การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 112.6 บทส่งท้าย

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 112.6 บทส่งท้าย

「งั้นเหรอ แบบนี้เองสินะ」

 

ผมอ่านจดหมายที่ถูกส่งมาจากตระกูลมิตสึรุกิแล้วหยักไหล่

 

หากต้องการให้ซูซูเมะอยู่กับผมต่อไป ก็ต้องไปที่เกาะเพื่อแสดงพลัง เอาง่ายๆ คือถ้าขอแค่ไปหาพวกเขาที่บ้านเกิดสินะ

 

เพราะอีกฝ่ายคือพ่อของผมที่ทอดทิ้งผมไปแล้ว ถึงผมจะจับตัวประกันเอาไว้มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกปฏิเสธและส่งหน่วยไล่ล่ามาตามเก็บผม พอคิดแบบนั้นการที่ถูกเชิญไปยังเกาะคงจะเรียกว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีเลยก็ได้มั้ง

 

ทว่า พวกเขาก็ไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับเงื่อนไขของพลังที่ผมต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าผมแข็งแกร่ง เพราะแบบนั้นบางทีพวกเขาอาจจะต้องข้อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของผมให้ฝั่งตัวเองได้ผลประโยชน์ที่สุดก็ได้ ยกตัวอย่างก็ พวกเขาอาจจะบอกให้ผมไปทำเรื่องไร้เหตุผลเพื่อทดสอบ ก่อนที่สุดท้ายจะบอกให้ผมจัดการกับคิจินก็ได้ด้วยสิ

 

นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรพูดถึงข้อปฏิบัติที่ควรกระทำต่อไคลอาขณะเป็นตัวประกันด้วยสิ เห้อ จะให้ตอบกลับไปว่า เข้าใจแล้วง่ายๆ ก็ไม่ไหว

 

 

แต่ผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธคำเชิญนี้หรอกนะ เพราะวันที่พ่อของผมบอกให้มามันดันเป็นวันครบรอบการตายของแม่ผมนี่สิ

 

ผมที่ถูกตระกูลมิตสึรุกิขับไล่และเนรเทศออกจากเกาะ ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเหยียบบนเกาะอีกเลย เพราะบทลงโทษที่ถูกตัดสินโดยผู้นำของเกาะ หากผมกลับไปโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วบางทีผมอาจจะเจอเรื่องที่รุนแรงกว่านี้ก็ได้

 

เพราะพวกเขาก็ไม่ใช่คนใจดีที่จะมอบโอกาสพิเศษให้กับผมเนื่องในวันครบรอบการตายของแม่ผมเสียหน่อย ด้วยเหตุนี้เองทุกๆ ปีผมจึงต้องไว้อาลัยแม่ของผมอยู่ที่เมืองอิชกะ

 

 

พอตอนนี้พอของผมเปิดโอกาสดังกล่าวให้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเขาต้องการอะไรกันแน่ผมก็ไม่มีทางจะปฏิเสธหรอก

 

ถึงผมจะรู้ว่านั่นอาจจะเป็นกับดักที่วางไว้ก็ได้ บางทีพอผมไปถึงที่นั่นซูซูเมะที่รอผมอยู่ในเมืองอิชกะอาจจะถูกนักฆ่าที่เกาะส่งมาจัดการก็ได้

 

 

เอาเถอะหากพูดถึงกับดักมันก็ต้องเป็นของที่วางไว้เพื่อจัดการกับคนที่อีกฝ่ายเห็นว่าควรระวัง แต่กับพ่อของผมแล้วคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะระวังในตัวผม ถึงโลกใบนี้มันจะกลับตาลปัตรไปแค่ไหนก็ตาม

 

ที่สำคัญกว่านั้นหากพ่อผมคิดจะฆ่าซูซูเมะจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาคงจะส่งคนของธงแห่งผืนป่ามาเก็บงานไปแล้วแม้มันจะทำให้การป้องกันประตูปีศาจเบาบางบ้างก็เถอะ นอกจากนี้เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องมารอให้ถึงวันครบรอบการตายของแม่ผมด้วย ดังนั้นเรื่องพวกนี้น่าจะปัดตกไปได้

 

ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คงจะเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องการล่อให้ผมกลับไปยังเกาะแล้วฆ่าผมที่นั่น

 

เพราะหากมองจากมุมที่ว่าเขาต้องถ่อมาฆ่าผมถึงเมืองอิชกะ พวกเขาจะต้องเสียกำลังพลในการป้องกันประตูปีศาจไป แต่ถ้าเขาเชิญผมไปที่เกาะเขาก็จะสามารถฆ่าผมได้โดยไม่มีผลเสียอะไรกับการป้องกันเลยสักนิด

 

แล้วที่เลือกเป็นวันครบรอบการตายของแม่ผมแทนที่จะเชิญไปในทันทีก็เพราะอยากจะทำให้ผมตายใจ หื้ม พอคิดแบบนี้มันก็พอเป็นไปได้อยู่นะ

 

ส่วนเรื่องการรับมือ….ถ้าให้พูดกันตามตรง พวกเขาจะมาไม้ไหนผมก็ไม่สนหรอก

 

 

ถ้าสมมติฐานของผมถูกต้อง แล้วพ่อของผมเปลี่ยนเป้าหมายจากซูซูเมะมาเป็นผมก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะสิ่งที่ผมกังวลจริงๆ คือความปลอดภัยของเธอไม่ใช่ตัวผมเอง

 

ดังนั้นหากเป้าหมายคือผมทุกอย่างมันก็ง่าย หลังจากเอาชนะไฮดราลงได้แล้วผมก็ไม่คิดหรอกว่าจะแพ้ใครในการสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง และถึงพ่อของผมจะส่งคนมาเยอะกว่านั้น ก็ไม่แย่อะไรนักเพราะนั่นคือการยืนยันความแข็งแกร่งของผมยังไงล่ะ

 

พวกที่ถ่มน้ำลายใส่ผมและบอกว่าไม่ต้องการตัวผมที่อ่อนแอ ทอดทิ้งผมไปกันหมดนั่น พอรู้ว่าตัวเองเอาชนะผมคนเดียวไม่ได้แล้วต้องเลือกที่จะรุมแทน แหม่ พอคิดภาพตามก็อดยิ้มไม่ได้เลยแฮะ ถ้าเกิดว่าตายเพราะหัวเราะมากไปไหนคงขำไม่ออกแน่

 

ผมตัวสั่นเพราะความตื่นเต้นที่จะได้เพลิดเพลินกับเรื่องที่รออยู่พักใหญ่เลย

 

「เห้อ ไม่มีประโยชน์ที่จะเอาแต่หัวเราะ เอาเป็นว่าตอนนี้ก็เหลือเวลาอีก 1 เดือน ถึงจะได้จดหมายมาจากทางนั้นแล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่มีใครรู้สักหน่อยว่าพวกเขาจะแอบส่งคนมาช่วยไคลอาระหว่างนั้นไหม」

 

แต่ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมากอะไรนัก เพราะตำแหน่งของไคลอาที่อยู่ในป่าทีทิสก็ใช่จะหาได้ง่ายด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้นคงมีคนไม่เยอะหรอกที่จะเข้าเมืองอิชกะมาเพื่อถามเกี่ยวกับไคลอา ดังนั้นหากมีคนน่าสงสัยพวกนั้นเข้ามาคงตามกลิ่นได้ไม่ยาก

 

ไม่สิ หรือผมควรเอาไคลอากลับมาที่เมืองอิชกะแล้วให้คนพวกนั้นหาตัวได้โดยง่ายดีนะ

 

 

นอกจากนี้หากเธอออกจากเมืองไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผม มันก็หมายถึงเธอผิดสัญญา ผมก็จะกินเธอได้โดยไม่ต้องลังเลอะไรด้วย นี่มันการเพิ่มเลเวลที่ดีก่อนจะไปยังเกาะเลยนะ!

 

จะว่าไป ผมก็ต้องคิดถึงเรื่องของอิเรียไว้ด้วยสิ เพราะเธอก็เป็นว่าที่แหล่งอาหารของผมเหมือนกัน

 

เพราะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอิเรียมันจะเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างผมกับนักบวชซาร่าด้วย

 

หากผมคิดจริงจังกับนักบวชคนนั้นจริงๆ ลูกสาวของเธอผมก็ไม่น่าจะแตะต้องได้ด้วย

 

เห้อ เรื่องที่ต้องทำมีกองเป็นภูเขาเลยแฮะ นอกจากนี้ก็เรื่องนั้นอีก….

 

 

「ต้องรีบจัดการเรื่องของดยุกดรากูนอทด้วยสิน้อ」

 

ผมพูดชื่อของชนชั้นสูงแห่งอาณาจักรคานาเรียด้วยหสีหน้าที่เคร่งเครียด

 

ดยุกดรากูนอทได้ส่งจดหมายมาหาผมอยู่ 2 ฉบับด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องลูกสาวคนที่ 2 ของเขา

 

 

มันเกี่ยวข้องกับที่ต้องดูแลคลอเดียซึ่งจะเดินทางมาอยู่กับผมหลังเรื่องที่ผมจัดการจินโบที่เมืองหลวงไป จะว่าไปก็ผ่านมาได้สักพักเลยนี่นะ

 

ก็จริงอยู่ว่ากำหนดการมันถูกเลื่อนออกไปเพราะปัญหาสารพัดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มันก็คงไม่มีพ่อแม่คนไหนส่งลูกไปยังเมืองที่ไฮดราโจมตีหรอกเนอะ ยิ่งเป็นลูกสาวสุดที่รักแล้วด้วย ดังนั้นจดหมายที่ดยุกส่งมาก็เลยมีแต่คำขอโทษซะส่วนใหญ่

 

ดยุกดรากูนอทนั้นเหมือนจะกังวลว่าเรื่องนี้จะสร้างความไม่พอใจให้กับผมหรือเปล่า แต่ส่วนตัวแล้วผมก็ไม่คิดจะต่อว่าอะไรหรอกแถมผมไม่อยากจะให้เขามายุ่งเรื่องของคนบนเกาะด้วยสิ จดหมายที่ได้รับมาก็เลยดูจะกังวลกันมากเกินไปหน่อย

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ผมซึ่งเอาชนะไฮดราลงได้และได้รับฉายา ดราก้อนสเลเยอร์มา คงไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งอำนาจของดยุกเพื่อจัดการกับกิลด์นักผจญภัยแล้วด้วย เรื่องของคลอเดียก็คงไม่หนักหนาสำหรับผมอีกต่อไป

 

แต่ปัญหามันดันตามมาจากจดหมายอีกฉบับเนี่ยสิ

 

คงไม่ต้องพูดแล้วมั้งว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันแพร่กระจายไปถึงเมืองหลวงฮอรัส พวกชนชั้นสูงจำนวนมากต่างก็กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก

 

จากที่ดยุกบอกดูเหมือนพวกเขากำลังจะพยายามหาทางออกให้กับปัญหามากมายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟุไคที่เกิดขึ้นในป่าทีทิส และพิษที่ปนเปื้อนมากับแม่น้ำเคล

 

 

ถึงแม้ว่าการแพร่กระจายของพิษจะจบไปแล้วตั้งแต่ที่ไฮดราตายลงไป แต่ผลกระทบของพิษก็ยังคงอยู่แถมมันยังมากพอที่จะทำให้อาณาจักรคานาเรียล่มสลายลงได้ด้วย

 

เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดยุกดรากูนอทจึงต้องขอแรงจากประเทศภายนอกอย่างนครศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ทางใต้ของอาณาจักร ซึ่งเกิดทะเลฟุไคขึ้นจากการตายของไฮดราในอดีต

 

อันที่จริงผมก็เคยได้ยินมาตอนที่ผมจัดการกับบาซิลิสก์เหมือนกัน ทางดยุกดรากูนอทก็คงจะเห็นว่าทางนั้นอาจจะมีวิธีในการหยุดความเสียหายของฟุไคลงได้ก็เลยส่งทูตไปเจรจาของความร่วมมือ

 

ทางพระสันตะปาปาของนครศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของที่นั่นก็ตอบรับคำของเป็นอย่างดี

 

จากที่พระสันตะปาปาพูด ดูเหมือนว่าทางนครศักดิ์สิทธิ์จะมีเวทบาเรียป้องกันขนาดใหญ่ที่หยุดมันเอาไว้อยู่

 

 

แต่ก็แน่ละว่าบาเรียที่ถูกสร้างโดยมนุษย์เฉยๆ มันกันพิษของไฮดราไม่ได้หรอก

 

ดังนั้นมันก็เลยต้องมีของบางอย่างเข้าช่วย

 

นั่นก็คือนอของพวกแรดที่เชื่อกันมาตั้งแต่โบราณว่ามีความสามารถในการชำระล้างพิษ แต่ก็แน่ละว่านอแรดธรรมดามันไม่พอจะเป็นตัวกระตุ้นวงจรเวทได้หรอก มันต้องใช้นอของสัตว์ในตำนานที่มีประสิทธิภาพมากกว่านอแรดธรรมดาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า

 

ซึ่งของที่ว่ามันก็คือเขาของเบฮีมอธ ราชาแห่งสัตว์ร้าย

 

 

พอพูดเบฮีมอธแล้ว มันก็คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่ตัวประมาณเมืองเมืองหนึ่ง

และเนื่องจากขนาดของมันจึงทำให้พื้นที่ที่มันสามารถอาศัยอยู่ได้มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น หากมองไปยังอาณาจักรคานาเรีย ก็คงจะต้องเป็นทะเลทรายคาตารันซึ่งเป็นที่อาศัยของเหล่ามอนสเตอร์ไม่ต่างอะไรกับป่าทีทิสและเขาสกิม

 

 

แต่ก็จริงว่าความเป็นไปได้ที่มันจะไม่อยู่ตรงนั้นเหมือนกัน แถมถึงจะเจอมันเข้าก็ใช่ว่าจะปราบมันได้โดยง่ายซะด้วย

 

 

 

ไหนจะเรื่องที่ต้องเตรียมทหาร เสบียงอีกจำนวนมาก เส้นทางการส่งเสบียงอีก ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เป้าหมายสำเร็จได้ ยิ่งปลายทางที่พวกเขาจะไปคือทะเลทรายขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีใครเคยสำรวจอย่างจริงจัง พื้นที่หลายส่วนยังไม่เคยถูกเข้าถึงหรือทำแผนที่ได้ หากในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดทางอาณาจักร อาจจะสูญเสียกำลังทหารและเสบียงไปทั้งหมดในวันเดียวเลยก็ได้

 

 

「…ในสถานการณ์ที่ต้องมาหัวหมุนกับเรื่องของไฮดรา การสำรวจครั้งใหญ่แบบนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ สินะ」

 

เพราะงั้นความเป็นไปได้นอกจากนี้ก็คือต้องหาของที่พอจะทดแทนเขาของเบฮีมอธได้ แต่ก็นั่นแหละมันใช่ของที่จะหามาแทนกันได้ๆ ซะที่ไหน ไม่สิหากให้ผมพูดอันที่จริงมันก็พอจะมีของที่แทนได้อยู่นะ

 

ตอนนี้ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านของผม ตัวเธอถ้าจะให้พูดก็คงเป็นผู้ถือครอบครองสื่อพลังเวทที่ทรงพลัง แถมยังมีด้วยกันถึงสองอันด้วย

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าแค่เขาของคิจินมันเพียงพอที่จะแทนเขาเบฮีมอธซึ่งเป็นราชาแห่งสัตว์ร้ายได้ไหม แต่ก็คงไม่แปลกอะไรหากจะมีคนคิดลองดู

 

ถึงแม้กษัตริย์ของอาณาจักรคานาเรียจะรองรับสถานะของซูซูเมะให้ แถมเธอไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียสละอะไรในเรื่องนี้เลยสักนิด แต่พอคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ บางทีอาจจะมีพวกที่บ้าพอจะลองดีก็ได้

 

เพราะแบบนั้นดยุกดรากูนอทก็เลยบอกมาว่า”เราก็จะพยายามเท่าที่พวกเราทำได้ดู ดังนั้นก็ดูแลตัวเองกันให้ดีด้วย”

 

 

「ก็จริงอยู่ว่าพวกบ้าๆ นั่นเราคงรับมือกับมันไม่ยากหรอก แต่ปัญหาคือจะบอกเธอยังไงดีนี่สิ…」

 

หากผมบอกเธอไปตามตรงด้วยนิสัยของเธอแล้วเธออาจจะรู้สึกผิดและพยายามฝืนทนหักเขาของเธอมาช่วยคนส่วนมากก็ได้

 

ผมจึงอยากจะหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนั้นเท่าที่จะทำได้ จนทำให้ผมเกิดความคิดที่จะขี่คราว โซราสออกไปที่ทะเลทรายเพื่อล่าเบฮีมอธคนเดียวซะเลย แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ การจะออกจากเมืองอิชกะไปเป็นเวลานานไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย แม้แต่เด็กก็ยังรู้

 

「หากเราแยกได้สัก 3 ร่างก็คงดี ให้ร่างหนึ่งจัดการเรื่องไคลอา อีกร่างก็ดูแลซูซูเมะ ส่วนอีกร่างก็ไปฆ่าเบฮีมอธ」

 

พอพูดอะไรที่ดูเป็นไปไม่ได้ออกมา ผมก็ทำได้แค่เกาหัวด้วยความหงุดหงิด

 

เอาเถอะบ่นไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร มาทำในสิ่งที่พอทำได้ไปทีละอย่างแล้วกัน

 

อย่างแรกก็คงต้องตรวจสอบอาการของคนในบ้านกันเสียก่อน โดยเฉพาะคนเกือบจะถูกไคลอาฆ่า ผมอยากจะทำให้ตัวเองแน่ใจเสียก่อนว่าพวกเธอสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับไคลอาได้

 

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืดเส้นยืดสาย

 

ก่อนจะทำการตบแก้มเบาๆ ด้วยมือทั้งสอง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีท้องฟ้าสดใส ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอกนะแต่ผมเหมือนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาแปลกๆ

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน