ตอนที่ 65 – สายใยที่เชื่อมต่อโลกภายนอก
ครั้งนี้ เด็กสาวไม่ได้สวมชุดสูทแบบเป็นทางการ
อีกฝ่ายสวมเสื้อขนสัตว์สีขาวหลวมโพรก ด้านล่างเป็นกระโปรงพลีทยาว ยังมีรองเท้าหนังเล็ก ๆ หนึ่งคู่
น่องเล็ก ๆ อันผอมเพรียวถูกถุงเท้าสีขาวห่อหุ้ม
เหมือนกับว่าสาเหตุเป็นเพราะเปลี่ยนไปสวมใส่เสื้อผ้าที่ตนเองคุ้นเคย จินได โซราเนะไม่ได้นั่งขยุกขยิกอีก
เธอนั่งอย่างสงบเงียบมาก ดวงตากลมโตคล้ายกับสามารถพูดได้ จับสังเกตเด็กหนุ่มอย่างจริงจัง
ชิ่งเฉินนั่งลงตรงข้ามเธอ ทั้งสองฝ่ายแยกจากกันด้วยโต๊ะเหล็กตัวหนึ่ง
รอบด้านเป็นผนังโลหะสีเทา เหนือศีรษะคือหลอดไฟ LED สีขาวซีด แต่ไม่รู้เพราะอะไร สภาพแวดล้อมซึ่งเดิมทีมืดหม่นอยู่บ้างเหมือนจะสดชื่นขึ้นมาหน่อยแล้วเพราะการมาเยือนของจินได โซราเนะ
อันที่จริงเด็กสาวก็ไม่ได้เป็นประเภทที่งดงามเป็นพิเศษ แต่มองนาน ๆ ก็จะรู้สึกสบายอย่างยิ่ง คล้ายกับได้อาบไล้แสงอาทิตย์
ชิ่งเฉินลังเลนิดหน่อย “คุณมาทำไม”
“มาดูคุณ เอาของกินนิดหน่อยมาให้คุณ เป็นของที่ฉันลงมือทำด้วยตัวเอง” จินได โซราเนะหยิบถุงผ้าใบเล็ก ๆ มาจากเก้าอี้ด้านข้าง ข้างในเป็นกล่องข้าวรักษาอุณหภูมิหนึ่งใบ เทียบกับใบนั้นที่เยี่ยหว่านเอามาแล้วปราณีตกว่าหน่อย
ชิ่งเฉินเปิดกล่องข้าวเงียบ ๆ ฝั่งขวาเป็นซูชิสามก้อนวางเรียงอย่างเป็นระเบียบมาก ตรงกลางคือข้าวหน้าเนื้อ ฝั่งซ้ายเรียงปลาไหลไว้แถวหนึ่ง
จินได โซราเนะกล่าวว่า “ฉันถามมาแล้ว อาหารในคุกเหมือนจะไม่ค่อยดี ดังนั้นทำมาให้คุณนิดหน่อย”
“ผมอยากรู้มากเลย คุณกับผมน่าจะไม่นับว่าคุ้นเคยกันนัก อย่างน้อยไม่ได้คุ้นเคยถึงขนาดที่มาเยี่ยมผมที่คุกทุก ๆ วัน” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างสงบนิ่ง
จินได โซราเนะคิดแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ครั้งนี้ฉันตามญาติผู้ใหญ่มาที่เมืองหมายเลข 18 พวกเขาขอให้ฉันติดต่อกับคุณมาก ๆ อีกอย่าง……อยู่กับพวกเขาแล้วอึดอัดนิดหน่อย”
ทั้งสองฝ่ายตกลงสู่ความเงียบ ชิ่งเฉินหยิบตะเกียบซึ่งเด็กสาวเตรียมไว้กินอาหารในกล่องข้าวจนหมดเงียบ ๆ
ไม่อาจไม่พูดว่าฝีมือการทำอาหารของเด็กสาวดีมาก
จากนั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงสู่ความเงียบอีกครั้ง จนกระทั่งเวลาเยี่ยม 30 นาทีสิ้นสุด
ถึงขนาดที่ว่าชิ่งเฉินผู้ถึงจะเผชิญหน้ากับศึกใหญ่ขนาดนั้นเมื่อคืนยังไม่กระสับกระส่ายยังนั่งไม่ติดอยู่บ้าง
เวลานี้ จินได โซราเนะพึมพำเสียงเบาอีกหนึ่งประโยคว่า “他の「裏世界」の人と同じように、粗野で野蛮なのではないでしょうか。”
“คุณพูดอะไรนะ” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างกังขา
“ไม่มีอะไร นี่เป็นภาษาที่มีแค่ครอบครัวพวกเราถึงจะเข้าใจ” จินได โซราเนะลุกขึ้นยิ้ม ๆ “งั้นชิ่งเฉินคุง ครั้งหน้าเจอกันใหม่นะ”
เด็กสาวคล้ายกับจะคุ้นเคยกับความเงียบของแต่ละฝ่าย พูดภาษาที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจประเภทนี้ เกมที่เปิดเผยความคิดเล็ก ๆ ของตัวเอง ก็ให้อีกฝ่ายสนุกสนานไปเถอะ
……
ในเวลาเดียวกัน
หลินเสี่ยวเสี้ยวผู้นั่งอยู่ในเขตอ่านหนังสืออย่างเบื่อแทบตายกำลังรู้สึกว่าตั้งแต่บอสต้องการให้ชิ่งเฉินปิดบังตัวตน เรือนจำแห่งนี้เหมือนกับจะสูญเสียความสนุกสนานไปอีกแล้ว
อยากจะไปหาชิ่งเฉินคุยเล่นกันเรอะ ทุกคนยังจำเป็นต้องแกล้งทำเป็นเย็นชาให้กันอยู่เลย
อยากจะคุยเล่นกับเยี่ยหว่านเรอะ แต่ว่านิสัยของแม่เยี่ยคุยเหลวไหลกันสักครึ่งวันไม่ออกจริง ๆ
นี่ทำให้หลินเสี่ยวเสี้ยวรู้สึกเหงา……
สำหรับกัวหู่ฉาน…… เขาหวังให้คนหัวล้านนี่ไปไกล ๆ ตนเองอีกหน่อย
เวลานี้เอง ประตูเลื่อนโลหะข้าง ๆ ลานส่วนรวมจู่ ๆ ค่อย ๆ ยกตัวขึ้น เห็นเพียงพัศดีจักรกลสองตัวกุมตัวหลิวเต๋อจู้กลับมาที่ลานส่วนรวม
“ชิบหาย” หลินเสี่ยวเสี้ยวตบหน้าผาก เขารู้สึกตลอดเลยว่าตนเองลืมอะไรไปหน่อย
ตามกฎลงโทษของเรือนจำ วันนี้เป็นวันที่หลิวเต๋อจู้สิ้นสุดการขังเดี่ยว
แต่ปัญหาคือ หลิวเต๋อจู้ไม่สามารถกลับมา เพราะหลินเสี่ยวเสี้ยวรู้ว่าตนเองไม่สามารถปล่อยให้เด็กนี่เห็นหน้าตาของชิ่งเฉิน!
“บอส คนคนนี้ปล่อยไม่ได้นะ” เขากล่าวกับหลี่ซูถง
สายตาของหลี่ซูถงเหลือบขึ้นมาจากกระดานหมากรุก จากนั้นกล่าวว่า “งั้นก็กลับไปขังใหม่ คืนนี้ค่อยว่ากัน”
คำพูดเพิ่งเปล่งออกมา พัศดีจักรกลสองตัวนั้นถึงกับพาหลิวเต๋อจู้กลับไปนอกประตูเลื่อนโลหะดื้อ ๆ เดินไปที่ห้องขังเดี่ยว
ไม่มีคนรู้ว่าหลี่ซูถงทำได้อย่างไร แล้วก็ไม่มีคนรู้ว่าสรุปแล้วใครได้ยินคำสั่งของหลี่ซูถง จากนั้นให้พัศดีจักรกลรับคำสั่ง
ก็เหมือนกับที่ไม่มีคนรู้ว่าเขาออกไปจากเรือนจำหมายเลข 18 ได้อย่างไร
ขณะนี้หลิวเต๋อจู้ถูกพัศดีจักรกลยกตัวจนเท้าทั้งคู่ลอยจากพื้น เขาโวยออกมาว่า “เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าจะปล่อยผมกลับไปลานส่วนรวมด้านนั้นแล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้น ทำไมจะขังผมอีกล่ะ ผมทำผิดอะไร”
แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร ท้ายที่สุดยังถูกพากลับห้องขังเดี่ยว……
ในใจหลิวเต๋อจู้แตกสลายอยู่บ้าง
ทุกครั้งที่เวลานับถอยหลังทะลุมิติสิ้นสุด เขาจะถูกกฎของโลกบังคับดึงเข้าโลกภายใน จากนั้นเสียเวลาหลายวันในคุก
อายุน้อย ๆ ก็ทุกข์ทรมานกับทุกสิ่งที่ตนเองไม่ควรจะทุกข์ทรมานแล้ว
ทันใดนั้น ประตูเลื่อนโลหะข้างหน้าเขาเปิดออกมา ในทางเดินเทาหม่นอันว่างเปล่า คนสวมหน้ากากหน้าแมวคนหนึ่งยืนนิ่ง จับจ้องเขาเงียบ ๆ
“คุณ……เป็นใคร” หลิวเต๋อจู้ลังเลนิดหน่อย เขาเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่พอดูอย่างละเอียดแล้วอีกไม่ได้ถือวัตถุประเภทอาวุธเลย ในมือยังคงเป็นอีรีดเดอร์ในเรือนจำ
เป็นนักท่องเวลาคนที่สามในเรือนจำหมายเลข 18!
หลิวเต๋อจู้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว
ชิ่งเฉินค่อย ๆ เดินเข้าห้องขังเดี่ยว พร้อมกับเสียงกลไกไฮโดรลิก ประตูเลื่อนโลหะข้างหลังเขาค่อย ๆ ปิดตัวลง
“คุณจะทำอะไร?!” หลิวเต๋อจู้ตื่นตระหนกในสภาพแวดล้อมที่ปิดสนิทอยู่บ้าง
ชิ่งเฉินค่อย ๆ เขียนบนอีรีดเดอร์หนึ่งประโยคว่า “ผมเห็นข่าวแล้ว คุณถูกเข้าใจว่าเป็นผม”
หลิวเต๋อจู้เบิกตากว้าง “พี่ใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะขโมยสปอตไลต์ของคุณเลยนะ ผมคิดได้แล้ว ภายหลังจะไม่โม้อีก ออกไปครั้งนี้ผมจะสารภาพว่าตัวเองไม่ใช่นักท่องเวลาคนนั้นที่เจี่ยนเซิงได้พบ”
ชิ่งเฉินเขียนบนอีรีดเดอร์ว่า “ไม่ต้อง”
“เอ๊ะ?” หลิวเต๋อจู้ตะลึงงัน “งั้นบอสใหญ่คุณจะเอายังไงครับ”
“ยอมรับอย่างเปิดเผย” ชิ่งเฉินใช้อีรีดเดอร์ตอบ
“ไม่เอา ๆ” หลิวเต๋อจู้ส่ายศีรษะรัว ๆ “ตอนนี้ผมถูกรังควานจนกลัวแล้ว บอสใหญ่คุณไม่รู้ว่าบ้านผมอยู่ชั้นสอง เมื่อวานนี้ตอนผมอาบน้ำลืมปิดมู่ลี่ ผลคือพอหันหน้าไปก็ค้นพบว่าชั้นบนฝั่งตรงข้ามมีคนใช้กล้องวิดีโอส่องผม! ยังมี ผมขี่จักรยานกลับบ้านถึงกับมีปาปารัซซี่ขับรถตาม อีกฝ่ายเกลียดที่ผมขี่ช้า ยังขับรถมาพูดว่าผมควรจะขี่ให้เร็วหน่อย อย่างนี้ถ่ายรูปออกมาจะได้ดูดี!”
ชิ่งเฉิน “……”
ชิ่งเฉินไม่สนคำบ่นของเขา ทว่าตอบบนอีรีดเดอร์ว่า “คุณรู้ว่าโทษของตัวเองเป็นกี่ปีไหม”
หลิวเต๋อจู้อึ้งไป เขาไม่รู้บทลงโทษแน่ชัดของตัวเองจริง ๆ ทะลุมิติมาก็อยู่ในเรือนจำแล้ว
ชิ่งเฉินเขียนบนอีรีดเดอร์ว่า “99 ปี 7 เดือน”
หลิวเต๋อจู้ “???”
ชิ่งเฉินอธิบายว่า “ตามข่าว คุณก่อคดีปล้นชิง, ลักขโมย, ลักลอบขนสินค้า, ค้ายา, พยายามฆ่า โดนลงโทษหลายข้อหาเลย”
“ชิบหาย!” หลิวเต๋อจู้ขณะนี้แทบจะอ้วกแล้ว
เวลานี้ชิ่งเฉินยังเปิดข่าวที่เขาถูกพิพากษาคดีออกมาบนอีรีดเดอร์ อีรีดเดอร์นี้เป็นของหลี่ซูถง ดังนั้นมีสิทธิ์อ่านข่าว
หลิวเต๋อจู้มองอีรีดเดอร์อย่างว่างเปล่า คดีความของเขาเขียนอยู่บนนั้นอย่างชัดเจน บอกด้วยว่านี่เป็นการตัดสินโทษที่สูงที่สุดของเมืองหมายเลข 18 ในสองปีนี้เลย
เขาสิ้นหวังอยู่บ้าง เดิมทียังหวังให้โชคช่วยว่าตนเองรอสักพักให้พ้นโทษก็จะดีเอง
ชิ่งเฉินเขียนต่อว่า “แน่นอนว่าผมรู้สึก……”
ทันใดนั้น หลิวเต๋อจู้ถามว่า “บอสใหญ่คุณใช้ตัวหนังสือสื่อสารกับผมตลอดเลย กลัวว่าจะถูกผมจดจำเสียงได้รึเปล่า ดังนั้น คุณเป็นคนที่ผมรู้จักเหรอ หรือว่าอยู่ใกล้กับผมมาก”
ขณะนี้ หลิวเต๋อจู้แสดงไอคิวดั้งเดิมของตัวเองออกมา ไอคิวของคนปกติที่ไม่ได้ถูกการทะลุมิติทำให้สมองสับสนและหัวเย็นขึ้นมาหลังอยู่ในห้องขัง
แต่ว่าไอคิวนี้เหมือนจะผิดเวลาเกินไปหน่อย……
ชิ่งเฉินมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา จากนั้นอ้าปากใต้หน้ากากกล่าวว่า “อันที่จริงแล้วคุณถูกกลุ่มแก๊งผลักออกมารับโทษ กลุ่มแก๊งของโลกภายในทำเรื่องประเภทนี้บ่อย ๆ หลังจากถูกคณะกรรมการบริหารความสงบของสหพันธรัฐจับจ้องก็จะเลือกคนดวงซวยมั่ว ๆ สักคนออกมารับโทษทั้งหมด”
พริบตานั้น หลิวเต๋อจู้รู้สึกว่าลมหายใจของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป บรรยากาศก็เปลี่ยนไป
มีความรู้สึกกดดันชนิดหนึ่งซึ่งไม่อาจสัมผัส ทำให้คนหายใจติดขัดอย่างช่วยไม่ได้
หลิวเต๋อจู้ครุ่นคิดว่าถ้าหากตนเองเคยได้ยินเสียงชนิดนี้จะต้องจดจำได้
แต่ในความทรงจำของเขาไม่มีร่องรอยความทรงจำอะไรเลย
ชิ่งเฉินถามว่า “ตอนนี้ได้ยินเสียงของผมแล้วสามารถคุยกันต่อได้รึยัง”
“ขอโทษครับบอสใหญ่ เป็นผมเข้าใจผิดไป” พลังสภาวะของหลิวเต๋อจู้อ่อนลงไปอีก
ชิ่งเฉินก้มมองหลิวเต๋อจู้ “ตอนนี้ผมมาพบคุณเพื่อจะทำข้อแลกเปลี่ยนกับคุณ คุณมาปลอมตัวเป็นผม ส่วนผมช่วยคุณพ้นคดี”
เขาทำลายความหวังของหลิวเต๋อจู้ก่อน ตอนนี้มอบความหวังให้อีกฝ่ายอีกครั้ง
ทำอย่างนี้เป็นเพราะหลิวเต๋อจู้ในวันนี้สามารถกลายเป็นสายใยที่เชื่อมต่อโลกภายนอกให้เขาได้
……………………………..
ตอนที่ 66 – ข้อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับโลกภายนอก