ตอนที่ 16 รู้ซึ้งถึงตราบาป
「อย่ามาล้อกันเล่นสิวะ! ใครจะไปยอมให้นายทำแบบนั้น!!」
ฆ่ามิโรสลาฟ
สิ่งแรกที่ออกมาจากปากของราสเมื่อได้ยินคำขอของผมคือน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดที่ทำให้กำแพงห้องสั่นสะเทือน
เขาได้เอื้อมมือไปยังบริเวณเอวข้างขวาที่ว่างเปล่า จุดนั้นคือจุดที่ดาบของเขามันจะห้อยไว้อยู่เป็นประจำ
นักผจญภัยระดับ 6 กำลังเดือดดาลด้วยความโกรธ ดูท่าหมอนี่จะโกรธจริงจังเลย
ถ้าเป็นตัวผมไออดีตก็คงจะตัวสั่นไปแล้ว บางทีอาจจะราดเลยก็ได้
แต่สำหรับตอนนี้ ความโกรธของมันก็ไม่ต่างอะไรกับสายลมที่พัดผ่านร่างผมไปเลย
「แล้วนายจะมาโมโหทำไม บอกเองไม่ใช่หรือไงว่าขึ้นอยู่กับฉันน่ะ? 」
「ขอบแบบนี้มันก็ต้องมีขอบเขตก่อนหน่อยสิ! แล้วทำไมต้องถึงขั้นฆ่ากันด้วยล่ะ?!」
「ทำไมงั้นเหรอ? ของมันก็แน่อยู่แล้วเพราะยัยนั่นจะฆ่าฉันนี่นา」
「แต่นายก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือไง พอเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมเธอถึงต้องตายอีกล่ะ!」
「…นี่เอ็งโง่หรือเปล่าเนี่ย? 」
「หมายความว่าไง?!」
「แค่เพราะสุดท้ายแล้วฉันรอดมาได้ ก็เลยต้องยอมปล่อยฆาตกรไปงั้นเหรอ ทั้งที่ฉันรอดมาได้เพราะโชคและพลังของตัวเองเนี่ยนะ ฉันกลับมาได้เองโดยไม่มียัยฆาตกรนั่น นาย หรือก็ใครตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาช่วยเลยสักนิด ทำไมฉันต้องยอมให้พวกนายหลุดพ้นจากบาปเพราะเรื่องแค่นั้นกันล่ะ? 」
「หยุดเรียกมิโรว่าฆาตกรได้แล้ว! ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่านายน่ะยังมีชีวิตอยู่ มิโรไม่ได้ฆ่าใครสักหน่อย!!」
เฮ้ออออ ผมถอนหายใจออกมาแบบช่วยไม่ได้
จากนั้นผมก็ต้องมาอธิบายให้ราสที่กำลังอารมณ์เสียฟังด้วยคำพูดที่เข้าใจง่ายๆ แทน
「
เอางี้นะ สมมติว่าวันหนึ่งฉันไปกระซวกหัวใจของนายเข้า」
「…..นายกำลังพูดอะไรน่ะ? 」
「ช่วยฟังกันก่อนสิเห้ย…จากนั้นพอฉันแทงนายเสร็จ ฉันก็มั่นใจแล้วว่านายน่ะตายแน่ๆ ก่อนจะหนีไป แต่บังเอิญดันมีนักบวชอยู่ใกล้ๆ นั้นพอดี เขาจึงใช้ปาฏิหาริย์『คืนชีพ』ให้กับนายจนรอดมาได้ หลังจากนั้นนายจะมาตามล่าฉันหรือเปล่าล่ะ นายจะเรียกฉันว่าฆาตกรไหม แล้วถ้าฉันบอกนายว่า “เออ แกก็มีชีวิตอยู่นี่ งั้นก็แปลว่าฉันไม่ใช่ฆาตกรสักหน่อยอย่ามาเรียกกันแบบนั้นสิ” จากที่เล่ามาสรุปแล้ว ฉันเป็นคนผิดหรือเปล่าล่ะ? 」
「นั่นก็..!」
「เห็นไหมล่ะว่าตอนนี้นายมันไม่ได้เข้าใจอะไรเลย? 」
ราสกำหมัดแน่นจนสั่นแล้วปิดปากเงียบขณะที่ผมถามเขา
แล้วอิเรียก็เป็นฝ่ายที่พูดออกมาเหมือนต้องการจะเข้ามาช่วยราส
「ไร้สาระสิ้นดี อย่าหลงกลนะราส จากสถานการณ์ของเรา มิโรยิงเข้าที่แขนไม่ใช่หัวใจสักหน่อย แน่นอนว่าเธอก็ยังเป็นอาชญากร แต่อย่ามาทำเหมือนเธอหมายจะเอาชีวิตนายให้ได้ไปหน่อยเลย? 」
「…นั่นสิ! ใช่แล้ว เวทของมิโรยิงเข้าที่แขนของนาย นายก็บอกเองนี่โซระ!!」
「ไอ้เจ้าพวกนี้ก็ชอบสรรหายกคำมาพูดเพื่อให้ฝั่งตัวเองดูดีกันจังเลยนะ แล้วไอ้หมอนี่ก็ตามกับเขาไปอีก!」
อิเรียจ้องมาที่ผมเหมือนจะบอกว่า “ไหนแล้วนายมีอะไรจะโต้แย้งในเรื่องนี้กันล่ะ”
ราสที่ได้รับพลังกลับมาจากคำพูดของอิเรียก็อาการดีขึ้น
กลายมาเป็นผมที่ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นภาพแบบนี้
คนงี่เง่าเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง โห้ยๆ พวกแกไม่รู้จริงเหรอวะว่ากำลังพูดอะไรกันออกมา?
ลูนามาเรียยังคงเงียบเช่นเดิม เนื่องจากเธอหลบสายตาของผมอยู่ด้านหลังของราสและมิโรสลาฟ ผมก็เลยบอกไม่ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่…เอาเถอะ ผมค่อนข้างเบื่อการสนทนาที่ไม่เกิดประโยชน์นี้แล้วสิ งั้นก็มาจบเรื่องเลยแล้วกัน
「 “มิโรยิงเข้าที่แขนของฉันไม่ใช่หัวใจ” อิเรีย เธอรู้ไหมว่าแบบนั้นมันระยำยิ่งกว่าการฆ่ากันให้ตายอีกนะ? เธอก็เป็นถึงปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ C นะ ไม่รู้เลยหรือไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ถูกราชาแมลงวันจับไป? 」
ราสขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ส่วนทางอิเรียก็เงียบราวกับเป็นใบ้
ผมเห็นไหล่ของลูนามาเรียกระตุกจากบริเวณหางตา
「นายหมายความว่าไง? 」
「นี่นายไม่รู้จริงดิ? ทำไมนายถึงไม่พยายามเรียนรู้เหมือนเมื่อก่อนบ้างล่ะราส นี่อิเรียช่วยสอนหมอนี่เหมือนที่เธอเคยหน่อยสิ แบบนั้นน่าจะเข้าใจง่ายกว่า」
「…เอ่อ」
「นะ-นี่ อิเรีย หมอนี่หมายถึงอะไรเหรอ?? 」
「…ราชาแมลงวันจะทำให้เหยื่อเป็นนอัมพาตด้วยยาพิษ ก่อนจะพากลับไปที่รังของมัน แล้วเอาไปป้อนให้พวกตัวอ่อนกินทั้งเป็น…」
「งะ-งั้น?! โซระ…นายก็…」
「ก็เออสิวะ ฉันกลายเป็นอาหารสดให้พวกมันกิน ฉันละอยากจะแบ่งปันความกลัวและความสิ้นหวังตอนนั้นให้พวกแกรู้สักเสี้ยวหนึ่งก็ยังดีจริงๆ!」
ผมแสดงรอยยิ้มจอมปลอมออกมา จากนั้นผมก็พูดกับอิเรียด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
「ถ้างั้นก็กลับไปที่เธอพูดก่อนหน้านี้นะ อิเรีย เธอบอกว่าการยิงที่แขนของฉันมันเป็นเรื่องผิดก็จริง แต่มันก็เลวร้ายน้อยกว่ายัยนั่นฆ่าฉันให้ตายไปเลยใช่ไหมล่ะ? แบบนั้นก็ดี ลองพูดอีกครั้งต่อหน้าราสสิ บอกหมอนี่ไปว่าการที่ฉันถูกจับโดยราชาแมลงไป มันเลวร้ายน้อยกว่าการฆ่าฉันให้ตายตรงนั้นไปเลยน่ะ!」
「…」
「
หือ? ทำไมเธอเงียบไปล่ะ ไม่สะดวกที่จะพูดหรือไงท่านนักบวชวิหารเทพแห่งกฎหมาย หรืออยากจะใช้สิทธิ์ที่จะไม่พูดเอาตอนนี้กันล่ะ? “ยัยฆาตกร” แล้วก็ “ยัยใบ้” แหม่ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับพวกเธอสองคู่หูจังเลยเนอะ」
「โซระ! หยุดได้แล้ว! ฉันจะไม่ยกโทษให้นายแน่ถ้านายเยาะเย้ยเพื่อนของฉันไปมากกว่านี้!!」
「งั้นหัวหน้าปาร์ตี้ก็ต้องเป็น “พ่อหนุ่มหัวร้อน” สินะ ราสฉันถามนายบ้างนะ นายคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญไหมที่พรรคพวกของนายวิ่งตรงมาทางฉันหลังจากนายบาดเจ็บน่ะ? 」
「นายอยากจะพูดอะไร?!」
「อิเรียก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ ต้องรู้อยู่แล้วส่วนทาง มิโรสลาฟก็เป็นถึงจอมเวท ลูนามาเรียก็เป็นถึงปราชญ์ ทั้งคู่ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าราชาแมลงวันมันแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเธอไม่มีทางเอาชนะมันได้แน่ถึงจะมีนายเข้าไปร่วมด้วยก็ตาม และถ้าแพ้ก็คงโดนจับกิน ตอนนั้นคนที่เสี่ยงที่สุดก็คือนายที่เป็นหัวหน้าพวกเธอซึ่งหมดสติไป นายก็รู้ว่าพวกเธอทั้งสามคนชอบนายอยู่พวกเธอย่อมคิดอยู่แล้วว่า “จะมีวิธีไหนในการช่วยนายกับพวกตนได้บ้าง”… จากนั้นพวกเธอก็จำได้ว่ามีฉันอยู่นี่นา ก่อนที่พวกเธอจะวิ่งหนีตรงมาที่ฉันอยู่ ของแบบนั้นคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญไหมล่ะ」
「…」
「ไงล่ะมิโรสลาฟผู้ชำนาญการใช้เวทไฟ ทำไมดันมาใช้เวทลมเอาตอนนั้นกัน? ทั้งๆ ที่หากเป็นเวทไฟพลังทำลายจะสูงกว่าแท้ๆ อ้อ เธอรู้ลักษณะเฉพาะของราชาแมลงวันดีนี่นะ ว่ามันสนใจแต่สิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเกิดใช้ไฟเดี๋ยวมันจะไปทำลายเป้าหมายแรกของเธอที่จะใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อเอา ก็เลยใช้เวทลมที่สามารถจำกัดพลังทำลายล้างลงได้แทน ยินดีด้วยนะที่ทำสำเร็จ เพราะสุดท้ายฉันก็กลายเป็นเหยื่อของมอนสเตอร์นั่นแทนยังไงล่ะ」
「ไร้สาระสิ้นดี!!」
「หื้มมม สำหรับพวกนาย ดาบฮายาบูสะแล้ว “ปรสิต”อย่างฉันก็เป็นรอยด่างพร้อยในอดีตของพวกนายนี่นะ และในบรรดาทุกคนในปาร์ตี้มิโรสลาฟก็เกลียดฉันที่สุดด้วย เธอทั้งพยายามแยกฉันออกจากคนอีก กีดกันฉันให้ออกไปจากเมืองนี้ทำให้ชื่อเสียงของฉันป่นปี้ แต่พอสุดท้ายฉันยังไม่ไปไหน และในจังหว่ะนั้นเองฉันก็ถูกโจมตีโดยราชาแมลงวัน….…」
「…โห่ย ซาระ อย่างบอกนะว่านาย….」
「เธออาจจะคิดว่ามันเป็นจังหวะที่เหมาะจะกำจัดฉันไปก็ได้นี่ แถมยังสามารถอ้างว่าทำเพื่อช่วยนายด้วย และถึงเธอจะถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรม เธอก็จะอ้างในสิทธิ์อพยพเร่งด่วนที่มีไว้รักษาชีวิตของนักผจญภัย ตอนที่เธอบอกว่ามันจำเป็นฉันละตกใจจริงๆ ถ้างั้นแบบนี้พอจะสรุปได้ไหมว่าเธอวางแผนฆ่าคนโดยการใช้มอนสเตอร์มาบังหน้าน้อ? 」
「ย-หยุดพูดมั่วซั่วได้แล้ว! อย่ามาล้อกันเล่นนะ คนอย่างนายน่ะ! ถึงครั้งหนึ่งเราจะเคยเป็นพวกพ้องกันก็เถอะ ทำไมนายถึง—」
「พวกพ้อง? “คนคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราอีกแล้ว” นายเคยพูดแบบนั้นตอนที่เราเจอกันในป่าไม่ใช่หรือไง」
「อึก….!」
「…เอาเถอะ ที่จริงฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าอิเรียหรือลูนามาเรียจะเกี่ยวข้องไหม แต่อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่ามิโรสลาฟต้องวางแผนไว้แบบนั้นแน่ๆ ให้ฉันเดาเลยนะว่าเธอนั่นแหละที่เป็นคนวิ่งนำปาร์ตี้ไปตอนถูกราชาแมลงวันไล่ ไม่ไหมล่ะ อิเรีย ลูนามาเรีย? 」
พวกเธอไม่ได้ตอบตอนที่ผมถาม
ถึงจะไม่มีเสียงใดยอมรับในคำกล่าวอ้างของผม แต่ก็ไม่มีการโต้แย้งเช่นเดียวกัน
อิเรียไม่สามารถโกหกได้ด้วยความเป็นนักบวช ลูนามาเรียก็เป็นเอลฟ์ที่มีความเชื่อว่าการโกหกคือสิ่งที่น่ารังเกียจ และก็ไม่มีทางที่ราสจะแย้งอะไรได้เพราะมันหมดสติไปตั้งแต่แรกแล้ว
พอราสหันไปถามมิโรสลาฟจอมเวทสาวก็รีบเหวี่ยงผมสีแดงที่เธอภูมิใจไปมาอย่างรุนแรงเพื่อเป็นการปฏิเสธคำกล่าวอ้างเหล่านั้น
「มะ-มันโกหก มันโกหก! อย่าไปเชื่อมันนะ ราส ฉัน…ฉันโจมตีมันก็จริง แต่ฉันทำไปก็เพราะอยากจะช่วยพวกเรานะ! มันเป็นการตัดสินใจแบบกะทันหัน! ฉันไม่มีเจตนาจะฆ่ามันแน่นอน จริงๆ นะเชื่อฉันเถอะ!!」
มิโรสลาฟเกาะขาของราสเอาไว้ เหมือนเป็นฉากที่เกิดขึ้นไม่นานนี้เลยแฮะ
แล้วผมก็พูดเย้ยเธอต่อด้วยความแค้นที่สะสมมากว่าหลายปี
「แหม่ ก็ต้องเป็นแบบนั้นสิเนอะ มันจะไปมีผู้หญิงคนไหนตอบว่า “ใช่ค่ะ ฉันอยากจะกำจัดเจ้าแมลงน่ารำคาญนี่ไปให้พ้นสายตา” ต่อหน้าผู้ชายที่ตัวเองชอบกัน」
「หะ-หุบปากซะ ไอ้สารเลว! กะ-กล้าดียังไงเอาแต่พล่ามเรื่องไร้สาระแบบนั้นออกมา! คิดว่าจะหนีพ้นหรือไงถึงมาเป็นศัตรูกับลูกสาวของบริษัลซัลซ่าน่ะ?!」
มีประกายไฟเกิดขึ้นภายในดวงตาของมิโรสลาฟ สายตานั้นเหมือนกำลังจะสาปแช่งใครสักคนให้ตายเลย
ถึงผมจะได้ยินมาบ้างว่ามีจอมเวทที่ใช้เวทแบบนั้นได้บ้าง อย่างพวกดวงตามารหรือดวงตาปีศาจนี่แหละ แต่ถึงเธอจะมีอะไรอย่างที่ว่ามาจริง ผมก็ไม่เห็นจะต้องไปสนเลย
ผมยกมือขึ้นก่อนจะมองไปที่พนักงานต้อนรับของกิลด์ที่กำลังทำการจดบันทึกบทสนทนาอย่างละเอียด
「นั่นคือสิ่งที่ลูกสาวของบริษัทซัลซ่าพูดนะ ทางฉันก็ไม่คิดจะถอนคำพูดเหมือนกันนั่นแหละ งั้นฉันมีอะไรอยากจะเสนอต่อสมาคมนักผจญภัย」
「…ข้อเสนอเหรอคะ? 」
「ใช่ ฉันจะขอเรียกตัวนักบวชที่มีปาฏิหาริย์ 『จับเท็จ』 หากเราตรวจสอบคำให้การของผู้หญิงคนนี้ด้วยวิธีการนั้น ทุกอย่างก็น่าจะชัดเจน หากสิ่งที่ฉันกล่าวหาพวกเขาไม่ใช่เรื่องจริง ฉันก็จะขอถอนคำร้องทุกอย่าง แล้วรับโทษที่ไปกล่าวหาว่าคนอื่นเป็นฆาตกรด้วย และฉันสาบานเลยว่าจะไม่มาปรากฏตัวที่กิลด์หรือเมืองแห่งนี้อีก แถมเธอก็ไม่น่าจะมีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเรื่องนี้นี่เนอะหากเธอไม่ได้โกหก ยังไงเดี๋ยวความจริงก็กระจ่างออกมาเอง」
ผมมองไปที่มิโรสลาฟด้วยสายตาเย้ยหยัน
ถ้าหากสิ่งที่ผมกล่าวมามันไม่ใช่เรื่องจริง คนอย่างเธอก็คงจะตอบกลับมาทันทีประมาณว่า “ก็เอาสิ เอาตามที่แกว่าเลย!”
แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วว่า ภายในดวงตาของจอมเวทคนนั้นกำลังสะท้อนแสงแห่งความลังเลออกมาให้เห็น
เพราะพนักงานกิลด์ก็เหมือนจะเห็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน คำพูดต่อมาของเธอจึงดูเหมือนกำลังคิดคำนวณอะไรอยู่
—–
Note 1 : ค้างซะงั้น
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code