นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 47 เมืองไซเบอร์

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 47 – เมืองไซเบอร์

 

กลับถึงเรือนจำหมายเลข 18 ลู่ก่วงอี้เข้ามารวมกลุ่มถามว่า “เจ้านาย ชิ่งเอี๋ยนพูดอะไรรึเปล่า”

“คนที่มาไม่ใช่ชิ่งเอี๋ยน” ชิ่งเฉินส่ายหน้า “ดำเนินการตามแผนของผมต่อไป”

ลู่ก่วงอี้ถามเสียงต่ำว่า “ท่านกับหลี่ซูถงแตกหักกันจริง ๆ เหรอครับ”

ชิ่งเฉินมองเขาแวบหนึ่ง “อืม แตกหักแล้ว แต่ภารกิจที่พวกเราปฏิบัติเดิมทีก็ไม่ได้วางแผนขอกำลังสนับสนุนภายนอกไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ผิด” ลู่ก่วงอี้กล่าว “เจ้านาย ท่านยังมีผมนะ”

……

กลางคืน นับถอยหลัง 5:59:59

เมืองหมายเลข 18 เขตที่ 7

เจียงเสวี่ยกำลังเดินช้า ๆ ภายในเมืองยามย่ำค่ำที่แสงไฟเพิ่งสว่าง สำหรับคนของโลกภายนอกอย่างเธอ ที่นี่คล้ายกับเป็นเขาวงกตอันมหึมา

ตอนที่เธอเงยหน้าจ้องมองท้องฟ้า สิ่งที่เห็นไม่ใช่หมอกควัน, ฟ้าคราม, เมฆขาว ทว่าเป็นป่าเหล็กกล้าหยัก ๆ ที่พุ่งสูงเทียมเมฆ

โลมาจักรกลตัวหนึ่งจู่ ๆ ปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ คล้ายกับผุดจากพื้นทะเลออกมายังผิวทะเล

ตอนที่มันท่องผ่านอาคารอย่างช้า ๆ หางสะบัดหนึ่งทีก็เกิดคลื่นสีฟ้าของฮอโลกราฟีสาดกระจาย

คลื่นนั้นตกลงบนพื้น หากเป็นคนที่เห็นครั้งแรกจะต้องอดคลุมศีรษะไม่ได้ ป้องกันไม่ให้หยดน้ำตกลงบนตัว

แต่ว่า หลังจากคลื่นนั้นตกลงมาสิบกว่าเมตรก็กลายเป็นพลุไฟอันงดงามแล้วจางหายไป

จนกระทั่งตอนนี้ กลางอากาศจึงเผยตัวหนังสือโฆษณาอันเป็นมายาและสะดุดตาออกมาว่า “มือถือโย่วจึ* มอบประสบการณ์สื่อสารฮอโลกราฟีที่ดีที่สุดให้คุณ”

ระหว่างตึกกับตึกยังมีสะพานเชื่อมนับไม่ถ้วน มองจากบนพื้น สะพานเหล่านั้นคล้ายกับเส้นเชือกที่ผูกมัดอาคารทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน

ตลอดทางที่เจียงเสวี่ยเดินได้ชนไหล่กับคนโลกภายในนับไม่ถ้วน ทุก ๆ คนเห็นสัญลักษณ์เมฆมงคลบนอกของเธอล้วนหลีกทางให้จากจิตใต้สำนึก

เมฆมงคล นั่นเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลหลี่

เธอเดินเข้าลิฟต์ของอาคารแห่งหนึ่ง กดชั้น 32

ลิฟต์ใสไต่ระดับอย่างรวดเร็ว เธอหันร่างมองลงไปข้างนอก ตึกแล้วตึกเล่าปรากฏขึ้นและหายไป บางครั้งยังมีรถลอยฟ้าบินฉิวกลางอากาศนอกลิฟต์ ไม่รู้ว่าบินไปที่ไหน

รถลอยฟ้าสีเงินรูปทรงโฉบเฉี่ยว ตำแหน่งสี่จุดที่น่าจะเป็นล้อกลายเป็นเทอร์โบเจ็ท พ่นไฟสีน้ำเงินออกมา

เสียงติ๊ง ถึงชั้น 32 เจียงเสวี่ยออกจากลิฟต์ เดินไปตามลานส่วนรวมกลางอากาศอันกว้างขวางไปยังชั้นหนึ่งของอาคารอวิ๋นวู่ คลินิกของเธออยู่ที่นั่น

เมืองแห่งนี้เชื่อมโยงกันยุบยับ บางครั้งนั่งอยู่ชั้น 100 อาจจะเพิ่งไปถึงชั้นหนึ่งของอาคารสักแห่ง

เพียงแต่ยังไม่ทันที่เธอจะเข้าอาคารก็มีคนหยุดเธอที่ปากประตู “สวัสดีครับ คุณผู้หญิงเจียงเสวี่ย”

อีกฝ่ายสวมสูทเนี้ยบเรียบกริบทั้งตัว บนเนคไทติดคลิปเนคไทสีทองหรูหรา หน้าคลิปก็มีสัญลักษณ์เมฆมงคล

ไม่เพียงเท่านี้ ด้านหลังอีกฝ่ายยังมีคนสองคนแยกย้ายถือกล่องสีดำผนึกแน่นสองกล่อง

 “สวัสดีค่ะ มีธุระเหรอคะ” เจียงเสวี่ยถามอย่างอ่อนแรง

“สวัสดีครับ คืออย่างนี้” จางเทียนเจินกล่าวอย่างสุภาพ “บริษัทแสดงความยินดีที่เรื่องการลงหุ้นราบรื่น  เพื่อตอบแทนท่าน ตั้งใจสั่งผมมาส่งแขนจักรกลรุ่นใหม่ล่าสุดของกลุ่มการเงินตระกูลหลี่ ไม่เพียงเท่านี้ ยังจัดแจงผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งอวัยวะจักรกลหนึ่งคนให้ท่าน ดำเนินการฝึกสอนให้ท่านเป็นพิเศษ……”

เจียงเสวี่ยยิ่งฟังยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง

พวกนักท่องเวลาของโลกภายนอกมักจะพูดว่ากลุ่มการเงินน่ากลัวขนาดไหน แต่ทำไมเธอรู้สึกว่าบริษัทใจดีเป็นพิเศษเลยล่ะ ไม่เพียงส่งเงินลงหุ้น ถึงกับยังจะส่งอวัยวะจักรกลมาฟรี ๆ ถึงขนาดหาผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดมาฝึกสอนให้เธอ อย่างกับรู้ว่าเธอติดตั้งอวัยวะจักรกลไม่เป็นยังไงยังงั้น

เธอเริ่มระแวงขึ้นมา

ผลคือสมาชิกตระกูลหลี่จู่ ๆ กล่าวขึ้นมาว่า “เมื่อสองปีที่แล้วท่านเคยช่วยเหลือหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอเป็นสมาชิกของกลุ่มการเงินตระกูลหลี่ของพวกเรา เธอหาท่านมาเป็นเวลาสองปี ไม่นานมานี้จึงหาพบข่าวคราวของท่าน ดังนั้นนี่ล้วนเป็นของขวัญของเธอ”

เจียงเสวี่ยพยักหน้าอย่างมึน ๆ งง ๆ “อ้อ ๆ อย่างนี้เอง……”

ส่วนที่ว่าสองปีก่อนตนเองเคยช่วยใครหรือไม่ เธอจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ

จุดนี้หลี่ถงอวิ๋นกำลังใช้จุดบอดด้านความทรงจำของนักท่องเวลา เธอรู้ว่าเจียงเสวี่ยไม่ได้รู้เรื่องอดีตของตนเองเลยสักนิด

อีกอย่าง เธอก็ทราบชัดมากว่าแม่ตัวเองถึงจะงงงวยก็ไม่กล้าถามมาก อย่างนี้ก็จะตัดความเกี่ยวข้องของเธอออกไป

ขณะนี้ เจียงเสวี่ยไม่ได้ระแวงคนอื่นอีกแล้ว รับของขวัญของตระกูลหลี่มาอย่างยินดี “แขนจักรกลสองอันนี้……”

จางเทียนเจินอธิบายว่า “นี่เป็นผลิตภัณฑ์เกรดสูงสุดบนตลาดตอนนี้แล้ว ไม่เพียงบรรจุอาวุธพลังงานสูงภายใน ยังมีขนาดแบตเตอรี่ที่สุดยอด อัตราการเชื่อมต่อกับระบบประสาทไปได้ถึง 97%”

“ขอบคุณ ขอบคุณมากเลยค่ะ!” เจียงเสวี่ยยิ่งดีใจไปกันใหญ่

ถัดจากนั้น สมาชิกตระกูลหลี่จู่ ๆ กล่าวว่า “ยังมีเรื่องหนึ่ง”

“เอ๊ะ?” เจียงเสวี่ยสงสัย

“ท่านหญิงผู้นั้นให้ผมบอกกับท่านว่า ท่านเป็นคนที่ใจดีเป็นพิเศษคนหนึ่ง เธอรู้สึกขอบคุณท่านมาก” สมาชิกตระกูลหลี่กล่าว “มะเขือเทศผัดไข่ที่ท่านทำอร่อยมาก หมูผัดเปรี้ยวหวานก็ไม่เลว อนาคตท่านจะต้องเป็นคุณแม่ที่มีความสามารถอย่างยิ่ง ได้โปรดอย่าดูแคลนตัวเองและขลาดกลัว ท่านสมควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้”

เจียงเสวี่ย “……?”

นี่มันเหลวไหลเลอะเทอะอะไรกันเนี่ย!

อันที่จริง นี่ล้วนเป็นวาจาที่เสี่ยวถงอวิ๋นอยากจะบอกแม่ พูดวก ๆ วน ๆ ไม่ได้พูดอะไรที่แน่ชัด

ถ้าไม่กล้วว่าจะเปิดเผยตัวตน เธออาจจะให้สมาชิกตระกูลหลี่บอกเจียงเสวี่ยตรง ๆ เลยว่า : ได้โปรดดีกับลูกสาวของคุณหน่อย อย่าตีเธอ อย่าบังคับเธอไปเรียน อย่าบังคับเธอทำการบ้าน อย่าส่งเธอไปเรียนพิเศษ……

ตอนนี้ไม่สามารถพูดเรื่องพวกนี้ได้แน่นอน ได้แต่ค่อยเป็นค่อยไป

……

นับถอยหลัง 00:30:00

เหลือเพียงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย

ในเขตออกกำลังกาย เยี่ยหว่านนำชิ่งเฉินรวมท่าฝึกฝนหกท่ามาพัฒนาพลังปะทุแกนกลางของเขา

หลังฝึกความแข็งแกร่งแกนกลางเสร็จยังมีการฝึกที่โฟกัสไปที่คาร์ดิโอ

กลางคืนยาวนานมาก การฝึกฝนทรหดมาก

ตามที่เยี่ยหว่านคำนวนเวลา ต้องฝึกฝนไปอีกแค่ครึ่งเดือน ชิ่งเฉินจะสามารถเริ่มฝึกเวทเทรนนิ่งได้แล้ว นั่นจึงเป็นเวลาที่จะได้เห็นของจริง

เพียงแต่เวลาสำหรับชิ่งเฉินคล้ายจะตัดขาดจากกัน เขายังอยู่รับการฝึกของเยี่ยหว่านตรงนี้ ครึ่งชั่วโมงให้หลังก็จะต้องกลับไปยังโลกภายนอกแล้ว

จากนั้นไม่รู้ว่าอีกกี่วันให้หลัง กลับมาฝึกต่อตอนเที่ยงคืน……

เวลานี้ หลี่ซูถงจู่ ๆ ปรากฏตัวขึ้นที่เขตออกกำลังกาย เขามองดูชิ่งเฉินถามว่า “เธออีกเดี๋ยวก็จะต้องกลับไปที่โลกภายนอกแล้วใช่ไหม”

“อืม” ชิ่งเฉินพยักหน้า “ทำไมครับครู มีธุระเหรอ”

หลี่ซูถงกล่าวว่า “ฉันอยากดูการทะลุมิติข้ามโลกกับตา ไม่แน่ว่าจะสามารถค้นพบความลับอะไรขึ้นมา”

“โอเคครับ” ชิ่งเฉินทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เยี่ยหว่านหยิบอาหารเสริมสมรรถนะและเนื้อวัวให้เขา เสริมกำลังให้เขาระหว่างการฝึก

ไม่อาจไม่พูดว่า การฝึกเสริมด้วยวิชาหายใจ มีประโยชน์น่ะมีประโยชน์ แต่การเผาผลาญพลังงานของร่างกายมันมากเกินไปแล้วจริง ๆ

ไม่กินไปพักเดียว ชิ่งเฉินก็จะรู้สึกหิวไส้กิ่วแล้ว

เขาเป็นเหมือนตัวเทาเที่ย** กินอย่างบ้าคลั่ง  ฝึกอย่างบ้าคลั่ง

เวลานี้ ชิ่งเฉินจู่ ๆ พบว่าในสีหน้าหลี่ซูถงมีความลังเลเศษเสี้ยว

เขาถามอย่างอยากรู้ว่า “ทำไมครับครู ยังมีเรื่องอะไรเหรอ”

“นั่น……คืออย่างนี้” หลี่ซูถงคิดแล้วกล่าวว่า “เธอสามารถบันทึกท้ายเกมหมากรุกอีกสักหลายเกมมาให้ฉันได้ไหม”

ชิ่งเฉินตะลึงไปสองวินาที จากนั้นหัวเราะว่า “ไม่มีปัญหาครับ”

ณ ขณะนี้ เขาจึงได้รู้สึกว่าลมปราณของผู้เหนือกว่าในยามปกติของหลี่ซูถงจางลงไปหน่อย มีกลิ่นอายของผู้คนเพิ่มขึ้นมาหน่อย

ภายใต้การจับจ้องของเยี่ยหว่านและหลี่ซูถง ชิ่งเฉินเอา USB อมไว้ในปาก

แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ จากนั้นล้วงแท่งทองที่ม้วนเป็นก้อนไปแล้วออกมาจากในกระเป๋า

เยี่ยหว่านเอ่ยอย่างตะลึงงันว่า “ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมแท่งทองบนแขนของลู่ก่วงอี้ไม่อยู่แล้ว”

หลี่ซูถง “……”

พริบตานั้น ลายเส้นเปลวเพลิงบนแก้มของชิ่งเฉินขยายไปถึงข้างใบหู ลมปราณนั้นที่เคยล่องลอยอยู่ในร่างกายของเขา ภายใต้การควบคุมโดยจิตใจของเขาได้โอบล้อมแท่งทองในมือเอาไว้ 

บนใบหน้าหลี่ซูถงปรากฏแววประหลาดใจ

นับถอยหลัง 10

9

8

7

6

5

4

3

2

1

โลกคืนสู่ความมืดมิด

……………………………..

*โย่วจึ แปลว่าส้มโอ เห็นว่าเป็นชื่อสินค้าเลยใช้ทับศัพท์ค่ะ คิดว่าควรมาร์คไว้เพราะเหมือนชื่อได้รับแรงบันดาลใจจากที่ไหนสักแห่ง??? 555

** เทาเที่ย (饕餮) หนึ่งในสี่สัตว์ร้ายบรรพกาลของจีน ขึ้นชื่อเรื่องความตะกละกินทุกอย่าง

 

สงสัยว่าถ้าใช้วิชาหายใจออกกำลังกายคงจะลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นเยอะเลยไหมนะ อยากได้มั่ง

 

 

ตอนที่ 48 – แพะรับบาปหลิวเต๋อจู้

 

สำนวนจีนใช้คำว่าคนแบกหม้อ แต่เราตัดสินใจว่าคำนี้น่าจะใช้สำนวนไทยไปเลยดีกว่าค่ะ มีหลักการอะไรไหม–ไม่มี

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท