การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 111 มิโรสลาฟ ซัลซ่า 4

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 111 มิโรสลาฟ ซัลซ่า 4

「สำหรับอิเรียตอนนี้ แค่นี้ก็น่าจะพอมั้ง」

 

มิโรสลาฟพึมพำกับตัวเองขณะเดินกลับไปยังห้องของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

การที่เธอเดินทางไปยังห้องอาบน้ำแล้วเจออิเรียกับพวกเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เดิมทีเธอก็วางแผนว่าจะคุยเรื่องนี้กับอิเรียอยู่แล้ว แต่แค่รอโอกาสเท่านั้น

 

เธอได้ยินเรื่องที่อิเรียรู้เรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดของดาบฮายาบูสะแล้วจากโซระ

 

เธอก็ไม่คิดหรอกนะว่าอิเรียที่ติดพิษไฮดราอยู่จะต่อต้านโซระซึ่งเป็นคนเดียวที่มียาแก้พิษดังกล่าว แต่อย่างน้อยเธอก็อยากจะตัดความเป็นไปได้ที่อิเรียจะสติหลุดแล้วทำอะไรไม่ยั้งคิดออกไป

 

เธออาจจะกลับไปบอกเรื่องราวทั้งหมดกับราสก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นสิ่งที่มิโรสลาฟพยายามทำตลอดเวลาที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่า

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เธอจำเป็นต้องควบคุมอิเรียเอาไว้ด้วยคำพูดพวกนั้น แต่แน่นอนว่าต้องไม่มีใครได้ยินเรื่องที่เธอพูดคุยกับอิเรียด้วย เงื่อนไขมันก็เลยยุ่งยากนิดหน่อย

 

จะให้เลือกสถานที่อย่างนอกบ้านก็คงไม่ใช่เรื่อง ในบ้านเองก็ไม่ใช่จะหาโอกาสคุยได้ง่ายเพราะที่นี่มีทั้งพวกเด็กๆ นักบวชซาร่า ซูซูเมะ ชีลอีก

 

สุดท้ายก็เลยมาจบตรงที่ห้องอาบน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอมองว่าคงจะไม่มีใครบังเอิญเข้ามาได้โดยง่าย นอกจากนี้เธอยังเล็งจังหวะที่พวกเด็กๆ ลุกจากอ่างไปแล้วด้วย

 

มิโรสลาฟได้นึกถึงบทสนทนาที่คุยกับอิเรียเมื่อครู่

 

 

หากเธอพูดไปถึงขนาดนั้น โอกาสที่อิเรียจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับราสก็คงปิดฝาโลงไปได้เลย มิโรสลาฟผู้ไม่อยากให้อิเรียมาทำลายแผนการที่เธอทุ่มเทด้วยชีวิตต้องพังลง ก็ถอนหายใจโล่งอกออกมา

 

เธอพูดถึงตำแหน่งที่อิเรียเป็นอยู่ตอนนี้อย่างชัดเจน

 

เธอบอกอิเรียว่าพวกตนอยู่ในกำมือของโซระหมดแล้ว และบอกว่าโซระไม่ได้มีความเป็นปรปักษ์กับราสเท่าพวกตน

 

หรือก็คือเธอพยายามเตือนว่าความรู้สึกที่โซระมีต่ออิเรียก็ไม่ใช่เล่นๆ นะ

 

ส่วนสาเหตุที่เธอมองว่าทำไมโซระถึงยังไม่ทำอะไรกับอิเรีย ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะพิษของไฮดรา แต่จุดที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นแม่ของอิเรียอย่างนักบวชซาร่า

 

ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าโซระมีความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อนักบวชซาร่า หากอิเรียไม่ใช่ลูกของนักบวชซาร่าละก็ โซระคงจัดการอิเรียไปนานแล้ว

 

นอกจากนี้หากอิเรียยังปล่อยตัวไปอย่างไร้จุดหมายแบบนี้ สุดท้ายแม่ของเธอก็อาจจะต้องมาแทนที่เธอในตอนจบเอาก็ได้ ในฐานะคนเป็นลูกแล้วเธอคงไม่อยากจะให้เรื่องราวมันกลายเป็นแบบนั้นหรอก

 

แล้วอิเรียจะทำยังไงเพื่อให้เลี่ยงสถานการณ์นั้นได้ล่ะ มิโรสลาฟที่คิดถึงเรื่องนี้เอไว้แล้วเลยบอกกับเธอให้เธอแสดงมันออกมาด้วยความตั้งใจของตัวเอง มันไม่ได้มาจากคำสั่งของโซระแต่นี่คือสิ่งที่มิโรสลาฟตัดสินใจคิดขึ้นมาเอง

 

จงเป็นเหยื่อเพื่อสนองความต้องการของโซระเสีย

 

 

ถึงทางลูนามาเรียจะมีความสามารถในการใช้หัวคิดเหมือนกัน แต่เธอคงไม่ได้ถนัดในเรื่องพวกนี้เนื่องจากนิสัยส่วนตัวของเธอ ถึงเธอจะมีวิธีในการจัดการกับคนอื่นได้แต่เธอคงไม่เลือกวิธีที่จะฉุดคนอื่นให้ตกต่ำลงแน่

 

แต่มันไม่ใช่กับมิโรสลาฟ เธอสามารถทำให้ดาบฮายาบูสะล่มสลายลงได้ด้วยการทำให้ตัวเองเป็นพิษร้ายที่คอยกัดกินปาร์ตี้จากภายใน เมื่อสี่ปีก่อนเธอก็เป็นคนเริ่มเรื่อง “ปรสิต” ที่สร้างความแตกแยกระหว่างโซระกับลูนามาเรียด้วยตัวเองเลยนี่นา ดังนั้นจะให้บอกว่าเธอเก่งเรื่องแบบนี้ก็ไม่ผิดนัก

 

 

「…เห้อ พอคิดดูมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเท่าไหร่แฮะ」

 

เธอเผยรอยยิ้มที่เหมือนหยามตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

สิ่งที่มิโรสลาฟทำกับอิเรียในวันนี้ก็เพื่อเรียกคะแนนจากโซระ ก็จริงอยู่ว่ามิโรสลาฟก็เป็น”อาหาร” เหมือนกับลูนามาเรียและชีล แต่หากให้เทียบกับ 2 คนนั้นแล้ว ความสนใจของโซระที่มีต่อเธอช่างน้อยนิด หากเธอทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา เขาก็คงสามารถทิ้งเธอได้อย่างไร้ปรานี

 

นอกจากนี้เธอก็ยังไม่ได้บอกโซระเรื่องที่เธอเป็นต้นเหตุของเรื่อง”ปรสิต” เธอมั่นใจว่าถ้าโซระรู้เข้าคงได้โกรธเธอมากกว่าเดิมแน่

 

แต่ก็เพราะเรื่องนี้ด้วยเลยทำให้มิโรสลาฟต้องรีบเพิ่มคะแนนของโซระที่มีต่อเธอมากขึ้น ทำให้เขาเห็นว่าการเก็บเธอไว้จะมีประโยชน์มากกว่า

 

 

――นอกจากนี้งานลับๆ ดังกล่าวของเธอก็ดำเนินการกับคนอื่นนอกจากอิเรียด้วย

 

 

◆◆◆

 

「มาสเตอร์ ฉันของเวลาสักครูได้หรือเปล่าคะ?」

 

เนื่องจากวันนี้ โซระพอจะมีเวลาว่างหลังกลับมาจากป่าทีทิส มิโรสลาฟก็เลยเข้ามาพบเขา ก่อนจะกล่าวเรียกด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ

 

ทางโซระที่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว เพราะสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเธอต่างจากปกติ

 

「ก็ได้หรอก..แต่จากที่เห็น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่ปล่อยให้คนอื่นได้ยินได้สินะ」

 

「ใช่แล้วค่ะ」

 

 

「งั้นก็ไปคุยที่ห้องฉันแล้วกัน พวกเด็กๆ ก็เล่นกับคราว โซราสอยู่ดังนั้นคงไม่มากวนเอาตอนนี้หรอก」

 

「ขอบพระคุณมากค่ะ」

 

มิโรสลาฟก้มศีรษะของเธอแล้วบอกโซระเกี่ยวกับเรื่องของกิลด์นักผจญภัยเมื่อเข้าไปภายในห้อง

 

ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือเรื่องของกิลด์มาสเตอร์เอลการ์ดและพนักงานต้อนรับลิดเดล มันคือเรื่องของ 2 คนนี้

 

「อันที่จริงลิดเดลก็มาขอให้ฉันส่งข้อความมาถึงคุณด้วย่คะ มาสเตอร์ เธอบอกว่าอยากจะพบและพูดคุยกับคุณอย่างลับๆ」

 

「…ลิดเดลเนี่ยนะจะคุยกับฉัน แถมยังคุยกันลับๆ อีก ไม่ใช่ว่าเธอกำลังทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจรจาของกิลด์หรอกเหรอ?」

 

 

「ไม่ค่ะ มันคือการคุยส่วนตัวของเธอจริงๆ แต่ก็จริงว่าคงไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกิลด์ค่ะ」

 

 

「ดูเธอมั่นใจกับเรื่องที่พูดมากเลยนะ แล้วรายละเอียดที่อยากจะพูดล่ะเป็นยังไง?」

 

「นั่นสินะคะ ฉันยังไม่ได้บอกรายละเอียดที่ชัดเจนให้มาสเตอร์ฟังเลย ดังนั้นเดี๋ยวฉันจะสรุปให้ฟังนะคะ ถึงเรื่องนี้ทางฉันเองก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็ตามที」

 

 

「หืม เกี่ยวเหรอถึงจะไม่รู้ว่ายังไงก็เถอะ เอาเป็นว่าเล่ามาก่อนแล้วกัน」

 

「รับทราบค่ะ」

 

จากนั้นมิโรสลาฟก็เริ่มอธิบายเรื่องราวให้โซระฟัง

 

เอาง่ายๆ ก็คือลิดเดลขอให้โซระเลิกยุ่งและหยุดตอบโต้กิลด์นักผจญภัยได้แล้ว

 

เรื่องการตอบโต้ที่ว่าก็เป็นเรื่องที่เธอคุยกับอิเรียในห้องอาบน้ำก่อนหน้านี้ด้วยแหละนะ

 

「มาสเตอร์ต้องการจะเปิดเผยเรื่องที่ถ้ำราชาแมลงวันให้กับผู้คนได้รู้และต้องการให้พวกเราออกมาขอโทษ」

 

「และการกระทำดังกล่าวก็จะเป็นการเปิดเผยด้วยว่าการตัดสินของกิลด์เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์」

 

ลิดเดลส่งคำขอมาว่าให้โซระหยุดขั้นตอนสุดท้ายของแผนการ”ต่อสู้กับกิลด์อย่างสันติ”เสีย

 

จากนั้นมิโรสลาฟก็พูดต่อ

 

 

「ท่านจำเรื่องที่ฉันพูดเกี่ยวกับเซอร์เกรที่เป็นกิลด์มาสเตอร์ของเมืองหลวงได้หรือเปล่าคะ ที่เขาบอกว่าอยากจะเจอกับมาสเตอร์ก่อนหน้านี้ อันที่จริงเป้าหมายของเขาในตอนนั้นก็คือการเอามาสเตอร์มาอยู่ฝั่งเขาและดึงขาเอลการ์ดลงจากเก้าอี้ค่ะ ทว่าตอนนั้นมาสเตอร์ได้ปฏิเสธไป แผนของเขาก็เลยพังลงไปด้วย…」

 

 

「แต่เพราะเรื่องในครั้งนี้มันก็เลยมีประกายไฟใหม่เกิดขึ้นสินะ」

 

 

「ค่ะทั้งการคลุ้มคลั่ง ไฮดรา ฟุไค พวกเขาพยายามประณามว่าเอลการ์ดขาดคุณสมบัติในการควบคุมดูแลความสงบของเมืองอิชกะและส่งเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่ของกิลด์นักผจญภัยที่นครศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วย ลิดเดลก็เลยกังวลว่าหากยังมีเรื่องอื่นโถมเข้ามาอีกคงยุ่งยากกว่าเดิมแน่ เพราะแค่เอลการ์ดกับลิดเดลต้องจัดการกับเซอร์เกร งานของพวกเธอก็หนักพอแล้วค่ะ」

 

เซอร์เกรที่เก่งเรื่องการสะสมความมั่งคั่งและสร้างเส้นสายให้กับกิลด์อิทธิพลของเขาก็ย่อมมากตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีกิลด์อีกหลายสาขาที่ได้รับความช่วยเหลือด้านการเดินจากเซอร์เกร

 

หากเป็นการต่อสู้ด้วยดาบแล้ว ชัยชนะย่อมตกเป็นของเอลการ์ดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่การต่อสู้ด้วยอำนาจและเงินนั้น โอกาสที่เขาจะพ่ายแพ้มันก็มีไม่น้อย

 

「หากได้ดราก้อนสเลเยอร์อย่างมาเป็นพวก แล้วมีการประณามกิลด์สาขาอิชกะต่อหน้าสาธารณชน เก้าอี้ของเอลการ์ดก็คงได้หักลงแน่ค่ะ ในกรณีเลวร้ายที่สุด เขาคงถูกส่งเข้าคุกคุมขังเพื่อสังเวยกับสถานการณ์ทั้งหมด」

 

เอลการ์ดพยายามอย่างหนักในการดูแลเรื่องคราวนี้ แต่ความจริงที่เมืองอิชกะเสียหายอย่างหนักก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้

 

หากเป็นเมืองธรรมดา กิลด์มาสเตอร์ก็คงไม่ต้องออกหน้ารับผิดชอบขนาดนี้หรอก

 

แต่นี้มันคือเมืองแห่งนักผจญภัยอย่างอิชกะ เมืองที่มอบผลประโยชน์อย่างมากให้กับกิลด์และกิลด์ก็มีอิทธิพลหน้าที่ในการดูแล ในฐานะกิลด์มาสเตอร์ประจำสาขานี้แล้วเอลการ์ดย่อมไม่มีทางหลีกหนีความรับผิดชอบได้

 

 

 

「ลิดเดลก็คงจะตระหนักเรื่องพวกนี้ได้ แต่ด้วยความรู้สึกของเธอ เธอคงไม่อาจยอมรับเรื่องที่เอลการ์ดผู้พยายามอย่างสุดแรงเกิดต้องถูกลงโทษได้ค่ะ」

 

 

「หากเพิ่มเรื่องส่วนตัวของเซอร์เกรเข้าไปผสมในเรื่องนี้ด้วย เหตุการณ์คงเลวร้ายกว่าเดิมแน่ ดังนั้นเธอก็เลยบอกให้ฉันอย่าทำอะไรไม่เข้าเรื่องเพิ่มสินะ หึ เดาออกได้ง่ายจริงๆ」

 

จากนั้นโซระก็กอดอกแล้วคิด

 

เขาเริ่มมีคำถามเกิดขึ้นในหัว

 

ก็จริงว่าโซระกำลังวางแผนตอบโต้กิลด์กลับไป แต่แผนทั้งหมดนั้นต้องเป็นไปในแนวทางสันติ ซึ่งเขาพยายามคิดมาเป็นอย่างดีก่อนจะเอามาใช้แล้ว

 

ทว่าให้พูดตามตรง โซระเกือบจะลืมแผนทั้งหมดนั้นไปแล้วตั้งแต่ตอนโค่นไฮดราลงได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของเขาก็คือการขัดเกลามายาดาบเดียวกับไคลอา นอกจากนี้เขาก็ไม่อยากจะให้ซูซูเมะ นักบวชซาร่า กับพวกเด็กๆ เห็นว่าเขาประณามเหยียดหยามกิลด์ที่พยายามปกป้องเมืองในช่วงหายนะด้วย

 

จะว่าไป โซระก็ไม่เคยประกาศแผนของเขาต่อหน้าใครมาก่อน แล้วลิดเดลรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันล่ะ?

 

นอกจากนี้กิลด์ก็เป็นจุดที่กระจายความสำเร็จของเขาในฐานะดราก้อนสเลเยอร์ให้กลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์จอมปลอมอีกด้วย พอคิดแบบนี้แล้วมันไม่จะเกินไปหน่อยหรือไงที่มาขออะไรพวกนี้กับเขาอีก

 

ไม่มีเหตุผลให้เขาต้องรับฟังสิ่งที่ลิดเดลต้องการเลยสักนิด แทนที่จะยอมรับมัน เขากลับอยากจะหัวเราะเยาะให้กับความลำบากที่พวกนั้นเผชิญด้วยซ้ำ หากลิดเดลต้องการให้เขาฟังมันจริงๆ มันก็ต้องมีข้อเสนอในการชดเชยการกระทำของพวกเขาที่เหมาะสมด้วยสิ

 

พอเขาคิดไปเรื่อยๆ คิ้วขวาของโซระก็กระตุกขึ้น เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่เขามองข้ามไปในตอนแรก แต่ตอนนี้เขานึกออกแล้ว

 

โซระทำการจ้องมองไปยังดวงตาของมิโรสลาฟ กลับกันมิโรสลาฟก็จ้องกลับมาที่ดวงตาของโซระ

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจ้องมองกันและกันนานแค่ไหน แต่พอเวลาผ่านไปสักพักปากของมิโรสลาฟก็เริ่มเปิดขึ้นอย่างช้าๆ

 

「ลิดเดลมีความรู้สึกต่อเอลการ์ดที่มากกว่าคำว่าเคารพนับถือค่ะ หากเพื่อเอลการ์ดแล้วไม่ว่าจะเป็นอะไรเธอก็คงยอมทำตามที่เราขอ คุณสามารถใช้เธอเป็นพิษในการบ่อนทำลายกิลด์ได้ด้วย หรือไม่ก็ใช้เธอเพื่อดาบควันโลหิต นอกจากนี้ก็ยังเป็นอาหารยามค่ำคืนให้กับคุณได้อีกด้วย ถึงแม้จะต่างจากแผนที่คุณวางเอาไว้แต่แรกบ้าง แต่ฉันเชื่อว่าผลลัพธ์ที่ได้ยังค่อนข้างอยู่ในจุดที่น่าพอใจค่ะ」

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท