นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 26 ชีวิตคนที่ประสบกับความทุกข์ทรมานจึงจะยิ่งไปได้สูง

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 26 – ชีวิตคนที่ประสบกับความทุกข์ทรมานจึงจะยิ่งไปได้สูง

 

หลินเสี่ยวเสี้ยวถามว่า “ในเมื่อคุณสามารถต่อต้านฝันร้าย เหตุใดยังอยากจะเข้ามา”

“ผมนึกว่าคุณมีคำพูดที่อยากบอก ดังนั้นก็เลยมา” ชิ่งเฉินกล่าว “ครั้งนี้คิดจะทดสอบอะไร”

“เริ่มตั้งแต่วันนี้จะไม่ใช่การทดสอบแล้ว ทว่าเจ้านายอยากให้ผมพาคุณเดินบนเส้นทางช่วงหนึ่ง” หลินเสี่ยงเสี้ยวตอบกลับมา

“พาผมเดินบนเส้นทางช่วงหนึ่ง?” ชิ่งเฉินกังขา “หมายความว่าอะไร”

“ใช้ฝันร้ายวิวัฒนาการความเป็นมนุษย์ให้คุณ ให้คุณประสบกับความทุกข์ยากสักหน่อย” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าว “แต่คุณตอนนี้ต่อต้านฝันร้ายได้ง่ายดายขนาดนี้ ดูท่าภายหลังฝันร้ายก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ให้เจ้านายพาคุณไปเองแล้วกัน”

ชิ่งเฉินครุ่นคิด

ฝันร้ายอันนี้ไม่เหมือนกับอันที่แล้ว กลับเหมือนเป็นคอร์สเรียนที่ครูจัดแจงในนักเรียนมากกว่า

แต่เวลานี้หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้านายยังคงแค่ชื่นชมคุณเท่านั้น ภายหลังคุณจะสามารถกลายเป็นนักเรียนของเจ้านายได้หรือไม่ยังไม่แน่หรอกนะ”

“คุณกำลังอิจฉาผม” ชิ่งเฉินกล่าว

“อิจฉา” หลินเสี่ยวเสี้ยวยอมรับตามตรง “ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ล้วนสามารถกลายเป็นนักเรียนของเจ้านาย อย่างน้อยผมกับเยี่ยหว่านก็ไม่ได้”

“เพราะอะไร” ชิ่งเฉินไม่เข้าใจ

“เพราะว่าผมสองคนล้วนทนผ่านด่านแรกไม่ได้” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าว “แต่เจ้านายรู้สึกว่าคุณน่าจะสามารถทนผ่านไปได้”

“ทนผ่านไป?” ชิ่งเฉินอึ้งไป

หลินเสี่ยวเสี้ยวยิ้มอย่างลี้ลับ “นั่นเป็นเส้นทางที่ดำรงอยู่เพื่อไปสู่ความตาย* สายหนึ่ง ทุกครั้งที่พัฒนาตนเองล้วนจะต้องเดินผ่านสถานการณ์สิ้นหวัง สัมผัสถึงความทุกข์ทรมาน”

“งั้นเพราะอะไรถึงเป็นผม”

“เพราะเจ้านายพูดว่าคุณมีความกล้าหาญที่จะดิ้นรนเอาชีวิตรอดท่ามกลางความตาย”

“ในเมื่อทุกข์ทรมานอย่างนี้ งั้นทำไมคุณยังจะอิจฉา”

“เพราะนั่นเป็นเส้นทางฝึกยุทธ์สายหนึ่ง มีศักยภาพอันไร้ขีดจำกัด ส่วนขีดจำกัดของผมกับเยี่ยหว่านกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแต่แรกแล้ว” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าวอย่างใฝ่ฝันเล็กน้อย “เส้นทางนั้นถึงจะทุกข์ทรมาน แต่คุณต้องเข้าใจนะว่า ชีวิตคนที่ประสบกับความทุกข์ทรมานจึงจะยิ่งไปได้สูง”

ชิ่งเฉินไม่ได้วุ่นวายใจกับคำถามข้อนี้อีก ทว่าถามข้อสงสัยอื่น “อาจารย์** หลี่ซูถงอายุเท่าไหร่แล้ว”

“ถามอันนี้ทำไม” หลินเสี่ยวเสี้ยวเอ่ยอย่างรู้สึกพิลึก

“ไม่มีอะไร แค่ถาม ๆ ดู” ชิ่งเฉินกล่าว

ผู้ทะลุมิติจะแก่ชราเร็วกว่าคนทั่วไป เพราะว่าพวกเขาต้องแบ่งชีวิตครึ่ง ๆ ให้กับโลกสองใบ

ถึงเวลาเพื่อนร่วมรุ่นของเขาอายุสี่สิบปี เขากลับมีหน้าตาและกลไกของร่างกายอายุหกสิบกว่าปีแล้ว

ดังนั้นเขาอยากรู้ว่าความสามารถนั้นของหลี่ซูถงที่เหนือล้ำกว่าปุถุชน จะสามารถทำให้คนอายุยืนยาวขึ้นหรือไม่

หลินเสี่ยวเสี้ยวมองเขาทีหนึ่ง “คุณเดาดู? อายุของเจ้านายเดาได้ไม่ง่าย”

ชิ่งเฉินคิด ๆ แล้วกล่าวว่า “35 ปี?”

“น้อยไป” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าว

“60 ปี?”

“ไม่ถูก”

120 ปี?“

“หยุด ๆๆ อย่าเดาเลย เดาอีกคงเอาเจ้านายเดาไปโน่นแล้ว” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าว “เจ้านายปีนี้อายุ 46 ปี คนประเภทบอส……สามารถมีชีวิตไปถึงสองร้อยกว่าปี”

ชิ่งเฉินตะลึงไปทันที 

“พวกคุณติดตามเขาเพราะอะไร” ชิ่งเฉินเอ่ยถาม

“ไม่ได้เพราะอะไร ผม, เยี่ยหว่าน ยังมีคนมากมาย ล้วนเป็นเด็กกำพร้า” หลินเสี่ยวเสี้ยวนอนราบไปบนพื้นทรายร้อนระอุ เขาเอาแขนรองศีรษะแหงนมองท้องฟ้า สีของท้องฟ้ามืดลงทันใด อากาศก็ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นแล้ว “คุณเกิดที่ตระกูลชิ่ง ดังนั้นไม่เข้าใจว่าชีวิตคนภายนอกน่าอนาถขนาดไหน การกลายเป็นเด็กกำพร้าเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก”

“อาจจะเป็นว่าพ่อแม่เดินอยู่บนถนนพอดีเจอกับสมาชิกกลุ่มแก๊ง เกิดการโต้เถียง อาจจะเป็นว่าคุณเพิ่งจะโชว์ค่าจ้างถูกคนจับจ้อง อาจจะเป็นว่าตอนที่ใช้ระบบประสาทเชื่อมต่อกับเครือข่ายเสมือนจริงถูกแฮกเกอร์โจมตี จะยังไงทุกคนก็ตายกันมั่ว ๆ ซั่ว ๆ อย่างนี้แหละ”

“ภายหลังคุณจ่ายภาษีที่ดินไม่ได้ บริษัทประกันปฏิเสธจะจ่ายค่าชดเชยอีก ธนาคารเอาบ้านของคุณไป ไล่คุณไปอยู่กลางถนน ไม่มีคนแคร์ความเป็นความตายของคุณ”

“เวลานั้นชีวิตของคุณมืดมิดไร้แสงสว่างแล้ว กลุ่มแก๊งอยากจะจับคุณไปเป็นล่อยาเสพติดขนย้ายยาเสพติด ที่โหดยิ่งกว่าจะทารุณคุณจากนั้นถ่ายคลิปทำหนังชีวิตไปขายเอาเงิน”

“เวลาอย่างนั้นมีคนปรากฏตัวขึ้นที่ตรงหน้าคุณพูดว่า ‘ตามฉันไปเถอะ ฉันจะให้ชีวิตใหม่กับเธอ’”

“ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร คุณล้วนจะติดตามเขาไป”

ชิ่งเฉินมองหลินเสี่ยวเสี้ยวเงียบ ๆ ชั่วขณะนี้เขาจึงเข้าใจว่าที่แท้ชีวิตของตนเองพอเทียบกับชีวิตของอีกฝ่ายแล้ว ความทุกข์ยากเล็กน้อยนั่นไม่นับเป็นอะไรเลย

พูดถึงตรงนี้ หลินเสี่ยวเสี้ยวลุกขึ้น “เอาล่ะ พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”

ฝันร้ายหายไป ชิ่งเฉินยังคงอยู่ในห้องขังมืดสลัว นอนอยู่บนเตียงอันเย็นเยียบ

ถึงตอนนี้เขาได้เห็นระดับชั้นอันลึกลับไม่อาจหยั่งถึงของหลี่ซูถงแล้ว งั้นแคนอนในมือเขาจะเพียงพอให้แลกเปลี่ยนโอกาสเปิดประตูสู่โลกใบใหม่กับอีกฝ่ายหรือไม่

ชิ่งเฉินไม่มั่นใจว่าแคนอนมีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่พอ อีกอย่างเขาก็ไม่มีทางจะอธิบายที่มาของแคนอนด้วย

รอไปอีก

รอคอยและความหวัง สติปัญญาทั้งหมดของมวลมนุษย์ล้วนรวมอยู่ในสองคำนี้

……

นับถอยหลัง 24:00:00

ในมุมหนึ่งของเรือนจำหมายเลข 18

“มีคนไหม ปล่อยผมออกไปนะ เพราะอะไรถึงขังผมเอาไว้ที่นี่!” มีคนตบประตูเลื่อนโลหะอย่างแรง ร้องตะโกนเสียงดัง

หลิวเต๋อจู้ผู้ทะลุมิติเมืองลั่วกำลังถูกขังอยู่ในห้องขังเดี่ยว

หลังจากที่เขาไปหาหลี่ซูถงเพื่อฟาร์มเควสก็ถูกขังอยู่ที่มุมซ่อนเร้นนี่ แล้วก็ไม่มีคนถามไถ่อีกต่อไป

ที่นี่ไม่มีกรอบความคิดเกี่ยวกับเวลา แล้วก็มองไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน หลินเต๋อจู้ได้แต่เพียงอาศัยเวลาส่งข้าวของหุ่นยนต์มาทำการประเมินว่าข้างนอกตอนนี้กี่โมงแล้ว

เสียงที่เขาตบประตูเลื่อนโลหะยิ่งมายิ่งเบา จนกระทั่งตนเองไม่มีเรี่ยวแรง เสียงก็แหบนิดหน่อยจึงได้หยุดลง

เรือนจำแห่งนี้คล้ายกับว่าหลงเหลือเพียงตัวเขา ไม่มีคนตอบรับการร้องขอและความโกรธเกรี้ยวของเขา

หลิวเต๋อจู้คิดแล้วไม่เข้าใจเลย คนอื่นอยู่ที่โลกภายในล้วนผ่านไปได้อย่างเจริญรุ่งเรือง ทั้งอวัยวะจักรกลทั้งสมาชิกกลุ่มแก๊งเอย ทำไมพอถึงตนเองที่นี่มันกลายเป็นอย่างนี้

แถมตนเองก่อนที่จะมายังเพิ่งจะโม้กับพวกเพื่อนนักเรียน บอกว่าตนเองเป็นผู้ทะลุมิติ

รอ 24 ชั่วโมงให้หลังกลับโลกภายนอกแล้ว พวกเพื่อนนักเรียนถาม นายอยู่ที่โลกภายในมีสถานะอะไร

ตนเองควรจะอ้าปากพูดยังไงกันล่ะ

พูดว่าตนเองอยู่ในหน่วยงานธุรการของโลกภายในแห่งหนึ่ง มีงานมั่นคง ไม่ว่าอะไรล้วนไม่ต้องทำ ทุกวันมีข้าวกิน?

บอกว่าตนเองเปลี่ยนอาชีพสำเร็จแล้ว? เปลี่ยนอาชีพเป็นนักโทษ?

………………………………………………

*ดำรงอยู่เพื่อไปสู่ความตาย (向死而生) อันนี้ไม่แน่ใจเลยค่ะว่าผู้เขียนตั้งใจจะหมายถึงปรัชญานี้รึเปล่า หรือว่าเป็นแค่ประโยคความหมายอื่น ๆ อย่าง “ถือกำเนิดจากความตาย” คนแปลอังกฤษเขาแปลว่า “The path of life and death” เส้นทางแห่งชีวิตและความตาย มาพูดถึงปรัชญาที่ว่านี่ก่อน เวลาเราเจอศัพท์จีนที่มีสี่ตัวอักษรเราก็จะกูเกิลดูเสมอ ๆ ค่ะ เพราะนี่เป็นพื้นฐานของสำนวนจีนเลยที่มักจะมีสี่ตัวอักษร 向死而生 นี้ก็เช่นกัน เรากูเกิลดูแล้วปรากฏว่ามันเป็นวรรคทองของนักปรัญชาชาวเยอรมันชื่อว่า Martin Heidegger ซึ่งแกเขียนหนังสือปรัชญาเกี่ยวกับความตายอันมีชื่อเสียงมากว่า ภาวะและเวลา (Being and Time) เท่าที่เราหาข้อมูลเห็นบอกว่ามีความลุ่มลึกและเข้าใจยากมาก ๆ ด้วยค่ะ 555 ดังนั้นเราเลยไม่ได้อ่านละเอียด ส่วน ดำรงอยู่เพื่อไปสู่ความตาย (being-toward-death) นั้นเท่านี่เราเข้าใจเป็นคำนิยามถึง “ชีวิตมนุษย์” ของเขาค่ะ โดยเขาบอกว่าชีวิตมนุษย์คือการเดินทางไปสู่ความตายทุกชั่วขณะ เท่าที่เราอ่านดูมันก็เหมือน ๆ กับพุทธศาสนานะคะ “เกิดแก่เจ็บตาย” อะ แถวบ้านเราก็มีไม่เห็นต้องยกฝรั่งมาอ้างให้งงกันเปล่า ๆ เลย

 

**อาจารย์ในที่นี่ใช้คำว่า เซียนเซิง (先生) ไม่ได้เป็นอาจารย์ในความหมายของ ศิษย์อาจารย์อย่าง ซือฟุ (师父) ที่มักเห็นกันในนิยายกำลังภายในหรือเทพเซียน แต่เป็นคำยกย่องผู้มีความรู้ความสามารถมากกว่าค่ะ อย่างที่นักอ่านญี่ปุ่นมักจะเรียกนักเขียนนักวาดว่าเซนเซย์นั่นแหละ คำเดียวกันเลย (ตัวคันจิเหมือนตัวจีน) อาจารย์อีกคำหนึ่งคือคำว่า ครู – เหล่าซือ (老师) อันนี้คืออาจารย์ที่สอนนักเรียนเป็นห้อง ๆ ในอนาคตเวลามีคำว่าซือฟุออกมาเราตั้งใจจะแปลเป็น “ท่านอาจารย์” ค่ะ เนื่องจากนี่เป็นโลกปัจจุบัน-อนาคต เราเลยไม่อยากใช้ทับศัพท์จีนเพราะมันจะได้กลิ่นอายจีนโบราณไปน่ะค่ะ (ส่วนเรื่องหนึ่งเซียนนี่ทับศัพท์รัว ๆ 555)

 

คำว่ายุทธ์เราลังเลอยู่เหมือนกันค่ะว่าจะใช้คำว่าฝึกตนหรือบำเพ็ญเพียรแบบนิยายเทพเซียนสมัยนี้ไหม แต่สุดท้ายคิดว่ายุทธ์น่าจะเป็นศัพท์ที่เข้ากับเนื้อเรื่องมากกว่าค่ะ ใช้บำเพ็ญเพียรเหมือนตัวละครจะกลายเป็นเทพเซียนกัน สเกลพลังของเรื่องนี้ไม่เวอร์วังขนาดนั้นค่ะ ไม่ได้มีวิชาวางม่านพลังหรืออะไรพวกนั้นด้วย แต่แน่นอนว่ามีวิชากำลังภายในจ้า

 

ตอนที่ 27 – สายข่าว

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท