ตอนที่ 63 – หาโอกาสออกมาเล่นอีก
ไม่มีคนสังเกตเห็นว่าในเส้นทางหลบหนีกำลังเกิดอะไรขึ้น ที่นั่นคล้ายจะเป็นอเวจี กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
นอกภัตตาคาร เสียงฝีเท้าโดดเดี่ยวดังขึ้นมา
ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีกรมท่าผู้หนึ่งเดินเข้าภัตตาคารรื่อกวงเก๋อช้า ๆ ปลายแขนเสื้อของเขาปักไว้ด้วยลายกังหันสีขาวที่เล็ก ๆ หนึ่งลาย
หลี่ซูถงกินหมูน้ำแดงหมดทั้งจานแล้ว กำลังมองเด็กหนุ่มที่กินบะหมี่ผัดซอสเงียบ ๆ
จากมุมมองของชายหนุ่มคนนี้ เขาสามารถมองเห็นใบหน้าของหลี่ซูถง แต่กลับสามารถเห็นเพียงแผ่นหลังของชิ่งเฉิน
ตอนที่เขากำลังคิดจะพูดอะไรสักหน่อย กลับเป็นหลี่ซูถงยกมือหยุดเขาเบา ๆ
แล้วชี้ไปที่ชิ่งเฉินยิ้ม ๆ กล่าวว่า “จะเรื่องอะไรก็รอให้เขากินเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
ชายหนุ่มอึ้งไปนิดหนึ่ง ใช้สายตาประหลาด ๆ มองเงาหลังของชิ่งเฉิน
เนื่องจากชิ่งเฉินหันหลังให้เขา ดังนั้นเขาไม่อาจระบุตัวตนของชิ่งเฉิน
ถึงแม้จะมีคนรอคอย ชิ่งเฉินยังคงกินอย่างไม่เร็วไม่ช้า
คล้ายกับไม่ได้ยินเสียงดังกระหึ่มของเฮยยวน-01 นอกหน้าต่างเลย แล้วก็มองไม่เห็นยานลอยฟ้าสิบกว่าลำที่ล้อมรอบอาคารหย่งเหิง รวมทั้งปืนต่อสู้อากาศยานที่บรรจุกระสุนแล้วบนยานลอยฟ้า
เครื่องมือสังหารที่บินได้พวกนี้ลอยอ้อยอิ่งอยู่
เหมือนกับดาวเคราะห์น้อยที่โคจรรอบดาวฤกษ์
“ผมกินเสร็จแล้วครับ” ชิ่งเฉินเช็ดปาก สวมหน้ากากหน้าแมวอีกครั้งแล้วมองไปทางครูของตนเอง
หลี่ซูถงยิ้มให้ชายหนุ่มนอกประตูแล้วเอ่ยว่า “หลานชายคนโตตระกูลเฉินเฉินเหย่หูหรือ ได้ยินว่าเธอเลื่อนเป็นแรงค์ A แล้ว”
“ผู้เยาว์เลื่อนเป็นแรงค์อะไรไม่สำคัญเลยครับ พวกเราในตอนนี้ไม่มีเจตนาจะเปิดศึกกับอัศวินและชมรมเหิง เพียงแค่อยากจะขอเชิญท่านกลับไปเรือนจำหมายเลข 18…… ไม่จำเป็นต้องพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินอย่างครึกโครม” เฉินเหย่หูโค้งคำนับ
“วางใจเถอะ พวกเรานั่งที่นี่คุยกันสักพักก็จะไปแล้ว ไม่ทำให้เธอลำบากหรอก” หลี่ซูถงเอ่ยยิ้ม ๆ
“งั้นก็ดีครับ ขอไม่รบกวนท่านแล้ว รอจนท่านไปแล้วพวกเราค่อยไป” เฉินเหย่หูล่าถอยออกจากภัตตาคารรื่อกวงเก๋อ หน่วยรบย่อยชั้นล่างเริ่มหยุดยืนแสตนด์บาย เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธเริ่มลอยอยู่กับที่
เฮลิคอปเตอร์ถึงขนาดดับลำแสงค้นหา เสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ลดลงต่ำที่สุดเต็มความสามารถ
เรื่องราวคล้ายกับจะจบลงอย่างเรียบง่ายถึงปานนี้
แต่อันที่จริงไมได้เรียบง่ายเลย
หลี่ซูถงมองไปทางชิ่งเฉิน “พอฉันออกจากเรือนจำหมายเลข 18 ก็จะกระทบถูกเส้นประสาทของคนมากเกินไป ดังนั้นเธอรู้ว่าทำไมฉันไม่ออกมาแล้วสินะ”
“พวกเขากลัวคุณเหรอครับ” ชิ่งเฉินถาม
หลี่ซูถงยิ้มแล้วส่ายหน้า “ยุคสมัยนี้ถึงจะก้าวเข้าสู่ครึ่งเทพก็ไม่ได้จะไร้เทียมทานในใต้หล้า พวกเขาไม่ได้กลัวฉัน ทว่ากลัวไฟ ไปเถอะ กลับบ้าน”
“อืม” ชิ่งเฉินตามหลังหลี่ซูถงขึ้นดาดฟ้า
ชิ่งเฉินสวมหน้ากากหน้าแมวยืนอยู่ในสายลมราตรีบนยอดเมฆ เขามองดูทางช้างเผือกในเมืองอีกครั้ง ยังมีเฮลิคอปเตอร์ที่ลอยวนอยู่ใต้เท้า
เขารู้ว่าตนเองไม่ช้าก็เร็วจะได้กลับมาสักวัน
……
เฉินเหย่หูยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างเต็มผนังอย่างโดดเดี่ยว สายตาทอดตามรถเกราะลอยฟ้าสีดำคันนั้นหายลับไปในม่านราตรีโดยสงบ
เขาถามว่า “หน่วยรบย่อยนั้นหาพบรึยัง”
เบื้องหลังมีคนตอบว่า “หาพบแล้วครับ ล้วนหมดสติไป จากที่ผมประเมิน น่าจะมีคนลอบโจมตีพวกเขาในเส้นทางหลบหนี จากนั้นถอนตัวไป”
เฉินเหย่หูยิ้มขึ้นมา “นี่เป็นการบ่งบอกพวกเราว่าร่างแหที่พวกเราถักทอขึ้นยังไม่รัดกุมเพียงพอ ถอนตัวเถอะ กลับบ้านไปนอน”
เพียงแต่ บุคคลต้นเรื่องล้วนกลับบ้านไปนอนแล้ว แต่คนที่ถูกก่อกวนในยามวิกาลเหล่านั้นกลับไม่อาจข่มตาหลับ
ไม่รู้ว่ามีคนเท่าไหร่เดินเข้าห้องประชุมทางไกลกลางดึก แล้วก็มีคนเท่าไหร่ทำรายงานวิเคราะห์สักกี่เล่ม
ในอินเตอร์เน็ตแพร่กระจายข่าวสำคัญนี้ สำนักข่าวก็เริ่มแย่งกันออกข่าว
มีคนวิเคราะห์ว่า คนที่พบหน้ากับหลี่ซูถงอาจจะเป็นตัวแทนกลุ่มอิทธิพลสักแห่งภายนอก
ยังมีคนวิเคราะห์ว่า เหตุการณ์ผู้ทะลุมิติเกิดขึ้นถี่ ๆ ในช่วงนี้ การปรากฏตัวของโลกภายนอกก่อให้เกิดความปั่นป่วน ดังนั้นหลี่ซูถงปรากฏตัวต่อสายตาของทุกคนอีกครั้ง วางแผนเรื่องราวแผนใหม่
คืนนี้อาจจะสร้างผลกระทบต่อทั่วทั้งสหพันธรัฐอย่างยากจะคำนวณ
อันที่จริงทุกคนโน้มเอียงไปทางการคาดเดาแรกมากกว่า : หลี่ซูถงออกจากเรือนจำในรอบแปดปีก็เพื่อจะพบกับคนสำคัญสักคน ถกเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษอย่างหนึ่ง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนที่สวมหน้ากากหน้าแมวคนนี้เป็นใคร แต่จะต้องสำคัญเป็นพิเศษแน่เลย
ประเมินจากรูปร่าง อาจจะเป็นชิ่งจุนของตระกูลชิ่ง? เป็นลียุนจิ* ของกลุ่มการเงินคาชิมะ? หรือว่าเป็นจินได คุโมระของกลุ่มการเงินจินได?
ไม่อาจยืนยัน
แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ หลี่ซูถงออกมาจากเรือนจำหมายเลข 18 นั่งชมเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธรวมทั้งอาวุธปืนเล็งใส่ตนเอง
ก็เพียงแค่เพื่อจะพาชิ่งเฉินมาชมทิวทัศน์เท่านั้นเอง
ก็อย่างที่เขาพูดมาเอง ทิวทัศน์ที่คนอื่นเคยเห็น นักเรียนของเขาก็ต้องได้เห็น
แค่นั้นเอง
ส่วนสาเหตุที่เขากินหมูน้ำแดงก็เพียงเพราะเขาอยากกินหมูน้ำแดงเท่านั้น
ตอนขากลับ ชิ่งเฉินนั่งอยู่ในที่นั่งอันอ่อนนุ่มของรถลอยฟ้า หลี่ซูถงกล่าวกับเขาว่า “รู้ว่าเพราะอะไรถึงให้เธอใส่หน้ากากไหม”
“เพราะคุณไม่อยากให้โลกข้างนอกรู้ว่าผมกับคุณมีความเกี่ยวข้องกัน” ชิ่งเฉินตอบ
หลี่ซูถงถามอีกว่า “เธอรู้ว่าเพราะอะไรฉันรับเธอเป็นนักเรียนแต่กลับไม่เต็มใจยอมรับไหม จะรู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่บ้างรึเปล่า”
“ไม่ครับ” ชิ่งเฉินส่ายหน้าอย่างสงบนิ่ง “เป็นเพราะคุณรู้ว่ายากจะที่จะสลัดหลุดจากโซ่ตรวนบนร่างตัวเอง ดังนั้นห่วงว่าโซ่ตรวนพวกนั้นก็จะรัดพันผม ขอบคุณครับครู”
“เธอเฉลียวฉลาดมากมาโดยตลอด มีศักยภาพไร้ขีดจำกัดเลย” หลี่ซูถงเอ่ยอย่างชมเชย “แน่นอนว่าก็เป็นเพราะเหตุผลนี้นั่นแหละ ฉันแค่รู้สึกว่าน่าจะให้เธอก้าวเข้าสนามรบนี้โดยไม่ต้องแบกรับอะไร”
หลี่ซูถงกำลังคิดว่า ในฐานะครู สิ่งที่เขาสามารถกระทำมีเพียงเป็นเพื่อนชิ่งเฉินเดินไปในระยะทางหนึ่ง จากนั้นดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายว่าจะสามารถเดินไปได้ไกลเท่าไหร่
ชิ่งเฉินไม่ได้ตอบคำถามนี้เลย ทว่าจู่ ๆ ถามว่า “วันหลังพวกเรายังจะมีโอกาสออกมาไหมครับ”
หลี่ซูถงถามอย่างเต็มไปด้วยความสนอกสนใจว่า “เธอยังอยากจะออกมาเล่นเหรอ”
“อยาก” ชิ่งเฉินพยักหน้า
“งั้นพวกเราผ่านไปอีกหลายวันค่อยหาโอกาสออกมาเล่นอีก” หลี่ซูถงกล่าวปนหัวเราะ คล้ายกับว่าสนามรบในคืนนี้ไม่ได้ถูกเขาเก็บมาใส่ใจเลย
ชายกลางคนผู้นี้เหมือนกับว่าไม่เคยเกรงกลัวสิ่งของอะไรทั้งนั้น
ขณะนี้ก็แค่ตี 3 เขาเพิ่งจะทะลุมิติกลับมาได้ 3 ชั่วโมง
แต่ชิ่งเฉินรู้สึกว่านี่คงจะเป็นสามชั่วโมงที่สนุกสนานที่สุดในชีวิต 17 ปีของตนเองแล้ว
……
ขณะนี้ เจิ่งหย่วนตงมาถึงบาร์ทหารรับจ้างของเมืองหมายเลข 18 อย่างเงียบ ๆ ลู่หยวนรออยู่ที่นี่แต่แรกแล้ว
เจิ้งหย่วนตงถามว่า “เห็นข่าวรึยัง”
ลู่หยวนกล่าวว่า “เห็นแล้วครับ บอส ผมรู้สึกว่ายังไงต้องพยายามติดต่อกับหลิวเต๋อจู้อีกสักหน่อย หลี่ซูถงเป็นบุคคลที่สำคัญเกินไปแล้วที่โลกภายใน ถึงคุณจะรังเกียจหลิวเต๋อจู้ก็ต้องคำนึงถึงว่าตอนนี้เขาเป็นคนที่ใกล้ชิดหลี่ซูถงที่สุดแล้ว”
เจิ้งหย่วนตงยังคงส่ายหน้า “ผมเชื่อความรู้สึกของตัวเอง อีกทั้งยิ่งมายิ่งเชื่อมั่น ลู่หยวน คุณต้องเข้าใจนะ บุคคลประเภทหลี่ซูถงไม่มีทางมองหลิวเต๋อจู้หรอก ในเรือนจำหมายเลข 18 จะต้องมีนักท่องเวลาคนที่สาม”
“งั้นพวกเราจะเอาไงครับ” ลู่หยวนจนแต้ม
“หาเขาให้เจอ”
………………………………..
*ความจริงแล้วแซ่หลี่ของตระกูลหลี่กับลีของกลุ่มการเงินคาชิมะใช้ตัวอักษรเดียวกันเลยค่ะ ตัวจีนถ้าอ่านแบบภาษาจีนจะเป็น หลี่อวิ๋นเจ๋อ แต่เนื่องจากต่อไปเนื้อเรื่องจะทำให้เรารับรู้ว่า “คาชิมะ” เป็นคนเกาหลี ดังนั้นเราตัดสินใจว่าจะแปลชื่อของคนเหล่านี้ในแบบเกาหลีค่ะ ชื่อญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่มั่นใจนักหรอกนะคะว่าแปลถูกรึเปล่า TT
การแปลเรื่องนี้มีส่วนที่ต้องระวังนิดหน่อยคือคำว่าโลกภายนอก เนื่องจากในเรื่องนี้ “โลกภายนอก” มันกลายเป็นศัพท์เฉพาะไปแล้ว เวลาเราจะพิมพ์คำว่า โลกภายนอกที่หมายถึงโลกข้างนอกเลยต้องคอยระวังเปลี่ยนคำเป็นโลกข้างนอก ซึ่งฟังดูติดขัดอยู่นิดหน่อย แต่ก็ต้องทำใจล่ะนะ
ตอนที่ 64 – คนสองคนที่สงบนิ่ง