การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 128 ทางเลือก

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 128 ทางเลือก

 

「……คุณโซระทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน……? 」

 

 

 

「ฉันได้ยินอายากะบอกว่าเธออยู่ที่นี่น่ะ ก็เลยกะว่ามาดูอาการสักหน่อย」

 

 

 

ผมพูดเรื่องที่ได้ยินมากับไคลอาที่น้ำเสียงแอบจะเหือดแห้งไปแล้ว

 

 

 

จากนั้นทางไคลอาก็กะพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนร่วมรุ่นเธอ

 

 

 

 

「อายากะ……? 」

 

 

 

「ก็ตามนั้น ฉันว่าอายากะคงกังวลเพราะไม่เห็นเธอนานแล้วก็ได้มั้ง」

 

 

 

สิ่งที่อายากะบอกกับผมผ่านสัญญาณลับก็คือ『ไคลอา』『ไม่อยู่ที่นี่』『ตระกูลเบิร์ช』『คุกใต้ดิน』

 

 

แน่นอนว่าอายากะไม่ได้บอกว่า『ช่วยเธอ』『ได้โปรด』หรือ『นี่เป็นโอกาสดีที่จะช่วยเธอออกมา』แต่เธอก็คงจะมีเจตนาแบบนั้นปนด้วยแน่ๆ

 

 

อันที่จริงผมจะไม่สนใจแล้วปล่อยผ่านไปก็ได้ บอกตามตรงว่าถ้านั่นเป็นคลิมผมคงตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้เยอะ

 

 

แต่เพราะคนที่โดนดันเป็นไคลอา จะบอกว่าตัวผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลยก็คงจะยาก ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกผมก็ได้อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน ฝึกฝนฝีมือดาบให้กันและกัน นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่เธอช่วยสอนวิธีการใช้อาภรณ์วิญญาณอีก ก็เอาเป็นว่าพอหลายๆ อย่างมันรวมกันไปแบบนี้ ความรู้สึกของผมมันก็เลยเปลี่ยนไปบ้างแหละ

 

 

ทางชีล ซูซูเมะ มิโรสลาฟที่ถูกไคลอาโจมตีตอนอยู่ที่อิชกะ สุดท้ายพวกเธอก็สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับไคลอาได้บ้างแล้ว ทางไคลอาเองถึงจะยังติดอะไรในใจอยู่บ้าง แต่เธอก็ปฏิบัติกับคนที่เหลือด้วยความเคารพ

 

 

ระหว่างที่ผมคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ก็ได้ถามกับไคลอาที่มือและเท้าถูกพันธนาการไว้

 

 

「แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ในสภาพเหมือนอาชญากรแบบนี้ล่ะ? ทั้งที่โกซุกับคลิมก็โดนฉันกระทืบเหมือนกันแท้ๆ 」

 

 

 

「……เรื่องนั้น」

 

 

 

 

ไคลอาทำท่าตะกุกตะกักอยู่ภายในกรงเหล็ก

 

 

สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจว่าถึงจะซ่อนมันไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วเริ่มเล่าที่มาที่ไป

 

 

สรุปก็คือบทลงโทษที่ทางตระกูลมิตสึรุกิมอบให้กับเธอก็มีเพียงแค่การลงโทษทางวินัยทั่วไป แต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ที่ต้องมาอยู่ในคุกก็เป็นเพราะบทลงโทษของกิลมอร์ ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเบิร์ชเอง

 

 

 

กิลมอร์โกรธเป็นอย่างมากที่ลูกบุญธรรมของเขาทั้ง 2 คนพ่ายแพ้ให้กับผม นั่นทำให้ตระกูลเบิร์ชเสียหายเป็นอย่างมาก แต่ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดจะลงโทษสองพี่น้องอะไรเพิ่มหรอก เพราะเขายังเห็นคุณค่าของสองพี่น้องในฐานะรุ่นทองคำ

 

 

แต่หลังจากได้สืบสวนการกระทำของไคลอาในช่วงที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน กิลมอร์ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก จนทำให้ไคลอาต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

 

 

ส่วนเหตุผลก็คือ――

 

 

 

「…คือว่า…พอพวกเขาสืบสวนกันก็ทำให้รู้ว่าตอนที่ฉันอาศัยอยู่ในเมืองอิชกะกับคุณโซระ สภาพชีวิตของฉันมันสะดวกสบายและดีกว่าทางตระกูลเบิร์ชมาก พอผู้นำตระกูลทราบเข้าก็เลยโกรธมากค่ะ……」

 

 

 

ไคลอาก็หลบหน้าผมแล้วมองพื้นด้วยความอับอาย

 

 

 

 

ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะเอียงคอด้วยความสงสัย

 

 

 

 

「สะดวกสบาย? ถามจริง สภาพที่โดนคนเฝ้าจับตามองตลอด 24 ชั่วมะ――อ๋อ คงจะเป็นเรื่องของอาหารสินะ? 」

 

 

 

 

ในช่วงที่เธอถูกจับเป็นตัวประกันแรกๆ ไคลอาก็มักจะระวังการกระทำทุกอย่างของเธอ แต่พอเจอกับอาหารของนักบวชซาร่า สติของเธอก็หลุดทันทีและมักจะขอเติมข้าวตลอดเวลาโดยไม่ลังเล

 

ก็นะถ้าเป็นแบบนั้นจะบอกว่าสะดวกสบายก็ได้มั้ง แต่ทางไคลอากับส่ายหัวปฏิเสธ

 

 

 

 

「ไม่ใช่หรอกค่ะ ความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในถ้ำแล้วค่ะ คุณโซระ」

 

 

 

「….สภาพบ้านที่เธออยู่ก่อนหน้านี้มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ」

 

 

 

 

ถ้าบอกว่าการอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเบิร์ชมันหนักหนากว่าถ้ำของราชาแมลงวัน ตระกูลนี้มันก็น่าจะมีปัญหาแล้วนะ

 

 

จากนั้นผมก็พูดต่อด้วยความสงสัย

 

 

 

「เอาเถอะฉันก็เห็นใจอยู่หรอก แต่ทำไมเธอต้องพูดความจริงให้คนพวกนั้นรู้หมดด้วยล่ะ? 」

 

 

 

「คุณโซระก็คงจะรู้จัก『จับเท็จ』ดีนี่คะ」

 

 

พอได้ยินผมก็ถอนหายใจออกมา มีไอ้นั่นอยู่ยังไงก็ไม่น่าจะรอด แถมถ้าผมเป็นกิลมอร์ผมเองก็น่าจะหาคนที่มีของแบบนั้นอยู่แน่ๆ

 

หลังจากที่ผมเข้าใจถึงสถานการณ์โดยรวมแล้ว ผมก็มองไปยังไคลอาที่อยู่ตรงหน้าผมอีกครั้ง

 

 

สภาพของเธอคือนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น โดยที่มือถูกล็อกเอาไว้ด้านหลัง สภาพตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับท่าที่กำลังก้มหัวให้ผมอยู่เลย

 

 

บาดแผลบนร่างของเธอมีทั้งในแนวตั้งและแนวนอนบน แขนและขาที่ขาวใส่ของเธอมีแต่ร่องรอยของความเจ็บปวด ในกรณีนี้หากเข้ารับการรักษาด้วยเวทมนตร์หรือไอเทมอื่นๆ ก็น่าจะพอช่วยได้ แต่รอยแผลเป็นนี่ก็น่าจะลบออกไม่หมดแน่

 

 

「…ถ้าเธอใช้อาภรณ์วิญญาณก็น่าจะหนีออกมาได้สบายเลยนี่ ไม่สิ หรือว่ากิลมอร์มันทำอะไรกับเธอไว้ก็เลยหนีไม่ได้」

 

「ก็อย่างที่คุณพูด หากฉันต้องการจะใช้มันก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้แต่ว่า….ฉันคงหนีไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ ผู้นำตระกูลมีบุญคุณกับพวกเราสองพี่น้องมาก นอกจากนี้ฉันก็ไม่สามารถทิ้งคลิมเอาไว้คนเดียวได้ค่ะ」

 

 

 

「หากเป็นหมอนั่นก็คงยินดีหนีตามเธอด้วยแน่ๆ เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่เฉยๆ ถ้ารู้ว่าพี่ตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้」

 

 

 

พอผมพูดไปแบบนั้น ไคลอาก็ยิ้มจางๆ ออกมา

 

 

 

「แต่หากพวกเราพี่น้องเลือกเส้นทางนั้นจริง พวกเราก็จะต้องเจอกับหน่วยไล่ล่าของทางเกาะ ตลอดช่วงเวลากว่า 300 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีสักครั้งที่ นักรบแห่งผืนป่าจะหนีจากการตามล่าของคนบนเกาะได้สำเร็จด้วย ฉันไม่อยากจะให้น้องชายต้องมาเจอเรื่องแบบนั้นค่ะ」

 

 

 

「สรุปนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่เธอหนีไปไหนไม่ได้สินะ」

 

 

 

 

ผมถอนหายใจออกมา

 

 

ที่ผมเลือกจะทำตามสิ่งที่อายากะบอกมา ก็เป็นเพราะผมมองเห็นว่าตัวเองน่าจะพอช่วยให้ไคลอาหลบหนีได้หากเธอต้องการ

 

 

 

แถมผมก็รู้จักนิสัยของไคลอาดีระดับหนึ่ง หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมอาจจะได้แหล่งอาหารที่มีอนิม่าเป็นของตัวเองก็ได้

 

 

แต่ถ้าทางไคลอาเลือกที่จะทำแบบนี้ผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้

 

 

ตอนที่ผมเลือกช่วยซูซูเมะกับคลอเดีย นั่นก็เพราะพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเจอกับเรื่องที่เกินมือของตน ผมก็เลยพยายามช่วยเต็มที่

 

 

ทว่า กรณีของไคลอามันต่างออกไป เธอคือผู้ที่แข็งแกร่งและมีพลังพอที่จะทำลายโซ่ตรวนที่ผูกมัดเธอกับตระกูลเบิร์ชเอาไว้ แต่เธอก็เลือกที่จะยอมรับสภาพของเธอในตอนนี้เพราะคำนึงถึงประโยชน์และภาระหน้าที่ของตน รวมไปถึงอนาคตของน้องชายเธอเอง

 

 

 

ดังนั้นการแทรงแซงของผมก็เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น

 

 

 

จากมุมของผม ผมก็อยากจะพูดอยู่หรอกว่าเส้นทางที่เธอเลือกปลายทางมันก็มีแค่ทางตัน ก็หวังว่าหลังจากนี้เธอจะมองเห็นเส้นทางอื่นบ้างละกัน

 

 

 

 

「ก็คือฉันเสียเวลาเปล่าสินะเนี่ย」

 

พอพูดจบผมก็หันหลังให้กับเธอ โดยที่ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรนัก

 

 

 

 

จากนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยความตระหนกก็ดังมาจากด้านหลังของผม

 

 

 

「คุณโซระ!」

 

 

 

「ว่าไง? 」

 

 

「คือว่า….ทำไมคุณถึงมาหาฉันกันคะ? ก็รู้อยู่ว่าคุณได้ยินเรื่องของฉันมาจากอายากะ แต่คุณโซระก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องมาสนใจฉันเลยนี่คะ? 」

 

 

「ก็ตั้งแต่ฉันส่งเธอกลับมาที่นี่ ฉันก็หาคู่ซ้อมที่ทนไม้ทนมือไม่ได้เลยนี่นา ก็เลยคิดว่าถ้าเธอต้องการจะหนีจริง ฉันก็สามารถช่วยพาเธอกลับไปอิชกะด้วยกันได้」

 

 

ผมพูดโดยไม่ได้ปิดบังอะไร พอทางไคลอาได้ยินก็ทำปากพะงาบๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรอยู่หลายครั้ง

 

 

ทันใดนั้นเอง เสียงกระทบกันของพลังคิก็สั่นสะเทือนมาถึงตรงนี้ นี่น่าจะเป็นผลกระทบจากการพังทลายของกำแพงเมือง การต่อสู้ก็เลยลุกลามเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น

 

 

พื้น กำแพง และเพดานของคุกใต้ดินสั่นสะเทือนส่งเสียงออกมา หลังจากที่ปัดฝุ่นซึ่งตกลงมาจากเพดานเสร็จ ผมก็หยิบโพชั่นขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า ซึ่งมันคือโพชั่นฟื้นฟู

 

 

 

จากนั้นผมก็โยนมันเข้าไปในตะแกรงเหล็กที่ไคลอาอยู่ ก่อนที่โพชั่นจะไปหยุดอยู่บริเวณเข่าของเธอ

 

「คุณโซระ นี่มัน…? 」

 

 

 

「มันเป็นโพชั่นพิเศษของดาบควันโลหิต นอกจากจะฟื้นฟูกำลังกายและพลังเวทแล้ว ยังสามารถช่วยต้านคำสาปกับพิษได้ดีด้วย ถึงเธอบอกว่าไม่อยากจะหนีออกจากเกาะ แต่การจะถูกฝังทั้งเป็นในคุกใต้ดินนี่ฉันว่าก็คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เอาเป็นว่าก็ใช้มันร่วมกับอาภรณ์วิญญาณของเธอเผื่อกรณีฉุกเฉินแล้วกัน」

 

 

ก่อนหน้านี้ไคลอาบอกว่า ไม่ใช่ว่าไม่สามารถใช้ได้ แต่การที่เธอยังไม่ใช้ก็เป็นไปได้ว่ากิลมอร์อาจจะร่ายคำสาปหรือทำอะไรแปลกๆ กับเธอก็ได้

 

 

หากคุกใต้ดินเกิดถล่มขึ้นมา ไคลอาก็จะต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อปลดพันธนาการของเธอแน่ แต่เมื่อถึงตอนนั้นกลไกที่กิลมอร์ตั้งเอาไว้อาจจะขัดขวางเธอแล้วทำให้เธอหนีออกมาไม่สำเร็จก็ได้

 

โพชั่นที่ผมโยนให้กับเธอก็คือโอกาสที่ผมจะมอบให้ได้ในตอนนี้ มันน่าจะช่วยลดผลกระทบจากสิ่งที่กิลมอร์วางไว้ นอกจากนี้มันก็ยังเป็นหนึ่งในของล้ำค่าที่ผสมเลือดมังกรเอาไว้ด้วยนี่นะ บางทีถึงไม่ใช้ตอนนี้ก็อาจจะมีประโยชน์อย่างอื่นก็ได้

 

 

 

 

「คะ-……」

 

 

 

「หรือจะลองเอาสิ่งนี้ไปให้กิลมอร์ดูก็ได้นะ ไว้เจอกันใหม่ไคลอา เบิร์ช」

 

 

 

 

ผมขัดจังหวะที่ไคลอาจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แล้วเดินออกจากที่นี่ไป

 

 

ไคลอาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

 

 

จะมีก็เพียงสายตาจากดวงตาสีแดงของเธอเท่านั้นที่มองผมจนออกจากคุกนี้ไป

 

——–

Note 1 : สาวไม่เอาเราก็กลับ

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท