การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 123 พังทลาย

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 123 พังทลาย

 

「――ก็จริงอยู่ว่าเราไม่ได้สงสัยเรื่องที่คลิมบอก แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้」

 

 

 

เสียงชื่นชมที่มีต่อตัวของโซระออกมาจากปากซิดนีย์ สกายชิพ ขณะที่เขากำลังดูโซระสู้กับแมงมุมดินอยู่

 

 

 

ในตอนนี้สิ่งที่ซิดนีย์เห็น โซระยังไม่ได้ใช้อาภรณ์วิญญาณอีกทั้งเทคนิคคิพื้นฐานก็ไม่ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ดาบที่อยู่ตรงเอวของเขา เขาก็ไม่เลือกที่จะชักมันออกมา ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นความแข็งแกร่งของเขาก็มากกว่าแมงมุมดินไปหลายขุมแล้ว

 

ก็จริงอยู่ว่าคงจะดูแปลกๆ หากบอกว่าแข็งแกร่งกว่าหลายขุม เพราะโซระในตอนนี้ทำได้แค่หลบการโจมตีของแมงมุมดิน แต่ซิดนีย์รู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น

 

 

เพราะในตอนนี้โซระแทบจะไม่ขยับตัวออกจากบริเวณจุดที่เขายืนอยู่เลย ถึงในตอนแรกเขาจะเว้นระยะห่างโดยการหลบไปถอยไปบ้าง แต่พอผ่านไปได้สักพักเขาก็ไม่จำเป็นต้องเว้นระยะเพื่อหลบการโจมตีของแมงมุมดินอีกต่อไป

 

 

 

ทุกครั้งที่แมงมุมดินพยายามโจมตีโซระ กรงเล็บของมันก็จะคว้าได้แค่ความว่างเปล่า――แม้แต่การโจมตีที่รุนแรงราวกับพายุคลั่งก็มิอาจจะทำอะไรร่างกายของโซระได้ แค่นี้มันก็ชัดแล้วว่าทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันขนาดไหน

 

 

แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่ซิดนีย์คนเดียวเท่านั้นที่เห็นหรือคิดคล้ายกับเขา

 

 

 

 

「ฮ่าๆ เจ๋งดีแฮะ สิ่งที่เจ้าโซระทำตอนนี้มันคือการเล่นกับแมงมุมดินชัดๆ!」

 

 

 

 

คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซิดนีย์อย่าง ซาอิ คุมอนส่งเสียงหัวเราะออกมาและปรบมือให้โซระอย่างสนุกสนาน เหมือนว่าเขาไม่คิดอะไร แต่ความเป็นจริงแล้ว ดวงตาที่เฉียบคมทั้งสองของซาอินั้นได้จดจ้องทุกการเคลื่อนไหวของโซระโดยไม่ละสายตาเลย

 

 

ในเกาะอสูรยักษ์นี้เป็นที่รู้กันดีว่าอีกชื่อหนึ่งของแมงมุมดินก็คือ『นักฆ่ามือใหม่』 เพราะเหล่าคนหนุ่มสาวที่กำลังจบจากพิธีทดสอบส่วนใหญ่และเข้าร่วมกับธงแห่งผืนป่า ก็มักจะถูกพวกมันซุ่มโจมตีภายในป่าขณะออกไปทำภารกิจก่อนจะถูกฆ่าตายด้วยกรงเล็บที่แหลมคมของพวกมัน

 

 

แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงกรงเล็บของมันเท่านั้นที่ทำให้แมงมุมดินน่ากลัว พิษของมันที่พ่นออกมาก็สามารถหลอมละลายร่างมนุษย์ได้ยันกระดูก การเคลื่อนไหวของมันก็รวดเร็ว เส้นใยของมันก็สามารถใช้ผนึกการเคลื่อนไหวของเหยื่อได้เพื่อจะเก็บไว้เป็นอาหารภายหลัง

 

 

มันไม่ใช่ของที่จะเอามาใช้ทดสอบเหล่านักรบในพิธีทดสอบเลยสักนิด

 

 

แม้กระทั่งเหล่านักรบของธงผืนป่าระดับกลางๆ ก็ยังมีพลาดพลั้งให้กับแมงมุมดินได้เลย เนื่องจากพวกมันมีความฉลาดและล่ากันเป็นฝูง ในบางครั้งพวกมันก็เลือกที่จะใช้พวกผู้ใช้มายาดาบเดียวที่จับมาได้เป็นโล่ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายลงมือทำอะไรได้ง่ายด้วย

 

 

แต่โซระกลับทำเหมือนมอนสเตอร์ตัวนี้เหมือนเล่นกับเด็ก ทั้งที่เขาไม่ได้ใช้อาภรณ์วิญญาณหรือเทคนิคคิใดๆ เป็นพิเศษเลย ผู้ที่ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่โซระแสดงออกมา ก็คงไม่มีสิทธิ์จะเรียกตัวเองว่าเป็นนักรบของธงแห่งผืนป่าได้แล้ว

 

 

จากนั้นซาอิก็ตบไล่ของคลิมที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

 

「ฉันขอโทษนายด้วยแล้วกันที่สงสัยในตอนแรก――แต่นั่นมันมังกรเลยนะ เอาจริงเหรอ」

 

ดูเหมือนซาอิจะไม่ยอมพูดขอโทษอย่างเต็มปากได้ง่ายๆ

 

พอคลิมได้ยินแบบนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาทางจมูก

 

 

 

「…ฉันไม่สนหรอกว่านายจะคิดยังไงกับโซระ ไม่ใช่ธุระอะไรของฉันด้วย」

 

 

「เอาน่า แต่อย่างน้อยสิ่งที่เขาแสดงให้พวกเราเห็น มันก็พอจะทำให้คนในที่นี้ฟังเรื่องที่นายกับชิบะรายงานได้บ้างแล้วสินะ หากเป็นแบบนี้ไคลอาที่ถูกลงโทษอยู่ก็น่าจะได้รับการยกโทษ」

 

ใบหน้าของคลิมดูแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาอิ

 

 

เพราะก่อนที่โซระจะมายังเกาะนี้ โซระได้ปล่อยไคลอาจากการเป็นตัวประกันแล้วให้กลับมายังเกาะแล้ว แต่ก็มีไม่กี่คนหรอกที่จะยินดีกับการที่เธอกลับมาครบ 32 กลับกันคนส่วนใหญ่บนเกาะมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาด้วยซ้ำ

 

 

ในหมู่คนพวกนั้น คนที่โกรธที่สุดก็น่าจะเป็นกิลมอร์เพราะไคลอาเป็นสาเหตุที่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเขาต้องแปดเปื้อน ถึงขนาดมีขอให้ชิกิบุประหารเธอทิ้งเสีย

 

แต่ก็โชคดีที่โกซุ ชูคุยะ แล้วก็หัวหน้าหน่วยผู้ดูแลไคลอาอย่างหัวหน้าธงที่ 6 และรองหัวหน้าคัดค้าน สุดท้ายก็เลยจบลงที่ลงโทษทางวินัย

 

 

ไคลอาได้ถูกล่ามขังไว้ที่คุกใต้ดินของคฤหาสน์เบิร์ช กระทั่งตัวของคลิมเองก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พบเลย ก็หมายความว่าจนถึงตอนนี้แค่ใบหน้าของพี่สาว เขาก็ยังไม่เคยเห็น แม้เขาจะไปขอร้องกับพ่อบุญธรรมของเขาอย่างกิลมอร์แล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธ

 

 

 

คลิมรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเพราะเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเด็กที่ไม่มีประโยชน์กับทางตระกูลเบิร์ชจะถูกทำอะไรบ้าง

 

ไคลอานั้นถึงปัจจุบันจะเป็นนักรบแห่งผืนป่าที่ได้รับความเคารพนับถือเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แถมยังเป็นหนึ่งในรุ่นทองคำ แต่มันก็ไม่เพียงพอให้พ่อบุญธรรมผู้เข้มงวดของเขาปล่อยเธอไปได้เมื่อเธอล้มเหลว เพราะขนาดตัวคลิมเองเมื่อครั้งก่อนแผลบนร่างของเขาก็ยังหลงเหลืออยู่เลย เขาไม่อยากจะให้พี่สาวของเขาต้องมาเจออะไรแบบเขาหรือยิ่งกว่าเขาเลยสักนิด――คลิมพร่ำบอกกับตัวเอง

 

 

เพราะงั้นแหละ คลิมก็เลยไม่ค่อยมีสมาธิจะมาดูการต่อสู้ของโซระกับแมงมุมดินเท่าไหร่นัก

 

 

ในที่สุดโซระซึ่งกำลังต่อสู้กับแมงมุมดิน ก็ดึงดาบคาตานะออกจากเอวและเริ่มโต้กลับ เขาได้ตัดขาของแมงมุมดินที่โจมตีเข้ามาก่อนจะ และแทงดาบของเขาไปที่ดวงตาสีแดงข้างหนึ่งของมัน

 

 

แมงมุมดินที่ถูกคมดาบนั้นโจมตี ก็อาละวาดอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นมันก็ปลดปล่อยเมียสม่าออกมา ลักษณะเป็นก้อนที่คล้ายกับพิษและคำสาปผสมรวมกันปกคลุมทั้งร่าง

 

 

มันคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าแมงมุมดินกำลังรู้ว่าตัวเองจะต้องตายและมันตัดสินใจจะทำการโต้กลับครั้งสุดท้าย กระทั่งสัตว์ป่าที่ใกล้ตายก็ยังพยายามตอบโต้นายพรานสุดชีวิต มีหรือแมงมุมดินที่มีสติปัญญาจะปล่อยให้อีกฝ่ายฆ่าตายเฉยๆ

 

 

สถานะนี้ของมันไม่ได้มีเวลาในการใช้งานมากนัก แต่กลับกันมันช่วยเพิ่มความสามารถทั้งหมดของแมงมุมดินขึ้นเป็นอย่างมาก นี่แหละคืออีกหนึ่งสาเหตุที่มันถูกเรียกว่านักฆ่ามือใหม่

 

 

――แต่สีหน้าของคลิมที่เห็นการต่อสู้นั้นก็ไม่เปลี่ยนอะไร

 

 

 

อย่างที่บอกเขาไม่ได้สนใจการต่อสู้นี้เลยสักนิด

 

 

หากมีใครมาถามความเห็นของเขาอีก เขาก็คงจะตอบกลับไปด้วยความหงุดหงิดเหมือนเดิม

 

 

ทำไมเขาต้องมาสนใจผลลัพธ์การต่อสู้ที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าจะจบแบบไหน

 

 

เพราะแบบนั้น คลิมก็เลยไม่ได้สังเกตไปด้วยว่าสีหน้าของรากุนะกับอายากะที่นั่งไม่ห่างจากเขานักเป็นเช่นไร เมื่อได้เห็นการต่อสู้ของโซระ

 

 

 

นอกจากนี้เขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนกำลังเฝ้ามองสถานการณ์ดังกล่าวอยู่นอกขอบเขตการรับรู้ของเขา

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

ในขณะเดียวกันนั้น

 

มีร่างหนึ่งที่นั่งอยู่บนปลายยอดแหลมของหอสังเกตการณ์เหนือกำแพงสูงของเมืองชูโตะ ก็เอามือบังหน้าผากและจ้องมองโซระอยู่

 

 

 

หากโซระอยู่ตรงนี้ เขาก็คงรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างนั้นคือชายหนุ่มที่เขาได้พูดคุยกันช่วงสั้นๆ อย่าง คาการิ

 

 

「ทั้งที่บอกให้รีบออกจากเกาะแท้ๆ ทำไมยังอยู่ที่นี่อีกนะ หรือเขาจะเป็นหนึ่งในผู้เฝ้าประตูเหมือนกัน….ไม่สิ สร้อยข้อมือนั่นเป็นของใหม่ แถมเขายังรู้ถึงความหมายของมันด้วย ดังนั้นก็ไม่น่าจะใช่ของขโมยมาจากพวกข้าได้――」

 

 

 

 

ชายหนุ่มพึมพำออกมา

 

ทันใดนั้นก็มีร่างใหญ่ยักษ์อีกร่างปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ซึ่งขนาดของเงาดำนั้นหากจะให้เทียบก็ราวๆ หมียักษ์

 

 

「เป็นอย่างไรบ้าง ท่านคาการิ ทั้งที่ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ทำไมท่านยังมาทำอะไรในที่แบบนี้คนเดียวอีก」

 

 

「จะอะไรอีกเล่า ข้าก็แค่ดูว่าพวกผู้เฝ้าประตูมันกำลังทำอะไรอยู่เท่านั้นเอง อิซากิเอ๋ย」

 

 

 

จากนั้นชายร่างยักษ์ที่ชื่อว่าอิซากิก็หันไปมองพวกเหล่าผู้เฝ้าประตู――ปลายทางของสายตานั้นคือคฤหาสน์ตระกูลมิตสึรุกิ ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางของเมืองชูโตะ เมื่อมองจากยอดหอแบบนี้แล้วขนาดของมันก็ประมาณกำปั้น ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ตรงนั้นคงเล็กไม่ต่างอะไรกับมดหรือเมล็ดข้าว

 

 

 

 

อิซากิที่เห็นก็ถอนหายใจออกมา

 

 

 

「หากมีท่านคาการิอยู่ที่นี่กองทัพนากายามะก็คงไม่จำเป็นต้องมีหน่วยสอดแนมแล้วสินะ――ขออภัยข้าควรจะพูดว่ากองทัพของพวกเราสินะ」

 

 

「ฮ่าๆ ข้าไม่ใส่ใจหรอกว่าเจ้าจะพูดว่ากองทัพนากายามะหรือไม่ แต่ข้าก็เข้าใจดีว่ามันผ่านมาได้ไม่ถึง 2 เดือนตั้งแต่ที่รบกันล่าสุด ทหารของคาซานก็คงต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัว 」

 

 

พอพูดแบบนั้นคาการิก็ยิ้มฝืนๆ ออกมาแล้วพูดต่อ

 

 

「….นอกจากนี้มันก็คือสงคราม ข้าก็ไม่ได้หวังให้การปฏิบัติตัวดีๆ ด้วยเพียงเล็กน้อยจะสามารถเปลี่ยนใจพวกเขาได้หมดหรอก」

 

 

 

「ขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่าน แต่ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ทหารคาซานทุกนายรวมถึงข้าต่างก็อาสามากันเอง เพราะอันที่จริงพวกข้าควรจะตายไปในสนามรบแล้วแท้ๆ แทนที่จะโกรธพวกท่าน ข้ากลับรู้สึกขอบคุณท่านคาการิแล้วก็กษัตริย์อาซึมะมากกว่า」

 

 

 

 

พอพูดจบอิซากิก็ต้องขมวดเพราะเขาสังเกตเห็นว่ามีอีกคนหนึ่งโผล่เข้ามาในระยะของพวกเขา

 

 

「แม้ว่าส่วนหนึ่งข้ามีอะไรอยากจะบอกกับพวกลัทธิแห่งแสงที่พยายามล่อลวงคาซาน ใช่ไหมล่ะโอเค็น」

 

 

 

「――คาดไม่ถึงเลยนะเนี่ย」

 

 

บุคคลที่สวมชุดคลุมสีขาวได้ปรากฏตัวขึ้น ราวกับภาพมายา

 

 

 

「ท่านอิซากิ ที่ท่านพูดแบบนี้ท่านกำลังจะกล่าวหาว่าร้ายลัทธิแห่งแสงงั้นหรือ」

 

 

 

ลักษณะของเขาก็มีเขาอยู่บนหน้าผากไม่ต่างอะไรกับคาการิและอิซากิ แต่ผิวของโอเค็นนั้นกลับมีสีขาวและแขนขาเรียวเล็กกว่าทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่นักรบ

 

 

 

แถมดูเหมือนทัศนคติของอิซากิที่มีต่อโอเค็นยังเลวร้ายอีกด้วย

 

 

 

「ถ้าคิดว่าข้ากำลังกล่าวหาท่านก็ต้องขออภัยด้วย แต่ท่านจะอธิบายถึงเครื่องรางนี้ว่าอย่างไรกันเล่า!」

 

 

อิซากิพูดขณะชี้มือไปยังสร้อยข้อมือทองคำบนแขนของเขา

 

 

「เครื่องรางที่ช่วยทำให้ผู้สวมใส่สามารถผ่านประตูออกมาได้โดยพวกผู้ทรยศไม่สามารถสังเกตเห็นได้ แม้แต่ข้าที่เป็นถึง 1 ใน 16 หอกของคาซานก็ยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนด้วยซ้ำว่า ลัทธิแห่งแสงมีของแบบนี้อยู่ ทำไมพวกเจ้าถึงต้องซ่อนมันจากคาซานด้วย หากพวกข้ามีสิ่งนี้ตั้งแต่แรก พวกข้าคงสามารถเปิดประตูกันเองได้แล้วแท้ๆ ….!」

 

 

 

เมื่ออิซากิกำหมัดแน่นด้วยความโมโห โอเคก็ยกมือขึ้นลงเหมือนกับอยากจะพัดพาความโมโหของอีกฝ่ายให้จางหายไป

 

「ท่านอาซากิ ให้ทางข้าได้คลายความเข้าใจผิดก่อนเถิด หากท่านคิดว่ามันเป็นของที่อยู่ดีๆ ก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ นั่นคือท่านคิดผิด เพราะสมบัติศักดิ์สิทธิ์นี้มีเพียงแค่วีรบุรุษที่รวบรวมหุบเขาทั้ง 5 ให้เป็นปึกแผ่นได้เท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติในการเปิดใช้งานมันได้ ดังนั้นหากคาซานสามารถเอาชนะนากายามะได้ พวกเราลัทธิแห่งแสงก็พร้อมจะมอบสมบัติศักดิ์สิทธิ์นี้ให้กับทางคาซานเช่นเดียวกัน」

 

 

「เจ้าหมายความว่าคนที่ไม่มีความสามารถแม้กระทั่งรวบรวมแผ่นดินได้ไม่มีประโยชน์อะไรกับลัทธิแห่งแสงงั้นหรือ」

 

「ดูเหมือนท่านจะตีความไกลไปหน่อยหรือเปล่าที่ข้าอยากจะพูดก็มีเพียงแค่สมบัติศักดิ์สิทธิ์มันไม่ควรเอาออกมาใช้กันง่ายๆ ต่างหาก」

 

เมื่อได้ยินคำพูดของโอเค็นอิซากิก็เดาะลิ้นด้วยความไม่พอใจแต่พอรู้แบบนี้แล้วเขาก็ทำอะไรต่อไม่ได้อยู่ดีเพราะของมันก็โผล่มาแล้วส่วนทางโอเค็นแม้จะแสดงท่าทางหวาดกลัวก่อความโกรธของอิซากิแต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

 

ทางคาการิก็ทำได้เพียงมองดูทั้งสองคนเงียบๆ

 

ลัทธิแห่งแสงเป็นกลุ่มที่เข้าข้างพวกคิจินหลังถูกทรยศโดยพวกมนุษย์ถ้าจะให้พูดพวกเขาคือคนกลุ่มเดียวที่อยู่ข้างพวกคิจินในสมัยนั้นและในนามของพระเจ้าของพวกเขาพวกเขาได้ช่วยเหลือเหล่าคิจินเอาไว้มากมาย

 

ซึ่งอายุของลัทธินี้ก็ปาเข้าไปแล้วกว่า300ปีนอกจากนี้แม้ว่าพวกคิจินจะเข้าร่วมกับลัทธิแห่งแสงแต่การคุ้มครองจากเทพปีศาจก็ไม่ได้สูญหายไปเลยสักนิดดังนั้นจึงมีเหล่าผู้ศรัทธาจำนวนมากในหมู่คิจินจากเขาทั้ง 5

 

ในบรรดา4พี่น้องนากายามะที่สามารถรวมเขาทั้ง5ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ก็เป็นสมาชิกของลัทธิเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นพี่ชายคนโตของคาการิพี่ชายลำดับที่3ของเขาอย่างฮาคุโร่แถมรายนั้นไม่ใช่แค่ผู้ศรัทธาแต่เขาเป็นถึงระดับบิชอปของลัทธิ

 

ตามที่พวกเขาได้พูดกันไปเรื่องในครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณทางลัทธิแห่งแสงที่ช่วยให้พวกเขาและคนอื่นๆ สามารถแทรกซึมเข้ามาในชูโตะได้ซึ่งแผนทั้งหมดก็คงต้องยกความชอบให้กับพี่ของเขาอย่างฮาคุโระที่เป็นคนของลัทธิแห่งแสง――เพราะคาการิไม่เก่งเรื่องกลยุทธ์เขาจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นแต่กลยุทธ์ของฮาคุโระก็ทำให้เขารู้สึกแย่พอสมควร

 

พอคาการินึกถึงแผนทั้งหมดที่วางไว้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่จริงๆ แต่มันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นซึ่งในอดีตคาการิก็ได้เห็นมันมาแล้ว

 

เขาจึงเชื่อว่าในครั้งนี้ก็จะไม่ต่างกัน

 

「ถ้างั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าพร้อมไหมอิซากิโอเค็น? 」

 

「น้อมรับคำสั่ง」

 

「ข้าสัญญาว่าจะมอบผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจให้」

 

「จัดมาเลยจากนี้ไปขอให้ดำเนินการตามแผนเมื่อข้าให้สัญญาณพวกเจ้าทั้งสองไปประจำตำแหน่งได้!」

 

อิซากิและโอเค็นได้หายไปจากบริเวณดังกล่าวทันทีที่ตอบรับคำของคาการิ

 

เมื่อทั้งสองหายไปแล้วคาการิก็กระโดดลงมาจากหอสังเกตการณ์อย่างสบายๆ

 

จุดที่คาการิอยู่เมื่อกี้มันคือยอดของหอสังเกตการณ์ซึ่งอยู่เหนือกำแพงเมืองขึ้นไปเองมันไม่ใช่แค่ระยะ10หรือ20เมตร

 

หากมีคนผ่านมาเห็นเข้าคงได้ตกใจกลัวว่าเขาเลือกจะทิ้งดิ่งฆ่าตัวตายไหมแน่ๆ

 

แน่นอนว่าคาการิไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าตัวตายเมื่อร่างของเขาร่วงไปได้ประมาณ10เมตร――หรืออาจจะมากกว่านั้นหากเป็นร่างของมนุษย์ทั่วไปคงหมดสติไปนานแล้วแต่สุดท้ายเขากลับลงสู่พื้นได้อย่างง่ายดาย จากนั้นคาการิก็กดฝ่ามือขวาของตัวเองเข้าไปใกล้ๆ กับกำแพงเมืองก่อนจะพูดออกมาราวกับกำลังขับขานบทกวี

 

「――ทั่วโลกาฟ้าดิน แดนโลกและสวรรค์ ไม่มีสิ่งใดที่จะคงกระพัน ไม่สามารถทำลายลงได้」

 

 

 

สิ่งที่สร้างขึ้นมาเมื่อ 300 ปีที่แล้ว และไม่เคยถูกทำลายลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่คือสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงของเมืองชูโตะ

 

 

「หากเป็นเช่นนั้น กำปั้นแห่งตัวข้าที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง โปรดสดับรับชมศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่นากายามะผู้รวบหุบเขาทั้ง5ได้อย่างภาคภูมิ」

 

 

ว่ากันว่ามันหนาพอที่การทะลวงด้วยเครื่องทะลวงกว่า 100 ครั้งจะไม่เป็นผล แข็งแกร่งจนแม้แต่เวทนับพันก็ไม่อาจจะทำลายลงได้ การป้องกันที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ากำแพงทองคำของเมืองหลวงจักรวรรดิ

 

มันหนาพอที่จะไม่สามารถทะลุทะลวงได้แม้ด้วยเครื่องทุบตีหนึ่งร้อยตัว มันแข็งแกร่งมากจนไม่สามารถถูกทำลายได้ด้วยเวทมนตร์นับพัน และว่ากันว่าการป้องกันของมันนั้นแข็งแกร่งจนทะลุกำแพงทองคำของจักรพรรดิ เมืองหลวง.

 

 

 

ทว่า

 

 

 

「ชิโกะโนะซัง (ดับสูญโลกา) 『ทลาย』!」

 

 

 

กำแพงบริเวณกำปั้นของเขาได้แตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ ทันทีที่รับการโจมตีเข้าไป

 

จากนั้นรอยร้าวบนกำแพงก็เกิดขึ้นและลุกลามออกไปเรื่อยๆ คล้ายกับงูนับพันเลื้อยไปบนกำแพง มันคงเป็นภาพที่ดูน่าหวาดกลัวสำหรับผู้พบเห็นแน่ๆ

 

 

และความเร็วของงูที่ว่ามันเร็วพอๆ กับคนคนหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ จนในที่สุดรอยร้าวมันก็ลามไปถึงปลายยอดของหอสังเกตการณ์

 

 

นักรบแห่งผืนป่าที่เหมือนจะสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ก็ตื่นตัวแล้วรีบหาทางรับมือทันที แต่ทางคาการิก็ไม่คิดจะสนใจ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องสนนั่นเอง

 

ถึงพวกเขาจะรู้ตัวเอาตอนนี้มันก็สายไปแล้ว

 

 

 

「เอาล่ะ มาเริ่มยกล้างตาจากเมื่อ 300 ปีก่อนกันดีกว่าพวกมนุษย์เอ๋ย」

 

 

เมื่อสิ้นเสียงนั้นคาการิก็ทำการชกกำแพงเมืองด้วยมือซ้ายของเอาอีกครั้ง

 

 

ทันทีที่การโจมตีเสร็จสิิ้น กำแพงเมืองชูโตะที่แสนภาคภูมิใจก็พังทลายลงพร้อมกับเสียงดังสนั่นทั่วทุกทิศ

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน