

ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว ดวงตาของเขาก็หันไปทางเอริกะ และดวงตาของเอริกะก็สบกับดวงตาของฮาโรลด์เช่นกัน

“เธอเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของผม ผมยุ่งกับเธอไม่ได้ ผมต่อกรกับเธอคนนี้ไม่ได้ นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสายตาของเธอถึงทำให้จิตใจของผมสั่นไหว” มันคือเหตุผลที่ฮาโรลด์พยายามเข้าข้างตัวเองในสถานการณ์ที่สิ้นหวังตอนนี้

 

[ ชิ ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ] – ฮาโรลด์

 

ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึง ฮาโรลด์ก็เบนสายตาออกไปพร้อมกับกล่าวออกมาและเดินออกจากห้องไป

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เขาต้องการอยู่เงียบๆคนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท