ตอนที่ 188 เกาะอสูรยักษ์
หลังจากได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิอมาเดอุสที่ 2 ให้เข้าไปยังประตูปีศาจได้ ผมก็บอกลาจักรพรรดิกับเจ้าชายชิออน แล้วออกมาจากวังพร้อมกับบารอนจีทที่เป็นคนของเจ้าชายชิออน
ตอนนี้ตะวันก็ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เนื่องจากการสนทนาของผมกับจักรพรดิค่อนข้างจะนาน
หลังจากอธิบายผลการพูดคุยให้ไคลอาที่รออยู่ในคฤหาสน์ของบารอนฟัง ทีนี้พวกผมก็สามารถไปยังเกาะอสูรยักษ์ได้แล้ว――แต่ยังไงผมก็ไม่คิดจะเดินทางทันทีหรอก ก็จริงอยู่ว่าหากใช้เวลาทั้งคืนในการเดินทางไปก็น่าจะถึง แต่ผมมีไคลอาที่กำลังฟื้นตัวและคราว โซราสที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลดังนั้นคงต้องขอพักกันสักหน่อย
ยังไงการผ่านประตูปีศาจก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ของจริงมันคือการเข้าไปสำรวจข้างใน ดินแดนที่ไร้ซึ่งเหตุและผล ดินแดนต้องสาปที่พร้อมฆ่าทุกสิ่ง รีบร้อนไปก็ไม่ช่วยอะไร
ดังนั้นพวกผมก็เลยพักกันต่อที่คฤหาสน์ของบารอนจีทอีกคืนหนึ่ง แล้วในวันรุ่งขึ้นจึงออกเดินทางจากเมืองลวงช่วงเช้า
ปลายทางของพวกผมก็คือจุดเรือข้ามฟากที่จะเดินทางไปยังเกาะ
ก็อย่างที่ผมเคยพูดตอนกลับเกาะมาครั้งก่อน เรือที่จะเดินทางไปยังเกาะนั้นมีเพียง 2 เที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ผู้โดยสารจำเป็นจะต้องได้รับการยินยอมจากตระกูลมิตสึรุกิด้วย
ก็จริงว่าผมจะขี่คราว โซราสเข้าไปเฉยๆโดยไม่สนใครก็ได้ แต่ไหนๆก็ได้รับอนุญาตจากทางจักรพรรดิมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่อะไร เลยปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน
แล้วทีนี้ก็อาจจะสงสัยกันว่าผมจะได้รับการยินยอมจากตระกูลมิตสึรุกิไหม อันนี้บอกเลยหายห่วง
เพราะเมือผมเบนสายตาไปยังนิ้วของผมก็จะพบว่ามีบางสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนอยู่ตรงนั้น
มันคือแหวนที่บ่งบอกถึงสถานะของผู้สวมใส่――แหวนตรา
เมื่อกษัตริย์หรือพวกขุนนางจะส่งสารอะไร ก็มันจะมีตราพวกนี้ติดไว้เสมอเหมือนบัตรประจำตัว แล้วทีนี้หากตรานั่นเป็นตราของจักรพรรดิแห่งแอด แอสเทร่า ก็คงไม่ต้องสงสัยแล้วมั้งว่าอำนาจตัวแทนที่ผมได้มาจะขนาดไหน
อันที่จริง พอผมเดินมาถึงที่ท่าแล้วแสดงแหวนตราให้เจ้าหน้าที่คุมท่าดู อีกฝ่ายก็รีบดำเนินการเรื่องตั๋วขึ้นเรืออย่างรวดเร็ว พร้อมกับหมอบลงที่พื้นเพื่อแสดงความเคารพ
「หื้ม ว่าแล้วเชี่ยวตราของจักรพรรดินี่ของดีจริงๆ」
พอเห็นตั๋วสำหรับขึ้นเรือ 2 ใบภายในมือ ผมก็ยิ้มออกมา
ไคลอาที่อยู่ข้างๆก็เปิดปากพูดด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
「เอ่อ คุณโซระคะ….จะให้ฉันไปที่เกาะด้วยได้จริงๆเหรอ?」
พอได้ยินเธอพูดแบบนั้น ผมก็หันไปมองนักรบแห่งผืนป่าผมสีขาว
เกาะก็อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ เธอควรจะคิดสิว่าในที่สุดก็จะได้ช่วยน้องชายของตัวเองสักที แต่ทำไมถึงมาถามเรื่องแบบนี้กัน
หรือเธอกำลังรู้สึกละอายที่เลือกจะหนีออกจากเกาะเอาตอนนี้กันนะ พอผมมองไปยังใบหน้าของเธอ ไคลอาที่เห็นผมแสดงสีหน้าสงสัยก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
「คือ ที่ฉันพูดแบบนั้นไป หมายความว่าฉันไม่จำเป็นต้องปกปิดใบหน้าสีย้อมสีผมก่อนเข้าจริงเหรอคะ!」
「อ้อ เรื่องนี้นี่เอง」
ผมพยักหน้าให้เมื่อรู้ถึงข้อกังวลใจของเธอ
สำหรับตระกูลมิตสึรุกิแล้ว การหนีออกจากเกาะถือเป็นความผิดร้ายแรงว ไม่ว่าอำนาจของแหวนตราจักรพรรดิจะสุดยอดสักแค่ไหน ความผิดฐานหนีออกจากเกาะก็คงลบล้างไม่ได้
ไคลอาก็เลยตั้งใจจะย้อมสีผม ปลอมสีตาของตัวเองเพื่อเข้าไปยังประตูปีศาจ แต่ว่ากันตามตรงยังไงก็ความแตกแน่ๆแหละ ดังนั้นผมว่าสู้ใช้พลังของจักรพรรดิเป็นเกราะคุ้มกันในฐานะผู้ติดตามของผมยังจะดีเสียกว่า――สรุปคือก็เข้าไปกันทั้งแบบนี้แหละ นอกจากนี้….
ผมตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
「อย่ากังวลไปเลยน่า ยังไงเธอก็ปลอดภัยแน่」
「จ-จะเป็นแบบนั้นจริงเหรอคะ……?」
「แน่นอนสิ ดังนั้นก็กล้าๆหน่อย」
เมื่อได้ยินคำพูดของผมไคลอาก็เหมือนจะยังไม่ค่อยเข้าใจถึงความหมายของมัน
ผมที่เห็นไคลอาแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา ก็ชวนหวนย้อนนึกถึงเรื่องหลายวันก่อน
ผมสงสัยมาได้สักพักแล้วว่า ตอนที่ไคลอาหนีออกจากเกาะมายังเมืองอิชกะ ทำไมเธอถึงไม่ถูกพวกที่ไล่ตามมาโจมตีเลยสักครั้ง ยังไงมันก็แปลก หากมองว่าทางตระกูลมิตสึรุกิตั้งใจให้ไคลอาหนีออกจากเกาะได้ยังจะฟังขึ้นกว่าซะอีก นอกจากนี้ท่าเรือที่ผมอยู่ก็ถือเป็นเขตของทางตระกูล แต่ดันไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของพวกที่ไล่ล่าไคลอา
พอเห็นแบบนี้มันก็ชัดแล้วว่าทางตระกูลตั้งใจจะใช้ไคลอาเรียกผมมายังเกาะ คราวก่อนก็ใช้เรื่องของแม่ผม คราวนี้ก็เรื่องไคลอา
ถึงจะยังไม่รู้ว่าใครเป็นตัวต้นคิดแผนพวกนี้ แต่อย่างน้อยก็รับรู้ได้เลยว่าทางนั้นตั้งใจจะใช้พลังของผมในการจัดการพวกคิจินหรือปีศาจ ทางคลิมเองก็ได้รับคำสั่งมาให้ไปปราบราชาของพวกคิจินด้วยนี่นะ ดังนั้นปลายทางของผมก็อาจจะเจออะไรทำนองนั้นเหมือนกัน
แน่นอนว่า ไม่มีทางที่ผมจะพยักหน้ารับแต่โดยดีอยู่แล้ว ทางนั้นเองก็รู้ เพราะเหตุนี้พวกเขาก็เลยใช้ไคลอามาเป็นเครื่องมือต่อรอง
สำหรับตระกูลมิตสึรุกิ คงเห็นไคลอาเป็นเหมือนโซ่คล้องคอของผมอยู่ นั่นเลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่ส่งคนมาไล่ล่า
「ไม่ต้องกังวลไปหรอกว่าพวกเราจะเป็นอะไรไป นอกจากนี้การปกปิดใบหน้าหรือย้อมผม มันก็เป็นเหมือนการแสดงความอ่อนแอและยอมรับความผิดไม่ใช่หรือไง」
「หากคุณโซระพูดแบบนั้นฉันก็จะทำตามค่ะ」
ไคลอาพยักหน้ารับฟังคำพูดของผม แม้ว่าเธอจะยังมีสีหน้าที่งุนงงอยู่บ้างก็ตาม
ก็นะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกเรื่องที่ผมคิดให้ไคลอาฟังด้วยสิ ขอเก็บมันไว้ในใจก่อนละกัน
เพราะทุกอย่างที่พูดไปมันเป็นเพียงการคาดเดาจากฝั่งผม หากมันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด สถานการณ์เลวร้ายที่สุดก็คือไคลอาลดการระวังตัวลงพอได้ฟังเรื่องจากผม แล้วอยู่ดีๆก็ถูกลอบโจมตีเข้า ดังนั้นเลี่ยงได้ก็เลี่ยง
นอกจากนี้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันก็มีความเสี่ยงที่ไคลอาจะตายก่อนได้เจอผมเยอะเลย ดังนั้นผมเลยมองว่าแผนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นหากสำเร็จมันก็ดีไป แต่หากล้มเหลวก็แต่ไคลอาต้องตายลงไปเฉยๆ
ไม่ต่างกับคลิม พี่น้องเบิร์ชทั้งสองเป็นเพียงแค่เบี้ยตัวหนึ่งบนกระดาน
ถ้าผมบอกเรื่องพวกนี้ให้ไคลอารู้เธอก็คงจะยอมรับได้ แต่เธอคงทำใจรับไม่ไหวแน่หากรู้ว่าน้องของเธอก็มีสภาพไม่ต่างกัน
――ให้ตายสิไอ้บ้าคนไหนมันคิดแผนนี้กันนะ
ผมนั่งนึกถึงเหตุผลที่พวกเขาทำแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปสักที
แน่นอนว่ากิลมอร์เป็นคนแรกเลยที่ผุดมาในหัว หมอนั่นถนัดเรื่องอย่างการใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของผู้คน ความรู้สึกของพี่สาวที่รักน้องชายมากน่ะของชอบเลย
ทว่าหากผมเลือกจะทอดทิ้งไคลอา แผนทั้งหมดก็จบลงตรงนั้นแหละ จุดนี้สำหรับกิลมอร์ที่ต้องการผลลัพธ์ให้เป็นไปตามที่ตัวเองหวังไม่น่าจะชอบนัก
คนต่อมาก็คืออายากะ ตอนที่ผมกลับไปยังเกาะคราวก่อน เธอเป็นคนส่งสัญญาณลับมาให้กับผมเพื่อบอกถึงเรื่องของไคลอา ตรงจุดนี้ผมอาจจะมองได้อีกมุมว่าเธอต้องการพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไคลอาก็ไม่ผิดนัก
นอกจากนี้ก็ยังมีรากุนะที่ได้ยินเรื่องของผมมาจากทางอายากะแล้วหาทางกำจัดผมให้พ้นทาง
ทว่า จริงอยูที่อายากะกับรากุนะคงไม่ลังเลที่จะจัดการผม แต่อย่างน้อยพวกเขาคงไม่คิดจะใช้เพื่อนร่วมรุ่นอย่างไคลอาและคลิมมาเป็นเครื่องมือแน่ อย่างน้อยๆก็หากพวกเขายังเป็นคนที่ผมรู้จักเมื่อ 5 ปีก่อนอ่ะนะ
คนสุดท้ายก็คือพ่อของผม
แต่ตรงจุดนี้แหละที่คิดยังไงมันก็แปลก คนอย่างพ่อเนี่ยนะจะใช้แผน อุบายอะไรพวกนี้มาเพื่อเรียกตัวผมมายังเกาะ
ขนาดคราวก่อนถึงแม้เขาจะใช้วันครบรอบการตายของแม่ผมมาเรียกก็เถอะ แต่วิธีการของเขาก็มีเพียงการส่งจดหมายมาให้เฉยๆ การเล่นใหญ่ระดับนี้มันเลยดูเปลืองมือไปหน่อย
กลับกันวิธีการพวกนี้มันดูจะขัดกับแนวทางการปฏิบัติของพ่อผมไปเยอะเลย
เท่าที่ผมได้ยินเรื่องที่คลิมเจอมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพ่อผมมีเอี่ยวด้วยแน่ แต่ถ้าถามว่าคนคิดแผนทั้งหมดนี้คือเขาไหม อันนี้คงเป็นไปได้ยาก
「――เอาเถอะ ไม่ว่าใครจะเป็นคนคิดแผน แต่การที่เราเอาจักรพรรดิมาเอี่ยวด้วยแบบนี้ ก็ขอดูหน่อยแล้วกันว่าจะมาไม้ไหนอีก」
มันน่าจะได้ผลตรงกันข้ามกับคนคิดแผนที่มองว่าผมจะต้องมาขอยืมมือตระกูลมิตสึรุกิ การที่ผมเอาปัจจัยภายนอกอย่างจักรพรรดิเข้ามาด้วย เกมมันอาจจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยแน่
ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครหนีออกจากเกาะได้สำเร็จ แต่ไคลอาหญิงสาวที่อายุไม่ถึง 20 ปีกำลังจะทำมันได้สำเร็จผ่านการใช้อำนาจของจักรพรรดิ ขอดูหน่อยซิว่าอีกฝ่ายจะทำหน้ายังไง
——–
Note 1 : เป็นประกาศสำคัญครับ คือตอนนี้ผมเปลี่ยนงานใหม่ละ ตอนแรกคิดว่าจะได้เริ่มทำเดือนหน้า แต่เขาเรียกตัวไปวีคนี้เลย ดังนั้นอาจจะไม่ได้มีเวลามาลงวันละตอนได้อีกแล้วนะครับ จะพยายามหาเวลาละกันจากนี้
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code