ตอนที่ 191โซระกับเออซูร่า
「――งั้นเหรอ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นตอนผมไม่อยู่สินะ」
ระหว่างการเดินทางไปยังประตูปีศาจเออซูร่าถอนหายใจออกมาหลังได้ยินสถานการณ์ทั้งหมดจากปากของโซระและไคลอา
แม้ว่าเธอจะได้ยินเรื่องราวมาจากผู้บังคับบัญชาของเธออย่างชูยะและไดรอาทมาแล้ว แต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นแค่การคาดการหรือพื้นผิวทั่วไป เธอไม่ได้ทราบถึงเบื้องหลังการกระทำพวกนี้มาก่อนเลย ทั้งเรื่องที่ไคลอาหนีออกจากเกาะไปเพราะอะไรก็เช่นกัน
แม้ว่าเธอต้องการจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับอายากะหรือเพื่อนร่วมรุ่นของเธอ แต่ตัวเธอเองก็มีหน้าที่ในฐานะนักรบแห่งผืนป่า ยิ่งทุกวันนี้พวกคิจินมันเคลื่อนไหวกันแปลกๆ ภายในประตูปีศาจ เวลาที่เธอจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่มันก็เยอะตามไปด้วย เธอจึงไม่สามารถหาเวลามาช่วยเหลือเพื่อนตัวเองได้
ทว่าตอนนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากแล้วเมื่อเห็นว่าไคลอายังปลอดภัยดี
เธอจึงแสดงความขอบคุณต่อโซระอย่างใจจริงและก้มหัวให้กับเขา
「โซระ ก่อนอื่นผมขอบคุณนายจริงๆ ที่ช่วยเพื่อนของผมเอาไว้」
「ก็อยากจะพูดว่าด้วยความยินดีอยู่หรอก――แต่ฉันก็ไม่ได้ทำไปเพราะมิตรภาพหรือเพื่อพวกพ้อง สุดท้ายมันก็มีค่าตอบแทนสำหรับงานนี้อย่างเหมาะสมรออยู่ ดังนั้นไม่ต้องขอบคุณหรอก」
พอพูดจบโซระก็หัวเราะคิกคักออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่โซระในอดีตไม่มีทางแสดงออกมาให้เธอเห็นได้แน่
เออซูร่าหรี่ตามองไปยังโซระ
เธอก็เข้าใจดีว่าการแสดงท่าทางที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรของโซระนั้นอาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากจะมาลำบากใจอะไรกับเรื่องนี้
แต่เธอก็ไม่อาจจะปล่อยคำว่า ค่าตอบแทน ไปผ่านไปได้จริงๆ
เธอไม่ได้สนใจท่าทีที่ดูหยาบคายของโซระ เพราะเธอเข้าใจว่าการกระทำพวกนี้เหมือนเป็นการซ่อนความรู้สึกจริงๆ ของเขาเอาไว้
โดยเฉพาะเรื่องที่บอกว่า ค่าตอบแทน นั่นทำให้เธอสนใจมากกว่าเก่าอีก
คราวนี้โซระไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตของไคลอาเอาไว้แต่เขายังจะเข้าไปในประตูปีศาจเพื่อช่วยเหลือคลิมที่หายตัวไป จนถึงขั้นต้องถ่อไปหาจักรพรรดิที่เมืองหลวงและนำแหวนตรามาได้สำเร็จ
ถึงเธอจะไม่รู้เรื่องภายนอกเกาะมากนัก แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าการจะทำเรื่องพวกนี้ได้มันไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาโดยง่าย
ถ้างั้นโซระต้องการอะไรจากไคลอาสำหรับความพยายามทั้งหมดนี้ของเขากันล่ะ หากมันมากเกินไป เธอก็กะว่าจะพยายามหยุดเอาไว้
แน่นอนว่าตัวเธอไม่ได้มีส่วนช่วยเหลืออะไรไคลอาก่อนหน้านี้เลย จะไปตำหนิโซระก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควร ทว่าในฐานะเพื่อนหากอะไรมักมากจนเกินไปเธอก็อยากจะห้ามปราม
พอเออซูร่าเหลือบมองไปทางไคลอาเพื่อนสาวผมขาวของเธอก็เห็นว่า ไคลอากำลังยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ ให้กับเธอเหมือนกับจะบอกเธอว่าไม่มีอะไรจำเป็นต้องกังวล
พอเธอเห็นแบบนี้แล้ว ก็เริ่มตระหนักได้ว่าข้อมูลที่เธอมีตอนนี้มันน้อยไปจริงๆ แต่ไม่ว่าจะมีอะไรระหว่างโซระและไคลอา อย่างน้อยเธอก็พอมั่นใจแล้วว่าคงไม่ต้องกังวลอะไรนักสำหรับตอนจบ
เออซูร่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในขณะเดียวกันเธอก็แอบกังวลเล็กน้อยถึงท่าทีที่สงบของไคลอา
――เธอไม่ได้เห็นท่าทีที่สงบนิ่งของไคลอามานานมากแล้ว
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับไดรอาทก่อนหน้านี้ ไคลอาก็ยังพยายามรักษาความสงบนิ่งของตัวเองเอาไว้ ถึงบรรยากาศจะแอบตึงเครียม แต่ก็ต่างจากไคลอาตอนเผชิญหน้ากับพี่ชายของตนที่เธอรู้จักจริงๆ
มีบางเหมือนกับบาเรียที่คอยปกป้องหัวใจของไคลอาเอาไว้ พอเออซูร่าคิดได้แบบนั้นก็สังเกตเห็นว่าสายตาที่ไคลอามองไปยังโซระมันเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน
ระยะห่างของโซระกับไคลอาก็ดูเหมือนจะแนบชิดกันมากกว่าเก่า ก็ไม่ใช่ว่าทั้งสองเดินจับมืออะไรกันหรอกนะ แต่ถ้าเป็นระยะห่างแค่นั้น หากพวกเขาอยากจะเดินจับมือกันก็คงทำได้ง่ายๆ
ยิ่งเห็นว่าเป็นฝ่ายไคลอาที่พยายามเดินตัวติดกับโซระเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ยังรักษาความสงบนิ่งและไม่พยายามขวางทางให้เขาเดินลำบากไปด้วย ก็ชัดแล้วว่าฝ่ายไหนรุกเข้าหากันก่อน
ไม่ว่าจะโง่ขนาดไหนหากได้เห็นแบบนี้ก็คงไม่ต้องถามแล้วมั้ง สิ่งที่คอยผลักดันให้ไคลอาเข้มแข็งขึ้นคงจะเป็นความไว้วางใจที่มีต่อโซระไม่ก็ความรักที่เธอมอบให้เขาเป็นแน่
――จะบอกว่าไคลรู้สึกขอบคุณที่เขาคอยช่วยเหลือเธอจนมันพัฒนาไปสู้ความรักงั้นเหรอ?
เออซูร่าได้แต่คิดสงสัย
โดยปกติแล้วเธอก็ไม่ได้มีนิสัยชอบยุ่งเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของชาวบ้านนักหรอก แต่ในฐานะเพื่อนของไคลอา เบิร์ชและในฐานะเพื่อนของอายากะ อาเซอไรท์ เธอคงไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องตรงหน้าไปได้
จากนั้นเธอก็ค่อยๆ หันไปมองทางโซระ
คงจะโกหกหากเธอบอกว่าไม่รู้สึกแปลกใจที่เขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ทั้งลักษณะการเดิน ท่าทางที่มั่นคง บุคลิกที่ดูสง่างามเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจซึ่งไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในตอนที่ถูกเนรเทศออกจากเกาะไป
แค่จังหวะการเดิน เธอก็สัมผัสได้แล้วว่าโซระตอนนี้มีพลังมากแค่ไหน ไม่ว่าอดีตจะเป็นเช่นไร เพื่อนร่วมรุ่นของเธอคนนี้ก็เติบโตขึ้นมากจริงๆ
ช่วงก่อนเธอก็เคยได้ยินจากอายากะเกี่ยวกับเรื่องที่โซระทำเหมือนกัน ทั้งเรื่องที่เอาชนะแมงมุมดินได้ในพิธีทดสอบ ทั้งการสังหารพวกคิจินที่บุกเข้ามาบนเกาะ และที่เด็ดสุดคือการจัดการเทพปีศาจด้วยตัวคนเดียว พอได้เห็นแบบนี้แล้วทั้งเรื่องที่ก่อนหน้านี้เขาจัดการกับ โกซุ คลิม ไคลอา เพื่อปกป้องคิจินสาวก่อนจะไปสังหารมังกรอาจจะเป็นเรื่องจริงด้วยก็ได้
สำหรับเออซูร่าแล้ว พ่อของเธอถูกพวกคิจินฆ่าตาย ดังนั้นเธอคงจะชมการกระทำของโซระได้ไม่เต็มปาก แต่ถึงแบบนั้นเธอก็รู้สึกดีใจที่สุดท้ายโซระสามารถคว้าพลังที่ตัวเองต้องการมาครองได้
สายตาของเธอตอนนี้เมื่อจ้องมองไปยังแผ่นหลังของโซระ เธอก็เริ่มเห็นภาพของเด็กหนุ่มเมื่อ 5 ปีก่อนมาซ้อนทับ
โซระเมื่อ 5 ปีก่อนทั้งอ่อนแอและไร้ประสบการณ์ เมื่อถามว่าเขาคู่ควรจะเป็นผู้นำของเหล่านักรบแห่งผืนป่าคนถัดไปไหมก็คงตอบว่าไม่
แต่เออซูร่าก็ไม่เคยดูถูกโซระ เพราะเธอรู้ดีว่าคนที่ตระหนักถึงความอ่อนแอได้มากกว่าใครก็คือตัวของเขาเอง
เธอรู้ว่าโซระพยายามอย่างหนักแค่ไหนในการพัฒนาตัวเองที่อ่อนแอ ตัวเธอก็เคยช่วยฝึนสอนเขา เมื่อเขามาขอความช่วยเหลือ
ถึงในตอนท้าย ความพยายามของเขาจะไม่สำเร็จจนถูกเนรเทศออกจากเกาะไป แต่เออซูร่าก็ไม่เคยเกลียดคนที่ทุ่มเทอย่างหนักในการฝึกฝนเพื่อตระกูลมิตสึรุกิ ไม่สิชื่นชมด้วยซ้ำ….
「――โซระ」
เธอเผลอพูดชื่อของโซระออกมาโดยไม่รู้ตัว
โซระหันหลังกลับมาถามอย่างสงสัย
「มีอะไร? 」
「อ๊ะ เอ่อ…ไม่ คือ…นายอยากจะดวลกันซักยกไหม? หมายถึงหลังจากจบเรื่องพวกนี้แล้วน่ะ」
「โฮ่ย กะทันหันไปไหม」
เออซูร่าถึงกับหน้าแดงเล็กน้อย เมื่อเห็นโซระแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
หากเป็นเธอก็คงไม่ต่างจากเขานัก แต่ที่เธอเขินเพราะอยู่ดีๆ ตัวเองก็เผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมา ก่อนจะถามอะไรแปลกๆ
เออซูร่าเลยพยายามจะถอนคำพูดของตัวเอง ทว่าก่อนจะได้ทำแบบนั้นโซระก็ตอบกลับเร็วกว่าเธอ
「เอาเถอะ ก็ไม่ขัดอะไรหรอก」
「……เอ๋…ได้จริงเหรอ? 」
「ก็ไม่รู้ว่าเธอจำได้ไหม แต่ตอนที่ฉันยังอยู่บนเกาะก็ได้เธอช่วยฝึกไว้บ่อยๆ นี่ ดังนั้นตอนนี้ถือว่าเป็นตาของฉันช่วยเธอบ้างละกัน」
พอได้ยินแบบนั้น เออซูร่าก็กะพริบตาปริบๆ
「นายเองก็จำได้เหมือนกันเหรอ」
「แน่สิ สภาพของคนที่โดนกระทืบอยู่ฝ่ายเดียวใครจะลืม」
เออซูร่าก็ทำได้เพียงยักไหล่แบบช่วยไม่ได้นี่นะ เมื่อเห็นโซระจ้องมายังเธอ
「อย่ามามองกันด้วยสายตาเคียดแค้นสิ ตอนนั้นนายบอกผมเองนะว่าไม่ต้องยั้งมือ」
「ไอ้นั่นก็จริงอยู่ งั้นคราวนี้ก็ขอเหมือนเดิมละกัน ไม่ต้องยั้งมือใส่กันให้สุด จะงัดอาภรณ์วิญญาณออกมาก็ไม่เกี่ยง ฉันเองก็อยากสู้กับคนเก่งๆ มาสักพักละ เอางี้ไหมล่ะ คนแพ้ต้องฟังคำพูดของฝ่ายชนะด้วย? 」
「อะไรก็ได้เหรอ? 」
「อะไรก็ได้」
พอเขาพูดจบ โซระก็ยิ้มออกมาแบบมีเลศนัย
「เดาว่าถ้าเธอชนะ คงจะขอให้ฉันละเว้นเรื่องค่าตอบแทนอะไรนั่นของไคลอาใช่ไหมล่ะ? 」
ดูเหมือนว่าโซระเองก็สังเกตเห็นถึงความกังวลของเธอเกี่ยวกับไคลอา เออซูร่าที่ได้ยินก็ยิ้มแห้งๆ ออกมา
「ก็คงจะแบบนั้นแหละหากชนะได้ แต่ทางนายล่ะหากเอาชนะผมได้จะขออะไร…ก็หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องไร้ยางอายเกินไปนะ」
เธอพูดออกมาแบบติดตลก
เธอรู้ตัวดีว่าร่างกายของเธอนั้นก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้มากพอสมควร――จะพูดให้ชัดคือทางอายากะกับไคลอามักจะบอกให้เธอฟังบ่อยๆ ――ทว่าเธอรู้ดีว่าโซระไม่ได้มองเธอในทางนั้น
เพราะสำหรับโซระ เออซูร่ารู้ดีว่าเขาจริงจังกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มากแค่ไหน
5 ปีก่อนโซระไม่เคยมองคนอื่นเลยนอกจากอายากะ ทว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ต้องทลายลงเมื่อโซระถูกเนรเทศออกไป เธอก็ไม่มั่นใจว่าตอนนี้ในหัวใจของโซระยังมีอายากะไหม แต่ถึงจะไม่เธอก็เชื่อว่าหากโซระมีใครอยู่ในใจแล้วเขาก็จะปฏิบัติต่อคนคนนั้นด้วยความจริงใจ และไม่ใช้เรื่องพวกนี้มาทำอะไรไร้ยางอายกับเธอแน่นอน
และราวกับจะตอบแทนความไว้วางใจของเธอ โซระเปิดปากพูดขึ้นโดยไม่แสดงท่าทีกระวนกระวายใดๆ
「ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่ใช้เรื่องดวลพนันมาทำอะไรแบบนั้นกับผู้หญิง――อ่ะ」
ในขณะที่โซระเหมือนจะพูดว่าตัวเองไม่ทำเรื่องพวกนี้แน่ๆ แต่ปากของเขาก็ต้องปิดลงราวกับนึกอะไรบางอย่างออก ก่อนจะเบือนหน้าหนีเออซูร่าไป
สายตาของเออซูร่าเลยหรี่ลงและจ้องไปยังโซระ
「……โซระ? จังหวะแบบนี้มันต้องพูดอย่างมั่นใจสิว่า “ฉันจะไม่ทำเรื่องพวกนี้แน่นอน”」
「อ-เอ่อ แน่นอนสิ ต้องไม่อยู่แล้ว ใครจะไปทำกัน」
เออซูร่าก็ทำได้เพียงวางมือบนขมับแล้วถอนหายใจ กับโซระที่หัวเราะกลบเกลื่อน
บางทีเธอคงต้องลดคะแนนประเมินที่ให้กับโซระลงไปบ้าง ระหว่างที่นึกเรื่องนี้ เออซูร่าก็สังเกตถึงสายตาของไคลอาที่มองมายังเธอ
เมื่อสบตากัน ดวงตาสีแดงก็เบิกกว้างขึ้นด้วย เออซูร่าจึงถามไคลอาด้วยความประหลาดใจ
「ไคลอา เป็นอะไรไปน่ะ? 」
「ก็ไม่ได้มีอะไรหรอกแต่ว่า…..เออซูร่ากับคุณโซระนี่เมื่อก่อนสนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ? ดูการพูดคุยของพวกเธอเป็นธรรมชาติจริงๆ ……」
เออซูร่าก็ทำได้เพียงเอียงหัวสงสัยกับคำถามที่ไคลอาถามด้วยความเขินอาย เธอก็ไม่ได้คิดเลยนะว่าตัวเองทำตัวเป็นมิตรอะไร
สำหรับเธอแล้ว การพูดคุยกับโซระในตอนนี้ก็เหมือนกับเพื่อนที่ได้เจอกันอีกทีหลังผ่านไป 5 ปี
แน่นอนว่าสำหรับเธอที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร การพูดคุยอย่างลื่นไหนนี้เลยอาจจะทำให้คนอื่นประหลาดใจได้
――บางทีอาจจะเพราะเธอเป็นคนของตระกูลอุตการ์ซ่าด้วยก็ได้มั้ง?
นั่นคือสิ่งที่เออซูร่าคิดเมื่อนึกถึงความพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับโซระ
ตระกูลอุตการ์ซ่านั้นมีประวัติศาสตร์การรับใช้ตระกูลมิตสึรุกิมาอย่างยาวนาน แม้ว่าจะไม่นานเท่าสกายชิพหรือคุมอนที่เริ่มมาตั้งแต่รุ่นแรก แต่ก็เก่าแก่กว่าตระกูลเบิร์ชที่กำลังมาเติบโตอย่างรวดเร็วในรุ่นนี้
นอกจากนี้ตระกูลของเธอก็ผูกขาดตำแหน่งชิโกะซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักของตระกูลมิตสึรุกิมาหลายชั่วอายุคน
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงชื่อเสียงของเหล่า 4 เสาหลักที่รับใช้ตระกูลมิตสึรุกิแล้ว ชื่อของอุตการ์ซ่ามักจะไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงในทางดีนัก กลับกันพอได้ยินคำว่าอุตการ์ซ่าหลายคนก็มักจะทำหน้าแหยง
สาเหตุก็มาจากตำแหน่งของชิโกะ
บทบาทของชิโกะคือการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในเกาะอสูรยักษ์และตระกูลมิตสึรุกิ ภารกิจหลักของพวกเขาคือการปราบปรามอาชญากร
ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่อาชญากรที่ว่าไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอยู่แล้ว คนที่พวกเขาต้องเผชิญก็คือเหล่านักรบแห่งผืนป่า หรือก็คือพวกเขามีหน้าที่ในการกำจัดพวกนักรบแห่งผืนป่าที่ก่ออาชญากรรมด้วยอำนาจแห่งชิโกะ
เอาให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนทหารที่มีหน้าที่ในการจับทหารของกองทัพด้วยกันเอง
ด้วยอำนาจของชิโกะ พวกเขามีสิทที่จะสงสัย ตรวจสอบ และจับกุมพวกพ้องของตนในฐานะอาชญากร แต่ถึงจะบอกว่าเป็นการจับมันก็ค่อนข้างยากที่จะจบลงโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย เพราะทั้้งผู้จับและถูกจับต่างก็เป็นนักรบแห่งผืนป่า ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากบางครั้งจะมีคนตาย
โดยเฉพาะในสมัยของพ่อเธอที่ยังดำรงตำแหน่งชิโกะ เขาเป็นคนมีความสามารถ แต่ก็มักจะเลือกใช้วิธีการที่รุนแรงจนทำให้เกิดการล้มตายในกระบวนการจับกุมเป็นจำนวนมาก เขาได้รับการต่อว่าจากคนรอบข้าง ถูกพูดถึงทั้งต่อหน้าและลับหลังในฐานะของยมทูต
ตอนที่พ่อของเธอตายไปเธอยังเด็กมาก แต่เธอก็จำภาพงานศพที่แสนเงียบเหงาโดยมีผู้มาเข้าร่วมเพียงไม่กี่คนได้ดี
ทว่าเธอก็จำได้ดีเช่นว่าอายากะ อาเซอไรท์และโซระ มิตสึรุกิเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมงานเพียงไม่กี่คน….
——–
Note 1 : หึงแหละ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code