ตอนที่ 189 ทะเยอทะยาน
กิลมอร์ เบิร์ช รู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก
เหตุผลก็เพราะรายงานที่เขากำลังได้รับมา เนื้อหาคือมิตสึรุกิ โซระได้รับแหวนตราจักรพรรดิ โดยเขาเดินทางมาพร้อมกับไคลอา เบิร์ชและกำลังรอเรืออยู่ที่เมืองท่า
กิลมอร์พอจะเดาได้อยู่แล้วเรื่องที่ไคลอาจะตามเขามาด้วย แต่เขาก็อดพ่นลมหายใจออกมาไม่ได้จริงๆ เมื่อทราบว่าอีกฝ่ายมีแหวนตราจักรพรรดิติดมือมาด้วย
สถานะของโซระในปัจจุบันก็ไม่ต่างอะไรกับทูตของจักรพรรดิ ทางตระกูลมิตสึรุกิก็ต้องปฏิบัติกับเขาอย่างสุภาพและเหมาะสม
สำหรับกิลมอร์แล้วเขาตั้งใจจะทำให้โซระเชื่องโดยมีไคลอาเป็นเงื่อนไข นั่นจึงเป็นสิ่งที่ผิดแผนของเขาไปมาก
「ไอ้เด็กนั่น มันใช้เล่ห์กลแบบไหนกัน」
ไคลอาออกจากเกาะไปได้ไม่กี่วัน เวลาที่พวกเขาจะต้องใช้เพื่อเดินทางมายังเกาะก็ไม่ได้เหลือมาก แล้วพวกเขาสามารถเข้าพบจักรพรรดิได้อย่างไรกัน
แม้จะเป็นตัวกิลมอร์เองก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำการเข้าเฝ้าจักรพรรดิด้วยช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้ ถึงตัวเขาจะเป็นหนึ่งในเสาหลักของตระกูลมิตสึรุกิ แต่ในสายตาของจักรพรรดิก็คงไม่ต่างอะไรกับข้ารับใช้ของข้าราชบริพาร ก็จริงว่าหากเป็นรัชทายาทก็คงจะพอถูๆ ไถๆ ไปได้ทว่ามันก็ต้องมีความสำเร็จหรือเหตุผลที่เพียงพอจริงๆ
จึงยากจะเชื่อว่าโซระที่ไม่มียศตำแหน่งประวัติคุณงามความดีใดๆ ในจักรวรรดิจะสามารถเข้าเฝ้าจักรพรรดิได้ในช่วงเวลาอันสั้น แถมยังได้รับแหวนตราซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ความไว้เนื้อเชื่อใจอีก
ทำเอาเขาอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่านั่นจะเป็มของปลอม แต่แหวนตราของราชวงศ์นั้นทำมาจากเพชรที่เจียระไนมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้มันก็ถูกร่ายเวทระดับสูงใส่เพื่อป้องกันการปลอมแปลง จึงทำให้การปลอมแปลงแทบเป็นไปไม่ได้เลย
「ก็แปลว่าไอนั่นของจริงสินะ」
ว่าแล้วกิลมอร์ก็พ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้วกอดอก
หากแหวนตรานั่นเป็นของจริง สิ่งต่อไปที่ต้องคิดก็คือจุดประสงค์ของโซระ
แม้จะได้รับรายงานเรื่องที่โซระจะเดินทางมายังเกาะจากคนที่เฝ้าท่าเรือแล้ว แต่เหตุผลที่เขาจะมานั้นยังไม่ทราบ
ถึงแม้จะมีกฎที่ว่าไม่อนุญาตให้ออกตั๋วโดยสารไปยังเกาะหากไม่รู้ถึงวัตถุประสงค์ของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายที่มีแหวนตราของจักรพรรดิ คนที่นั่นก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก
สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของกิลมอร์ก็คือโซระต้องการให้จักรพรรดิมอบคำสั่งปล่อยตัวไคลอา――แต่ความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย
ขุนนางที่ปกครองดินแดนภายในจักรวรรดินั้นจะได้รับสิทธิทางตุลาการและนิติบัญญัติในดินแดนของตน ซึ่งจักรพรรดิให้การรับรองแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมีสิทธิ์ในการออกกฎหมายควมคุมดูแลคนในดินแดนด้วยตนเอง การที่จักรพรรดิจะเข้ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการฉีกหน้าของขุนนางที่ปกครองดินแดนนั้นอยู่ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยที่จะมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและผู้ดูแลดินแดน แถมอาจจะเป็นสาเหตุไปสู่การกบฏต่อจักรวรรดิได้อีกด้วย
หากฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงขุนนางระดับล่างหรือกลาง ทางจักรวรรดิก็คงจะไม่คิดอะไรมากเพราะสามารถใช้กำลังแก้ปัญหาในตอนจบได้ ทว่าจักรพรรดิคงไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้นกับตระกูลมิตสึรุกิ ด้วยเหตุนี้เองกิลมอร์จึงตัดเรื่องปล่อยตัวไคลอาออกไป
แต่มันก็แอบมีความกังวล
กิลมอร์ใช้อำนาจภายในตระกูลมิตสึรุกิของเขาในการติดต่อกับภายนอก ในขณะนี้เขาก็ได้สานสัมพันธ์กับทางรัชทายาทริชาร์ด
นี่เป็นหนึ่งในขั้นบันไดซึ่งนำพาความสำเร็จของตนกับตระกูลมิตสึรุกิไปสู่จุดที่สูงขึ้นในจักรวรรดิ แต่ในมุมของจักรพรรดิแล้ว การกระทำเช่นนั้นมันก็คล้ายกับการละเลยตัวตนหน้าที่ของตระกูลมิตสึรุกิในอดีต แล้วหันไปฝั่กใฝ่รัชทายาทแทน
หากโซระจี้จุดนี้เพื่อเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิ――ความเป็นไปได้ที่ทางนั้นจะเล่นด้วยก็ไม่เป็นศูนย์เสียทีเดียว
หากกิลมอร์เป็นโซระ เขาจะแนะนำให้จักรพรรดิกำจัดตระกูลเบิร์ชที่ไปสานสัมพันธ์กับทางรัชทายาทริชาร์ด ก่อนจะอาสาพาตระกูลมิตสึรุกิกลับมาในลู่ทางที่ควร เส้นทางที่พร้อมจะสนับสนุนจักรพรรดิและรัชทายาทองค์ถัดไปไม่ว่าจะเป็นใคร
กิลมอร์คิดแล้วก็เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ
「ไม่สิ บางทีอาจจะไม่ใช่แผนที่เด็กนั่นคิดก็ได้ โกซุ ชิมะ…มอร์แกน สกายชิพ เจ้าพวกนั้นก็มีโอกาส」
กิลมอร์พึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าที่จริงจัง ตนในฐานะผู้นำตระกูลที่จัดการฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมานักต่อนัก เขาย่อมต้องระมัดระวังทั้งฝ่ายตรงข้ามและพวกเดียวกันเองเสมอ บางครั้งหากเพื่อกำจัดคนที่หมายหัว การสร้างหลักฐานปลอมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก การคิดความเป็นไปได้หลายๆ ทางก็ย่อมเป็นเรื่องสมควรทำ
ดังนั้นเขาจึงคิดสงสัยถึงเงามืดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องคราวนี้ กิลมอร์มองว่ามีคนที่เป็นศัตรูกับตระกูลเบิร์ชกำลังจะใช้ตระกูลมิตสึรุกิในการกำจัดพวกเขา
ทว่าความสงสัยที่มากจนเกินเหตุมันก็กลายเป็นความร้อนรนใจได้เช่นกัน ความรู้สึกพ่ายแพ้ที่ตนตามหลังอีกฝ่ายอยู่ หากไม่รีบทำอะไรเสียตอนนี้ ความพยายามที่เขาสร้างมาตั้งแต่ในอดีตอาจจะพังทลายในชั่วข้ามคืน นั่นคืออนาคตที่กิลมอร์ไม่สามารถยอมรับได้
――กิลมอร์เป็นชายที่มีความทะเยอทะยาน ความต้องการที่จะได้มาซึ่งพลังและอำนาจภายในตระกูลมิตสึรุกิ เพื่อใช้มันอย่างเต็มที่
ยิ่งพลังที่มีมากขึ้นเท่าไหร่ เวทีที่เขาจะไปยืนอยู่ได้ก็ยุ่งสูงขึ้นเท่านั้น ก้าวแรกคือเกาะอสูรยักษ์ ก้าวต่อไปคือจักรพรรดิแอด แอสเทร่า หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ชื่อเสียงของตระกูลเขาก็จะดังไปทั่วทวีป เขาต้องการจะให้โลกใบนี้รับรู้ถึงตัวตนที่เรียกว่ากิลมอร์ เบิร์ช
อย่างไรก็ตามกิลมอร์ก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะผลักไสมิตสึรุกิ ชิกิบุออกไปแล้วขึ้นเป็นผู้นำตระกูลมิตสึรุกิเสียเอง ความภักดีของเขาที่มีต่อชิกิบุและความต้องการในการสนับสนุนนั้นเป็นของจริง สิ่งที่กิลมอร์ต้องการคือทำให้ตระกูลมิตสึรุกิขยายอำนาจไปทั่วทวีป โดยมีเขาเป็นผู้สนับสนุนและชิกิบุที่เป็นผู้นำตระกูลจะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่ไม่ได้มีส่วนยุ่งเกี่ยวอะไรกับเกมการเมือง
การที่พยายามใกล้ชิดกับรัชทายาทก็เป็นส่วนหนึ่งในความทะเยอทะยานนี้ หากอีกฝ่ายต้องการกำลังจากเขา เขาก็พร้อมจะส่งธงที่ 4 ไปช่วยเหลือทันที
ก็จริงว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดกฏตระกูล แต่กิลมอร์ก็ไม่คิดจะสนใจ
จากมุมมองของเขา กฏพวกนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าโซ่ที่คอยขัดขวางความทะเยอทะยานของเขาไว้ การจะแหกกฏดังกล่าวไม่ได้สร้างความเจ็บปวดใจอะไรให้กิลมอร์เลย ส่วนตัวเขาก็ตั้งใจว่าหากมีอำนาจกว่านี้อีกสักหน่อยจะทำลายกฏพวกนี้ทิ้งให้หมดเสีย
หากพลังของนักรบแห่งตระกูลมิตสึรุกิสามารถเอาไปใช้ภายนอกได้ ทุกสมรภูมิบนโลกใบนี้ก็คงจะตกเป็นของเหล่านักรบแห่งผืนป่า การจะลดทอนอำนาจของขุนนางระดับสูงทั้ง 3 ที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่สิความฝันในการกลายมาเป็นสมาชิกของราชวงศ์และปกครองจักรวรรดิก็คงไม่ไกล
คนที่กิลมอร์ให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีคือชิกิบุไม่ใช่อมาเดอุสที่ 2 แน่นอนว่าไม่ใช่ริชาร์ดด้วย หากมีโอกาสหรือได้รับอนุญาตจากชิกิบุ เขาก็ไม่ลังเลที่จะจัดการกับพวกราชวงศ์ของจักรวรรดิให้หมด แล้วยกตำแหน่งจักรพรรดิให้ทางชิกิบุ
เมื่อชิกิบุกลายเป็นจักรพรรดิ กิลมอร์ก็จะคอยรับใช้ภายใต้เขาเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ต่อไป
ผู้สืบทอดของตระกูลมิตสึรุกิต่อจากชิกิบุก็คือรากุนะซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลเบิร์ชอยู่แล้ว ส่วนตำแหน่งนักบุญดาบในอนาคตก็คงไม่พ้นไดรอาท ลูกชายของเขา อำนาจของตระกูลเบิร์ชจะถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานโดยไม่มีจุดติดขัด สุดท้ายชื่อของกิลมอร์ซึ่งเป็นต้นตระกูลก็จะถูกเขียนลงไปในหนังสือประวัติศาสตร์ในฐานะบุคคลสำคัญของโลกเป็นแน่
――แน่นอนว่าแผนการแห่งความทะเยอทะยานทั้งหลายเหล่านี้มันยังต้องใช้เวลาอีกยาวไกล
ทว่ามันก็ไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาด้วยอำนาจที่เขารวบรวมมาได้มันก็ทำให้เขามั่นใจว่าความฝันนั้นมันอีกไม่ไกล
ในเมื่อเขามาถึงขนาดนี้แล้ว
ใครมันจะไปยอมให้ไอ้เด็กที่ไหนไม่รู้มาขวางกัน
ในตอนแรกกิลมอร์มองว่าความสัมพันธ์ของโซระกับโกซุมีปัจจัยเสี่ยงต่อเขาอยู่มากก็เลยตั้งใจจะกำจัดไปให้พ้นทางเสียก่อนที่จะกลายมาเป็นอุปสรรคยุ่งยากในอนาคต
ทว่าหลังจากต่อสู้กับเทพปีศาจ กิลมอร์ก็ได้รู้ว่าชิกิบุไม่ได้มีความสนใจอะไรในตัวโซระเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นแทนที่จะกำจัดทิ้งเขาก็ขอใช้ประโยชน์จากโซระแทน
โดยแผนการในครั้งนี้ได้ลูกชายของเขามาช่วยด้วย
โดยแผนของไดรอาทนั้นก็คือการส่งคลิมไปยังประตูปีศาจและไปบอกพี่สาวของคลิมที่ถูกขังเอาไว้ ก่อนจะสร้างช่องให้หลบหนีแล้วพยายามบีบให้ไคลอาต้องหนีออกจากเกาะไปหาโซระเพื่อขอความช่วยเหลือ ในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลเบิร์ชและหัวหน้าหน่วยธงที่ 1 ไกรอาทย่อมสามารถดำเนินแผนการนี้ได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องความหนาแน่นในการดูแลภายในหรือเวรยามที่เข้าออกประตูปีศาจ
แต่แผนการทั้งหมดมันก็สามารถดำเนินได้อย่างราบรื่นแค่ภายในเกาะ กิลมอร์ยังสงสัยอยู่ดีว่าโซระจะยอมช่วยไคลอาจริงหรือ แล้วก็เป็นทางไดรอาทที่บอกว่า โซระนั้นจัดการทั้งคลิมและโกซุกลับมาในสภาพยับเยิน แต่กลับปล่อยตัวไคลอาซึ่งถูกจับไปเป็นตัวประกันโดยไม่ทำอันตรายใดๆ เลย หากมองในมุมหนึ่งก็คิดได้ไม่ยากเลยว่าเขาหลงรักไคลอาอยู่
พอลองมาพิจารณาถึงความเป็นไปได้ดู กิลมอร์ก็ยอมทำตามแผนที่ว่า
ถึงแม้ว่าโซระจะทิ้งไคลอาไป ยังไงไคลอาก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมที่เนรคุณเขา แถมยังเป็นโอกาสดีในการกำจัดคลิมลูกบุญธรรมอีกคนที่เหมือนจะแสดงท่าทางกบฏต่อตระกูล
แต่ถ้าโซระเลือกจะช่วยไคลอาจริงๆ เขาก็ต้องเดินทางมาที่เกาะ กิลมอร์ก็จะสามารถใช้เรื่องของไคลอามาบีบให้โซระต้องมาอยู่ใต้ปีกของตระกูลมิตสึรุกิ
แน่นอนว่า ถึงไคลอาจะรอดพ้นโทษตายแต่ความผิดของเธอก็ยังไม่เลือนหาย เธอยังจะต้องถูกจองจำต่อไปอีกนานเท่านาน เพื่อให้เธอกลายเป็นโซ่ล่ามคอของโซระเอาไว้ด้วยในอนาคต
หรือไม่ก็ยกไคลอาให้เป็นภรรยาของโซระไปเสีย
ถึงกิลมอร์จะไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อโซระเท่าไรนัก แต่หลังจากที่ได้เห็นพลังซึ่งสามารถเอาชนะเทพปีศาจของโซระแล้ว คุณค่าในตัวของอีกฝ่ายก็มากขึ้น การที่โซระมีความรู้สึกดีๆ ต่อไคลอามันก็น่าจะสร้างประโยชน์ในการดึงเขามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเบิร์ชได้ด้วย
นอกจากนี้หากในอนาคต ชิกิบุเลือกจะคืนตำแหน่งทายาทสืบทอดตระกูลให้กับโซระ ตระกูลเบิร์ชก็จะไม่ถูกสั่นคลอน
สำหรับกิลมอร์ ผู้นำตระกูลคนถัดไปไม่จำเป็นต้องเป็นรากุนะเสมอไป หากโซระสามารถเดินไปตามที่กิลมอร์ต้องการได้ ผู้นำตระกูลจะเป็นโซระเขาก็ไม่เกี่ยง ถึงจะแอบเสียดายเงินและเวลาที่ทุ่มไปกับรากุนะอยู่บ้าง แต่การได้พลังของโซระมาอยู่ในมือก็ถือว่าคุ้มค่า
――อย่างไรก็ตาม การเดินเกมของโซระในคราวนี้มันได้ทำลายแผนการของกิลมอร์จนเกือบย่อยยับ อย่างการดึงเอาจักรพรรดิมาเล่นในเกมนี้ ดังนั้นแผนที่จะหาทางกำจัดโซระและคนที่เกี่ยวข้องกับโซระอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรกจึงกลับมาในขั้นตอนพิจารณาอีกครั้ง
「มีใครอยู่ข้างนอกไหม ไปเรียกไดรอาทมาที」
กิลมอร์ได้สั่งให้ลูกน้องที่รออยู่ข้างนอกห้องไปเรียกลูกชายของตนมาหา ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code