การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 44 ชีล อารูส

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 44 ชีล อารูส

 

「อ่า-คือ นายท่านจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? 」

 

 

 

「หือ? เธอหมายถึงอะไรน่ะ」

 

 

「ก็…ให้ทาสอย่างฉันมาอยู่ในห้องนี้…」

 

 

 

「จะเป็นไรไปล่ะ ห้องมันก็มีอยู่ตั้งเยอะ ไม่ได้ใช้ก็น่าเสียดายออก」

 

 

ชีลสับสนหลังจากที่เขาบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

 

 

 

ห้องที่มีขนาดเท่ากับไม่สิใหญ่กว่าบ้านของเธอที่มีสมาชิกอีก 8 คนอาศัยอยู่ด้วยกัน

 

 

 

นอกจากเตียงแล้วยังมีชั้นวางเตรียมไว้ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังมีผ้าห่มและผ้าปูให้ด้วย จนทำให้เธอสามารถเริ่มใช้ชีวิตในห้องนี้ได้เลยทันที

 

 

 

พื้นไม้ก็ถูกขัดออกมาอย่างเงางามเป็นประกายสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องมาจากทางหน้าต่าง

 

 

ห้องของเธอที่”บ้านนกน้อยสีน้ำเงิน”ซึ่งใช้มาจนถึงเมื่อวานนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่ห้องใหม่ของเธอนี่มันคนละระดับกันเลย

 

 

ถึงเธอจะได้ห้องนี้มาใช้ตามใจชอบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่เธอก็ไม่รู้จะต้องจัดการกับมันอย่างไรดี

 

 

เธอเงยหน้ามองโซระผู้เป็นเจ้านายของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนอยากขอความช่วยเหลือ

 

 

 

โซระก็ได้แต่ยักไหล่ให้กับเธอ

 

 

 

「ก็รู้หรอกนะว่าเธออยากจะพูดอะไร เอาจริงๆ ตอนฉันเห็นทีแรกก็ไม่ต่างกับเธอนักหรอก」

 

「 ช-ใช่ไหมล่ะคะ บ้านนี้มันเหมาะสำหรับบุคคลสำคัญสักคนหนึ่งแน่ๆ …อารมณ์เหมือนบ้านของชนชั้นสูงเลยไม่ใช่หรือไงคะ」

 

 

「 ทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านอาศัยระดับสูง อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะยืมมือของพวกสหภาพขนาดนี้หรอกนะ ตอนแรกกะจะปฏิเสธด้วยซ้ำแต่ว่า…」

 

 

 

「แต่ว่า? 」

 

 

 

「ทำใจปฏิเสธเจ้าอ่างอาบน้ำนี่ไม่ไหวจริงๆ 」

 

 

เมื่อโซระพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง ชีลก็ตกใจเล็กน้อย

 

 

เธอรู้ว่าอ่างอาบน้ำคือะไร เพราะตามท้องถนนเมืองอิชกะก็มีโรงอาบน้ำสาธารณะ

 

 

 

ส่วนใหญ่เป็นห้องอบไอน้ำ แต่บางที่ก็จะมีอ่างอาบน้ำที่ใหญ่เท่าน้ำพุกลางเมืองซึ่งมีน้ำร้อนอยู่เต็มอ่างอยู่หรอก

 

 

อ่างอาบน้ำที่ติดตั้งอยู่ในบ้านหลังนี้ก็เป็นแบบหลังอย่างที่เธอว่า

 

 

 

「ทั้งที่พูดติดตลกไปว่าถ้ามีอ่างอาบน้ำฮิโนกิได้ก็คงจะดี แต่ก็สมกับเป็นสหภาพจริงๆ ไม่สิต้องขอบคุณความรู้และความสามารถของคุณฟีโอดอร์น่าจะเหมาะกว่า ถือว่าฉันติดหนี้เขาเลยนะเนี่ย」

 

 

 

「อ-อ่างอาบน้ำที่สร้างมาจากไม้หอมฮิโนกินี่กลิ่นดีจริงๆ ค่ะ」

 

 

 

「ใช่ไหมล่ะ?!」

 

 

เธอรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งพอเห็นเขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข

 

 

ใบหน้าของเธอแดงขึ้นโดยสัญชาตญาณ และหูรูปสามเหลี่ยมบนศีรษะของเธอก็แกว่งไปมาแต่โซระก็หาได้สังเกตเห็นไม่เพราะเขากำลังมีความสุขเป็นอย่างมาก

 

เพราะขนาดที่โรงอาบน้ำสาธารณะยังไม่มีอ่างอาบน้ำฮิโนกิเลยนี่นา! ถึงจะยากที่ต้องเติมน้ำจำนวนมากกว่าอ่างจะเต็ม แต่ยังไงเราก็มีน้ำจากแม่น้ำเคลเหลือเฟืออยู่แล้วนี่เนอะ แถมเรายังใช้ซาลาแมนเดอร์ที่ลูนามาเรียอัญเชิญมาเพื่อทำให้น้ำอุ่นขึ้นได้ด้วย สมบูรณ์แบบ!」

 

 

 

「……นะ-นั่นสินะคะ」

 

 

เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้านายของเธอในตอนนี้ตื่นเต้นเหมือนเด็กเลย

 

 

ดูจากที่เขาว่ามาแล้ว ดูเหมือนเขามีเคยมีอ่างอาบน้ำฮิโนกิอยู่ที่บ้านเกิดของเขาที่จากมาเนิ่นนาน จนอดคิดถึงไม่ได้

 

 

 

จากที่ชีลรู้ มีเพียงพวกชนชั้นสูงเท่านั้นที่มีอ่างอาบน้ำในบ้านของพวกเขา ชีลก็เลยสงสัยว่าคนตรงหน้าเธอ แท้จริงแล้วอาจจะเป็นบุตรชายของตระกูลที่มีชื่อตระกูลหนึ่งก็ได้

 

 

โซระสงบสติของตัวเองลงด้วยการกระแอมหนึ่งที เมื่อเห็นท่าทางที่สับสนของชีล

 

 

 

「งะ-งั้นก็ พักเรื่องอ่างอาบน้ำไว้ก่อนละกัน」

 

 

 

「น-นั่นสินะคะ」

 

 

「จากนี้ก็ฝากดูแลซูซูเมะด้วยล่ะ ฉันบอกลูนามาเรียไปแล้ว ถ้าซูซูเมะอยากจะออกไปข้างนอกก็ช่วยดูแลเธอด้วยแล้วกัน」

 

 

 

「รับทราบค่ะ」

 

 

ชีลพยักหน้าขณะนึกถึงใบหน้าของคิจินสาวที่เริ่มเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยกันกับพวกเธอเมื่อวันก่อน

 

เธอไม่ได้รู้สึกเกลียดหรือหวาดระแวงคิจินอะไรเป็นพิเศษ

 

 

 

ในสงครามเมื่อ 300 ปีก่อน มนุษย์สัตว์ก็เข้าต่อสู้กับพวกคิจินไม่ต่างกับมนุษย์ แต่สำหรับชีลแล้วเรื่องพวกนั้นมันก็เหมือนนิยายเล่มหนึ่ง เธอไม่ได้มีความรู้สึกเกลียดชังใดๆ ต่อพวกเขา และถึงเธอจะมีจริงเธอก็ไม่คิดจะทำอะไรกับซูซูเมะ

 

 

นอกจากนั้น ถ้าให้พูดถึงประวัติศาสตร์ มนุษย์สัตว์กับมนุษย์ก็มีความขัดแข้งกันมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตอยู่แล้ว

 

 

ถึงขนาดว่ามนุษย์บางคนคิดว่าเผ่ามนุษย์สัตว์ คือมนุษย์ที่ปนเปื้อนมลทินของพวกสัตว์ร้าย แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับประเทศ ภูมิภาค ซึ่งการปฏิบัติและกดขี่มนุษย์สัตว์ของพวกเขาก็ต่างกันออกไป

 

ถ้าหากจะให้เธอเลือกว่าเมื่อเจอคิจินกับมนุษย์เธอควรระวังใครมากกว่ากัน เธอก็คงต้องตอบอย่างหลัง

 

 

 

…อันที่จริง ตอนแรกเธอก็ระแวงเจ้านายของเธอไม่น้อย

 

 

ชีลนึกถึงวันเก่าๆ ที่ผ่านมา

 

ถึงวันเก่าๆ ที่เธอว่ามันจะไม่ถึง 3 เดือนตั้งแต่ที่โซระพาเธอมาก็เถอะ

 

แต่ความทรงจำเหล่านั้นในหัวของเธอ มันก็ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ามันเป็นอดีตที่ผ่านมานานมากแล้ว

 

 

◆◆◆

 

ชีลเกิดที่บริเวณชายแดนตะวันตกของจักรวรรดิแอด แอสเทอร่า

 

หมู่บ้านของเธออยู่ติดกับชายแดนของอาณาจักรคานาเรีย

 

ตอนเธออายุได้ 15 ปี เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับพ่อแม่ของเธอพร้อมกับเหล่าพี่น้องอีก 7 คน

 

แต่แล้วชีวิตของเธอก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อพ่อของเธอที่เป็นนักล่าถูกพวกสัตว์อสูรทำร้ายตอนขึ้นเขาไปล่าสัตว์

 

ผลคือพ่อของเธอไม่อาจจะกลับมาทำงานได้ตามเติมเพราะเสียขาไป และครอบครัวของเธอก็เริ่มล่มจมขึ้นในทันที ลูกสาวคนโตสุดรองจากชีลที่อายุได้ 10 ปี น้องชายอายุ 8 ปี น้องชายคนสุดท้องของเธอยังเป็นทารกอยู่ ด้วยเหตุนี้ชีลจึงใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจขายตัวเอง

 

 

เพราะทางจักรวรรดินั้นยอมรับมนุษย์สัตว์เป็นพลเมืองของพวกเขาเหมือนกัน การกดขี่จึงแสดงออกมาให้เห็นไม่ได้ชัด

 

แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่ชอบและเกลียดชังมนุษย์สัตว์อยู่ดี

 

 

ดังนั้นถึงพวกเธอจะมีสิทธิ์ในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง แต่หากมนุษย์สัตว์กลายเป็นทาสขึ้นมาเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องโดนอะไรบ้าง

 

แต่ถึงเธอจะรู้ดี เธอก็ยังเลือกที่จะเดินเข้าไปหาพ่อค้าทาสและขายสิทธิ์ทั้งหมดที่เธอมีอยู่เพื่อหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวของเธอ ปลอกคอของทาสถูกสวมเข้าที่คอของเธอทันทีหลังจากนั้น

 

 

หลังจากที่ชีลถูกพ่อค้าทาสซื้อไป เธอก็ได้ยินเรื่องราวสารพัดมาจากทาสคนอื่นในนั้น

 

มนุษย์กระต่ายสาวที่ถูกซื้อตัวไปโดยชนชั้นสูงผู้น่ารังเกียจซึ่งถูกจับถอดเสื้อเดินไปตามท้องถนนเหมือนสัตว์เลี้ยงเอย

 

มนุษย์สัตว์เผ่าสิงโตที่ถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงและถูกบังคับให้หมอบกราบเจ้านายของตนเพื่อเป็นการสั่งสอน

 

และเรื่องราวอันน่าสยดสยองอีกมากมายที่เธอไม่อยากได้ยิน เธอไม่สงสัยเลยว่าอนาคตของเธอก็ไม่น่าจะต่างกัน

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลตอนที่เธอเจอโซระครั้งแรก เธอรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากจนพูดไม่ออก

 

 

หลังจากโซระซื้อเธอมา เธอก็เดินทางจากจักรวรรดิมาที่อาณาจักรคานาเรีย เมืองอิชกะ แต่เธอก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย

 

 

เธอที่มาถึงเมืองอิชกะนั้นต้องประสบปัญหาในการนอนหลับเป็นอย่างมากเพราะร่างกาย หู หางของเธอถูกลูบทั้งวันทั้งคืนด้วยเหตุผลบางอย่าง พอโซระบอกว่าเขาชอบเห็นหญิงสาวหมดสภาพจนร่างกายทรุดโทรม เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเธอถูกซื้อมาโดยเจ้านายที่น่ากลัวเข้าซะแล้ว

 

 

 

…พอมาถึงตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าที่เขาว่ามาทั้งหมดนั้นแค่เรื่องล้อเล่น แต่ตอนนั้นเธอก็อยากจะบอกเขาจริงๆ ว่า ถ้าจะล้อเล่นก็คิดถึงเวลาและสถานที่บ้าง

 

 

จุดเปลี่ยนมันก็มาจากตอนที่เธอได้พบกับลูนามาเรียละมั้ง

 

หลังจากตอนนั้นสิ่งที่โซระกระทำกับเธอก็เปลี่ยนไปทันที ไม่เพียงแค่นั้นเขายังเสนอให้เธอหลุดพ้นออกจากการเป็นทาสอีกด้วย

 

คงจะเป็นเรื่องโกหกหากบอกว่าเธอไม่สนใจข้อเสนอนั้น

 

แต่เมื่อเธอถูกปลดปล่อยจากการเป็นทาสแล้วกลับบ้านเกิด เธอจะทำอะไรได้อีกนอกจากต้องขายตัวเองอีกรอบหนึ่ง

 

 

หากเป็นชีลคนเดียว การจะขายตัวเองแบบนี้ก็คงทำเงินได้เยอะ แต่ถ้าต้องดูแลครอบครัวที่รออยู่ถึง 8 คน เงินที่ได้มาก็คงจะอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 ปี นอกจากนั้นถ้าเธอกลับไปแล้วเงินที่มีก็คงจะลดลงเร็วกว่าเดิม

 

 

เพราะตอนนี้คนในครอบครัวของเธอไม่มีใครสามารถทำงานได้เลย

 

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องหาเงินให้ได้มากๆ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเธอ อย่างน้อยก็จนกว่าน้องชายคนโตที่อายุ 8 ปีโตเป็นผู้ใหญ่

 

เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะหาเงินจำนวนมากขนาดนี้หากทำงานปกติโดยใช้เวลาเพียงแค่1-2ปี

 

ยิ่งเป็นการขายตัวเองครั้งที่ 2 ก็คงจะไม่ได้เยอะเท่าเดิมด้วย

 

ดังนั้นเพื่อให้เธอสามารถหาเงินได้มากกว่าเดิม เธอจึงเลือกเส้นทางที่ไม่ถูกต้องนัก

 

 

ยกตัวอย่างเช่น

 

 

 

ครองใจเจ้านายของเธอ ผู้ที่มักจะให้ทิปก้อนโตกับลูกสาวเจ้าของโรงแรมอยู่เสมอ

 

ด้วยเหตุนี้ชีลจึงเปลี่ยนท่าทีที่เฉยเมยต่อเขา

 

เธออยากจะใช้เวลาในยามค่ำคืนกับเขาด้วยใจจริง

 

ในตอนแรกที่เธอขายสิทธิ์ทุกอย่างในตัวเธอ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกปฏิเสธความต้องการของเจ้านายเธออยู่แล้ว แต่เธอก็รู้สึกว่าตัวเองต้องพยายามแสดงความภักดีออกมาให้เจ้านายของเธอได้ ให้เขาได้รู้ถึงด้านที่ดีของเธอให้มากยิ่งขึ้น ถ้าเธอทำมันให้เร็วกว่านี้ก็คงจะดี

 

 

พอชีลคิดได้แบบนั้นเธอก็ดุตัวเองในใจขณะมองขึ้นไปบนฟ้า เพื่อนเก่าที่เป็นทาสเหมือนกันได้แนะนำเธอว่าเธอควรจะรีบครองใจเจ้านายของเธอให้ได้โดยเร็ว แต่เธอกลับไม่ได้สนใจและดีใจที่โซระไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับเธอเลย

 

 

ในที่สุดก็ต้องมานั่งเสียใจ ชีลจึงต้องปรับปรุงตัวและเข้าหาโซระก่อน โซระที่เห็นความทุ่มเทของซีลก็เพิ่มความรักให้กับเธอขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะรู้ตัว พวกเธอก็ตกลงมาสู่ความสัมพันธ์ในปัจจุบันซะแล้ว

 

 

 

เธอเรียนวิธีการสู้มาจากลูนามาเรียและทำภารกิจที่ได้รับมาสำเร็จหลายภารกิจ ไม่นานนักโซระก็ตั้งแคลนดาบควันโลหิต และเธอก็ได้รับค่าจ้างจากงานนี้ด้วย

 

 

ชีลส่งเงินของเธอผ่านสหภาพกลับไปยังบ้านเกิด แม้ว่าเงินที่ส่งไปแต่ละครั้งน่าจะใช้ได้ประมาณสักครึ่งเดือน แต่พวกน้องๆ ของเธอก็ไม่ต้องทนหิวอีกต่อไปและพวกเขาก็จะไม่ได้ต้องเลือกเส้นทางในการขายตัวเองเหมือนกับเธอ

 

 

ดังนั้นจากมุมของชีลตอนนี้การจะดูแลคิจินเพิ่มอีกสักตนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย เธอไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท