ตอนที่ 192 4 พี่น้องนากายามะ 1
นี่คือเรื่องราวก่อนที่โซระ ไคลอา และ เออซูร่าจะเข้าไปในประตูปีศาจ
เหล่าคิจินที่อาศัยอยู่ในดินแดนรกร้างซึ่งแผ่ขยายออกไปสุดสายตา มันถูกเรียกว่า คิไค (โลกปีศาจ)
ถึงแม้ว่าอาณาเขตจะกว้างใหญ่ แต่ส่วนมากก็เป็นเพียงพื้นที่รกร้าง สถานที่ที่เหล่าคิจินจะสามารถอาศัยอยู่ได้จริงๆ นั้นเรียกว่าน้อยมาก
สังเกตได้จากประวัติศาสตร์ของเหล่าคิจินที่มีการหลั่งเลือดเพื่อแย่งชิงดินแดนเสมอ
บุกรุก ปล้น ฆ่า การนองเลือดที่เกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษ
ทว่าตอนนี้มันก็ได้เกิดอาณาจักรแห่งหนึ่งที่แผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างรวดเร็ว
ชื่อของอาณาจักรแห่งนั้นก็คือ นากายามะ ซึ่งมีกษัตริย์อาซึมะเป็นผู้นำ
เดิมทีอาณาจักรดังกล่าวเคยถูกเรียกว่า โกซาน 1 ใน 5 เขาที่ยิ่งใหญ่ ทว่าภัยสงครามก็ได้ทำลายอาณาจักรนี้จนสิ้น เหลือแค่เพียงพื้นที่เล็กๆ ในตอนที่อาซึมะได้ขึ้นมาปกครอง
ไม่สิความหนักหนายังไม่จบแค่กลายเป็นดินแดนพื้นที่เล็ก สำหรับนากายามะในตอนนั้น หลังจากกษัตริย์ถูกสังหาร ดินแดนถูกยึดครอง คลังสมบัติก็ว่างเปล่า อาซึมะที่อายุไม่ถึง 20 ปีจำเป็นต้องขึ้นมาปกครองโดยมีเหล่าข้าราชบริพารเพียงแค่ไม่กี่คน กับน้องชายของตนอีก 3 คน
แต่จะเรียกว่าปกครองก็คงยาก เพราะวันๆ พวกเขาต้องร่อนเร่ไปหาอาหาร ในเวลานั้นย่อมไม่มีใครคิดว่ากลุ่มก้อนเล็กๆ เหล่านี้จะผงาดขึ้นมาอีกครั้งราวกับฟีนิกซ์โลดแล่นไปทั่วคิไค อันที่จริงตัวอาซึมะเองก็คาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน
ทว่าสุดท้ายก็เป็นฝีมือของอาซึมะ
บางครั้งก็ต้องใช้กำลัง บางครั้งก็กลยุทธ์ บางครั้งใช้การทูต ด้วยวิธีการเหล่านี้อาซึมะจึงสามารถรวบรวมเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็นำความเจริญรุ่งเรืองมาได้มากกว่าในอดีตที่เป็น
อาซึมะ ผู้ชุบชีวิตนากายามะด้วยทักษะที่โดดเด่น จนในที่สุดพวกเขาก็เลือกเปิดศึกกับคาซาน ศัตรูที่เคยทำลายดินแดนของตน
การต่อสู้กับคาซานซึ่งเป็นขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคิไคนั้นทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม นากายามะถูกบีบให้อยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ในที่สุดนากายามะก็ครองชัยชนะเหนือเมืองไซโตะ เมืองหลวงของคาซาน เมื่อได้ชัยชนะจากการต่อสู้ครั้งสำคัญพวกเขาก็สามารถรวมคิไคให้กลายเป็น 1 ได้
ตอนนี้ชื่อของกษัตริย์อาซึมะแห่งนากายามะได้โด่งดังไปทั่วคิไคเรียบร้อยแล้ว
พี่น้องของเขาทั้ง 3 คนซึ่งคอยสนับสนุนอาซึมะก็ได้รับชื่อเสียงมากมายไม่ต่างกันนัก ไม่สิอาจจะยิ่งกว่าเขาเสียอีก
คนโต โดกะ คนรอง ฮาคุโร่ คนเล็กคาการิ
หลังจากรวบรวมคิไคเป็นหนึ่ง จุดหมายต่อไปของนากายามะก็คือประตู ที่ถูกเหล่าผู้ทรยศแสนน่ารังเกียจคอยดูแลอยู่ ดินแดนที่ถูกผนึกซึ่งเหล่าคิจินจำนวนมากในอดีตได้ไปท้าทายแต่ก็ต้องประสบความล้มเหลว
ทว่าตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว พวกคิจินจำนวนมากมีขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม พวกเขามองว่าหากเป็น 4 พี่น้องนากายามะที่แสนอ่อนแอในอดีตยังสามารถครองคิไคได้ พวกเขาก็ต้องสามารถปลดปล่อยพวกตนจากคำสาปแห่งความโสมมที่ต้องทนอยู่ในโลกนี้ได้เป็นแน่ มันถึงเวลาที่จะได้ชำระไฟแค้นกว่า 300 ปีเสียที
ด้วยเหตุนี้เอง นากายามะจึงพัฒนาก้าวหน้าไปยิ่งกว่าอาณาจักรใดๆ ที่เคยมีในในคิไค
――อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่คิจินทุกตนจะสนับสนุนนายากามะ
เพราะนากายามะเองก็ได้ทำการสังหารไปหลายชีวิต การนองเลือดจำนวนมากก็ตามมาจากสงคราม หากจะมีคนโกรธหรือเกลียดพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คิจินจากคาซาน พวกเขาเก็บความแค้นที่ถูกนากายามะพิชิตเอาไว้ภายในใจไม่เลือนหาย
ในตอนที่อาซึมะผนวกคาซานเข้ากับดินแดนตน เขาก็ได้ประกาศว่าจะลดการหลั่งเลือดภายในให้ได้มากที่สุด จนหลายคนชื่นชมในแนวคิด วิสัยทัศน์ของเขา แต่ความแค้นภายในใจของคิจินบางตนมันไม่ได้ดับลงไปด้วย
เมื่อเห็นกองทัพนากายามะเคลื่อนพลไปที่ ประตู มันก็เป็นโอกาสสำหรับพวกเขาในการทำบางอย่าง
โดยมีลูกชายของกิเอนกษัตริย์แห่งคาซานที่ตายไปในสงครามครั้งก่อนเป็นหัวหอก….
ณ ไซโตะ
เมืองที่ใหญ่ที่สุดในคิไค ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของคาซาน แม้จะเปลี่ยนมือผู้ปกครองไปแล้วมันก็ยังไม่เสียตำแหน่งนั้นไป ตามท้องถนนยังคงเต็มไปด้วยฝูงชนและร้านค้า
คิจินสองคนกำลังเดินอยู่ท่ามกลางฝูนชน
ตนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่มีร่างกายผอมเพรียว ส่วนอีกตนเป็นชายร่างยักษ์ใหญ่โตเสียจนเด็กหนุ่มคนแรกต้องเงยหน้ามอง
ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปยังราชวังที่กษัตริย์อาซึมะใช้ในการบริหารงานราชการแผ่นดินอยู่ ขณะเดินนั้นเองเด็กหนุ่มก็เปิดปากพูดขึ้น
「นี่ พี่โดกะ คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่อาซึมะเรียกพวกเรากลับมาจากแนวหน้าเหรอ? 」
คาการิ น้องชายคนสุดท้องแห่ง 4 พี่น้องนากายามะที่มีเส้นผมสีเทาถามโดกะพี่ชายคนโตที่เดินอยู่ข้างๆ
โดกะบิดคอหนาๆ ของเขาก่อนจะตอบคำถามของคาการิ
「ก็นั่นสินะ หากเรียกแค่คนใดคนหนึ่งก็อีกเรื่อง แต่การที่เรียกพวกเราพร้อมกันทั้ง 2 คน คงจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากแน่ๆ ――」
หลังพูดจบ โดกะก็มองไปรอบๆ ตามท้องถนนของไซโตะดูเหมือนจะเจริญรุ่งเรืองมากจริงๆ เมื่อเทียบกับช่วงสงคราม เขาสัมผัสถึงสัญญาณแห่งความวุ่นวายไม่ได้อีกแล้ว
คาการิก็พยักหน้าให้กับโดกะ
「จะว่าไปก็สงบสุขจังเลยนะ ขนาดพวกทหารยามยังทำตัวสบายๆ เลย」
จากนั้นก็กลับมาเรื่องที่คาการิสงสัย
ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองกำลังทำหน้าที่ในการสอดแนมเพื่อโจมตี ประตู โดยโดกะทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดและคาการิเป็นรองผู้บัญชาการ
การที่อาซึมะเรียกผู้บัญชาการและรองผู้บัชญาการมาพร้อมกัน จึงไม่แปลกหากจะมองว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ไม่สิบางทีอาจจะไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาที่ถูกเรียกตัวมาก็ได้
คาการิเหมือนจะคิดไม่ตกเสียที ส่วนโดกะเหมือนจะพยายามไม่สนใจแทน
สุดท้ายสองพี่น้องก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้
「ช่วยไม่ได้จริงๆ สินะ นักรบอย่างพวกเราถึงจะมาจับเข่าคุยกันก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก ทางทีดีควรจะไปถามกับท่านพี่ตรงๆ ดีกว่า」
「ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละนะ ถึงจะเร็วที่สุด――จะว่าไปพี่โดกะไม่หิวเหรอ? 」
คาการิแสดงสีหน้าที่เศร้าหมองออกมาราวกับจะอ้อนพี่ชายของตน
บางทีนี่อาจจะเป็นเป้าหมายตั้งแต่แรกของเขา
「ไม่ได้มาไซโตะนานแล้วด้วย ข้าก็เลยอยากจะไปซื้อของดูนั่นนี่สักหน่อย….」
เมื่อเห็นน้องชายจ้องมองมายังตนด้วยสายตาแบบนั้น โดกะก็ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ
「ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ความหิวของเจ้าเนี่ย แต่ตอนนี้ท่านพี่รออยู่จะให้เจ้าไปนั่งกินร้านคงไม่ไหวหรอก เอาเป็นว่าก็เลือกหยิบๆ จากแผงลอยแล้วกินระหว่างที่เดินไปละกัน」
หลังพูดจบโดกะก็กระแอมออกมา
「ว่ากันตามตรง ข้าเองก็เบื่ออาหารในค่ายที่ไร้รสชาติเหมือนกัน」
「โฮ่ สมกับเป็นพี่โดกะ รู้ใจกันจริงๆ! ถ้าเป็นพี่ฮาคุโร่คงจะบอกว่า 『หื้ม นี่ข้าเห็นภาพหลอนหรืออะไรกันนะ คงไม่มีทางหรอกที่น้องชายของข้าจะพูดเรื่องบ้าบออย่างการหาอะไรกินในขณะที่พี่ชายคนโตของเขากำลังรออยู่――ว่าแต่คาการิเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ? 』แน่ๆ เลย!」
「ฟุฟุ ถ้าเป็นฮาคุโร่คงจะพูดแบบนั้นแน่」
ระหว่างที่คุยกัน ทั้งสองก็ได้เดินผ่านถนนของเมืองไซโตะไปเรื่อยๆ
ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาถึงวัง เหล่าทหารที่คอยดูแลอยู่ตรงประตูต่างก็แสดงท่าทางตกใจออกมาเมื่อเห็นว่าผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการของกองทัพปรากฏตัวโดยไม่มีผู้ติดตามมาด้วยแม้แต่คนเดียว แน่นอนว่าซอสที่ติดอยู่ริมฝีปากของรองผู้บัญชาการนั้นถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code