การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 98 เริ่มต่อสู้

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 98 เริ่มต่อสู้

 

 

เสียงคำรามได้สั่นสะท้านห้วงอากาศ

 

ความรุนแรงของการโจมตีได้แสบเข้าไปถึงในแก้วหู และเปรียบดั่งแส้ที่มองไม่เห็นเข้ากระทบกับผิวหนัง

 

 

 

แต่มันหาใช่เสียงที่ระฆังขนาดยักษ์ถูกสั่นหรือเสียงสายฟ้าฟาด มันคือเสียงลมหายใจมังกรของผมกับไฮดราที่ปะทะกันอยู่

 

 

ผลที่ได้คือลมหายใจมังกรที่เต็มไปด้วยพลังคิของผมเอาชนะมันได้

 

 

จะให้เปรียบตอนนี้ลมหายใจมังกรของผมก็เหมือนหอกแหลมที่ทะลวงผ่านโล่หน้า ใช่แล้วการโจมตีของผมมันได้ทะลวงมวลพิษที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงและทลายมันออกไป

 

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น การโจมตีดังกล่าวยังทะลุไปโดนหัวหนึ่งออกไฮดราเข้าอีกด้วย

 

 

 

ในวินาทีนั้นเอง ใบหน้าของมังกรพิษดวงตาสีแดงก่ำก็บิดเบี้ยวก่อนที่หัวจะกระเด็นไปข้างหลังจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง

 

ราวกับว่าหัวมันถูกชกเข้าด้วยหมัดยักษ์ที่มองไม่เห็น คอที่ยืดยาวของไฮดรากระเด็นและแกว่งไปมาเหมือนกับกิ่งไม้ที่โดนลม

 

 

ทว่าไฮดราก็ได้คำรามออกมา ราวกับไม่ได้เจ็บปวดหรือตกใจกับการโจมตีของผมเลยสักนิด

 

 

พอได้ยินเสียงคำรามราวกับจะทลายผืนฟ้าลงได้ ผมก็ร่อนลงถึงพื้น ก่อนจะเริ่มแกว่งโซลอีทเตอร์เขาหามันอย่างไม่ลังเล

 

 

 

ราวกับว่ามันเริ่มรู้สึกถึงตัวตนของผมขึ้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้นอกจากหัวที่พ่นลมหายใจมังกรใส่ผมก่อนหน้านี้ หัวอีกหนึ่งของไฮดราก็เริ่มหันมาทางผมแล้วด้วย

 

หรือก็คือ ตอนนี้ 2 หัวจากทั้งหมด 8 หัวได้หันมาทางผมแล้ว ส่วนอีกหกหัวที่เหลือยังคงหันตรงไปด้านหน้าราวกับไม่ได้สนใจการมีอยู่ของตัวตนอย่างผมเลยสักนิด แต่ก็เอาเถอะ

 

 

สิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้ก็มีเพียงกระทืบมันไปเรื่อยๆ จนกว่าหัวทั้งหมดจะสนใจผม

 

 

 

ผมได้ทำการเล็งโจมตีไปยังหัวที่ถูกการโจมตีของลมหายใจมังกรเมื่อครู่ ซึ่งผมตั้งใจว่าจะตัดคอของมันให้หายไปสักคอหนึ่งก่อนจะได้เหลือแค่ 7

 

 

 

โชคดีที่หัวของมันซึ่งเล็งมาที่ผมเคลื่อนที่ด้วยความเชื่องช้า ถ้าจะให้มองกับมุมผมมันก็ช้าเหมือนหยุดนิ่งเลย แต่เนื่องจากขนาดของมันผมก็พอจะเข้าใจได้ว่าไฮดราไม่ใช่พวกที่เคลื่อนไหวได้ว่องไว

 

 

 

ผมก็เลยตัดสินใจเล็งการโจมตีไปที่มันทั้งแบบนั้นเลย ผมเหวี่ยงอาภรณ์วิญญาณของผมที่อัดแน่นไปด้วยพลังทันที

 

 

มายาดาบเดียว วายุ ผมปลดปล่อยคมดาบที่มองไม่เห็นไปยังคอของไฮดรา ด้วยท่าดังกล่าว จะทำให้ระยะการโจมตีของผมและไฮดราห่างกันเป็นศูนย์ทันที โดยเป้าหมายนั้นคือบริเวณคอที่มีเกล็ดหนาปกคลุมอยู่

 

 

หลังจากนั้น――

 

 

 

 

 

「……หา? 」

 

 

 

ผมได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะการโจมตีของผมที่เล็งไปยังคอของมันได้กระทบเข้ากับเป้าหมายโดยไม่เกิดแรงต้านอะไรขึ้นเลย

 

 

 

คือความแข็งแกร่งกับความทรหดของเกล็ดมังกรที่ผมจินตนาการเอาไว้มันหายไปไหนหมดฟะ

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น ลำคอที่หนาของไฮดราซึ่งมีลักษณะคล้ายกับต้นไม้อายุนับพันปี ถูกตัดขาดไปสองส่วนอย่างง่ายดาย ขณะนี้หนึ่งในหัวของมันมีสภาพเหมือนผลไม้ที่สุกงอมจนตกลงมาจากกิ่ง

 

 

 

เสียงหัวที่กระทบเข้ากับพื้นของมันดังสนั่น ทว่าด้วยสภาพพื้นดินในปัจจุบันที่กลายเป็นทะเลพิษไปแล้ว พิษพวกนั้นจึงได้กลืนกินหัวของมันไป และเพียงไม่นานหัวของมันก็หายไปจากสายตาของผม

 

 

ก็จริงอยู่ว่ามันตรงกับเป้าหมายที่ผมวางไว้ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกถึงการตอบสนองด้วยความระมัดระวังตัวขึ้นจากไฮดราเลย

 

 

ผมรู้สึกได้ถึงการกลืนกินวิญญาณของมันเข้ามาในร่างผมอยู่หรอก ดังนั้นจะบอกว่าที่ผมฟันไปเป็นเพียงภาพลวงตาหรือเวทอะไรสักอย่างจึงเป็นไปได้น้อยมาก ก็จริงอยู่ว่าวิญญาณที่ผมกินเข้ามาได้มันก็พอๆ กับตอนจัดการบาซิลิสก์ มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย แต่ว่าหากคิดถึงว่ามันคือหนึ่งในสายพันธุ์ในตำนานแล้วมันก็แปลกๆ ไปหน่อยแฮะ

 

 

ก็แปลว่าถึงผมจะใช้วายุไปอีก 7 รอบเพื่อตัดหัวของมันทั้งหมดก็คงจะฆ่ามันไม่ได้จริงๆ แน่

 

 

หลักฐานก็คือร่างของไฮดราไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ กับการโจมตีดังกล่าวของผมเลย

 

 

 

แม้ว่าหัวของมันจะหายไปแล้ว 1 หัวแต่มันก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดหรือสัมผัสแห่งความคุมคามเลยสักนิด

 

 

 

――ในขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้นอยู่ บริเวณลำคอที่ผมเพิ่งจะผ่ามันเป็นสองท่อนก็เกิดอาการพุพองขึ้นมา มันไม่ใช่เลือดที่พุ่งออกมาจากแผลที่ถูกตัด จะให้พูดมันเหมือนกับก้อนฟองน้ำที่เริ่มพองตัวขึ้นมามากกว่า

 

 

และก้อนฟองน้ำนั้นก็เริ่มขยายตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ราวกับมีเจตจำนงของตัวเอง จนทำให้เกิดเสียงที่น่าขนลุกขึ้น และมันก็เริ่มก่อตัวกันหนาขึ้นยืดออกไปบนท้องฟ้า

 

 

พอมันยืดออกไปได้ระดับหนึ่ง มันก็เริ่มมีอาการสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนจะก่อร่างเป็นก้อนเนื้อที่คุ้นตา

 

 

 

「――ชิ」

 

 

 

 

ผมเดาได้ไม่ยากเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ผมจึงพยายามโจมตีซ้ำเข้าไปที่คอซึ่งกำลังจะงอกออกมาใหม่

 

 

แต่การโจมตีดังกล่าวก็ถูกขัดขวางเอาไว้ด้วยหัวอีกหัวหนึ่งที่หันมาทางผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

 

มันเอาหัวของมันเข้ารับ วายุของผมเข้าไปเต็มๆ จนเกิดเสียงการปะทะกันเข้า เลือดและของเหลวในหัวนั้นได้กระเซ็นออกมาจนกระโหลกของหัวนั้นถูกผ่าออกไปแนวทแยง

 

 

แต่การกระทำดังกล่าวมันก็ซื้อเวลาให้หัวที่งอกขึ้นมาใหม่เสร็จสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้หัวที่เข้ามารับการโจมตีแทนก็ใช้เวลาในนานในการฟื้นตัวเหมือนกับหัวแรก

 

 

นี่คือหนึ่งในลักษณะพิเศษของไฮดรา

 

 

ถึงจะถูกทำลายโดยง่าย แต่ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้โดยง่าย ทุกครั้งที่มันถูกโจมตี มันก็ปล่อยพิษออกมาจากส่วนที่โดนทำลาย และค่อยๆ ทำให้ศัตรูของมันจนมุมไปเรื่อยๆ

 

 

ก็จริงว่ามันเป็นการป้องกันที่ดูเข้าท่ามาก หากเลือกใช้พิษที่ไม่ได้สามารถเขาลักษณะเฉพาะในการรับมือได้แทนที่จะเป็นเกล็ดแข็งๆ อย่างเดียว

 

ทางผมที่ยังไม่ได้รับผลกระทบของพิษมันเพราะผมใช้การโจมตีระยะไกล แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมใช้อาภรณ์วิญญาณเข้าไปฟันมันตรงๆ ผมคงได้กระอักเลือดตายแน่

 

 

แบบนี้จะฆ่ามันยังไงดีล่ะ

 

 

 

ทุกครั้งที่ผมตัดหัวของมันไป ผมก็จะได้รับวิญญาณเข้ามาในร่าง ก็แปลว่าการโจมตีของผมสร้างความเสียหายได้จริง นอกจากนี้ถึงผมจะใช้วายุโจมตีมันไปเรื่อยๆ แรงของผมก็ไม่หมดหรอก ขอบอกว่าเลยทั้งวันยังไหว

 

 

 

แต่สุดท้ายถึงจะทำได้ขนาดนั้น มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะการฟื้นตัวของมันเร็วกว่าความเสียหายที่ผมสร้างให้กับมันได้เยอะเลย ดังนั้นการต่อสู้นี้คงไม่จบง่ายๆ แน่ถึงผมจะใช้เวลาเป็นร้อยๆ วัน

 

 

 

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังเหลืออีกตั้ง 6 หัวที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับผม ก็หมายความว่าวิธีการต่อสู้ที่ผมใช้ยังไม่สร้างภัยคุกคามพอให้หัวทั้ง 8 สนใจผมคนเดียว

 

 

ระดับความอันตรายของผมสำหรับมันตอนนี้คือ 2 หัว นี่น่าจะเป็นการประเมินของไฮดรา

 

 

 

 

「งั้นก็แค่หาทางโจมตีไปเรื่อยๆ ให้หัวทั้งหมดของแกหันมา」

 

 

 

ก็จริงแหละว่าการใช้วายุอย่างเดียวคงเอาชนะสายพันธุ์ในตำนานไม่ได้จริงๆ

 

 

 

ตั้งแต่ในอดีตกาล มีวิธีในการชำระสิ่งปนเปื้อนด้วยกันทั้งหมด 3 วิธีนั่นคือ การล้างด้วยน้ำ การฝังด้วยดิน และการเผาด้วยไฟ

 

ทว่าหากลองพิจารณาจากพิษร้ายของไฮดราแล้ว คงต้องเลี่ยงการใช้น้ำกับดินไป ดังนั้นการเผาด้วยไฟน่าจะเหมาะสมที่สุด

 

 

 

ดังนั้นผมจึงใช้พลังคิลงไปที่ดาบจนเกิดเป็นเปลวเพลิงขึ้นมาเหมือนตอนที่สังหารบาซิลิสก์

 

 

เหตุผลที่ผมยังไม่ใช้ท่านี้มาจนถึงตอนนี้ มันไม่ใช่เพราะวายุอย่างเดียวมันใช้ง่ายกว่าอะไรแบบนั้นหรอก

 

 

แต่เป็นเพราะท่าดังกล่าวทรงพลังเกินไป หากใช้ในเมืองละก็คงเกิดไฟลุกลามขึ้นมาหนักแน่ แน่นอนว่าถึงจะป่าทีทิสหรือเขาสกิมคงไม่ต่างนัก

 

 

 

ดังนั้นการจะใช้มันแต่ละครั้งต้องคิดถึงว่า ผมสามารถเผาพื้นที่รอบๆ ไปพร้อมกับเป้าหมายได้เลย

 

 

ไม่รู้จะบอกว่าโชคดีหรือโชคร้ายจริงๆ สำหรับสถานการณ์แบบนี้ เพราะผมสามารถใช้ดาบแห่งเปลวเพลิงนี้ได้อย่างอิสระยิ่งกว่าตอนเจอกับบาซิลิสก์เสียอีก

 

ผมใช้พื้นเป็นที่ดีดตัวพุ่งเข้าหาไฮดรา ระยะโจมตีของดาบเพลิงนั้นไม่ได้ไกลเท่าวายุ ผมจึงต้องเข้าใกล้ร่างของไฮดราให้มากที่สุดเพื่อประสิทธิภาพในการโจมตี

 

 

ในขณะเดียวกันมันกว่าหมายความว่าผมต้องเหยียบพื้นที่เต็มไปด้วยพิษร้ายและสิ่งไม่พึงประสงค์ น่าเสียดายนะที่ผมไม่มีทักษะอย่างการวิ่งบนน้ำ――แต่มันก็เป็นเรื่องที่ผมทำไม่ได้จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้แหละ

 

 

 

 

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาระหว่างสู้กับโกซุนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของอาภรณ์วิญญาณเท่านั้น

 

 

 

มีอีกมากมายหลายสิ่งที่ผมได้มาจากการต่อสู้นั้น หนึ่งในนั้นก็คือการย่างก้าวโดยใช้คิ

 

จนถึงก่อนหน้านี้ สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับขาของผมเท่านั้น แต่การกระทำของโกซุมันสร้างความสนใจให้กับผมมากกว่านั้น นอกจากเขาจะเสริมพลังไปยังการเคลื่อนไหวที่ขาแล้ว เขายังใช้เทคนิคคิที่เหมือนกับการปูหินไว้บริเวณใต้เท้าของตัวเองระหว่างเคลื่อนไหวด้วย

 

โดยปกติแล้วถึงจะสามารถเสริมพลังไปยังขาของตัวเองได้ แต่ผมก็ไม่สามารถเพิ่มระดับความเร็วได้โดยง่ายหากพื้นที่บริเวณที่เหยียบไม่มั่นคง แต่วิธีการของโกซุ――ไม่สิศิษย์ของสำนักมายาดาบเดียว สามารถเคลียร์เงื่อนไขพวกนี้ได้ด้วยการสร้างฐานเหยียบขึ้นมาด้วยตัวเองเลย

 

หากเป็นคนมีความสามารถจริงๆ ผมว่าพวกเขาน่าจะวิ่งข้ามทวีปผ่านผิวน้ำของท้องทะเลจากเกาะอสูรย์ยักษ์มายังทวีปหลักได้โดยง่ายแน่

 

ในกรณีของผมตอนนี้ การกระทำดังกล่าวคงจะเป็นเรื่องที่ยากไปเสียหน่อย เพราะผมยังเป็นแค่เด็กน้อยหัดเดิน แต่อย่างน้อยผมก็แกร่งพอจะวิ่งข้ามทะเลพิษนี้ไปได้แหละนะ

 

ก็จริงว่าไฮดรามันก็คงจับ การเคลื่อนไหวของผมได้ แต่ด้วยการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของมันหรือไม่ก็เพราะหัวกำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เอาเป็นว่าจะอะไรก็ช่างตอนนี้แหละคือโอกาสในการโจมตีแล้ว

 

ผมทุ่มแรงทั้งหมดเหวี่ยงดาบออกไป

 

「มายาดาบเดียว――ดาบเพลิง (โฮมูระ) !」

 

วินาทีนั้นเอง เปลวเพลิงก็เกิดลุกโชนขึ้นมาที่ดาบของผม สภาพของมันพวยพุ่งออกมาราวกับน้ำที่ทะลักจากการแตกของเขื่อน

 

ดาบเพลิง ได้กลืนกินหัวทั้ง 2 หัวของไฮดราและทะลวงตรงไปยังส่วนร่างของมันต่อ

 

เลือดที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของมันระเหยหายไปทันทีจากความร้อน

 

จากนั้นก็เกิดเสียงคำรามดังขึ้นทั่วบริเวณ

 

ส่วนเกล็ดที่รับการโจมตีดังกล่าวเข้าไปก็ระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆ ผิวหนังของมันเริ่มละลายเนื่องจากความร้อนที่รุนแรงของเพลิง

 

ชิ้นเนื้อถูกความร้อนย่างจนทำให้ไอพิษจากร่างของมันระเหยออกไปเรื่อยๆ

 

ผมที่สังเกตเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดก็เริ่มยิ้มออกมา

 

「บาดแผลที่เกิดจากไฟไหม้ รักษาไม่ได้งั้นเหรอ…」

 

ตอนที่ผมใช้วายุเมื่อกี้นี้ช่วงเวลาที่ได้รับการโจมตีกับการฟื้นตัวของมันแทบจะเป็นเวลาเดียวกันเลย

 

 

กลับกัน บาดแผลที่เกิดจากเปลวเพลิงนี้ไม่มีท่าทีว่าจะสมานหรืองอกใหม่เลยสักนิด

 

หัวของมันทั้ง 2 ที่ถูกเปลวเพลิงกินเข้าไป ได้แตกสลายและร่วงลงสู้พื้น ก่อนจะละลายหายไปในทะเลพิษ โดยไม่มีวี่แววว่าหัวใหม่จะงอกขึ้นมา

 

 

 

 

 

――ในขณะนี้ร่างของไฮดราได้หยุดเดินลงแล้ว

 

 

 

หัวทั้ง 6 ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจแม้จะหันมามองผม ก็เริ่มหันมากันหมดแล้ว

 

 

โดยมี 2 หัวเริ่มขยับเขี้ยวของมันไปมา

 

 

ผมเริ่มระวังการโจมตีด้วยการกัดของมันและเตรียมถอย ทว่าไฮดรามันไม่ได้เล็งที่มาผม แต่เป้าหมายของมันกลับเป็นบริเวณคอที่ถูกเผาไหม้จนเกรียมไป

 

 

มันเริ่มกัดและฉีกกระชากโคนคอของมัน ก่อนจะเอาชิ้นส่วนที่เสียหายทิ้งลงไปในทะเลพิษ

 

 

 

ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่านี่เป็นการช่วยเหลือผม หรือมันทำร้ายตัวเองดี ผมไม่เข้าใจพฤติกรรมของมันเลยสักนิด แต่แล้วไม่นานนักผมก็ได้เข้าใจถึงการกระทำของมันเสียที

 

 

 

บริเวณที่ร่างของมันถูกกัดจนหายไปนั้น เริ่มเกิดฟองขึ้นมาและหัวของมันก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่

 

 

บาดแผลที่เกิดจากเปลวเพลิงดูเหมือนจะทำให้มันสร้างหัวขึ้นมาใหม่ไม่ได้ แต่ถ้ามันทำลายส่วนที่เสียหายจากการโจมตีดังกล่าวจนหมด ก็จะสร้างหัวขึ้นมาใหม่ได้

 

 

 

 

 

「ฮ่าๆๆๆๆ! เอาสิ แบบนี้ค่อยน่าสนุกขึ้นมาอีกหน่อย!!」

 

 

 

 

พอผมเห็นหัวทั้ง 8 ของมันเล็งมาที่ผมแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ

 

 

 

 

 

ถ้าหากไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อีกต่อไปเลยเพียงแค่โดนแผลไฟไหม้ละก็ คงเรียกไอ้เจ้านี้ว่าเป็นสายพันธุ์ในตำนานไม่ได้หรอกเนอะ ยิ่งเป็นมังกรแล้วด้วยหากโดนจัดการง่ายๆ แบบนั้น ผมคงผิดหวังน่าดู

 

ก็ไม่ใช่ว่าผมหวังจะเจอการต่อสู้แบบโหดหินอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่ผมไม่ได้คาดหวังให้มันจบลงง่ายๆ แต่แรกอยู่แล้วนี่สิ

 

นี่มันการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตในตำนานนั่นเชี่ยวนะ ผมหวังว่าผมจะมีช่วงเวลาที่ได้ต่อสู้อย่างจริงจังจนทำให้เลเวลเพิ่มไปได้อีกสัก 1-2 เลเวลเมื่อได้กลืนกินร่างของมันหลังเอาชนะได้

 

 

ดังนั้นท่าทางและการกระทำของมันในตอนนี้จึงดูเหมาะมือกับผมพอดีเลย

 

 

ขณะที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผมก็เริ่มยกสองกับมันทันที

 

 

 

ถึงหัวของไฮดราจะกลับมาครบ 8 หัวเหมือนเดิม จนเหมือนสถานการณ์การต่อสู้จะกลับไปยังจุดเริ่มต้น แต่มันก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป

 

 

 

ในตอนนี้ร่างของมันได้หยุดเดินแล้ว หัวทั้ง 8 ของมันก็จับจ้องมายังผมทั้งหมด หรือก็คือตอนนี้มันเห็นผมเป็นศัตรูอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว

 

ใช่แล้วผมไม่ได้กลับไปที่จุดเริ่มต้น

 

แต่นี่มันคือการต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างผมกับไฮดราแล้วต่างหาก

 

 

 

ผมรู้ได้เลยว่าใบหน้าของผมในตอนนี้คงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข โดยระหว่างนั้นผมก็เตรียมจะปลดปล่อยดาบเพลิงระลอกถัดไป

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท