นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature) – ตอนที่ 61 พาเธอไปชมทิวทัศน์

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

ตอนที่ 61 – พาเธอไปชมทิวทัศน์

 

นับถอยหลัง 47:59:59

สองวัน

ยังคงเป็นเรือนจำหมายเลข 18 อันคุ้นเคย

แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีจุดที่ไม่เหมือนเดิม

ไม่ใช่ห้องขังอันเย็นเยียบและความเดียวดายอีก ทว่ามีคนรอคอยตนเองกลับคืนมา

แม่เยี่ยถือกล่องข้าวรักษาอุณหภูมิ ข้างในบรรจุเนื้อวัวที่เขาเคี่ยวด้วยมือตนเอง

คนสามคนที่อยู่ตรงข้ามมองดูตนเอง คล้ายกับรอตนเองกลับบ้าน

บ้านหลังนี้มืดนิดหน่อย, เปิดโล่ง แต่เพียงพอแล้ว

“ครู นี่เป็นบันทึกหมากรุกที่เอามาให้คุณครับ” ชิ่งเฉินแบมือ ส่งยูเอสบีในมือให้หลี่ซูถง

หลี่ซูถงมองอย่างประหลาด ๆ “ตัวเชื่อมอันนี้ไม่เคยเห็นเลย เสี่ยวเสี่ยวเธอสามารถจัดการได้ไหม”

หลินเสี่ยวเสี้ยวตอบว่า “ไม่มีปัญหาครับ กุญแจสำคัญของอุปกรณ์บันทึกข้อมูลคือไมโครชิป”

“ครู คุณสามารถดูออกไหมว่าตอนที่ผมทะลุมิติมีอะไรเปลี่ยนแปลง” ชิ่งเฉินถาม ก่อนหน้านี้เขาอาศัยตัวเองเสาะหากฎเกณฑ์อย่างเดียว ตอนนี้มีคนอื่นสังเกตการณ์ ไม่แน่ว่าจะสามารถค้นพบรายละเอียดอื่น 

“ก่อนหน้านี้เธอพูดว่าหลังจากทะลุมิติอีกโลกหนึ่งผ่านไปหนึ่งวินาที นี่ไม่ได้แม่นยำเลย” หลี่ซูถงกล่าว “ในความรับรู้ของฉัน เสี้ยววินาทีที่เธอทะลุมิติมีความเปลี่ยนแปลงของสนามพลัง และความเปลี่ยนแปลงนี้มีเพียงพริบตาเดียว อาจจะแค่ 0.1 วินาทีหรือแม้แต่สั้นกว่านั้น แล้วก็เป็นเสี้ยวพริบตานี้ที่เธอเคยหายตัวไป ตอนที่เธอปรากฏตัวอีกแท่งทองในมือไม่อยู่แล้ว”

“อย่างนี้นี่เอง” ชิ่งเฉินกำลังคิดว่าที่แท้ตนเองทะลุไปทั้งตัวจริง ๆ

แต่ปัญหาคือ ชิ่งเฉินที่เดิมอยู่โลกภายในล่ะ ไปไหนแล้ว ถูกกำจัดจากโลกไปตรง ๆ เลยเหรอ

ชิ่งเฉินถามว่า “ครู ปราณเพลิงก้อนนั้นในร่างกายผม……”

“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอธิบาย” หลี่ซูถงส่ายหน้า “เพียงแต่เวลาที่มันปรากฏขึ้นมาเร็วกว่าที่ฉันคาดการณ์เอาไว้”

ระหว่างที่พูด เยี่ยหว่างเดินไปที่ข้างตัวชิ่งเฉินเลิกชายเสื้อของเขาขึ้น ตอนที่เขาเห็นรูปทรงกล้ามท้องของชิ่งเฉินก็ยิ้มเอ่ยว่า “หลินเสี่ยวเสี้ยว ฉันชนะอีกแล้ว”

“พวกคุณเอาผมไปพนันอะไรกันอีก” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอยากรู้

“ผมพนันกับเขาว่าถึงคุณจะไม่มีคนคุมก็จะเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกฝนให้ตัวเอง” เยี่ยหว่านกล่าว “พวกเราล้วนเป็นคนที่ผ่านการฝึก รูปทรงกล้ามท้องนี้ของคุณขอเพียงพักผ่อนสักวันก็จะฝึกออกมาไม่ได้หรอก”

ชิ่งเฉิน “เริ่มฝึกเถอะ”

“อย่าเพิ่งรีบฝึก ตอนนี้เธอตามฉันมา” หลี่ซูถงกล่าวกับชิ่งเฉิน

ชิ่งเฉินสงสัย “ไปไหนครับ”

หลี่ซูถงหมุนตัวเดินไปทางออก “พาเธอไปชมทิวทัศน์ข้างนอก”

“เพราะอะไรจะพาผมไปดูโลกข้างนอกล่ะครับ” ชิ่งเฉินไม่เข้าใจ

หลี่ซูถงหันกลับมาถามว่า “เธอไม่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อโลกข้างนอกเหรอ”

ชิ่งเฉินอึ้งไป

เขาย่อมอยากรู้

เริ่มตั้งแต่วันแรกที่กลับคืน เขาก็เห็นคนอื่นเอ่ยถึงในอินเตอร์เน็ตว่านั่นเป็นโลกที่ทั้งหรูหราทั้งใหญ่โตมากขนาดไหน

มีคนพูดว่าเมืองอยู่ในเมฆ

มีคนพูดว่าเมืองเหมือนกับป่าเหล็กกล้าของจริง

มีคนพูดว่าภาพฉายฮอโลกราฟิกอันมหึมากลางอากาศสะกดจิตใจ

คนพวกนั้นทะลุมิติไปในเมืองที่เจิดจ้าหลากสีสัน

ส่วนตัวเขาเองกลับทะลุไปถึงในกล่องเหล็กที่เรียกว่าเรือนจำ

ชิ่งเฉินเป็นแค่วัยรุ่นอายุ 17 ปี ย่อมจะอยากรู้ แล้วก็อิจฉา

แต่ทว่าชิ่งเฉินมองหลี่ซูถงแล้วตอบว่า “ถึงจะมีความอยากรู้ แต่ผมก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาชื่นชมทิวทัศน์”

“เธอสงบเสงี่ยมนักนะ” หลี่ซูถงยิ้มว่า “แต่วัยรุ่นควรจะมีจิตใจอย่างวัยรุ่น ก่อนที่เธอจะเดินไปบนเส้นทางอย่างเดียวดาย คนเป็นครูย่อมไม่สามารถให้เธอด้อยกว่าคนอื่นที่ตรงไหน”

ชิ่งเฉินอึ้งไป “หมายความว่าอะไรครับ”

“ทิวทัศน์ที่นักท่องเวลาคนอื่นเคยเห็น นักเรียนของฉันหลี่ซูถงก็ต้องได้เห็นถึงจะถูก คืนนี้ ฉันพาเธอไปชมทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของเมืองหมายเลข 18” น้ำเสียงของหลี่ซูถงทั้งตามสบายและเอาแต่ใจ

เยี่ยหว่านยื่นหน้ากากหน้าแมวที่เตรียมไว้แล้วให้เขา “ใส่ไว้ ตอนนี้คุณยังไม่เหมาะจะเปิดเผยตัวตน”

หน้าแมวบนหน้ากากนั้นคล้ายกับกำลังยิ้ม ลวดลายสลับแดงขาวทั้งพิสดารและเร้นลับ

ข้างลานกว้างของเรือนจำ ประตูเลื่อนโลหะอันหนาหนักค่อย ๆ เปิดขึ้นให้พวกเขา ปืนเมทัลสตอมเหนือศีรษะไม่ขยับเขยื้อน โดรนในรังยังคงหลับใหล

ชิ่งเฉินมองไปทางเงาหลังของหลี่ซูถงอย่างปุบปับ

ที่แท้ อิสรภาพที่เขาเคยใฝ่ฝันก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

……

เที่ยงคืน

เมืองหมายเลข 18 เขตที่ 1

เหนือชั้นเมฆ ในภัตตาคารหมุนลอยฟ้า 88 ชั้นอาคารหย่งเหิงกำลังมีเสียงเชลโล่อันไพเราะเลื่อนไหลช้า ๆ แต่ที่นั่งทั้งหมดล้วนว่างเปล่า

การตกแต่งของภัตตาคารหรูหรา

โคมคริสตัลประกอบขึ้นจากคริสตัลสามหมื่นหกพันเม็ด คริสตัลทุก ๆ เม็ดล้วนมีมูลค่า 200 หยวน

เปียโนเป็นวัตถุโบราณที่เคยปรากฏขึ้นในงานเลี้ยงประมูลการกุศลเมืองหมายเลข 10 ถูกคนเอาไปด้วยราคาสูงถึง 3.89 ล้าน จากนั้นปรากฏขึ้นที่นี่

หน้าประตูภัตตาคารกำลังมีคนทะเลาะอะไรกับพนักงาน

พนักงานสวมเสื้อเชิ้ตขาวบริสุทธิ์และเสื้อกั๊กสีดำสะอาด ที่ลำคอผูกโบว์ไทอย่างเรียบร้อย

พนักงานหนุ่มอธิบายกับลูกค้าอย่างเป็นมิตรและสุภาพว่า “สวัสดีครับท่าน คืนนี้เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืน ภัตตาคารรื่อกวงเก๋อถูกจองเหมาแล้วครับ ในฐานะที่พวกเราไม่สามารถนำเสนอบริการคุณภาพเยี่ยมให้กับท่าน ภัตตาคารรื่อกวงเก๋อขอมอบบัตรกำนัลสองใบให้ท่าน สามารถใช้มื้อเที่ยงและมื้อเย็นยกเว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์ครับ”

ผู้ที่ทะเลาะกับพนักงานเป็นชายหญิงหนึ่งคู่ ฝ่ายชายอายุมากหน่อย ฝ่ายหญิงกลับยังค่อนข้างอ่อนวัย

ผู้ชายกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “ไม่เห็นเคยได้ยินว่ารื่อกวงเก๋อยังจะรับการจองเหมาของคนอื่นด้วย คุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม”

พนักงานยิ้มเอ่ยอย่างสุภาพว่า “ขออภัยจริง ๆ ครับคุณผู้ชาย ก่อนหน้านี้ไม่มีจริง ๆ ตัวผมเองตอนที่ได้รับการแจ้งวันนี้ก็ประหลาดใจมาก”

ขณะนี้ พวกเขามองทะลุผนังกระจกของภัตตาคารรื่อกวงเก๋อ ข้างในถึงกับไม่มีลูกค้าสักคนเดียว

รื่อกวงเก๋อเป็นภัตตาคารที่สูงที่สุดของเมืองหมายเลข 18 แทบจะสามารถชมเมืองทั้งหมด ดังนั้นมันก็แพงที่สุดด้วย ผู้ทรงอิทธิพลในเมืองหมายเลข 18 กรูเข้ามาเหมือนฝูงห่าน

ชายกลางคนคิดแล้วว่า “คนที่จองเหมาเป็นตระกูลหลี่หรือตระกูลชิ่งใช่ไหม”

“ไม่ใช่ครับคุณผู้ชาย” พนักงานตอบตามจริง

สหายสตรีสาวคล้ายจะไม่ปลื้มอยู่บ้าง เธอทำเป็นงอน ต่างหูอันฉูดฉาดบนใบหูสะท้อนแสงบาดตาผู้ชาย

ผู้ชายคิดแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมขอทราบได้ไหมว่าใครที่จองเหมา ผมก็รู้ว่าคนที่สามารถจองเหมาที่นี่ได้จะต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่ ๆ แต่ถ้าผมรู้จักอาจจะสามารถพุดเรื่องนี้กับเขาได้เองเลย”

พนักงานไปปรึกษากับผู้จัดการ จากนั้นหยิบนามบัตรสีดำหนึ่งใบกลับมา

บนนามบัตรไม่มีวิธีการติดต่อ มีเพียงห้าคำ : ชมรมเหิง, หลี่ตงเจ๋อ

หลังเห็นนามบัตรใบนี้ ผู้ชายนำสหายหญิงนั่งลิฟต์ลงชั้นล่างโดยไม่พูดสักคำ ตอนที่อยู่ในลิฟต์ สหายหญิงบ่นเสียงต่ำว่า “ไม่ได้พูดว่าต้องทักทายคนเหรอ ทำไมไม่ปริปากสักคำก็ไปแล้วล่ะ”

ผู้ชายถอนหายใจ “ผมจะหาที่อื่นให้คุณใหม่ รื่อกวงเก๋อนี่มื้อหน้าค่อยชดเชยให้คุณ”

“เดือนที่แล้วคุณไม่ได้เคยบอกว่าตัวเองรู้จักหลี่ตงเจ๋อเหรอ” ผู้หญิงบ่น

“นี่มันคนละเรื่อง” ผู้ชายก็หมดความอดทนนิดหน่อยแล้ว “วันนี้เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองหมายเลข 18 ด้วยซ้ำ เขาเหมาสถานที่ให้คนอื่น”

ณ ขณะนี้ ผู้ชายคิดถึงส่วนที่เป็นกุญแจสำคัญที่สุดขึ้นมา

คนที่คู่ควรให้หลี่ตงเจ๋อทำอย่างนี้มีเพียงคนเดียว และคนคนนั้นก็เป็นคนที่ไม่ควรปรากฏตัวขึ้นที่นี่ที่สุด อีกฝ่ายน่าจะอยู่ในเรือนจำหมายเลข 18 ถึงจะถูก

คืนนี้ต้องมีพายุลูกใหม่ปรากฏขึ้น เขาไม่อยากจะถูกลากเข้าไปในวังวน

ตอนที่พวกเขานั่งลิฟต์ชมวิวลงชั้นล่าง รถเกราะลอยฟ้าสีดำหนึ่งคันกำลังค่อย ๆ ลอยหยุดอยู่ที่ดาดฟ้าภัตตาคารรื่อกวงเก๋อ

หลี่ซูถงพาชิ่งเฉินลงจากรถลอยฟ้า พนักงานที่รออยู่ที่นี่แต่แรกยื่นผ้าขนหนูอุ่น ๆ ให้หลี่ซูถงเช็ดหน้า

ชิ่งเฉินใส่หน้ากาก โบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องการ

“อาจารย์หลี่ สถานที่เตรียมพร้อมให้ท่านเรียบร้อยแล้ว กล้องวงจรปิดทั่วทั้งอาคารอวิ๋นวู่เพิ่งจะปิดลงทั้งหมด หมูน้ำแดงที่อาจารย์หลี่เจ๋อตงแจ้งว่าท่านชอบที่สุดก็เพิ่งจะทำเสร็จครับ ตอนนี้เป็นเวลาลิ้มรสที่เหมาะสมที่สุด” พนักงานกล่าวเสียงค่อย

หลี่ซูถงกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “บางทีหลังจากนี้สักวันเธอก็จะเคยชิน ในโลกใบนี้ ขอเพียงเธอมีเงินกับอำนาจ ทุกสิ่งล้วนจะเพิ่งเสร็จพอดี”

 

……………………………

อย่าถามเราว่าทำไมอาคารที่ตอนแรกบอกว่าชื่อหย่งเหิง (แปลว่านิจนิรันดร์) กลายเป็นอวิ๋นวู่ (แปลว่าเมฆหมอก) ได้ในพริบตาค่ะ งงมากเหมือนกัน…….

ส่วนรื่อกวงเก๋อแปลว่าศาลาแสงอาทิตย์

 

ตอนที่ 62 – แห

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท