การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 229 คำเชิญ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 229 คำเชิญ

 

 

กองทัพนากายามะที่นำโดยคาการิ น้องชายคนเล็กของ4พี่น้องนากายามะ ได้ทำการปราบกบฏคาซานสำเร็จและเดินทางกลับมาถึงไซโตะ

 

เนื่องจากรายงานดังกล่าวได้ถูกส่งมายังไซโตะก่อนแล้วโดยผู้ส่งสาร กองทัพนากายามะที่เดินทางกลับมาถึงจึงควรได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากชาวเมืองไซโตะ

 

ทว่าเมืองไซโตะนั้นก็เคยเป็นเมืองหลวงของคาซานมาก่อนหน้านี้ ผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็เป็นเหล่าผู้รอดชีวิตจากสงคราม แม้พวกเขาจะยอมรับการปกครองของนากายามะและไม่ก่อเรื่องอะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้ยินดีนักกับความพ่ายแพ้ของผู้ปกครองคนเก่า

 

ผลก็คือพอพวกคาการิกลับมาถึงก็ไม่ได้มีการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่อลังการอะไร กองทัพนากายามะที่เดินผ่านถนนสายหลักของไซโตะก็ไม่ได้แสดงท่าทีโบกไม้โบกมือรับเสียสรรเสริญ

 

 

 

อย่างไรก็ตามคาการิก็ไม่ได้คิดจะสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้วแล้วขี่กิเลนสีดำไปด้วยความภูมิใจ ท่าทางของเขาและจิตวิญญาณช่างดูสมศักดิ์ศรีในฐานะน้องชายของกษัตริย์

 

 

และก็ไม่รู้ว่าเพราะออร่าของเขาที่เป็นแบบนั้นไหม พวกผมที่อยู่ตรงท้ายสุดของขบวนเลยไม่ได้รับความสนใจอะไรมากนัก

 

พวกเราในที่นี้ก็มี ผม ไคลอา เออซูร่า คลิม แล้วก็รับกับยามาโตะสมาชิกราชวงศ์คาซานที่ยังเหลือรอด จากสิ่งที่นากายามะทำพวกเขาเหมือนจะไม่ปฏิบัติต่อสองคนนี้ดั่งกบฏ คงเป็นการไว้หน้าคนของคาซานนั่นแหละ

 

แต่แน่นอนว่าก็มีคนมาคุ้มกันด้วยเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือเล่นไม่ซื้อ ซึ่งหน้าที่นั้นก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นโดกะพี่ของคาการิกับโซไซผู้อาวุโสแห่งนากายามะ

 

เหตุผลที่โดกะพาพวกพี่น้องคาซานมารวมอยู่กับพวกผมด้วยก็น่าจะเพราะไม่ต้องไปยุ่งยากดูแลหลายส่วน นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องที่รันกับยามาโตะตัวติดคลิมไม่ยอมไปไหนเลย

 

 

 

แหม่ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ พอต้องมาเห็นท่านคลิม เบิร์ชคนนี้ถูกคิจินชื่นชนจนตัวติดไม่ยอมห่าง จนเผลอยิ้มออกมา พออีกฝ่ายเห็นผมยิ้มแล้วส่งสายตาแปลกๆ ให้ก็เขม่นใส่ผมซะงั้น ผมก็เลยหันไปมองทางอื่นแทน

 

 

 

เอาเถอะหากไปแหย่น้องชายไคลอามากเกินไปเดี๋ยวเธอจะโกรธเอาได้ คลิมก็บาดเจ็บจากการเสียแขนเพราะสู้กับอูรุย การเดินทางจากเขาไดโกะจนถึงไซโตะจึงค่อนข้างหนักสำหรับเขาพอตัว

 

 

เหตุผลที่คลิมถูกพามายังไซโตะก็เพราะถึงจะอยู่ที่เขาไดโกะต่อไปสภาพร่างกายของเขาและความหวังในการรักษาก็ไม่ได้ดีขึ้น การจะกลับไปหาตระกูลก็ไม่ใช่ตัวเลือกอีก สุดท้ายไซโตะก็เลยเป็นทางเลือกสำหรับตอนนี้

 

 

ก็ไม่มีอะไรรับประกันหรอกนะว่ามาไซโตะแล้วคลิมจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไปอยู่ในที่ห่างไกลแบบนั้นละกัน

 

 

 

――แล้วก็โชคดีที่การเดินทางคราวนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

หลังผ่านเข้าประตูวังไปพร้อมคาการิกับคนอื่นๆ พวกผมก็ตรงไปยังห้องทำงานของกษัตริย์นากายามะเพื่อรายงานผล

 

 

โดยภายในนั้นมี 3 คนรอพวกผมอยู่

 

 

คนแรกคืออาซึมะ กษัตริย์แห่งนากายามะ

 

ส่วนอีกคนที่ดูหล่อเหลาพอสมควรซึ่งนั่งอยู่ข้างอาซึมะน่าจะเป็นฮาคุโร่พี่ชายของคาการิ

 

 

ส่วนที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเขาทั้งสองคือชายชราสวมชุดคลุมสีขาว แบบเดียวกับที่โอเค็นใส่ตอนบุกเกาะอสูรยักษ์ก่อนหน้านี้ ก็หมายความว่าเขาคือคนของลัทธิแห่งแสง พอพิจารณาจากท่าทางที่ดูสง่าพอสมควรแล้ว ผมว่าน่าจะเป็นพวกระดับสูงของลัทธิ

 

 

 

มีกล่องไม้ขนาดใหญ่วางอยู่บนโต๊ะที่ถูกเปิดอยู่จนเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน

 

 

ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเครื่องบรรณาการ แต่จากสีหน้าของอาซึมะกับฮาคุโร่แล้วคงไม่ใช่

 

พอผมได้ลองมองไปข้างในนั้นก็พบว่ามันคือศีรษะของมนุษย์ที่ถูกบรรจุไว้ หัวที่มีเส้นผมสีขาวซึ่งถูกทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีและถูกหมักเกลือไว้กันการเน่าเปื่อย

 

 

ใบหน้าของหัวนั้นผมสามารถจดจำได้เป็นอย่างดีแม้จะเผชิญหน้ากันเพียงครั้งเดียว ทักษะดาบที่แสนน่ากลัวของเขาผมย่อมไม่ลืม

 

 

เจ้าของหัวนั้นก็คืออูรุย ผู้ใช้ศาสตร์นานะชิกิที่ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าพวกผม ซึ่งเขาเป็นผู้นำตระกูลโฮโซ

 

 

 

◆◆

 

 

 

「ฝ่าบาท ข้าขอแสดงความขอบคุณอย่างใจจริงต่อฝ่าบาทและเหล่านักรบผู้หาญกล้าของฝ่าบาทที่ทำการปราบเหล่าผู้ก่อความวุ่นวาย ส่วนเรื่องที่มีคนของเราก่อเรืองซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อคำสอนของลัทธิ อาร์คบิช็อปผู้นี้ต้องขอกราบขออภัยอย่างสุดซึ้ง」

 

 

 

 

พอพูดจบชายที่เรียกตัวเองว่าอาร์คบิช็อปก็ก้มหัวลง

 

 

 

การคุกเข่าก้มหัวลงกับพื้นนั้นดูเหมือนอยากจะแสดงว่าตนสำนึกผิดอย่างหาที่สุดไม่ได้ แต่ทางอาซึมะเหมือนจะไม่ค่อยอยากยอมรับมันเท่าไหร่

 

 

「หรือก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของคนในลัทธิที่เห็นผิดและทำนอกเหนือคำสั่งของลัทธิ กว่าทางลัทธิจะรู้ก็สายเกินไปเสียแล้ว นั่นคือสิ่งที่ท่านบิช็อปอยากจะพูดสินะ」

 

 

 

「เป็นอย่างที่ฝ่าบาทกล่าว ผู้นำตระกูลโฮโซ อูรุยนั้นเป็นพวกเลือดร้อนชอบทำอะไรนอกเหนือคำสั่งอยู่บ่อยครั้ง แต่ทางลัทธิของเราก็พยายามจะให้อภัยและอดทนกับการกระทำของเขาตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา ทว่าเรื่องในคราวนี้ที่เขาไปมีส่วนร่วมกับพวกกบฎนั้นถือเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้จริง หลังพระสันตะปาปาทราบท่านก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยตระกูลนี้อีกต่อไป บัดนี้อูรุยและผู้ที่เกี่ยวข้องจากตระกูลโฮโซได้ถูกจัดการจนสิ้นแล้วโดยคนของพวกเรา ข้าจึงมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวและต้องการแสดงความเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ข้าจึงได้หารือกับสันตะปาปาและท่านฮาคุโร่ที่เมืองฮอนเทน จนได้ข้อสรุปมาให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ」

 

 

 

จากนั้นอาร์คบิช็อปก็ได้พูดเรื่องนั่นนี่อีกมากมาย แต่สรุปง่ายๆ ก็คือกิ้งก่าสลัดหางนั่นแหละ อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ผมเข้าใจจากการกระทำของเขาทั้งหมด

 

 

ทั้งที่จริงอูรุยน่าจะเป็นคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบการกบฏคราวนี้ แต่การที่พวกเขาสังหารคนของโฮโซไปจนหมดน่าจะเป็นเพราะต้องการปิดปาก ส่วนเรื่องที่พาฮาคุโร่กลับมาด้วยก็คงเป็นเพราะอยากกันไม่ให้ถูกตรวจสอบได้ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด

 

แน่นอนว่าผมไม่พูดมันออกมาหรอก เพราะผมเป็นแค่คนนอกไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ แถมบอกตามตรงผมว่าเป็นฝ่ายมองห่างๆ น่าสนุกกว่าเยอะ

 

 

ลัทธิคิดจริงเหรอว่าแก้ตัวแบบนี้แล้วนากายามะจะเชื่อลง เอาเถอะถึงจะไม่เชื่อแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนที่คาการิกับโดกะบอก ในไซโตะนั้นมีเหล่าผู้ศรัทธาลัทธิเป็นจำนวนมากการจะทำอะไรกับลัทธิจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก

 

 

ว่ากันตามตรงถ้านากายามะตัดสินใจบุกไปยังศูนย์กลางลัทธิจริงเพราะเรื่องคราวนี้ ความวุ่นวายภายในคิไคได้หนักกว่าเรื่องของกบฏคาซานแน่ ดังนั้นผมก็เลยสงสัยว่าพวกอาซึมะจะตัดสินใจเดินทางไหนต่อดี

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องนี่ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่ใช่นั่นแหละ สายตาของอาร์คบิช็อปก็ได้จ้องมองมาทางผม

 

 

 

 

 

「เกี่ยวกับเรื่องของตระกูลมิตสึรุกิ ท่านสันตะปาปาก็ส่งข้อความมาดังนี้ครับ」

 

 

 

「หือ? 」

 

 

ผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าอาร์คบิช็อปนี่จะคุยกับผมนะ แต่พอพูดว่าตระกูลมิตสึรุกิแล้ว ผมก็เลยเผลอส่งเสียงออกมา

 

แล้วทางนั้นก็พูดต่อโดยไม่สนใจท่าทางของผม

 

 

 

「ข้าขออภัยเป็นอย่างยิ่งสำหรับสิ่งที่อูรุยและชินโตได้กระทำลงไป นี่คือสิ่งที่ท่านสันตะปาปาฝากมาครับ และทางเราก็อยากจะรับผิดชอบในการรักษาแขนขวาของชายหนุ่มผู้นั้นที่ถูกอูรุยตัดขาดไป ดังนั้นจึงอยากจะเชิญพวกท่านให้มายังฮอนเทนด้วยครับ」

 

 

 

โดยปกติแล้ว การจะรักษาอาการระดับนี้ได้ก็คงมีเพียงระดับสันตะปาปาจริงๆ นั่นแหละที่ทำได้ ด้วยปาฏิหาริย์อย่าง『ฟื้นฟู』

 

 

ส่วนสาเหตุที่พระสันตะปาปาไม่สามารถออกจากเมืองฮอนเทนได้ก็เพราะเขาต้องดูแลผนึกงู อาจจะดูเสียมารยาทไปบ้างแต่ข้าต้องทำแบบนี้จริงๆ นั่นคือสิ่งที่อีกฝ่ายบอกมา พอพูดจบเขาก็ก้มหัวขอโทษพวกผมเหมือนที่ทำกับอาซึมะ

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน