การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 247 เหล่าผู้เริงร่า

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 247 เหล่าผู้เริงร่า

 

ณ เมืองหลวง ของนากายามะที่เป็นศูนย์กลางของคิไค ได้มีบางสิ่งกำลังปะทะกันไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

แล้วทุกครั้งที่ทั้งสองได้ปะทะกัน ก็จะเกิดเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วไซโตะ ราวกับเกิดแผ่นดินไหว จนทำให้กำแพงเมืองไซโตะถึงกับสั่นสะเทือน

 

 

คิจินที่ยืนอยู่บนกำแพงปราสาทก็ทำได้เพียงชื่นชมการต่อสู้ตรงหน้าตนอย่างสนุกสนาน

 

 

 

 

「คาการิ ดูจะสนุกไม่น้อยเลยนี่」

 

 

 

ชายคนหนึ่งพูดก่อนจะลูบเคลาของตัวเอง

 

 

 

จากนั้นก็มีอีกคนตอบกลับคนข้างๆก่อนจะถอนหายใจออกมา

 

 

 

「ก็ดูสนุกจริงๆนั่นแหละ คงจะดีใจที่ได้เจอคนที่ตนสามารถสู้ด้วยจริงๆจังๆได้」

 

 

 

 

วันก่อนคาการิได้มาเสนอว่าให้อยากจะประลองฝีมือฝึกซ้อมกับโซระดู โดยเหตุผลก็คือการแสดงให้พวกทหารเห็นว่าพลังของโซระนั้นมีมากขนาดไหน พวกเขาจะได้รู้ซึ้งถึงพลังฝ่ายมนุษย์และเลือกเส้นทางที่ดีขึ้น

 

 

 

ชายคนนั้นไม่สิ ฮาคุโร่เองที่ฟังอยู่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร

 

เขาเข้าใจดีถึงเจตนาจริงๆภายใต้คำขอของคาการิอยู่แล้ว แต่เขาก็เลือกจะไม่พูดอะไรก่อนจะประกาศแจ้งให้พวกทหารกับคนในปราสาทได้ทราบ เพราะงานพวกนี้หากฝากไว้กับน้องชายของตนคงไม่ได้เรื่องแน่

 

นอกจากนี้เขาก็อยากจะเห็นพลังที่แท้จริงของโซระด้วย

 

 

ฮาคุโร่หรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนพูดต่อ

 

 

「แม้ว่าจะถูกการโจมตีประสานระหว่างคาการิกับโทเท็ตสึ แต่เขาก็ยังสามารถรอดมาได้ หากเป็นนักรบทั่วไปแขนขาคงได้กระจายไปคนละทิศทางแล้ว พี่รองนั่นน่ะหรือความสามารถในการฟื้นตัวของเขาตามที่รายงานมา」

 

 

「อื้ม ไม่ว่ากระดูกหรือแขนขาจะหักปลิวไปสักกี่ครั้ง เขาก็ยังสามารถรักษากลับมาเป็นเหมือนเก่าได้ ถึงแม้ตอนแรกหมอนั่นจะต้องรับมืออย่างหนักกับการโจมตีคราวแรก แต่ดูตอนนี้สิ」

 

 

โดกะชี้ไปยังทั้งสองที่ปะทะกันก่อนจะกล่าวชม

 

 

 

 

 

「การโจมตีแรกของคาการิแม้ว่าจะขาดๆเกินๆไปบ้าง แต่มันก็สามารถถูกชดเชยได้ด้วยการโจมตีของโทเท็ตสึ ทว่าพอต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้และสามารถเรียนรู้อีกฝ่ายไปด้วย คาดว่าไม่นานหมอนั่นน่าจะเริ่มสวนกลับโทเท็ตสึได้บ้างแล้วแน่ๆ」

 

 

「เทคนิคลับของคิจินนั้นคาการิก็เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญมากกว่าใคร จนสามารถทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ได้แล้วไหนจะมีอาภรณ์วิญญาณอย่างโทเท็ตสึซึ่งแข็งแกร่งและไม่เหมือนใครเช่นนี้ ท่านพี่รองยังจะบอกอีกหรือว่าเขาจะหาทางรับมือได้」

 

 

 

「ข้ามองว่านั่นแหละคือจุดแข็งของโซระ ก็จริงหากเทียบแล้วโซระนั้นเหมือนจะได้รับพลังมหาศาลมาได้ไม่นานต่างจากคาการิที่ฝึกฝนมาหลายปี ทว่าการที่เขาสามารถโค่นงูลงได้และพลังคิที่ไหลเวียนในตัวเขาตอนนี้ ถึงจะเป็นข้าก็อาจจะเอาไม่อยู่แล้วก็ได้」

 

 

พอได้ยินแบบนั้นฮาคุโร่ก็ขมวดคิ้วออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

 

 

 

เพราะพวกเขาไม่ใช่คนเดียวที่ยืนอยู่บนกำแพงปราสาท ทหารอีกจำนวนมากก็มาทำการเฝ้าดูการต่อสู้คราวนี้ด้วย ฮาคุโร่ได้มองไปรอบๆก่อนจะบ่นกับพี่ชายตน

 

 

 

 

「พี่รองข้าว่าท่านไม่ควรพูดเช่นนี้นะ การที่นักรบซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของเขามายอมรับความพ่ายแพ้ต่อมนุษย์ หากพวกทหารได้ยินเข้าจะเป็นเช่นไรกัน」

 

 

 

「แล้วมันจะทำไมเล่า การที่ยอมรับความจริงมันผิดตรงไหน ทหารนากายามะไม่ได้อ่อนแอเสียจนเสียขวัญเพราะของแบบนี้หรอกน่า」

 

 

 

โดกะพูดแล้วยิ้มออกมา

 

 

 

 

「แล้วก็นะฮาคุโร่ ถึงแม้ข้าจะบอกว่าไม่ไหวแต่นั่นมันก็ในเชิงของปริมาณพลังคิและอาภรณ์วิญญาณที่มี ทว่าทักษะและประสบการณ์มากมายที่ข้าได้รับมาตลอดชีวิตนั้น ไม่มีวันยอมให้พวกเด็กๆมันทิ้งไว้ข้างหลังได้หรอก」

 

 

 

 

「ได้ยินแบบนั้นข้าก็โล่งใจ」

 

 

 

ฮาคุโร่โค้งคำนับพี่ชายของเขา ผู้ถือครองพลังแห่งการทหารสูงสุด

 

 

โดกะก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ อายุของเขานั้นมีมากกว่าคาการิถึง 10 ปี เขาได้รับการฝึกฝนต่างๆนาๆ ผ่านสนามรบจริงก็หลายหน ทักษะการต่อสู้ที่สั่งสมมาก็มาก หากจะให้เทียบสมดุลความสามารถแล้วยังไงโดกะก็พร้อมกว่า 4 พี่น้อง

 

 

กล่าวให้ชัดยิ่งขึ้นก็คือ การโจมตีของคาการินั้นจะทะลวงมาถึงโดกะได้ก็ประมาณ 2 ใน 10 ครั้ง ส่วนการโจมตีของโดกะนั้นมากกว่าครึ่งจะถึงตัวคาการิเสมอ หากเทียบความแข็งแกร่งด้านการโจมตี คาการิอาจจะเหนือกว่า แต่เรื่องของทักษะและประสบการณ์นั้นยังต้องเรียนรู้อีกมาก

 

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคาการิก็เติบโตขึ้นมามากและใช้อาภรณ์วิญญาณได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามโดกะก็ยังไม่มีแผนที่จะมอบตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดให้กับน้องชายของตนอยู่ดี

 

 

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นคาการิรับมือกับโซระ

 

 

 

เมื่อคาการิทำการโจมตีโซระ เขาก็จะใช้พลังรักษาตัวเองในทันที นั่นก็หมายความว่าโซระไม่สามารถป้องกันการโจมตีของคาการิได้เลย นอกจากนี้การโจมตีของโซระก็ยังไม่ถึงตัวคาการิได้ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้คาการิเหนือกว่าเขาทุกด้าน แน่นอนว่าโดกะก็ด้วย

 

 

 

โดกะกอดอกแล้วมองไปยังโซระที่สู้กับคาการิอยู่

 

 

「บางทีโซระคงจะผ่านมาหลายสนามรบเหมือนกัน แต่เขาก็มักจะเจอกับศัตรูที่ใช้พลังอันมหาศาลของตนปิดได้ในคราวเดียวจึงไม่สามารถสะสมประสบการณ์ที่ดีได้ แถมพอเขาได้รับบาดเจ็บก็มักจะพึ่งพาพลังในการรักษาของตน จึงไม่จำเป็นต้องปรับหรือควบคุมพลังเพื่อใช้ในการเคลื่อนไหวมากนัก」

 

 

 

「ดูจะเป็นแนวการต่อสู้ที่มุทะลุจริงๆ」

 

 

 

「ก็อย่างที่เจ้าว่า หากหมอนั่นได้มีอาจารย์หรือเพื่อนที่ดีสักคนซึ่งทัดเทียมกับเขาแล้วละก็เรื่องราวคงจะต่างออกไป ช่างน่าเสียดาย」

 

โดกะมองดูราวกับคิดอะไรบางอย่าง ฮาคุโร่ที่ได้ยินก็หรี่ตาถาม

 

 

 

 

「…พี่รอง ไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองไหม แต่ไม่ใช่ว่าท่านตั้งใจจะสั่งสอนวิชาให้โซระหรอกนะ? ท่านก็รู้นี่ว่าเขาเป็นมนุษย์และพวกพ้องกับคนเฝ้าประตู แม้ยามนี้เขาจะยังเป็นมิตรกับเล่าแต่รุ่งสางใครจะรู้เล่า」

 

 

 

「เรื่องนั้นข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ว่า…」

 

 

 

「แต่ว่า?」

 

 

 

ดวงตาของฮาคุโร่หรี่มากขึ้นและเสียงก็ดูจริงจังขึ้น

 

 

โดกะกระแอมหนึ่งครั้งแล้วพูดต่อ

 

 

 

「สำหรับข้ากับคาการิแล้ว การจะหาพวกที่ทนไม้ทนมือในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวมันยากนี่นา」

 

 

「ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะท่านพี่」

 

 

 

「หากมีคนแบบนั้นอยู่ใกล้มือข้า มันก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเป็นคู่ฝึกไม่ใช่หรือไง ข้าไม่คิดจะเป็นอาจารย์อะไรนั่นหรอกน่า ถึงแม้จะสั้นแต่อย่างน้อยก็มีเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือนก่อนการรวมพลจะเสร็จสิ้น ระหว่างนั้นก็ปล่อยๆไปเถอะ」

 

 

 

โดกะพูดอย่างสงบนิ่ง แต่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เหมือนข้อแก้ตัว

 

 

 

ฮาคุโร่ก็เลยทำได้เพียงถอนหายใจ

 

 

 

 

 

「ไม่คิดเลยว่าพี่รองผู้ดูแลกองทัพที่ยิ่งใหญ่จะเป็นไปกับเขาด้วย…เอาเถอะข้าก็พอจะเข้าใจที่ท่านต้องการจะบอกแล้ว」

 

 

 

「อื้อ เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว」

 

 

 

「ทว่าเทคนิคลับของเหล่าคิจินนั้น ได้โปรดอย่าสอนให้กับเขา」

 

 

 

 

พอได้ยินแบบนั้นโดกะก็พยักหน้ารับ

 

แม้ว่าโดกะจะต้องการหาคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามแต่เขาก็ไม่คิดจะถ่ายทอดเทคนิคของคิจินให้มนุษย์อยู่แล้ว คาการิเองก็คงจะเหมือนกัน

 

ทว่าโดกะก็เริ่มพูดต่อขณะดูการต่อสู้ของทั้งสอง

 

 

 

 

「แต่ว่านะ ฮาคุโร่ บางทีมันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้」

 

 

 

「สายเกินไป?」

 

 

 

「เมื่อถึงจุดที่โซระสามารถรับมือกับคาการิได้ บางทีเขาอาจจะเข้าใจในเทคนิคของพวกเราด้วยตัวเองเลยก็ได้ มันก็เหมือนกับการฝึกเหวี่ยงดาบหากได้ทำมันซ้ำๆเทคนิคและความเข้าใจก็จะมากขึ้น ยิ่งได้รับประสบการณ์ในการรับมือกับพวกเรามากเท่าใด เขาก็จะเริ่มเข้าใจถึงศาสตร์ของพวกเรามากขึ้นเท่านั้น」

 

 

 

「ไม่นานเขาอาจจะนำมาเป็นพลังของตัวเองก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ท่านจะพูดสินะ」

 

 

 

โดกะก็ตอบกลับด้วยท่าทางแทน

 

การควบคุมแรงด้วยจังหวะเท้าที่แม่นยำ ซึ่งสามารถส่งแรงปะทะได้ดียิ่งขึ้น หมายความว่าตอนนี้โซระเริ่มเข้าถึงระดับของโดกะและคาการิในเชิงการใช้กำลังเพียวๆได้แล้ว

 

 

จากนั้นโดกะก็พูดขึ้น

 

 

 

「ข้าเรียนรู้มันมาจากท่านอาจารย์ผู้ล่วงลับ ส่วนคาการิได้เรียนรู้มาจากข้า อย่างไรก็ตามโซระนั้นไม่ได้เรียนรู้ของพวกนี้มาจากไห แต่เขาได้ใช้ร่างกายของตนเข้าแลกเพื่อเรียนรู้กับการโจมตีนับไม่ถ้วนก่อนจะเริ่มหาทางออกและเปลี่ยนมันให้เป็นของตนเอง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ข้ากับคาการิเองก็ทำไม่ได้」

 

 

 

「ย่อมเป็นเช่นนั้น หากถูกการโจมตีที่รุนแรงมากสักครั้ง ร่างกายก็คงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย กระดูกอาจจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ หรือเลวร้ายสุดก็ตาย ทว่าหากมีพลังในการรักษาระดับนั้น การจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อรู้วิชาก็ย่อมทำได้」

 

 

「อย่างที่เจ้าพูด นอกจากนี้หากตัดเรื่องพลังในการรักษาออกไปแล้ว โซระก็ยังมีพลังใจที่เข้มแข็งอีกด้วย เท่าที่ข้าเห็นพลังในการรักษานั้นไม่ได้ช่วยลบความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับมาแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะมีพลังรักษาดีขนาดไหนแต่ถ้าพลังใจไม่ไหวยังไงก็คงรับมือกับความเจ็บปวดที่ฉีกทั้งร่างออกไม่ไหวหรอก」

 

โซระมีทั้งพลัง และความสามารถที่จะเรียนรู้เทคนิคต่างๆได้อย่างอิสระ

 

พอโดกะคิดก็ถึงกับตัวสั่น เพราะแค่ตอนนี้โซระก็นับว่าแข็งแกร่งพอสมควรแล้ว หากได้เรียนรู้อย่างถูกต้องเขาจะไปได้ไกลขนาดไหนกันนะ

 

 

ตรงกันข้ามกับโดกะที่เหมือนจะชื่นอกชื่นใจเมื่อเห็นศัตรูสุดแกร่งปรากฏตัว ฮาคุโร่ได้ถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน

 

 

 

「ทางที่ดีมันควรจะขจัดภัยไปให้พ้นตัวแท้ๆ ทำไมเหล่าพี่น้องของข้าถึงได้ชอบเลี้ยงภัยพิบัติเอาไว้ใกล้ตัวกันจริงเลยนะ」

 

 

 

「เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ?」

 

 

「จากที่ข้าได้ยินท่านพูดมาจนถึงตอนนี้ ก็หมายความว่าการต่อสู้ของท่านพี่กับเขามันก็ไม่ต่างอะไรกับท่านตั้งใจจะชุบเลี้ยงศัตรูคนนี้เลยนะ 」

 

 

 

 

พอถูกพูดแบบนั้นโดกะก็ทำหน้านิ่งไป

 

 

ก่อนจะหันไปทางอื่นแล้วพูดต่อ

 

 

「ก็ไม่ผิดหรอกที่เจ้าจะเห็นแบบนั้น」

 

 

 

「ถ้าเขากลายเป็นศัตรูกับนากายามะในอนาคตเราจะรับมือไหวจริงเหรอ?」

 

 

พอถูกถามแบบนั้นโดกะก็ตอบอย่างไม่ลังเล

 

ภายในแววตาของเขานั้นไม่ได้มีความกังวลอยู่เลย

 

 

 

 

「แน่นอนอยู่แล้ว แม้ธรรมชาติของนักรบจะแสวงหาคนแข็งแกร่งแต่ข้าก็ไม่ยอมให้มันมาครอบงำเรื่องส่วนรวมได้หรอก」

 

 

 

「หากท่านพี่มั่นใจข้าก็ไม่มีอะไรจะคัดค้านอีก」

 

 

 

 

 

หลังพูดจบฮาคุโร่ก็ถอดชุดคลุมออกเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันได้รูป แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่พวกอ่อนแอที่อยู่ติดโต๊ะ

 

 

พอเห็นท่าทางของฮาคุโร่แล้ว โดกะก็แสดงความสงสัยออกมา

 

แน่นอนว่าโดกะไม่ได้มองฮาคุโร่เป็นพวกอ่อนแอ ถึงแม้เขาจะเห็นร่างกายที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดีของอีกฝ่ายก็ไม่ได้แปลกใจ แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือทำไมต้องถอดชุดคลุมออก

 

 

 

 

「ฮาคุโร่ จู่ๆเจ้าจะทำอะไรน่ะ?」

 

 

 

「คราวก่อนพี่รองก็ได้สู้ไปแล้วนี่」

 

 

 

จากนั้นฮาคุโร่ก็ชี้ไปยังโซระกับคาการิที่สู้กันอยู่

 

โดกะก็พยักหน้า 

 

 

 

 

「ก็ใช่อยู่」

 

 

 

「แล้วตอนนี้ก็เป็นคราวของคาการิ」

 

 

 

「อื้อ」

 

 

 

「ดังนั้นตามตรรกะแล้ว คนต่อไปก็ควรจะเป็นข้านี่นะ」

 

 

 

「หือ?」

 

 

โดกะเอียงคอสงสัยกับคำพูดของฮาคุโร่ แต่ฮาคุโร่ก็ไม่ได้สนใจและกระโดดลงมาจากกำแพงปราสาท

 

ดูเหมือนว่าการต่อสู้ระหว่างสองคนข้างล่างจะไปจุดไฟของฮาคุโร่เข้าเสียแล้ว พอตระหนักได้แบบนี้โดกะก็เลยกระโดดตามลงไปพร้อมกับรอยยิ้ม

 

แล้วหลังจากนั้น

 

 

「พี่โดกะ มาขัดอะไรกันตอนนี้เนี่ย? ข้ากำลังได้ที่――ง่ะ..พี่ฮาคุโร่ก็ด้วยเหรอ?!」

 

 

「เดี๋ยวเถอะคาการิ มาพูด ง่ะ กับพี่ชายตัวเองแบบนี้ได้ยังไงกัน ไม่สิถึงจะเป็นคนอื่นก็ไม่ควรนะเข้าใจไหม」

 

 

「ิอ-อื้อ ข้าขอโทษ ว่าแต่ทำไมพี่ฮาคุโร่ถึงได้ถอดเสื้อออกกันล่ะ?!」

 

 

「ก็ข้าเห็นพวกเจ้าเริงร่ากันขนาดนี้ก็เลยอยากจะมาร่วมวงด้วยน่ะ นอกจากนี้หากร่างกายไม่ได้ขยับเสียบ้าง ฝีมือมันจะขึ้นสนิมจนแพ้พวกคนเฝ้าประตูเอาได้」

 

 

「ข-ข้าเข้าใจแล้ว! แต่คราวหน้าข้าไม่ยอมหรอกนะ! โซระ พี่ฮาคุโร่เป็นพวกนิสัยไม่ค่อยดีนะ ระวังตัวด้วย――」

 

 

「อย่าได้น้อยใจไปเลย เอาแบบนี้เป็นยังไงล่ะ พวกเจ้าทั้งสองคนมารับมือกับข้าและพี่รอง ให้เป็นการต่อสู้สองต่อสองแทน พี่รองเองก็ไม่ขัดสินะ」

 

「ย่อมได้」

 

「เอาจริงเหรอพี่โดกะ?!」

 

หลังจากได้พูดคุยกันเสร็จ เสียงปะทะและความรุนแรงก็ทวีคูณหนักขึ้นกว่าเดิม จนทำให้คนภายในเมืองไซโตะเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาจากแรงสั่นสะเทือน

 

ทางอาซึมะที่นั่งอยู่ภายในวัง ก็พยายามะชกถ้วนชาขึ้นมาจิบ แต่ก็เพราะเสียงดังและแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นหนักมาก มันทำให้เขาเริ่มกังวลว่าจะทำชาหกเอาได้

 

เสียงที่ดังกึกก้องราวกับสายฟ้าฟาดดังขึ้นมาเป็นระยะๆ

 

 

 

「ทุกคนกำลังสนุกกันจริงๆเลยน้า」

 

อาซึมะบ่นออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะดื่มชาที่เหลือจนหมดแล้วถอนหายใจ

 

 

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน