การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 256 เวลาได้มาถึงแล้ว

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 256 เวลาได้มาถึงแล้ว

 

 

ทันทีที่แรงกดดันข้างนอกห้องประชุมหายไป โกซุ ชิมะก็แทบล้มตัวลง

 

เม็ดเหงื่อจำนวนมากได้ไหลออกจากหน้าผากเขา ลมหายใจอันหนักหน่วงก็ออกมาทางปากด้วย มันต้องเป็นการต่อสู้แบบไหนกันนะที่จะทำให้โกซุ ชิมะผู้เป็นชิบะแห่งตระกูลมิตสึรุกิและเป็นลำดับ 3 ของธงที่ 1 ตกอยู่ในสภาพนี้ได้

 

 

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่โกซุเพียงคนเดียวเท่านั้น พวกคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้องประชุมซึ่งรับแรงกดดันนั้นเข้าไปก็ต่างแสดงใบหน้าวิตกและตะลึงออกมา

 

 

จากที่สัมผัสได้ โซระคงจะเป็นฝ่ายกุมชัยชนะในคราวนี้แน่นอน อดีตว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลมิตสึรุกิซึ่งย้ายข้างไปอยู่กับพวกคิจินสามารถเอาชนะว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลมิตสึรุกิคนปัจจุบันได้และยังรวมไปถึงหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยที่ 3 ด้วย ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงอดตกใจไม่ไหว

 

 

 

 

ส่วนคนเดียวที่โกซุเห็นว่ายังสามารถรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้ก็คือนายของตน――ไม่สิยังมีคนอื่นอีก

 

 

โกซุได้จ้องมองไปทางอายากะ อาเซอร์ไรท์ผู้เป็นลำดับที่ 3 ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ รองหัวหน้าหน่วยธงที่ 2

 

 

เธอนั่งหลับตาอย่างสงบนิ่งและไม่มีทีท่าวาจะประหลาดใจหรือวิตกอะไรเลย ยิ่งเสียกว่ารองหัวหน้าหน่วยธงที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าเธอเสียอีก

 

พอมาถึงตรงนี้ชิกิบุก็เปิดปากขึ้น เสียงของเขาได้สะท้อนก้องไปทั่วห้องประชุมอันเงียบงัน

 

 

 

「จนได้สินะ รากุนะ」

 

 

 

ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา ซึ่งทำให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขากว่าครึ่งตกใจจนทำตัวไม่ถูก เพราะภาพลักษณ์ของเขาคือผู้ที่มีความสงบนิ่งและเย็นชา ใครกันเล่าจะคิดว่าเขาจะหัวเราะต่อหน้าคนขนาดนี้

 

 

โกซุมองไปยังชิกิบุแล้วเริ่มคิด

 

 

 

――หรือนี่จะเป็นสิ่งที่นายท่านต้องการกันนะ

 

 

คนแรกก็คือรากุนะที่ตั้งใจจะออกจากห้องประชุมไป ตามมาด้วยลูเซียสกับเซน่อน ซึ่งชิกิบุก็อนุญาตโดยไม่ติดขัด เป้าหมายจริงๆ ของเขาก็คงจะเป็นการนำพาให้คนพวกนั้นได้ปะทะกับโซระ

 

 

 

แล้วการต่อสู้ก็เกิดขึ้นจริงบริเวณหน้าคฤหาสน์ตระกูล แถมยังรุนแรงเสียจนคนตรงนี้สัมผัสได้อย่างชัดเจน

 

 

หากรากุนะสามารถเอาชนะโซระได้สำเร็จ ชื่อเสียงและจุดยืนของเขาในฐานะทายาทก็จะมั่นคนขึ้น แต่ถ้าเขาพ่ายแพ้สภาพของรากุนะก็คงไม่ค่อยสู้ดีนัก

 

เพราะก่อนรากุนะจะออกจากห้องประชุมไป เขาได้ใช้ชื่อว่าที่ผู้สืบทอดเป็นเดิมพัน ความตั้งใจที่จะเอาชนะโซระก็เต็มเปี่ยม ชายผู้ต้องการสังหารพี่ชายของตนที่ไปส่ายหางให้กับพวกคิจิน

 

ดังนั้นหากเกิดแก้ขึ้นมา เขาก็คงจะถูกตัดสินว่าไม่คู่ควรกับการเป็นทายาทผู้สืบทอดแห่งมิตสึรุกิ มันคือการต่อสู้ที่เทหมดหน้าตั้งของรากุนะ

 

 

ชิกิบุเองก็ยอมที่จะให้เป็นเช่นนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชิกิบุยอมรับคำขอของอีกฝ่ายซึ่งแต่เดิมไม่มีสิทธิ์จะพูดจาอะไรภายในห้องประชุม ก่อนจะให้รากุนะล่วงหน้าออกไปก่อนชูยะ

 

หลักฐานก็คือชิกิบุไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลยพอสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ข้างนอก หากมันไม่ใช่สิ่งที่ชิกิบุต้องการจริงๆ อย่างน้องเขาก็ควรจะส่งลูกน้องไปหยุดการต่อสู้ของโซระกับรากุนะแล้วแท้ๆ นั่นก็หมายความว่าชิกิบุต้องการเช่นนี้

 

 

แต่ก็ยังมีสิ่งที่เขาสงสัย นั่นก็คือทำไมชิกิบุต้องการให้สองพี่น้องสู้กันด้วย

 

มันเป็นเรื่องที่โกซุคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการต่อสู้นี้จะนำพาให้รากุนะสามารถใช้งานอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าได้สำเร็จ มันไม่ต่างอะไรกับสายตาที่มองเห็นอนาคตเลย แต่ไม่ว่าชิกิบุจะเป็นนักบุญดาบที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน เขาก็ไม่น่าจะคิดหรือทำนายไปถึงตรงนั้นได้

 

 

อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าที่รากุนะใช้ได้น่าจะเป็นผลพลอยได้แน่ๆ ดังนั้นมันก็น่าจะมีเหตุผลอื่นแอบแฝงอยู่

 

 

 

แล้วมันต้องไม่ใช่การฆ่าโซระด้วยแน่ๆ เพราะหากเขาคิดแบบนั้นจริงเขาคงจะส่ง 1 ใน 2 สุดยอดตามโซระไปพร้อมกับรากุนะ แทนที่จะเป็นพวกเซน่อนแล้ว

 

 

การที่ไม่ทำแบบนั้นก็แปลว่าเขาไม่อยากจะฆ่าโซระ ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ การวัดความแข็งแกร่งของโซระหลังกลับมาจากคิไค

 

 

รากุนะ น้องชายของเขา ลูเซียสรองหัวหน้าหน่วย เซน่อนหัวหน้าหน่วย ชิกิบุได้ใช้ทั้ง 3 เป็นไม้บรรทัดในการวัดพลังโซระว่าโซระจะรับมือกับพวกเขาได้ขนาดไหน

 

 

หากแพ้ก็คงจบลงตรงนั้น แต่หากชนะมันก็อีกเรื่องและชัยชนะนั้นมันก็ต้องดูด้วยว่าชนะมาได้ด้วยการแสดงฝีมือขนาดไหน หากชนะได้โดยใช้พลังอันท่วมท้นไร้ซึ่งแบบแผนไม่มีสิ่งใดเจือปนมันก็อีกเรื่อง หรือหากชนะมาได้ด้วยการใช้สติและฝีมือที่ฝึกฝนเป็นอย่างดีก็คงจะออกมาอีกแบบหนึ่ง

 

โกซุมองว่าชิกิบุกำลังประเมินหลังได้เห็นผลลัพธ์ในตอนท้าย

 

 

 

 

 

――ว่าโซระสมควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของตนหรือไม่

 

 

พอโกซุคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่ในหัวของชิกิบุได้เลย

 

 

พอเขาหันไปมองใบหน้าของชิกิบุก็พบว่านายของตนกำลังยิ้มออกมา ความรู้สึกหนาวสั่นได้ไล่มาตามกระดูกสันหลัง โกซุรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะอะไร

 

 

 

ทันใดนั้นพวกธงแห่งผืนป่าก็ส่งเสียงแอะอะกัน

 

 

 

เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ห้องประชุมเข้าไปทุกทีอย่างสง่างาม แม้ว่าเขาจะสามารถลบตัวตนของตัวเองแล้วเข้ามาภายในห้องก็ทำได้แท้ๆ แต่การที่อีกฝ่ายเผยตัวมาขนาดนี้ก็เหมือนเป็นการประกาศว่าตนไม่ได้เกรงกลัวหรือคิดจะหลบซ่อนอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

 

หลายคนได้หันไปมองยังชิกิบุ แต่ชิกิบุก็ไม่ได้คิดขยับตัวอะไรและพอชิกิบุไม่คิด ทำอะไรก็เลยทำให้คนอื่นๆ ขยับไปไหนตามไม่ได้ด้วย

 

จากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มผมสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นในโถงประชุม ผมและเสื้อผ้าของเขาดูไม่เรียบร้อยนัก แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือผิวหนังและเสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดสดๆ ที่เกิดจากการต่อสู้ชโลมเอาไว้อยู่

 

แล้วชายหนุ่มที่อยู่ในชุดนั้น――โซระ เขาก็ได้เผยรอยยิ้มราวกับจะเย้ยหยันไม่ก็ข่มขู่พวกธงแห่งผืนป่าออกมา

 

©

 

 

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับพ่อของตัวเองในโถงประชุมใหญ่ของตระกูลมิตสึรุกิ

 

แน่นอนว่าผมไม่ได้นั่งในสภาพคุกเข่าเหมือนกับคนเป็นนักโทษโดยอีกฝ่ายถือไพ่เหนือกว่าผมอะไรหรอกนะ

 

แถมพอมองดูรอบๆ ก็เห็นได้เลยว่าพวกระดับสูงของธงแห่งผืนป่ากำลังจ้องมองมายังผมด้วยความเกลียดชังราวกับอยากฆ่าให้ตาย ชักแอบคิดว่าตัวเองเป็นนักโทษที่โดนลากมาลานประหารหรือยังไงกันนะ

 

แต่พอย้อนคิดดีๆ การกระทำของผมจนถึงตอนนี้จะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากรก็ได้มั้ง อันที่จริงหากจะบอกว่าพวกมิตสึรุกิกำลังคุมตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้ลุกมาฆ่าผมคงไม่ผิดนัก

 

 

ยังไงมันก็คือสิ่งที่พวกเขาควรทำในฐานะตระกูลมิตสึรุกิผู้ปกป้องประตูปีศาจมากว่า 300 จากคำสั่งของจักรพรรดินี่เนอะ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนของคิจินด้วย

 

 

 

แถมทางผมก็เป็นฝ่ายบุกเข้ามาหามิตสึรุกิก่อนซะด้วย หากมองว่าเป็นการประกาศสงครามก็คงไม่มีใครค้าน

 

 

ดังนั้นผมก็เลยต้องสร้างความชอบธรรมอย่างการขอนั่งโต๊ะเจรจาซะก่อน

 

ก็ลองคิดดูสิ

 

ผมที่เป็นผู้ส่งสารจากฝั่งคิจินได้ หมายมั่นจะมาบอกอีกฝ่ายว่าขอให้ยกประตูปีศาจให้ ก็จริงว่ามันไม่ต่างอะไรกับการประกาศสงคราม แต่มันก็ต้องมีขั้นมีตอนของมันนั่นแหละ ทว่าอีกฝ่ายที่เป็นตระกูลมิตสึรุกิย่อมไม่คิดจะฟังคำขอแบบนี้อยู่แล้ว ต่อมาการเจรจาก็จะล่มเพราะอีกฝ่าย แล้วทางนั้นก็จะบุกเข้ามาโจมตีผมแน่ๆ

 

 

มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องมาแสดงท่าทีเจรจาก่อน ผมมั่นใจเลยว่าผมจะได้รับความชอบธรรมในการต่อสู้

 

แล้วผมก็จะทำการจัดการพวกที่บุกเข้ามาหาผมแล้วเสียให้เหี้ยน จนกว่าจะมีคนอยากมานั่งคุยกันดีๆ

 

 

อย่างน้อยผมก็มีจิตสำนึกในฐานะผู้ส่งสารนะเออ แต่ก่อนอื่นมันก็ต้องสร้างความเท่าเทียมในการนั่งคุยกันซะก่อนนี่เนอะ

 

เลยเป็นสาเหตุที่ผมให้โพชั่นกับรากุนะแล้วก็ลูเซียส แล้วก็ไม่คิดจะฆ่าเซน่อนนั้นก็เป็นเพราะหากพวกเขาตาย การนั่งโต๊ะเจรจาคงจะยุ่งยากกว่าเดิมแน่

 

 

บดขยี้ให้สิ้นแล้วแสดงความเมตตาออกมา วิธีนี้แหละจะสร้างความต่างของพลังให้เห็นได้ชัดที่สุด แล้วดึงมิตสึรุกิมาเจรจา ส่วนสาเหตุที่ทางนั้นไม่ส่งคนอื่นมาเลยหลังตบพวกเซน่อนเสร็จก็คงเพราะพวกเขารู้ตัวแล้วว่าไม่มีประโยชน์

 

เอาเถอะก็ดีแล้ว ถึงเจตนาจริงๆ ของผมมันจะอยู่ที่ไม่อยากโดนท่านเอ็มมะโกรธหากเผลอทำรากุนะตายก็เถอะ แต่เหตุผลที่อยากมานั่งโต๊ะเจรจาก็สำคัญนะเออ ถึงจะน้อยกว่าอย่างแรกก็ตาม

 

เอาเป็นว่าสุดท้ายผมก็ได้มาถึงยังโถงประชุม ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้

 

ส่วนแผนหลังจากนี้จะเป็นไปตามที่คิดไหม ก็มีแต่พระเจ้าแล้วที่จะรู้

 

 

 

 

「โซระ ดูเหมือนเจ้าจะได้เจอที่ปรึกษาที่ดีแล้วนี่ และคงจะเป็นพวกพ้องที่คู่ควรแก่การฝึกฝนด้วยกันสินะ」

 

นั่นคือสิ่งแรกที่นักบญดาบพูด

 

ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยกับคำพูดทักทายแรกของตระกูลมิตสึรุกิ เหมือนจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่พวกคิจินขอมาเลยวุ้ย

 

แต่ผมก็ตอบกลับไปตามตรงอย่างสุภาพ

 

 

「เป็นเรื่องจริงครับที่ผมได้พบเจอกับผู้ที่สามารถฝึกฝนด้วยอย่างเต็มกำลังแต่จะให้เรียกว่าที่ปรึกษาหรือพวกพ้องที่ดีนักก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก」

 

 

อันนี้พูดจริง

 

 

หากจะให้เรียกคาการิผู้มาหาผมทุกวันแล้วลากไปเล่นเดธแมตช์รัวๆ หรือโดกะที่ลากผมไปสู้จนสายตัวแทบขาดว่าเป็นการวอมร่างกาย นี่ผมพูดได้ไม่เต็มปากจริงๆ ว่าเป็นพวกพ้องหรือที่ปรึกษาที่ดีได้

 

ไอ้เจ้าพวกนั้นมันไม่ได้คิดจะฆ่าผมหรอกใช่ไหม?

 

 

แล้วถึงจะไม่แย่เท่าสองคนแรก แต่ฮาคุโร่เองก็มักจะมาพบกับผมเป็นครั้งคราว แล้วพวกผมก็ได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไอ้เจ้าบ้านั่นชอบสู้แบบปั่นประสาทจนชวนปวดหัว แถมตั้งใจจะฟันผมให้เละเป็นชิ้นๆ จริงด้วย เรียกได้ว่าชีวิตในคิไคนี่ช่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและระทึกใจจริงๆ

 

 

ท้ายสุดก็คงจะเป็นอาซึมะ รายนี้ผมว่าสติน่าจะดีที่สุดในบรรดา 4 พี่น้องแล้ว แต่ก็มักจะเข้ามาสู้กับผมพร้อมพวกน้องๆ ของเขา แล้วพอจะแพ้ก็จะงัดอาภรณ์วิญญาณออกมาตลอดแล้วบอกว่าเสมอกัน

 

หากจะให้อธิบายเสริม คอนตัน อาภรณ์วิญญาณของอาซึมะนั้นจะมีความสามารถในการปิดกั้นประสาททั้ง 5 ของสิ่งมีชีวิตรอบๆ รวมถึงตัวอาซึมะเองด้วย เขามักจะใช้วิธีนี้เสมอในการบอกว่าตัวเองสู้ต่อไม่ไหวแล้ว

 

 

 

แต่ก็ต้องขอบคุณสิ่งนี้ที่ทำให้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของผมเฉียบคมเสียยิ่งกว่าเดือนที่ผ่านมา โดยตอนนี้ผมสามารถสู้ต่อได้ระดับหนึ่งแม้จะถูกช่วงชิงประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไป

 

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าชินกับการถูกผนึกประสาทสัมผัสทั้ง 5 หรือเปล่า ประสาทสัมผัสที่ 6 ของผมเลยถูกพัฒนาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

 

 

สัญชาตญาณของผมเฉียบคมขึ้น ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวันและระหว่างต่อสู้ โดยผมมักจะถูกเจ้าคลิมมันชมบ่อยๆ ว่า ไอ้สัตว์ประหลาดบ้านี่ ส่วนทางไคลอากับเออซูร่าก็เหมือนจะทำหน้าปั้นยากใส่แทน

 

 

อันที่จริงทางคลิมกับพวกสาวๆ ก็เคยพยายามลองมาฝึกแนวเดียวกับผมดูบ้างแต่ดันไม่ได้ผล ตามที่อาซึมะบอกเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ที่โดนพลังของเขาเข้าไปบ่อยๆ ก็มักจะลงเอยด้วยการเป็นบ้าไปแทน เรียกว่าผมโชคดีหน่อยก็ได้มั้ง

 

 

ถึงผมจะไม่ควรบ่นเพราะอีกฝ่ายก็อธิบายพลังของทางนั้นให้ผมชัดเจนแล้วก็เถอะ แต่ผมก็อดเลิกคิดไม่ได้เสียทีว่าเจ้า 4 พี่น้องนี่ตั้งใจจะฆ่าผมจริงๆ

 

 

ให้ตายสิ มัวแต่คิดไปไกลนานเกินไปหน่อยแล้ว

 

ผมเลยตั้งสติแล้วกลับไปมองหน้าของพ่อใหม่ก่อนจะยิ้มออกมา

 

 

「อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องจริงที่ผมต้องขอบคุณเหล่าคิจินที่ทำให้ผมได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน」

 

ผมตั้งใจใช้คำว่าคิจินยั่วอีกฝ่าย แต่เหมือนทางนั้นจะไม่เล่นตาม

 

 

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด อันที่จริงก็คงจะเป็นเพราะพลังและความสามารถของทางนั้นที่มั่นใจว่าเขาสามารถจัดการทุกอย่างได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามละมั้ง

 

เอาเถอะ ถึงผมจะบอกความจริงเมื่อ 300 ปีก่อนไปก็คงไม่มีใครคิดฟังหรอก ก็จริงว่าหากอ้างว่าสันตะปาปาโซเฟียเป็นคนพูดเองมันก็พอมีน้ำหนักขึ้น แต่อีกฝ่ายดันกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว หลักฐานชัดๆ ก็ไม่มีสักชิ้นคงยากแหละ

 

แต่ใครจะสนกันเล่า

 

สิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือการประกาศให้โลกได้รู้ว่าผู้ก่อตั้งต้นตระกูลที่แอบอ้างว่าผนึกเทพปีศาจไว้ในประตูปีศาจเมื่อ 300 ปีก่อนเป็นเรื่องโกหก ถึงผมจะจัดการกับตระกูลมิตสึรุกิไป หายนะจากประตูปีศาจก็จะไม่ตามมาแน่นอน

 

ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเชื่อไหมเลยสักนิด

 

ผมเลยไม่ได้คิดอะไรมากกับท่าทางของพ่อผมที่นิ่งเฉยต่อการยั่วยุ

 

 

แถมผมยังเดาเอาไว้หน่อยแล้ว

 

ว่าพ่อของผมน่าจะรู้เรื่องราวเมื่อ 300 ปีก่อนอยู่แล้วแต่แรก ทว่าเขาก็ยังเลือกจะสั่งสอนข้ารับใช้กับลูกหลานของตว่า ตระกูลมิตสึรุกิคือโล่ที่ปกป้องมนุษยชาติ

 

จากท่าทางสงบนิ่งของเขาผมเชื่อแบบนั้นจริงๆ นะ

 

 

ไม่นานนักพ่อของผมก็ยิ้มออกมา ชักสงสัยแล้วสิว่าเห็นพ่ออารมณ์ดีขนาดนี้ครั้งล่าสุดมันตอนไหน หรืออย่างน้อยมันก็ไม่ใช่หลังแม่ผมตายไปแล้วแน่ๆ

 

 

แล้วเขาก็พูดขึ้น

 

 

 

「งั้นเหรอ เพราะเจ้าได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ก็เลยหันไปจับมือกับพวกคิจินสินะ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ข้าก็ไม่คิดหรอกนะว่าคนของมิตสึรุกิจะรับฟังพวกคิจิน」

 

 

 

「ผมก็แค่อธิบายด้วยเหตุและผลให้ฟัง ถ้ามันไม่ได้ผลก็ต้องใช้กำลังแทนแค่นั้นเอง」

 

 

「ไม่ใช่ว่านั่นคือเป้าหมายแรกหรือ เพราะสายตาของเจ้ามันบอกชัดเลยนะว่าพร้อมขนาดไหน」

 

ก็จริงว่าสายตาของผมมันคงสื่อว่าอยากปะทะเต็มที

 

 

ส่วนตัวผมไม่ได้คิดจะมาคุยกันดีๆ แต่แรกอยู่แล้ว เป้าหมายของผมสูงสุดคือการต่อสู้กับพ่อของผม ซึ่งทางนั้นเองก็น่าจะรู้ดี

 

ผมไม่ได้แปลกใจอะไร

 

อีกฝ่ายคือนักบุญดาบ มิตสึรุกิ ชิกิบุ ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเกาะแห่งนี้และนักดาบที่แกร่งที่สุดในโลก สายตาของเขาย่อมเฉียบคมกว่าใครเป็นไหนๆ

 

 

ผมรู้สึกสั่นไปทั้งตัว

 

แรงสั่นสะเทือนนั้นมันยิ่งเสียกว่าเรียกว่าสั่นสู้ซะอีก มันเป็นเหมือนการบอกว่าผมรอช่วงเวลานี้มานานขนาดไหน

 

 

『――สักวันหนึ่ง ฉันจะกลับมาที่นี่แน่นอน กลับมาพร้อมกับความแข็งแกร่งเพื่อจะได้ต่อสู้อยู่บนเกาะแห่งนี้』

 

 

คำว่าผมพร่ำพูดกับตัวเองก่อนจะออกมาจากเกาะ

 

 

คำสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองว่าจะกลับมาหาโกซุ เซซิล รากุนะ อายากะ และเหนือสิ่งอื่นใดกลับมาหาพ่อของตัวเองที่กล้าเนรเทศลูกชายของตนอย่างไม่แยแส

 

 

 

――แล้วเวลานี้ก็มาถึงสักที

 

 

แรงผลักดันของอิสระภาพที่ทำให้ผมสั่นไปทั้งตัว ผมเปิดปากในฐานะผู้ส่งสารของพวกคิจิน

 

 

「ในฐานะผู้ส่งสารแห่งนากายามะผู้ปกครองคิไคและในฐานะผู้สืบเชื้อสายมาจากมิตสึรุกิ คาซึมะ ผมขอตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องเมื่อ 300 ปีที่แล้ว พวกท่านคิดจริงหรือว่าตนมีความชอบธรรมที่จะรับผลงานในการสังหารเผ่าพันธุ์ในตำนานที่ควรจะเป็นของเหล่าคิจิน แล้วประกาศอย่างไม่อายฟ้าดินว่าตนคือวีรบุรุษในขณะที่ผลักใสพวกเขาเข้าไปในคิไค? 」

 

 

「เหลวไหล ตระกูลมิตสึรุกิคือนักรบที่เป็นดาบแห่งการผนึกเทพปีศาจเมื่อ 300 ปีก่อน และไม่มีสิ่งใดจะมาลบล้างความจริงนี้ได้」

 

 

「ถ้างั้นก็คงต้องทำลายคำลวงและนิยายน้ำเน่าด้วยพลังให้สิ้นเรื่อง ในตอนนี้ทางนากายามะของประกาศสงครามกับตระกูลมิตสึรุกิอย่างเป็นทางการ!」

 

 

พอพูดแบบนั้นจบพวกระดับสูงก็ตะโกนอัดใส่ผมและพร้อมจะบุกเข้ามาโจมตีผมทันที

 

ทางโกซุกับสองสุดยอดก็เหมือนจะตั้งท่าพร้อมกันแล้ว

 

 

 

ผมมองดูพ่อผู้เป็นนักบุญดาบ และเปิดปากขึ้นราวกับจะปัดเศษฝุ่นให้พ้นตัว

 

 

「โอ้ววววว!!」

 

มันไม่ใช่ของอย่างเทคนิคการระเบิดพลังคิอะไรแบบนั้นหรอก

 

 

ถึงผมจะยังไม่ได้ใช้ของแบบนั้นแต่เป็นเพียงแค่การปลดปล่อยพลังภายในตัวเพียวๆ ออกไปรอบนอก

 

พวกธงแห่งผืนป่าก็หยุดนิ่งทันทีแล้ว

 

 

จากนั้นผมก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาในโถงที่กำลังเงียบงัน

 

 

 

「เป้าหมายเดียวของฉันคือนักบุญดาบ พวกคนอื่นๆ ถอยไปให้หมด」

 

 

เมื่อพ่อของผมได้ยินแบบนั้น ปากของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาชัดเจนยิ่งกว่าเก่า

 

 

ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูน่าขนลุกราวกับพระจันทร์เสี้ยวในคืนอันมืดมิด

 

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน