การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 80 อิเรีย 3

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 80 อิเรีย 3

ถูกเห็นเข้าแล้วสิ――วินาทีที่เธอคิดได้แบบนั้นอิเรียก็ทำการเอามือขวาของตนปิดใบหน้าอีกซีกของเธอทันทีก่อนจะก้มหน้าลง

 

 

ก็จริงว่าการกระทำของเธอมันไม่ได้ช่วยลบภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ได้

 

หากเป็นโซระล่ะก็ ใบหน้าที่เละเทะของเธอย่อมไม่หลุดรอดสายตาของเขาไปได้อยู่แล้ว

 

พอคิดแบบนั้น ร่างกายของเธอก็รู้สึกร้อนขึ้นจากความอับอายและอัปยศอดสู

 

 

 

 

หากเอาผ้าไม่ก็หน้ากากมาปิดใบหน้าไว้ตั้งแต่แรก บางทีเธออาจจะไม่ต้องมาลิ้มรสความรู้สึกแย่แบบนี้

 

 

 

แต่สุดท้ายก็เป็นตัวเธอเองที่อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ

 

 

มันคือการเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามของเธอ ผู้ซึ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันด้วยความองอาจ

 

 

ฉันไม่สนใจหรอกนะถึงนายจะเห็นใบหน้าอันแสนน่าเกลียดของฉันแล้ว แล้วฉันก็ไม่ได้น่าสมเพชพอจะมาขอยารักษาจากนายด้วย――เธอพยายามจะนิ่งเฉยเพื่อส่งข้อความเช่นนี้ไปให้เขา

 

 

แต่พออยู่ในสถานการณ์จริง ทันทีที่โซระเห็นใบหน้าของเธอ ความองอาจที่เคยมีก็หายไปราวกับน้ำแข็งที่โดนแสงอาทิตย์ส่อง

 

 

นี่เรากำลังทำบ้าอะไรอยู่กัน…เธอได้แต่เยาะเย้ยตัวเอง

 

 

 

เธอพยายามจะปฏิเสธการกระทำของตัวเอง แต่ความรู้สึกที่แย่ก็ไม่อาจจะลบล้างออกไปโดยง่าย

 

 

สำหรับคนที่เคยทำหน้าที่ในฐานะนักผจญภัยและนักบวชสายบู้มาหลายปี เรื่องอย่างพวกติดพิษ เจอคำสาป อัมพาต เธอย่อมเคยลิ้มรสมันด้วยร่างกายของเธอเองมาหมดแล้วและเธอก็สามารถเอาชนะมันมาได้ทุกครั้ง

 

 

 

แต่พิษในครั้งนี้มันแตกต่างออกไปละทำให้เธอกังวลใจอย่างมาก

 

 

อาการของมันคล้ายกับไข้สูง มีอาการไอ คลื่นไส้ ปวดตามข้อ สิ่งพวกนี้อิเรียไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คืออาการชาที่ค่อยๆ คืบคลานไปตามมือ เท้า และใบหน้าของเธอต่างหาก

 

 

เพราะอาการอย่างอื่นเธอยังสามารถจัดการได้ด้วยเวทมนตร์หรือโพชั่น ถึงไม่นานนักอาการมันก็จะกลับมาอีก แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เธอได้พักหายใจสักพักหนึ่ง

 

 

แต่อาการชานี่สิมันไม่ได้หายไปเลยจากร่างของเธอ แถมเธอมั่นใจด้วยว่าอีกไม่นานมันก็น่าจะกลืนกินร่างของเธอไปทั้งหมด

 

 

ถึงตอนนี้เธอจะยังสามารถขยับแขนขา ยืน เดิน พูดคุยกับแม่ของเธอ ราส และ พวกเด็กๆ ได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าอีกไม่นานเธอคงทำแบบนั้นแล้วไม่ได้แน่ๆ ความเชื่อเหล่านี้มันค่อยๆ เริ่มกัดกินจิตใจของเธอไปเช่นกัน

 

 

ใบหน้าซีกขวาของเธอที่ถูกอาการชาเข้าคุกคามก็ได้เริ่มเละและเน่าเปื่อยไปจนดูน่าเกลียดราวกับมันอยากจะยืนยันถึงสิ่งที่เธอคิดว่าถูกต้อง

 

 

 

หนักกว่านั้นคือเนื่องจากใบหน้าของเธอมีอาการชา เธอจึงไม่รู้เลยว่าใบหน้าของเธอกลายเป็นแบบนั้นไปแล้วจนกระทั่งแม่ของเธอเข้ามาทักด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เรื่องนี้แค่นึกเธอก็ยังรู้สึกกลัวไปหาย

 

 

ความรู้สึกเจ็บปวดคือสัญญาณเตือนความผิดปกติจากร่างกายที่บอกกับเจ้าของ หากสัญญาณเตือนดังกล่าวไม่ดังขึ้น เจ้าของร่างก็ย่อมไม่มีทางรู้ถึงความผิดปกติได้ง่าย แม้ว่าแขนขาของเธอจะเน่าเปื่อยไปด้วยเธอก็คงไม่รู้ตัวแน่ๆ มันทำให้เธอกลัวมาจริงๆ

 

ร่างกายที่ถูกอาการชากลืนกินไปช่างเหมือนกับเธอโดนแขนแห่งยมทูตดึงส่วนดังกล่าวไปแล้ว และเมื่อใดก็ตามที่มันได้กลืนกินเธอไปทั้งร่างแล้ว นั่นก็จะเป็นสัญญาณแห่งความตายของเธอ

 

 

แต่ตอนนี้อิเรียเริ่มจะเปลี่ยนความคิดไปบ้างแล้วหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับพิษนี้มาได้สักพัก

 

 

 

ตอนนี้เธอมองว่าหากเธอตายได้โดยง่ายคงจะเรียกว่าพรจากสวรรค์เลย

 

 

หากยังปล่อยให้อาการเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เธอคงไม่พ้นต้องค่อยๆ เฝ้าดูร่างกายของตัวเองเน่าเปื่อยไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย นี่เธอต้องตกอยู่ในขุมนรกที่แม้แต่รู้สึกเจ็บปวดก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ แค่คิดเธอก็แทบคลั่งแล้ว

 

 

หากเป็นแบบนี้ เธอเลือกที่จะตาย――

 

 

 

「โฮ่ย อิเรีย」

 

 

อิเรียกลับมาสู่ความเป็นจริงทันทีหลังจากได้ยินเสียงหนึ่งเรียกเธอขึ้น

 

เมื่อเธอหันไปดู ก็พบว่าโซระกำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

 

 

「อ-อะไรล่ะ…? 」

 

 

 

「อาการพวกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? 」

 

 

อิเรียตอบคำถามกลับไปด้วยความรู้สึกสับสน เพราะคนที่ถามเธอควรจะมองเธอด้วยสีหน้าที่ขยะแขยงสิ

 

 

「ม-เมื่อสามวันก่อน…แต่ฉันคิดว่าอาการพวกนี้น่าจะเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่ฉันได้รับพิษนั่นแหละ」

 

 

 

「สามวัน….สามวันสินะ? 」

 

 

หลังจากที่เขาพูดแบบนั้นจบ โซระก็เงยหน้าขึ้นไปบนเพดานก่อนจะพูดอะไรบางอย่างกับตัวเอง

 

 

 

อิเรียรู้สึกเหมือนเธอได้ยินเขาพูดว่า “ต้องรีบแล้วสิ”

 

 

 

โซระก็กลับมามองเธออีกครั้ง จนทำให้อิเรียรู้สึกว่าร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัวจากสายตาดังกล่าว

 

 

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจท่าทางของเธอเลย ก่อนจะพูดขึ้น

 

 

 

 

「อิเรียเธอได้เรื่องยารักษา มาจากคุณนักบวชแล้วใช่ไหม?? 」

 

 

 

「อะ-เอ่อ ก็ได้ยินอยู่หรอก หมายถึงไอ้ยารักษาปลอมที่ผสมเลือดมังกรมาใช่ไหมล่ะ? หากนายจะปั้นเรื่องขึ้นมาก็ควรจะทำให้มันน่าเชื่อถือมากกว่า――」

 

 

 

「นี่ของจริงนะ เอ้าดื่มไปซะ ให้หมดในรวดเดียวด้วย」

 

 

 

「เดี๋ยวก่อนสิ ยะ-?!」

 

 

อิเรียพยายามจะบ่นกับโซระที่เอายาแปลกอะไรไม่รู้ออกมา แล้วก็ถูกเขาพยายามจับยายัดเข้าปาก

 

 

 

ในขณะที่เธอพยายามจะดันขวดออกไปด้วยมือขวา เธอก็จ้องโซระไปด้วย

 

 

 

「อยู่ดีๆ ก็คิดจะทำอะไรกันยะ?!」

 

「ไม่ต้องห่วงหรอกน่า หากคิดมากนักล่ะก็ ฉันบอกให้ก็ได้ว่ามิโรสลาฟเป็นคนลองเองกับตัวแล้วว่าปลอดภัย ทางฉันก็รับประกันให้ด้วย」

 

 

「แล้วใครมันจะไปเชื่อพวกนายลงกัน นอกจากนี้ทำไมนายต้องรีบถึงขนาดนั้นกันล่ะ? 」

 

 

「…เพราะสามวันก่อน ฉันไปที่หมู่บ้านต้นแม่น้ำเคลมา เพราะได้ยินถึงเรื่องที่กิลด์บอกว่าเจอพิษที่ยารักษาสหภาพมันไม่ได้ผล และสิ่งที่ฉันเห็นจากหมู่บ้านนั้นก็คือคนที่มีสภาพเหมือนกับเธอนี่แหละ แต่พิษได้กลืนกินร่างของพวกเขาไปเยอะกว่าเธอมาก จนทำให้ไม่สามารถยืนหรือพูดออกมาได้อีกแล้ว」

 

 

 

「……หา? 」

 

 

「ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรนักหรอก เพราะไม่ได้อยู่ที่นั่นนานด้วย แต่อย่างน้อยก็พอรู้มาว่าพวกเขากลายเป็นผักไปโดยใช้เวลาไม่ถึง 10 วันด้วยซ้ำ ดังนั้นหากเธอไม่รีบจัดการมันตอนนี้ละก็ไม่ทันแน่」

 

 

เธอมองเข้าไปในดวงตาของโซระที่พูดออกมา เธอสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้โกหก

 

 

เรื่องราวของเธออาจจะจบแบบนั้นจริงๆ ――อิเรียรู้เรื่องนั้นดี แต่มันก็อดรู้สึกคับข้องใจไม่ได้จริงๆ พอได้ยินตัวเลขว่าเวลาของเธอเหลือไม่ถึง 10 วัน

 

 

จากนั้นเธอก็เริ่มเปิดปากพูดด้วย น้ำเสียงที่สั่นเทา

 

 

「…แล้วคนพวกนั้นส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาไหม? 」

 

 

 

「กระทั่งเสียงยังไม่ได้ยินเลย」

 

 

 

「งั้นเหรอ….เป็นแบบนี้เองสินะ เฮ้อ…」

 

 

อิเรียพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะจ้องมองไปยังขวดยาที่โซระหยิบออกมา

 

 

 

 

「ถ้าฉันดื่มนี่แล้วมันไม่ได้ผล――」

 

 

 

「ถ้าเป็นงั้นฉันจะปรับปรุงมันให้ดีขึ้นกว่าเดิมเอง」

 

 

 

「แล้วถึงมันจะได้ผล แต่ถ้าอาการมันกลับมาอีก――」

 

 

「งั้นเธอก็แค่ดื่มมันไปเรื่อยๆ สิ โชคดีที่ทางฉันก็ไม่ได้ขาดแคลนของในการทำด้วย」

 

 

 

「แต่ถ้าผลของมันแสดงออกมาน้อยลงหากดื่มไปเรื่อยๆ ล่ะ เพราะยารักษากับเวทของแม่ฉันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน」

 

 

「หากเป็นงั้นจริง ฉันก็แค่ทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิมอีกรอบ หรือถ้าเธอต้องการจะดื่มเลือดมังกรตรงๆ เลยก็ได้นะ」

 

 

พออิเรียได้ยินแบบนั้น เธอก็ยักไหล่ออกมาด้วยความผิดหวัง

 

แต่สิ่งที่เธอผิดหวังไม่ใช่ท่าทางหรือคำพูดของชายหนุ่ม แต่เป็นตัวเธอเองที่ยังคงพยายามฝืนทำตัวแข็งกร้าวแม้จะในสถานการณ์แบบนี้

 

 

 

「พูดมันก็ง่ายสิยะ เลือดมังกรมันหายากพอๆ กับอิโอฮารุก้อนเลยนะรู้ตัวไหม? 」

 

 

「แต่เธอก็ได้เป็นหนึ่งในพยานของเรื่องหายากอย่างมนุษย์ที่ติดแหง่กอยู่ที่เลเวล 1 มาทั้งชาติ ได้กลายมาเป็นอัศวินมังกรแล้วนี่」

 

 

ประโยคนั้นมันทำให้อิเรียหัวเราะออกมาเบาๆ

 

 

 

「หึ ที่นายพูดมันก็จริง หากคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับนาย กะอีแค่เลือดมังกรก็คงไม่ถือว่าหายากเท่าหรอกมั้ง――นี่ โซระ」

 

 

 

「อะไร? 」

 

 

「เรื่องนี้ฉันไม่เคยบอกแม่หรือราสมาก่อนนะ แต่ฉันอยากจะบอกกับนายไว้ ว่าถ้าพิษนี้มันรักษาไม่ได้ แล้วฉันกลายเป็นผักไป…ถ้าถึงเวลานั้น…นายช่วย…」

 

 

อิเรียพยายามจะบอกความรู้สึกที่ไม่เคยบอกใครของเธอออกมา แต่สุดท้ายเธอก็เหมือนจะยังลังเลอยู่ดี

 

 

หากเธอพูดมันออกมาจนหมด มันก็เหมือนกับเธอได้ยอมแพ้ต่อการต่อสู้กับพิษนี้ไปแล้วไม่ใช่หรือไงกัน เธออยากจะเป็นแบบนั้นจริงเหรอ? นั่นคือสิ่งที่ทำให้ริมฝีปากของเธอหนักอึ้งขึ้นมา

 

 

แต่โซระก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกที่แสนซับซ้อนของเธอเลยก่อนจะพูดออกมา

 

 

「ไม่ต้องห่วงหรอก หากเป็นงั้นจริง ฉันนี่แหละจะเป็นคนจบชีวิตเธอเอง」

 

 

ความคิดของเธอถูกอ่านออกได้อย่างง่ายดาย แล้วอิเรียก็เงยหน้าขึ้นมองเขา

 

 

 

「จริงนะ นายจะช่วยฉันจริงๆ ใช่ไหม? 」

 

 

「เออน่า อย่างแรกเลยคือเธอคิดจริงเหรอว่าที่ฉันถ่อมาช่วยเธอเนี่ยเป็นความหวังดี? ถ้าฉันช่วยเธอได้ เธอก็จะติดหนี้ฉัน แต่ถ้าฉันพลาดไป ฉันก็แค่จัดการแก้แค้นเธอโดยการฆ่าเธอก่อนที่พิษมันจะฆ่าเธอเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะทางไหนฉันก็ไม่มีอะไรเสียหายเลยสักนิด」

 

 

โซระที่อยู่ตรงหน้าของเธอแสดงรอยยิ้มออกมา ทำให้อิเรียรู้สึกว่าเธอกำลังเริ่มมองเขาในมุมที่แตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนแล้ว

 

 

ไม่ว่าเธอจะป่วยอยู่แค่ไหน เธอก็สามารถบอกได้ว่าท่าทางที่เขาแสดงออกมามันเกินจริงไปอยู่บ้าง

 

 

 

 

เพราะฉันเกลียดเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงฉันก็ไม่ลังเลหรอก――นั่นคือท่าทางที่โซระแสดงออกมาให้เธอเห็น

 

หากคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาก็คงจะบ่นกับโซระที่แสดงท่าทีแบบนี้ออกมาแล้ว

 

 

แต่สำหรับอิเรียที่เกรงกลัวต่อขุมนรกไร้ความรู้สึกเจ็บปวด ซึ่งทำให้ใบหน้าของเธอเละไป การกระทำของโซระมันทำให้เธอรู้สึกดีกว่าคำปลอบใจมากเป็นหลายเท่า

 

 

 

เพราะถึงเธอจะเอาชนะพิษนี้ไม่ได้ แต่เธอก็จะไม่ได้เผชิญกับความเลวร้ายที่สุดของมัน――ขอแค่มีหลักประกันที่จะสามารถหลุดพ้นได้จากขุมนรกไร้ความเจ็บปวด อิเรียก็ไม่มีอะไรจะปรารถนาไปมากกว่านี้แล้ว

 

———

Note 1 : จากสภาพดูเหมือนอิเรียจะได้รับความรู้สึกไม่ต่างกับที่โซระโดนในถ้ำแล้วมั้ง จะเรียกว่าถูกแก้แค้นไปแล้วก็น่าจะได้

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน