การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 249 ตระกูลควิสทัส

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 249 ตระกูลควิสทัส

 

 

 

เสียงปะทะกันของดาบอันดุเดือดได้ดังขึ้นทั่วลานฝึก

 

ตระกูลมิตสึรุกินั้นได้ครอบครองลานฝึกซ้อมหลายแห่งทั่วชูโตะ ซึ่งปกติแล้วก็จะเป็นจุดที่พวกหน่วยของธงทั้ง 8 ใช้ร่วมกัน ทว่าบริเวณลานฝึกทางตะวันออกเฉียงเหนือของชูโตะนั้นเป็นข้อยกเว้นไว้สำหรับหน่วยที่ 3 เพียงเท่านั้น

 

 

หน่วยที่ 3 เป็นรู้จักกันดีว่าคือหนึ่งในหน่วยที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาธงแห่งผืนป่าทั้ง 8 และได้รับการฝึกฝนกับชิกิบุเป็นพิเศษเพื่อแสดงถึงการยอมรับในความสามารถและความสำเร็จของพวกเขา ดังนั้นเสียงของคนปะทะกันในลานฝึกนี้ก็ย่อมเป็นคนของหน่วยที่ 3 เช่นกัน

 

 

 

การต่อสู้ดังกล่าวนั้นเป็นการต่อสู้โดยใช้อาภรณ์วิญญารหาใช่ดาบไม้อย่างที่ควร ความอันตรายในการฝึกฝนที่พลาดเพียงครั้งเดียวก็ถึงชีวิตได้ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าง ทว่าสองคนที่อยู่ภายในลานฝึกกลับไม่แสดงความกังวลดังกล่าวออกมาเลย

 

กลับกันการปะทะกันของพวกเขากลับรวดเร็วและรุนแรงยิ่งกว่าเก่าทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน

 

 

 

 

 

「ย้ากกกก!!」

 

 

 

「ฮ่าาาาา!!」

 

 

 

แกร๊งงงงง! เสียงของอาภรณ์วิญญาณที่ปะทะกันนั้นส่งเสียงดังลั่นออกมา

 

 

ประกายแสงที่ส่องออกมาจากอาภรณ์วิญญาณของ สองคนที่ปะทะกันนั้นด้านหนึ่งเป็นสีทองอร่ามส่วอีกด้านเป็นสีดำสนิท แสงประกายทั้งสองปะทะกันไปมาด้วยความเร็วที่แทบจะมองตามไม่ทัน แต่มันก็ช่างดูงดงาม

 

นี่ก็ผ่านมากว่า 50 ครั้งแล้วที่ดาบได้ปะทะกันและกำลังจะเข้าคราวที่ 60 ความรุงแรงและเสียงที่ดังออกมาก็ไม่มีที่ท่าจะหยุดลงเลย

 

 

หลายคนที่อยู่ตรงนั้นคิดแล้วว่าหากทั้งสองยังเร่งเครื่องหนักเช่นนี้ต่อไปชะตากรรมของทั้งสองก็ยากจะคาดเดาได้ แต่นักรบธงแห่งผืนป่าทั้งสองก็เริ่มเร่งจังหวะยิ่งกว่าเก่า

 

 

 

「จงเก็บเกี่ยว ฮาร์ป (คมดาบแห่งโครนอส) !」

 

 

 

「จงฉีกกระชากให้สิ้น ออทรอส (สุนัขปีศาจสองหัว) !」

 

 

 

 

แล้วอาภรณ์วิญญาณก็ได้แสดงออกมาตามประสงค์ของผู้ใช้

 

 

อาภรณ์วิญญาณสีทองคือเคียวขนาดยักษ์ ส่วนอาภรณ์วิญญาณสีดำคือดาบสองหัว

 

 

ดาบสองหัวคือดาบชนิดพิเศษ――ที่มีด้านคมออกมาจากทั้งสองฝั่งโดยมีจุดศูนย์กลางคือดาบจับ ที่ช่วยทำให้การโจมตีนั้นแตกต่างออกไปจากดาบปกติอย่างชิ้นเชิงและต้องใช้ทักษะมากพอสมควรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการโจมตี

 

ผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณดาบสองหัวกำลังยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ส่วนทางมิตสึรุกิ รากุนะที่ถือครองอาภรณ์วิญญาณอย่างฮาร์ปนั้นก็ตระหนักได้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นคือผู้ที่จะช่วยผลักดันเขาให้มากยิ่งขึ้นไปอีกจากความแข็งแกร่งที่มี

 

 

 

 

「ท่านรากุนะ ข้าจะลุยแล้วนะ」

 

 

 

「เข้ามาเลย ลูเซียส」

 

 

 

 

ลูเซียส ควิสทัส รองหัวหน้าหน่วยของธงที่ 3 ได้ถืออาภรณ์วิญญาณของตนเอาไว้บริเวณเอว แล้วถีบตัวด้วยความรวดเร็วเข้าประชิดรากุนะทันที

 

 

เคียวของรากุนะนั้นมีดาบจับที่ยาวระยะการโจมตีจึงอยู่ระยะกลางหากเจอศัตรูเข้าประชิดก็ยากจะรับมือไหว ในขณะที่ดาบสองหัวของลูเซียสนั้นมีคมดาบอยู่ทั้งสองฝั่ง มันเป็นอาวุธที่แสดงคุณค่าที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อสู้ในระยะประชิดเท่านั้น

 

 

ลูเซียสได้ทำการฟาดฟันดาบสองหัวราวกับเต้นรำแต่มันก็บีบให้รากุนะต้องพยายามรับมืออย่างหนัก

 

 

 

ทว่าถึงรากุนะจะถูกบีบให้รับมือกับการโจมตีของลูเซียสอยู่ฝั่งเดียวแต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนกและรับการโจมตีที่เข้ามาอย่างแม่นยำ โดยไม่ปล่อยให้คมดาบมาแตะต้องร่างของเขาได้ เมื่อเห็นแบบนี้ลูเซียสก็เลยยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเพิ่มแรงที่อัดลงไปราวกับตลอดเวลาที่ผ่านมายังออมมือ

 

 

 

 

「มายาดาบเดียว เพลิงลุกโชน!」

 

 

 

มันคือเทคนิคการโจมตีด้วยเปลวเพลิงจากระยะใกล้ เปลวไฟที่โหมกระหน่ำได้เข้าโจมตีล้อมร่างของรากุนะเอาไว้

 

 

มันไม่ใช่การโจมตีที่แสดงให้เห็นถึงความเมตตาเลยสักนิด แต่รากุนะก็หาได้หวาดหวั่นก่อนจะใช้เคียวในมือตนฟาดลงไปยังเปลวเพลิงที่เข้ามา

 

 

ฮาร์ปคืออาภรณ์วิญญาณที่สามารถทำลายล้างได้แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ ไม่ว่ารองหัวหน้าหน่วยธงที่ 3 จะแกร่งขนาดไหนแต่ถ้าถูกคมของฮาร์ปเข้าไปก็ไม่สามารถยืนหยัดไหว เปลวเพลิงที่โจมตีเข้ามาได้หายไปในทันที กลิ่นเผาไหม้ได้โชยมาแตะจมูกลูเซียสจนเกิดความระคาย

 

 

พอยืนยันได้แล้วว่าการโจมตีของตนถูกหักล้างไป ลูเซียสก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพูดราวกับส่งสัญญาณถึงการฝึกที่จบลง

 

 

 

 

「ยอดเยี่ยมมากครับ ปฏิกิริยาตอบโต้ การควบคุมพลังคิของท่านก็ทำได้ดีมากจริงๆ 」

 

 

 

แม้จะสั้นแต่ก็ออกมาจากใจจริง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ค่อยอยากยอมรับคำชมเท่าใดนัก

 

 

รากุนะมองลูเซียสด้วยดวงตาที่ไม่พอใจ

 

「แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่เทคนิคลับ หรือประสานด้วยซ้ำ ทำไมท่านถึงไม่ใช้มันกันล่ะ ของแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากการฝึกเด็กเล่นเลยสักนิด」

 

 

 

พอเห็นรากุนะบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจลูเซียสก็หัวเราะออกมาราวกับเห็นใจพลังวัยรุ่นของอีกฝ่าย

 

 

「ท่านรากุนะ มายาดาบเดียวนั้นคือดาบที่มีไว้เพื่อทำลายล้างความชั่วร้ายและปกป้องผู้คน แค่การใช้ท่าเบื้องต้นก็นับว่าเสี่ยงพอแล้ว หากไปมากกว่านี้มันไม่ใช่สิ่งที่จะมาใช้เพื่อฝึกซ้อมอัดใส่พวกพ้องได้หรอกนะครับ」

 

 

 

「แต่ว่า」

 

 

 

 

ก่อนที่รากุนะจะได้พูดต่อ ลูเซียสก็ทำการเอานิ้วชี้ของตนไปวางไว้บนปากของตัวเอง ราวกับจะบอกให้อีกฝ่ายหยุด

 

「ตรงนี้คือเมืองชูโตะนะครับ ถึงแม้จะไล่คนอื่นออกไปแล้วก็ตามแต่หากใช้พลังถึงระดับนั้นไม่มีทางที่จะควบคุมความเสียหายได้หรอกนะครับ หากเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวท่านหญิงเอ็มมะ แล้วก็ท่านอายากะคู่หมั้นของท่านอาจจะรู้เข้าก็ได้ เห็นว่าวันก่อนก็โดนดุมาเพราะเรื่องนี้นี่ครับ」

 

 

 

「……คึก」

 

 

 

「ข้าเองก็ไม่อยากจะให้ท่านพ่อมาเล่นงานเอา ดังนั้นลูกผู้ชายอย่างเราๆ ก็ควรจะไปหาทางฝึกเอาแบบลับๆ แล้วกันนะครับ」

 

 

 

 

ลูเซียสตอบกลับมาด้วยการหลับตาข้างหนึ่ง แต่รากุนะก็เหมือนจะไม่พอใจอยู่ดี

 

 

ก็ไม่ใช่ว่ารากุนะจะไม่พอใจที่ลูเซียสทำตัวแบบนี้อะไรหรอก แต่มันเป็นการแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาเพราะไว้ใจเขาที่เป็นครอบครัว แม้จะบ่นอะไรออกมาก็คงไม่เป็นไร

 

 

แต่ถึงจะบอกว่าเป็นครอบครัวแต่ก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน พ่อของลูเซียสนั้นคือเซน่อนซึ่งเป็นข้ารับใช้ที่คอยดูแลรากุนะมาตั้งแต่เด็ก และลูกชายของเขาอย่างลูเซียสก็ติดตามดูแลรากุนะมาตั้งแต่เด็กๆ จะบอกว่าเลี้ยงดูกันเหมือนเป็นพี่น้องก็ไม่ผิดนัก

 

 

อันที่จริงรากุนะนั้นชื่นชมลูเซียสมากกว่าพี่ชายของตัวเองเสียอีก และไว้ใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รากุนะสามารถพูดหลายๆ อย่างที่ไม่สามารถพูดกับแม่ คู่หมั้น หรือเพื่อนร่วมรุ่นของเขาได้

 

 

ตัวเขาไม่อาจจะสลัดความรู้สึกที่หนักอึ้งและแสนทรมานที่ได้รับมาจากเรื่องก่อนหน้านี้ได้เลย เขาตระหนักดีว่าการบ่นออกมาตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการระบายอารมณ์ที่ค้างคาในใจหาใช่อยากต่อว่าลูเซียส

 

จากนั้นลูเซียสก็พูดกับเขาอย่างอ่อนโยน

 

 

「วันนี้เราพอกันแค่นี้ดีกว่าครับ แม้ท่านจะยังรู้สึกว่าหนทางยังอีกยาวไกล แต่ถ้าฝืนหรือกดดันตัวเองมากเกินไปสุดท้ายก็จะแย่เอานะครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องผ่อนคลายอะไรที่มั่นตึงๆ ลงบ้าง แล้วไปพักผ่อนร่างกายให้ดี อันที่จริงข้าก็ได้ตั๋วโรงละครมาด้วย ถ้ายังไงไม่ลองรับมันไปแล้วเชิญคู่หมั้นของท่านออกไปชมบ้านเมืองบ้างล่ะครับ? 」

 

 

 

รากุนะกะพริบตาปริบๆ อย่างสับสนในขณะที่ลูเซียสหยิบตั๋วสำหรับสองคนออกมาจากกระเป๋า

 

 

มันคือตั๋วเข้าชมโรงละครที่กำลังเป็นที่นิยมกันมากในเมืองชูโตะ

 

 

 

 

「….นี่นายตั้งใจเตรียมไว้ให้ฉันจริงๆ เหรอ? 」

 

 

รากุนะถามด้วยความสงสัย ทางลูเซียสก็เลยตอบไปพลางเกาแก้มของเขา

 

 

「ก็แบบว่าอันที่จริง ข้าเตรียมมันไว้เพื่อจะเอาไปชวนรองหัวหน้าหน่วย 5 น่ะ แต่สุดท้ายมันก็ยังไม่หายไปไหนจากแขนเสื้อของข้า แถมข้าก็ไม่อยากจะไปดูละครคนเดียวด้วยสิ ดังนั้นแทนที่จะปล่อยมันให้เน่าในแขนเสื้อข้า ท่านนำไปใช้กับคู่หมั้นท่านคงดีกว่า ตั๋วมันหมดอายุวันนี้แล้วด้วย เร่งมือเข้าล่ะ」

 

 

 

 

พอลูเซียสยื่นตั๋วเข้าชมละครมาให้ด้วยสีหน้าที่เขินๆ รากุนะก็ทำได้เพียงขมวดคิ้วและรับตั๋วนั้นมา

 

 

 

「ก็อยากจะบ่นหรอกนะว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่ก็ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือแล้วกัน――ว่าแต่พูดจริงเหรอที่ว่าซื้อตั๋วนี้มาเพื่อกะจะชวนรองหัวหน้าหน่วย 5 น่ะ? 」

 

 

 

「จริงแท้แน่นอนครับ」

 

 

รากุนะจ้องไปยังลูเซียสที่ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพยักหน้าให้ราวกับยอมแพ้

 

 

 

 

「เอาเถอะ ขอบใจแล้วกัน」

 

 

 

「ต้องแบบนี้สิครับ ชีวิตวัยรุ่น ไว้เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับท่านพ่อให้เองสำหรับเรื่องวันนี้」

 

 

หลังจากที่ลูเซียสเห็นรากุนะออกจากลานฝึกไปแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมทันที ผิดกับภาพที่เห็นตอนแรก

 

ลูเซียสขมวดคิ้วราวกับกังวลอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ดูหนักแน่นของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของลูเซียส

 

 

 

 

「นายน้อยเป็นอย่างไรบ้าง ลูเซียส? 」

 

 

「ไม่ค่อยจะดีนัก ท่านพ่อ」

 

 

ลูเซียสไม่ได้แสดงความประหลาดใจใดๆ ออกมาเลย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอันสงบนิ่ง แล้วหันไปหาเซน่อน ควิสทัสพ่อของตน

 

 

ช่างเป็นรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากลูกชาย ผมของเขาถูกปล่อยให้พริ้วไหวไปมาอย่างอิสระ ความยาวของมันเกือบถึงเอวและพรมด้วยน้ำมันหอม ร่างกายของมีกลิ่นมัสกี้อ่อนๆ ลอยออกมา ลูเซียสพูดกับพ่อของเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นชายซึ่งแข็งแกร่งอันดับต้นๆ ในธงแห่งฝืนป่า

 

 

 

「ดูเหมือนความใจร้อนจะไม่จางหายไปจากอกของเขาเลย ข้าเดาว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้นเพราะความล้มเหลวในการต่อสู้คราวก่อน」

 

 

 

พอเซน่อนได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าราวกับเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะตัวเขาก็กังวลเรื่องของรากุนะไม่ต่างกัน

 

 

การต่อสู้กับพวกคิจินคราวก่อน รากุนะได้ปะทะกับเทพปีศาจและพ่ายแพ้จนบาดเจ็บสาหัส ยิ่งไปกว่านั้นเทพปีศาจที่ว่ากลับถูกสังหารลงด้วยฝีมือของโซระพี่ชายของรากุนะ

 

 

ความเป็นจริงดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมากต่อรากุนะ นับตั้งแต่ที่แผลของเขาหายสนิท รากุนะก็พยายามฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน อันที่จริงก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นรากุนะก็ขยันฝึกเป็นอย่างมากอยู่แล้ว แต่พอเกิดเรื่องคราวนี้ความรุนแรงในการฝึกของเขามันมากยิ่งขึ้นกว่าเก่า ราวกับว่ากำลังถูกอะไรบางอย่างครอบงำเอาไว้ จนแทบไม่มีเวลากินนอน

 

 

 

เซน่อนกับลูเซียสก็หนักใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะได้แม่ของรากุนะกับอายากะช่วยกันเตือนแต่มันก็ทำให้อีกฝ่ายสงบลงเพียงชั่วครู่ เซน่อนยังสามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธบางอย่างในตัวรากุนะที่ไม่จางหายไป

 

 

แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา

 

 

「ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าการที่ไปถึงเทคนิคลับได้ก่อนอายุ 20 แล้วก็มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับการเป็นรองหัวหน้าหน่วยจะทำให้อาการดีขึ้นแท้ๆ 」

 

 

「น่าเสียดายที่ไม่ใช่แบบนั้น ตัวข้าเองก็ยังถูกขอให้ใช้เทคนิคลับกับประสานในการฝึกซ้อมนี้เลย ดังนั้นสิ่งที่ท่านรากุนะต้องการคงไม่จบเพียงเท่านี้แน่」

 

 

 

「หากไร้ซึ่งความอดทนแล้วดวงตาก็จะมืดบอด มองไม่เห็นสิ่งใด」

 

 

 

คำพูดของเซน่อนนั้นลูเซียสเห็นด้วยทั้งหมด แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณแต่ก็ยังเป็นมนุษย์ นักรบแห่งผืนป่าหลายคนก็ตายไปเพราะขาดสติ ความอดทนอยู่บ่อยครั้ง

 

หากเป็นช่วงปกติก็ไม่น่าจะมีอะไรให้เป็นห่วงมากนัก แต่จากเรื่องที่เกิดขึ้นคราวก่อนพวกคิจินได้เคลื่อนไหวกันอย่างหนัก สถานะของรากุนะในปัจจุบันก็ไม่ค่อยสู้ดี หากเขาคิดตัดสินใจอะไรพลาดขึ้นมาเรื่องอย่างการที่บุกเข้าไปหากองทัพคิจินด้วยตัวคนเดียวเพื่อกู้ชื่อเสียงอาจจะเกิดขึ้นก็ได้

 

 

เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อถอนหายใจออกมา ลูเซียสก็เอ่ยปากพูด

 

 

「ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของท่านโซระจะทำให้ท่านรากุนะอาการหนักขึ้นจริงๆ นะครับ」

 

 

「ข้าก็คิดแบบนั้นแหละ เอาชนะเทพปีศาจที่ตนพ่ายแพ้ลงได้――ยิ่งไปกว่านั้นยังบุกเข้าไปในคิไคเพื่อช่วยพวกพ้องจากแผนการของตระกูลเบิร์ชแล้วท้าทายแม่ทัพสุดแกร่งของพวกคิจิน จนทำให้เรื่องราวการต่อสู้ไม่พักถึง3วันไม่ว่าจะหน้าไหนในธงแห่งผืนป่าก็เป็นที่รู้กันหมด」

 

 

 

 

ตัวของรากุนะและเซน่อนกับคนอื่นๆ เองก็เฝ้าดูการต่อสู้ดังกล่าวจากระยะไกลบนป้อมนันเท็น ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาเห็นย่อมไม่ใช่เรื่องลวงหลอก

 

 

 

ตอนนั้นชิกิบุซึ่งเป็นผู้นำตระกูลได้ออกคำสั่งเด็ดขาดว่าไม่ให้เข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ดังกล่าว แล้วก็หายไปตัวไปพร้อมกับพวกคิจินอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่สุดท้ายแผนการที่ดึงเอาโซระเข้าไปในคิไคก็สำเร็จตามที่ตระกูลเบิร์ชวางแผนเอาไว้

 

 

ตอนแรกที่รากุนะรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาก็ปรารถนาจะเข้าไปในคิไคเพื่อช่วยคลิมกับพวกพ้องของเขา แต่มันก็ถูกปัดตกไปโดยชิกิบุ เซน่อนจึงไม่มีทางเลือกอื่นในการช่วยเหลือ พอพิจารณาจากความโหดร้ายภายในคิไคด้วยแล้วการปล่อยให้ผู้สืบทอดตระกูลออกไปเดินเล่นอย่างไร้จุดหมายในนั้นก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแต่ต้นอยู่แล้ว

 

 

อย่างไรก็ตาม หากเป็นมุมของคนนอก โซระก็คือชายผู้กล้าหาญที่ถูกตระกูลขับไล่ออกไปและเลือกจะกลับมาเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องด้วยชีวิต ส่วนรากุนะก็เป็นได้เพียงคนเลือดเย็นที่มองพวกพ้องของตนตายโดยไม่คิดทำอะไร เห็นได้จากคะแนนเสียงที่เริ่มห่างหายไปในหลายๆ ส่วนหลังเกิดเรื่องเทพปีศาจขึ้น

 

 

 

ตั้งแต่เรื่องครั้งนั้น ก็เหมือนจะมีคลื่นใต้น้ำที่พยายามจะดันโซระกลับเข้ามาสู่ตำแหน่งผู้สืบทอดคนถัดไปของมิตสึรุกิ ซึ่งเป็นผลมาจากเกิดความคาดหวังกับโซระและสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวรากุนะในเวลาเดียวกัน

 

 

แน่นอนว่าเซน่อนไม่ได้คิดจะมองดูเฉยๆ

 

 

ตัวเซน่อนไม่ได้พอใจเลยสักนิดที่ตระกูลเบิร์ชนั้นได้ชักจูงให้เกิดเรื่องราวพวกนี้ขึ้น

 

 

เพราะตระกูลเขาและเบิร์ชต่างก็สนับสนุนรากุนะด้วยกันทั้งคู่ แต่การที่ตระกูลเบิร์ชคิดทำเรื่องเหล่านี้ สายตารอบนอกก็มักจะมองว่าตระกูลควิสทัสของเขาร่วมมือด้วย

 

นั่นจึงเป็นอีกจุดที่เซน่อนหงุดหงิด

 

 

 

「ก็รู้ว่ากิลมอร์เป็นพวกชอบวางแผนไปทั่ว แต่ชักจะน่ารำคาญขึ้นแล้วสิพอตัวเองถูกลากไปมาด้วย――เอาเถอะ แล้วนายน้อยตอนนี้ไปไหนเสียแล้วล่ะ? 」

 

 

 

เซน่อนคิดอย่างหัวเสียก่อนจะหันไปถามลูเซียส

 

 

มันเป็นการปรับอารมณ์ที่หงุดหงิดในตัวเขาเองด้วยการเปลี่ยนประเด็น

 

 

 

ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและชักจูงบรรยากาศได้เป็นอย่างดีซึ่งเป็นสิ่งที่ลูเซียสเองก็ไม่สังเกตถึง

 

 

「ข้าให้ตั๋วดูละครกับเขาครับ เขาเลยจะใช้มันไปชวนคู่หมั้นของเขา」

 

 

 

「……หื้ม」

 

 

「ข้ามองว่าที่เขายังร้อนรนอยู่ส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องคู่หมั้นด้วยแหละครับ เขาคงกังวลว่าท่านโซระจะมาพรากตัวเธอคนนั้นไป แต่โชคดีที่คู่หมั้นของเขานั้นไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาหลังเกิดเรื่องขึ้นเลย นอกจากนี้เธอยังปฏิบัติตัวตามเดิม ดังนั้นการที่ท่านรากุนะไปดูละครกับเธอน่าจะช่วยเยียวยาได้ดีพอสมควร」

 

 

 

 

ลูเซียสหัวเราะออกมาอย่างซุกซนแต่ก็หาได้วางใจอายากะเต็มร้อย

 

เขาจึงต้องสร้างสถานการณ์ที่ทำให้รากุนะสามารถเชิญอายากะโดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถปฏิเสธได้ด้วย เรียกว่าสมกับเป็นรองหัวหน้าหน่วยที่ 3 ผู้ไม่ประมาทจริงๆ

 

พอเซน่อนได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้ารับและไม่ได้บ่นอะไรกับแผนการนั้น

 

 

แล้วเซน่อนก็เริ่มคิด

 

 

มันก็จริงอย่างที่ลูเซียสบอกว่า อายากะไม่ได้สนใจเรื่องของโซระเลย ในขณะที่พวกธงแห่งผืนป่าบางคนนั้นเริ่มมองรากุนะเปลี่ยนไปจากความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น ทว่าอายากะกลับปฏิบัติตัวกับพวกเขาเป็นอย่างดีมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

แม้ลูเซียสจะดูสงสัยอยู่บ้างแต่จากที่เซน่อนดูการแสดงออกของอายากะก็เหมือนจะไม่ได้หลอกลวงอะไร

 

ทว่าอายากะเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เพื่อสนับสนุนพวกเขาเลยจากจุดที่เธออยู่

 

อันที่จริงเซน่อนได้พยายามเข้าหาอายากะอยู่หลายครั้งเพื่อขอให้เธอรีบแต่งงานกับรากุนะเป็นสามีภรรยากัน ทั้งในฉากหน้าและหลังจริงๆ เพราะรากุนะเหมือนจะต้องการเช่นนั้น นอกจากนี้เซน่อนก็อยากจะได้สัมพันธ์กับทางอาเซอร์ไรท์ด้วย

 

 

 

ตระกูลอาเซอร์ไรท์นั้นเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงมากในจักรวรรดิหากได้ตระกูลนั้นมาสนับสนุนก็ไม่มีความจำเป็นต้องร่วมมือกับตระกูลเบิร์ชต่อไป เพราะเซน่อนมองว่ากิลเบิร์ชนั้นเห็นรากุนะเป็นหุ่นเชิดมากกว่าผู้ที่ควรสนับสนุนและอยากตัดสัมพันธ์เสียให้จบๆ ไป ดังนั้นการแต่งงานของรากุนะกับอายากะจะเป็นก้าวแรกที่ดี

 

 

แต่อายากะก็ตอบกลับข้อเสนอของเขาด้วยคำตอบเดิมเสมอนั่นคือ เธอจะยอมแต่งงานกับรากุนะก็ต่อเมื่อรากุนะได้กลายเป็นผู้นำตระกูลมิตสึรุกิจริงๆ แล้วเท่านั้น โดยเธอบอกว่ามันคือคำตัดสินร่วมกันของทางอาเซอร์ไรท์

 

 

เพราะผู้นำตระกูลมิตสึรุกินั้นเคยมีการเปลี่ยนผู้สืบทอดมาแล้วครั้งหนึ่ง อายากะบอกว่าทางตระกูลของเธอเป็นกังวลว่ามันอาจจะเกิดขึ้นอีกดังนั้นจึงต้องเลื่อนการแต่งงานของพวกเขาไปก่อน

 

ความจริงมันก็มีจดหมายจากอาเซอร์ไรท์มาอยู่ด้วยฉบับหนึ่งเป็นการยืนยันเรื่องนี้แล้ว

 

 

ในโลกของพวกขุนนางนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีการเปลี่ยนตัวคู่หมั้นไปมาตามสถานการณ์ทางการเมืองสำหรับฝ่ายชาย แต่หญิงสาวที่สาบานว่าจะกลายมาเป็นภรรยาของใครสักคนนั้นแล้วต้องเปลี่ยนคู่ของตนเพียงเพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปย่อมทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ตามมาได้ และน้ำหนักของคู่หมั้นกับภรรยาตามกฏหมายนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลย

 

ตระกูลอาเซอร์ไรท์ก็เป็นถึง 1 ใน 3 ตระกูลที่มีชื่อเสียงสุดๆ ของทางจักรวรรดิ พวกเขาจึงต้องคอยระมัดระวังเรื่องพวกนี้และไม่มีเหตุผลให้ต้องรีบร้อนจัดงานแต่งงานขึ้นแต่แรกด้วย

 

ดังนั้นเซน่อนจึงอธิบายว่าตำแหน่งของรากุนะนั้นไม่มีทางสั่นคลอนไปไหนอยู่แล้วอย่างเด็ดขาด แต่ก็ถูกตอกกลับมาด้วยคำว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่เห็นต้องมีเหตุผลให้รีบร้อนแต่งงานอะไรเพราะสุดท้ายมันก็สามารถจัดพร้อมกับงานสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้แท้ๆ

 

 

สุดท้ายการพูดคุยก็ล้มเหลว แถมยังเห็นได้ชัดว่าเธอรู้ตัวเป็นอย่างดีถึงสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงของรากุนะ

 

หากมองเผินๆ ก็เหมือนกับอายากะนั้นทำตามคำสั่งของตระกูลและไม่ได้ไม่จริงใจอะไรกับรากุนะ แต่ความเป็นจริงที่อายากะนั้นไม่ได้พยายามผลักดันหรือสนับสนุนรากุนะให้กลายเป็นผู้สืบทอดตัวจริงนั้นก็เด่นชัดออกมา

 

มันก็เลยทำให้เซน่อนคิดหนักว่าจะเอาอย่างไรต่อดี

 

 

「……ท่านพ่อกำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ? 」

 

 

พอเห็นเซน่อนคิดอย่างหนักใจ ลูเซียสเลยมองแบบแปลกๆ ใส่

 

 

เซน่อนเลยกลับมามีสติอีกครั้งและส่ายหัวไปมาราวกับอยากจะสลัดความคิดมืดมนออกไปให้หมด

 

 

 

「ไม่มีอะไรหรอกลูเซียส ว่าแต่จากนี้เจ้าจะทำอะไรต่อล่ะ หากไม่มีจะมาฝึกกันอีกสักหน่อยไหมล่ะ」

 

 

「โฮ่ ถึงจะไม่ค่อยอยากก็เถอะน้อ! แต่เห็นทีคงได้เวลาทำให้พ่อบังเกิดเกล้าต้องพบกับความเศร้าโศกที่โดนลูกชายแซงหน้าเสียที!」

 

 

「หึหึ ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ จะฝันก็เอาแค่ตอนนอนพอ ตัวเจ้าต้อนนี้ยังอีกยาวไกล」

 

 

 

ขณะพูดคุยกัน มันก็ถึงเวลาที่พ่อและลูกชายแห่งตระกูลควิสทัสเผชิญหน้ากันโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว

 

 

ในขณะที่การฝึกซ้อมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ก็มีคนของธงแห่งผืนป่ารีบวิ่งเข้ามาในลานฝึกเสียก่อน

 

 

 

โดยมือของเขานั้นสวมสร้อยที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ส่งสารเอาไว้ด้วย แล้วเริ่มพูดกับเซน่อนและลูเซียส

 

 

 

「ขออภัยที่รบกวนครับ! แต่ท่านผู้นำได้ขอให้ท่านเซน่อนและท่านลูเซียสแห่งธงที่ 3 พร้อมกับคนในหน่วยจนถึงลำดับที่ 10 ทุกคนมารวมตัวกันที่โถงประชุมใหญ่โดยด่วนครับ!」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว ช่วยกลับไปบอกท่านด้วยว่าพวกข้าจะรีบไปทันที」

 

 

 

「ทราบแล้วครับ! เช่นนั้นข้าขอตัว」

 

 

 

หลังจากโค้งคำนับเสร็จ ผู้ส่งสารก็รีบกลับไปในทันที

 

 

ลูเซียสที่เห็นแบบนั้นก็ไปพูดกับพ่อของตน

 

 

 

「……ท่านพ่อ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? 」

 

「ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ทว่าการที่รวมเอาหัวหน้าและรองของหน่วยทุกหน่วยไปประชุมนั้นย่อมไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นยังเรียกลำดับที่ 1-10 ของทุกหน่วยด้วยนี่สิ ถ้าบอกว่ามีศัตรูบุกข้าจะไม่แปลกใจเลย แต่การที่ไม่มีสัญญาณระฆังเตือนก็ไม่น่าจะใช่ หรือว่า…」

 

 

「ไม่ได้มีการโจมตี แต่สำคัญเทียบเท่ากับการมีศัตรูเข้ามาโจมตีสินะ เข้าใจแล้วเดี๋ยวข้าจะไปเรียกคนมาเอง รู้สึกเสียใจแทนท่านรากุนะจริงๆ แต่ช่วยไม่ได้…」

 

 

「ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ บางทีอาจจะเกิดเรื่องในคิไคขึ้นก็ได้ หากเป็นเรื่องเพื่อนของนายน้อยก็คงจะดี」

 

 

 

「นั่นสิครับ งั้นขอตัวก่อนนะครับท่านพ่อ」

 

 

พอพูดจบลูเซียสก็รีบออกไปจากลานฝึกทันที

 

 

 

เซน่อนเองก็ตั้งใจจะตามลูกชายของเขาไปเหมือนกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดเขาจึงหยุดนิ่งไป ก่อนจะเริ่มมือไปยังมือของตัวเอง แล้วสังเกตเห็นว่ามือของเขากำลังสั่นอยู่

 

 

 

ความกลัวงั้นหรือ? นี่มันบ้าไปแล้ว เซน่อนนั้นไม่เคยเกรงกลัวศัตรูคนไหนและก็ไม่มีวันจะกลัวด้วย

 

ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นสิ่งที่เหมือนกับการสั่นสู้ ความรู้สึกที่ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น จนนำพาไปสู่การต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

 

 

 

หัวหน้าหน่วยของธงที่ 3 ได้กำมือของตัวเองเอาไว้แน่นก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

 

———

Note : พี่ก็มาถูกเวลาจริงๆ คนเค้าจะไปดูหนังก็ขัด แต่น่าจะได้ซัดกันละทรงนี้

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท