การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 232 นามของสิ่งนั้น

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 232 นามของสิ่งนั้น

 

 

อย่างที่ผมเคยบอกไปเมื่อก่อน ลิชนั้นคือจุดสูงสุดของมอนเตอร์ประเภทอันเดธ ที่เทียบเท่าพวกแวมไพร์ได้เลย

 

หากจะต่างจากแวมไพร์ก็คือพวกมันแต่ละตัวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องของสายเลือด การจะกลายมาเป็นลิชได้ก็มีหลายวิธีด้วย

 

 

พวกลิชที่ผมเคยเจอมาในอดีตก็มีด้วยกัน 2 คน คนแรกคือชารามอนที่เคยสู้กันในป่าทีทิส อีกคนก็ลาสคาริสที่เจอในทะเลทรายคาตาลาน

 

 

หากสันตะปาปาเป็นลิชอย่างที่ผมคิดจริง นี่จะเป็นลิชตัวที่ 3 ที่ผมเจอ แถมหากอีกฝ่ายเป็นคนเกี่ยวข้องกับยาไคเหมือนสองคนก่อนหน้า ก็หมายความว่าผมเป็นคนสังหารพวกพ้องของเธอ

 

 

ระหว่างที่ผมกำลังจะตั้งท่าระวังตัว ขณะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกฝ่ายก็ทำท่าเหมือนคิดก่อนจะเอียงหัวแถวพูดออกมาว่า 「หืม? 」ด้วยความสงสัย

 

 

 

「ชารามอนเหรอคะ? ไม่คุ้นชื่อนี้เลยค่ะ ก่อนอื่นเลยยาไคนี่มันคืออะไรกันคะ? 」

 

 

 

พอถูกถามกลับมาตรงๆ ไอ้ผมก็ไม่มีคำตอบให้หรอกนะ เพราะผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริงๆ ของพวกยาไคคืออะไร

 

 

ก็จริงว่าชารามอนกำลังหมายหัวจะเอาชีวิตของสันตะปาปาโนอาห์ แต่นั่นน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์หลักของยาไค

 

ผมก็เลยบอกในสิ่งที่พอรู้ไป

 

 

 

「เท่าที่ฉันรู้ก็จะเป็นกลุ่มของพวกลิชที่มีลาสคาริสเป็นผู้นำน่ะ」

 

 

 

「ลาสคาริส」

 

 

คราวนี้เธอที่ปฏิกิริยากับชื่อนั้น

 

 

เธอหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะพึมพำชื่อนั้นออกมา แล้วจ้องมายังดวงตาของผม

 

「แม้ฉันจะไม่ทราบเกี่ยวกับชารามอนและยาไค แต่ฉันรู้จักลาสคาริสค่ะ เขาคือจิตชั่วร้ายจากยุคสมัยแห่งทวยเทพที่มักจะเดินทางท่องไปทั่วโลก」

 

 

 

「จิตชั่วร้าย? 」

 

 

 

「ค่ะ ครั้งหนึ่งเคยมีประเทศที่ถูกเรียกว่าอาณาจักรทองคำซึ่งล่มสลายไปด้วยน้ำมือของพระเจ้าเพราะความโง่เขลา เขาคือกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งประเทศนั้นแล้วเพื่อจะท้าทายกับพระเจ้า เจ้าโง่นั่นจึงได้ขายวิญญาณให้กับปีศาจเพื่อแลกกับความเป็นนิรันดร์」

 

 

 

สันตะปาปาพูดถึงเรื่องของลาสคาริส

 

น้ำเสียงของเธอช่างดูสงบแม้จะกล่าวว่าลาสคาริสว่าเป็นเจ้าโง่ แถมเธอเหมือนจะไม่ได้พูดโกหกด้วย

 

 

ก็นะคนที่เกิดมาบนโลกไม่นานแบบผม จะไปเข้าใจความคิดของคนที่อยู่มา 300 กว่าปีได้ง่ายๆ ที่ไหน นอกจากนี้ผมก็เชื่อว่าเธอไม่น่าจะแอบติดต่ออะไรกับลาสคาริสลับหลังผมด้วย หากเธอต้องการจริงเธอคงไม่มาหาผมที่ห้องตามลำพังแล้วเผยใบหน้าจริงๆ ให้ผมได้เห็น ก่อนจะยอมรับว่าตัวเองเป็นลิชหรอก

 

 

ความจริงที่ว่าสันตะปาปาแห่งลัทธิเป็นลิชเนี่ยมันลับสุดยอดขนาดว่าพลิกความเชื่อของคิไคให้กลับหัวได้เลยนะ มันไม่ใช่สิ่งที่ปล่อยให้ใครที่ไหนไม่รู้รับรู้ได้ และการที่เธอปิดบังใบหน้ามาตลอดแม้กระทั่งกับผู้ติดตามก็น่าจะชัดพอแล้ว

 

ทว่าการที่เธอเอาความลับดังกล่าวมาเปิดเผยกับผมมันไม่แปลกไปหน่อยหรือไง

 

 

การที่เธอบอกว่าเธอเป็นลิช แถมยังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อนอีก ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนผมก็คงจะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการอะไรสักอย่างของเธอเข้าให้แล้ว

 

 

 

『ฟังให้ดีล่ะ โซระ เมื่อเจ้าผ่านประตูปีศาจไปแล้ว เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับความเคียดแค้นของสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 300 ปีที่ผ่านมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่』

 

 

คำพูดของอมาเดอุสที่ 2 ผุดขึ้นมาในหัวของผม

 

 

ผมคิดว่ามันคงจะเป็นตอนนี้แหละ

 

 

 

◆◆

 

 

 

 

ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังอย่างเป็นจังหวะ

 

สันตะปาปาบอกกับผมว่ามีอะไรบางอย่างจะให้ผมดู จากนั้นก็พาผมไปยังส่วนลึกของมหาวิหาร ผมว่าก็เดินมาลึกพอสมควรแล้วนะแต่ท่าทางของสันตะปาปาเหมือนจะบอกว่ายังอีกยาวไกล

 

 

เธอตั้งใจจะพาผมไปดูอะไรกันแน่นะ ไม่สิสิ่งแรกที่เข้ามาในหัวก่อนคือที่นี่มันที่ไหนกันนะเนี่ย

 

 

พอลองย้อนมองกลับไป ทางเดินนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด โถงรอบๆ ไม่มีหน้าต่างใดๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้หากจะมีของประดับตามทางก็คงจะเห็นแต่เชิงเทียนวางไว้เป็นช่วงๆ แต่ก็ไม่ได้ถูกจุดประกายแสงของมันขึ้นมา

 

 

ว่ากันตามตรงจากระยะทางนี่ผมมองว่าพวกผมเดินไกลออกมาจากเมืองแล้วนะ แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดหมายสักที ทั้งที่ตอนผมเดินทางมาเมืองนี้ก็ลองมองจากเนินเขาทางตะวันตกแล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่เห็นทางเดินหรืออะไรที่มันยาวทอดออกไปนอกกำแพงเมืองได้เลย หรือว่าจะเป็นส่วนขยายออกไปทางทิศตะวันออกกันนะ เพราะมุมของผมที่มองอยู่เป็นฝั่งตะวันตกซึ่งถูกกำแพงเมืองกั้นวิสัยทัศน์ทางตะวันออกเอาไว้

 

 

จากที่ผมรู้มาสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ภายในกำแพงแห่งแสงนี้ก็คืองู แล้วสถานที่ตั้งของมันตามที่ได้ยินมาตอนแรกก็คือสุดปลายทางทิศตะวันออกของเมือง

 

 

 

เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นที่ผมได้เดินตามหลังสันตะปาปามา ชักรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสาวกลัทธิคลั่งพาไปเป็นเครื่องบูชายันกับพระเจ้าเลยแฮะ จนขนลุกนิดหน่อย เอาเถอะถึงจะสายไปแล้วแต่เธอก็เป็นถึงลิชเลยนะเออ

 

พาลองมาคิดๆ ดู มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่อมาเดอุสที่ 2 พาผมไปดูรังมังกรเหมือนกันแฮะ

 

อ้อแล้วก็อีกอย่าง ที่มากันเนี่ยมาเพียงแค่ผมกับสันตะปาปานะ ไคลอาที่รู้ตัวตนจริงๆ ของสันตะปาปาแล้วเพราะอยู่ห้องเดียวกันกับผมตอนแรกเธอก็ตั้งใจจะตามมาอยู่หรอก แต่ผมขอให้เธอรอที่ห้องแทน

 

 

เห็นได้ชัดว่าสันตะปาปาให้ความสนใจกับผมมากจริงๆ จากท่าทางและการกระทำของเธอ ดังนั้นเธอคงไม่คิดทำอะไรแปลกๆ กับผมหรอก แต่ไคลอาซึ่งเป็นคนนอกสายตาก็เลยไม่รู้ว่าจะเจออะไรไหม

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นการพาไคลอมาด้วยอาจจะทำให้สันตะปาปาไม่พูดในสิ่งที่เธอจะพูดหากไปกันเพียงสองคนด้วย นั่นแหละเลยเป็นเหตุผลที่ผมไม่พาไคลอมา

 

 

แถมไม่นานมานี้เหมือนไคลอาจะเริ่มมองผมเป็นเจ้าชีวิตของเธอไปละสิ อย่างการที่อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนจากคุณโซระมาเป็นท่านโซระ มันก็เลยลงเอยว่าเธอฟังสิ่งที่ผมพูดแต่โดยดี ทว่าหากผมไม่กลับไปภายใน 4 ชั่วโมงหลังจากนี้ เธอคงเริ่มออกตามหาผมแน่

 

แววตาของเธอบอกผมชัดเลยว่า เธอไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อช่วยผมหากจำเป็น ผมก็เลยทำได้เพียงพยักหน้าให้กับเธออย่างว่าง่าย

 

 

ไม่นานนักสันตะปาปาก็เปิดปากพูดขึ้นขณะเดินนำหน้าผม

 

 

「เมื่อ 300 ปีก่อน โลกใบนี้เติมไปด้วยเหล่าเผ่าพันธุ์ในตำนานนับไม่ถ้วนหลายประเทศได้ถูกทำลายผู้คนสูญเสียชีวิตกันมากมาย แต่ถึงแบบนั้นความขัดแย้งของมนุษย์ก็ใช่จะหมดสิ้น เหตุผลไม่สามารถใช้พูดคุยกันได้ คุณธรรมสูญสิ้น ทวีปตกอยู่ในความวุ่นวาย ครั้งแล้วครั้งเล่า….หากจะบอกว่ามันคือจุดจบของโลกก็ไม่เกินเลย」

 

 

 

จากนั้นเธอก็หันกลับมาสบตากับผม

 

 

 

「สถานการณ์บนเกาะแห่งผืนป่าก็ไม่ได้ต่างกันนัก ไม่สิอันที่จริงมันเลวร้ายกว่าทวีปหลักเสียอีก เหตุผลก็คือบนเกาะแห่งผืนป่านั้นมีรังมังกรซึ่งถูกตระกูลโฮโซผนึกเอาไว้อยู่ ทว่าผนึกดังกล่าวมันก็ช่างแสนเปราะบาง ไม่รู้เลยว่าวันใดจะพังทลายลง อันที่จริงตระกูลโฮโซก็ทำพวกมันหลุดออกมาเป็นบางส่วนแล้วและได้ใช้กองกำลังช่วยกันเข้าปราบปราม ซึ่งเหล่าผู้เสียสละในช่วงเวลานั้นก็มีผู้นำตระกูลมิตสึรุกิอยู่ด้วย」

 

 

ข้อมูลที่เธอบอกมันตรงกับที่ผมเห็นในอดีต

 

 

ทว่าก็ยังมีบางส่วนที่ผมไม่เคยเห็น จึงได้ถามเธอเพื่อขยายความ

 

 

 

「บนเกาะมีรังมังกรงั้นเหรอ? 」

 

「ใช่แล้วค่ะ และเมื่อ 300 ปีก่อนนั้นเอง การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเราก็เกิดขึ้นที่เกาะแห่งผืนป่า เพื่อจะเอาชนะราชาแห่งเผ่าพันธุ์ในตำนานที่กำเนิดมาจากรังมังกรของเกาะ ทุกคนจึงได้รวมพลังกันเข้าต่อสู้」

 

 

 

「แล้วงูที่พวกเธอผนึกกันเอาไว้ก็คือสิ่งนั้นสินะ」

 

 

 

เหตุผลที่ผมพูดแบบนี้ออกมาก็เพราะอยากจะยืนยันว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผมเป็นคนที่ผมคิดจริงๆ

 

ถึงมันจะสายไปแล้วบ้างก็เถอะ ก็แบบผมรู้แล้วว่าเธอเป็นลิชก่อนจะได้รู้ชื่อของเธอเสียอีกมันแปลกไหมล่ะ แต่หากให้เดาจากความทรงจำที่เห็น เธอก็คงจะเป็นโซเฟีย อาเซอร์ไรท์ไม่ผิดแน่

 

 

 

โดกะก็เคยพูดไว้นี่นะ

 

 

 

 

 

『งูนั่นคือเผ่าพันธุ์ในตำนานที่บรรพบุรุษของพวกข้าเคยเสี่ยงชีวิตเข้าสู้ จนถึงตอนนี้มันก็ยังขดตัวอยู่ที่ทางตะวันออกนั่นและพยายามจะชำระล้างโลกให้บริสุทธิ์ตามที่มันต้องการอยู่ ให้ตายสิถึงข้าจะไม่ชอบมนุษย์แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณมนุษย์ ซึ่งเป็นนักบุญของลัทธิแห่งแสงจริงๆ ที่ผนึกงูนั่นไว้เมื่อ 300 ปีก่อน』

 

 

แล้วชื่อของนักบุญที่ผนึกงูเอาไว้ก็คือโซเฟีย อาเซอร์ไรท์

 

 

 

 

ถ้าสันตะปาปาตอบคำถามนี้ ก็จะเป็นการยอมรับว่าเธอคือโซเฟียจริงๆ

 

สำหรับผมมันก็เป็นเพียงการถามเพื่อยืนยันเฉยๆ ไม่ได้จะคาดคั้นอะไรหรอก ทว่าทางสันตะปาปากลับแสดงท่าทีเหมือนไม่พอใจออกมา

 

 

「กรุณาอย่าใช้ชื่อเรียกนั้นเลยค่ะ พวกคิจินที่ถูกจองจำมากว่า 300 เพราะความเขลาคงจะเอาไปพูดกันมั่วซั่ว ดังนั้นฉันเลยจะขอแก้ความเข้าใจผิดนั้นนะคะ」

 

 

 

「……หืม? 」

 

 

พอเห็นท่าทางกับคำตอบที่เกิดคาดของเธอผมก็เผลอส่งเสียงออกมา

 

จากที่เธอพูดน่าจะเป็นเรื่องของงูแน่ๆ

 

 

ส่วนเรื่องที่คิจินถูกผนึกเอาไว้ภายในประตูปีศาจนี้ถึง 300 ปีแล้วต้องมาใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายก็น่าจะสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของเธออีกเหมือนกันมั้ง

 

แต่ที่ตกใจจริงๆ ก็คือทำไมเธอถึงไม่พอใจขนาดนั้นกัน

 

 

เธอเป็นคนที่ผนึกมันเอาไว้นี่ไม่ใช่พวกพ้องของมันสัก……ระหว่างที่ผมกำลังคิดแบบนั้น คำพูดของสันตะปาปาโนอาห์กับอมาเดอุสที่ 2 ก็ผุดขึ้นมาในหัวผม

 

 

เดิมทีแล้วลัทธิแห่งแสงคือกลุ่มคนที่อยู่ข้างเดียวกับพวกเผ่านพันธุ์ในตำนาน

 

 

 

 

ตอนแรกที่ผมเห็นว่าลัทธิแห่งแสงอยู่ร่วมกับพวกคิจินในคิไคเป็นอย่างดี ผมก็เลยคิดว่าเรื่องนี้เป็นความคลาดเคลื่อนทางประวัติศาสตร์ แต่ด้วยท่าทางของเธอในปัจจุบัน มันชัดแล้วว่าจริง

 

ระหว่างที่ผมกำลังเค้นสมองคิดเกี่ยวกับเบื้องหลังของมันอย่างหนัก เสียงของสันตะปาปาก็หยุดผมเอาไว้ก่อน

 

 

「พลังแห่งบรรพกาลที่ไหลเวียนทั่วผืนโลกแห่งนี้เราเรียกกันว่าชีพจรมังกรค่ะ และสิ่งที่เป็นจุดปลดปล่อยพลังเหล่านั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่ารังมังกร แล้วเราจะเรียกสิ่งที่เป็นต้นกำเนิดในการส่งผ่านพลังเหล่านั้นไปทั่วผืนโลกว่าสิ่งใดกันคะ」

 

 

 

เมื่อถึงปลายทางที่พวกผมเดินไป ก็ได้ปรากฏดินแดนอันรกร้างของคิไคที่คุ้นตา

 

มองขึ้นไปบนฟ้าก็พบกับแสงสลัวๆ ของดวงอาทิตย์เทียมที่ไม่ทำให้รู้สึกสบายตัวเลยสักนิด

 

แต่ด้วยแสงสว่างเพียงแค่นั้นมันก็พอแล้วที่จะทำให้เห็น 『สิ่งนั้น』

 

หลุมขนาดใหญ่ที่ถูกขุดลึกลงไปในผืนดินสีแดง ร่างขนาดใหญ่ที่กลืนกินได้แม้กระทั่งท้องฟ้าโผล่ออกมาจากหลุม

 

สิ่งที่มีใบหน้าคล้ายมนุษย์ มีลำตัวเหมือนงู ซึ่งมาพร้อมกับปีกและแขนสองข้างที่ปล่อยออร่าสุดน่าสะพรึงกลัวออกมา เผ่าพันธุ์ในตำนาน ไม่สิมันคือราชาแห่งเผ่าพันธุ์ในตำนาน นั่นคือสิ่งที่โซลอีทเตอร์บอกกับผม

 

และเพื่อเป็นการยืนยันถึงสิ่งที่ผมเห็น สันตะปาปาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

 

 

 

「นี่คือท่านสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าสติปัญญาของมนุษย์จะหยั่งถึง ศูนย์รวมแห่งพลังบรรพกาล วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ร่วงหล่นของดวงดาวที่ล่มสลาย ผู้ที่จะชำระล้างให้โลกใบนี้สะอาดไร้มลทิน หรือก็คือมังกรค่ะ」

 

——–

Note 1 : ทำไมรู้สึกเหมือนว่าที่ลัทธิเลี้ยงพวกคิจินเอาไว้อยู่เพราะมีส่วนจำเป็นในการปลดผนึกมังกรน้อ บอกว่าอาโทริซึ่งเป็นคิจินผนึกมันเอาไว้ด้วย

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน