การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 264 นักบุญดาบ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 264 นักบุญดาบ

 

「――ท่านพ่อ ตอนนี้แหละผมจะเอาชนะท่านให้จงได้」

 

 

 

 

พอมิตสึรุกิ ชิกิบุได้ยินคำพูดนี้จากลูกชายของเขาผู้ถืออาภรณ์วิญญาณที่หักครึ่งไป ความรู้สึกที่แสนขนลุกก็คืบคลานเข้ามาหาทันที

 

นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าอีกฝ่ายมีภัยคุกคามมากพอจะทำให้นักบุญดาบสั่นคลอนได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกมีความสุขจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ

 

 

ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าตน ผู้ที่ปรารถนาจะเอาชนะตนให้ได้ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ชิกิบุใฝ่หามาโดยตลอด แค่จะหาคนที่มีคุณสมบัติอย่างเดียวก็ยากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้คนที่มีครบถึง 2 อย่างกลับยืนอยู่ตรงหน้าของเขา

 

 

แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกยินดีกับปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้อย่างไร

 

 

 

 

「นี่ข้ารอเวลาเช่นนี้มานานเท่าไรกันนะ」

 

 

 

 

ชิกิบุนั้นรู้สึกโดดเดี่ยวมาโดยตลอด

 

ตั้งแต่รับตำแหน่งนักบุญดาบและผู้นำตระกูลมิตสึรุกิจากพ่อของตน――ไม่สิ ถึงจะเป็นก่อนหน้านั้น ความรู้สึกที่ว่างเปล่าและโดดเดี่ยวก็ถูกสลักลงไปภายในจิตใจของเขานานแล้ว

 

 

 

ชิกิบุนั้นเคยมีความสุขกับการใช้ชีวิตในฐานะลูกคนโตของตระกูลมิตสึรุกิ ที่ได้รับการฝึกฝนทักษะดาบตั้งแต่อายุยังน้อย เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันยากลำบากหรือทรมานเลย สำหรับชิกิบุแล้วเขาไม่ได้เลือกเส้นทางดาบเพราะตระกูล แต่เขาเลือกเพราะเขาต้องการมันด้วยใจจริง

 

 

ถึงชิกิบุจะเกิดในตระกูลอื่นที่ไม่ใช่มิตสึรุกิ เขาก็ยังจะเลือกเส้นทางแห่งดาบอยู่ดี นั่นคงจะแสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขารักในดาบและเป็นที่รักของดาบมากเพียงใด

 

 

อย่างไรก็ตาม เหมือนสวรรค์อยากจะลงโทษเขา ชิกิบุไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมกับตนได้เลย ความสามารถที่สุดจะโดดเด่นของเขาส่งผลให้ชิกิบุไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่กับอีกฝ่าย จนไม่สามารถพัฒนาทักษะดาบของตนให้สูงกว่าเดิมได้

 

หากชิกิบุเป็นพวกที่ภูมิใจกับการยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเส้นทางดาบก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เขาเป็นประเภทที่มีความสุขกับการพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ ผ่านสนามรบมากกว่า

 

 

 

ชัยชนะมันก็แค่ผลลัพธ์ที่ได้ตอนจบ เขาไม่ได้สนใจชื่อเสียง คำชื่นชมใดๆ เลยสักนิด สำหรับเขาแล้วการที่ต้องมาทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครทัดเทียมเขาได้มันช่างโดดเดี่ยวและน่าหงุดหงิด

 

 

แล้วความโดดเดี่ยวนั้นมันก็หนักกว่าเดิมเมื่อเขาเข้าถึงอาภรณ์วิญญาณได้

 

เทพแห่งแสง บัลเดอร์ อนิม่าที่คงกระพันซึ่งสามารถลบล้างการโจมตีของศัตรูได้ทั้งหมด ทุกสิ่งช่างเปล่าประโยชน์เมื่อเขานำอาภรณ์วิญญาณออกมา

 

พ่อของชิกิบุที่รู้ว่าลูกชายตนมีอนิม่าระดับสูงมากๆ ก็ดีใจจนเนื้อเต้น แต่สำหรับชิกิบุแล้วบัลเดอร์ก็ไม่ต่างอะไรกับคำสาปเลย

 

เมื่อมีพลังที่ทำให้ตัวเองคงกระพัน การป้องกันก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป การต่อสู้ก็จะกลายเป็นเพียงการเล่นงานฝ่ายเดียว ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ชิกิบุต้องการเลย

 

 

ทว่า เขาก็ไม่ได้คิดจะปิดผนึกอาภรณ์วิญญาณของเขาเลย เขาไม่ได้ต้องการเส้นทางการต่อสู้ที่แสนง่ายดาย สิ่งที่ชิกิบุต้องการคือการต่อสู้อย่างดุเดือดที่เขาดึงพลังทั้งหมดออกมาใช้และเติบโตไปพร้อมกับมัน จึงไม่มีทางเลยที่การต่อสู้กับอีกฝ่ายที่ทำอะไรเขาไม่ได้เลยจะทำให้เขาเติบโต

 

 

 

ในตอนแรกเขาก็พอจะมีความคาดหวังกับพวกธงแห่งผืนป่าระดับสูง โดยเฉพาะพ่อของเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นนักดาบที่แกร่งที่สุดในโลก เขาคิดว่าหากเป็นพ่อของเขา ชิกิบุคงไม่สามารถทัดเทียมได้แน่แม้จะทุ่มอย่างสุดตัว

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยทักษะดาบของชิกิบุกับบัลเดอร์ ถึงจะเป็นนักบุญดาบในเวลานั้นก็เทียบเขาไม่ได้เลยสักนิด

 

 

เพียงอายุแค่ 15 ปี ชิกิบุก็สามารถจัดการกับหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยของธงแห่งผืนป่า แล้วเอาชนะนักบุญดาบซึ่งเป็นพ่อของเขาได้สำเร็จ

 

 

 

ชิกิบุเลิกคาดหวังกับคนของเขา แล้วมุ่งสู่คิไคทันที เขาได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอเขาได้ยินว่ามีเผ่าพันธุ์ในตำนานปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะรีบพุ่งออกไปสู้กับมันเพื่อเอาชนะทันที

 

 

สิ่งที่ชิกิบุต้องการคือคู่ต่อสู้ที่ช่วยให้ตนเติบโตขึ้น แต่ไม่ว่าพวกมันจะแกร่งสักแค่ไหน สุดท้ายมันก็ไม่พอมือชิกิบุอยู่ดี ถึงจะรู้แบบนั้นชิกิบุก็ยังพยายามเฟ้นหามอนสเตอร์ภายในนั้นเพื่อเป็นแหล่งค่าประสบการณ์เพิ่มเลเวลของเขาแทนที่จะเฝ้ารอใครสักคนมีเคาะประตูท้าทายเขาแทน

 

ยิ่งล่าพวกมันได้มากเท่าไหร่ เลเวลของเขาก็ยิ่งสูงขึ้น ความแตกต่างระหว่างเขากับคู่ต่อสู้ก็ยิ่งสูงขึ้นไปด้วย แม้เขาจะรู้ถึงเรื่องนี้เขาก็ยังไม่คิดจะหยุด

 

 

ผู้คนรอบตัวต่างยกย่องเขาว่าเป็นผู้นำตระกูลที่แข็งแกร่ง กล้าหาญและอุทิศตนอย่างไม่ลดละเพื่อโลกใบนี้ แต่คำชื่นชมเหล่านั้นหาได้ถูกใจชิกิบุไม่

 

 

เมื่อชิกิบุได้มายืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว เขาก็เริ่มตระกูลได้ถึงขีดจำกัดที่ตนจะไปถึงได้

 

 

ความปรารถนาของเขาที่จะเจอคู่ต่อสู้ซึ่งสามารถรับมือกับเขาได้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เขาไม่ต้องการจะหยุดอยู่กับที่อีกต่อไป ในเวลานั้นเองเขาก็เริ่มค้นหาวิธีที่จะฝึกฝนพวกที่มีแววด้วยมือของตัวเอง ไม่ก็เลี้ยงดูเด็กที่มีฝีมือตั้งแต่แรก

 

 

 

แล้วในที่สุด ความพยายามของเขาก็ผลิบานออกมา เด็กชายผู้สืบทอดสายเลือดและพรสวรรค์ของเขาได้ถือกำเนิด

 

ทว่าความพยายามของเขาก็จบลงที่พูดได้ว่าสำเร็จครึ่ง ล้มเหลวครึ่งหนึ่ง โซระนั้นเป็นลูกชายของเขาอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นเด็กที่ครั้งหนึ่งชิกิบุตัดสินว่าไม่มีแวว แล้วผลักไสออกไป

 

 

 

 

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร แม้จะพลาดรอไปหลายปีแต่ในที่สุด สิ่งที่เขารอคอยก็มาถึง เรื่องราวที่ผ่านมากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย ชิกิบุยิ้มออกมาก่อนจะรู้สึกตื่นเต้นจนถึงขั้วหัวใจ

 

 

 

「อาภรณ์แห่งความว่างเปล่า――ก้านพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ทะลวงทวยเทพ (มิสเทลทีน) โซลอีทเตอร์!!」

 

 

 

การปะทุของคลื่นพลังแห่งความมืดที่ดำมืดเสียยิ่งกว่าค่ำคืน ได้พุ่งเข้ามา

 

 

มันดูเหมือนลูกศรขนาดใหญ่ ไม่สิมันเหมือนกับหอก หรืออาจจะมองว่าเป็นมังกรกำลังทะยานบนฟากฟ้าก็ได้

 

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงมวลพลังงานมหาศาลที่พุ่งเข้ามา บัลเดอร์ก็เตือนเขาด้วยน้ำเสียงอันเรียบนิ่งว่าให้หลีกเลี่ยงสิ่งนั้นในทันที แต่ชิกิบุหาได้สนใจคำเตือนนั้น ตั้งแต่วินาทีแล้วที่เขาเห็นการโจมตีนี้ เขารู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้

 

 

เฉกเช่นเดียวกับโทริว จุดสูงสุดแห่งมายาดาบเดียวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสังหารมังกรเพียงเท่านั้น การโจมตีของโซระในตอนนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสิ่งเดียวคือโค่นเขาลง มันคือเทคนิคดาบเช่นนั้นแหละ

 

 

จึงไม่มีทางที่เขาจะหลบหรือป้องกันมันได้เลย แม้ว่าจะไม่มีใครเข้าใจ แต่ตัวชิกิบุรู้ได้ทันที

 

 

ตอนแรกชิกิบุก็สงสัยอยู่เหมือนกับว่าตนจะเสี่ยงขนาดนี้ไปเพื่ออะไร มันคงเป็นเรื่องโง่มากหากโอกาสที่เขารอมานานหลายปีจะจบลงตรงนี้ โดยไม่มีโอกาสให้เขาได้แก้ตัวอีก

 

 

แต่เทคนิคที่น่าทึ่งขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องใช้พลังทั้งหมดของเขาเข้าไปทะมันเสียให้จบไป!

 

「อาภรณ์แห่งความว่างเปล่า――」

 

 

 

สำหรับบัลเดอร์ ผู้ครองอำนาจคงกระพัน ความพ่ายแพ้หรือความตายนั้นไม่ใช่จุดจบอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามตำนานของบัลเดอร์ก็ยังมีความตายของเขารออยู่ และหลังจากเขาตายลง หายนะแห่งโลกก็ได้เริ่มต้นขึ้น

 

 

 

เพื่อจะทำลายโศกนาฏกรรมแบบนั้นไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นมาอีก บัลเดอร์จึงต้องทำอะไรสักอย่าง

 

 

หากอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าของโซระคือการที่โซระใช้อนิม่าของตนเพื่อให้ความปรารถนาของเขาก่อรูปร่างขึ้นมา อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าของชิกิบุก็คือการที่สร้างความปรารถนาของอนิม่ามาเพื่อให้เขาใช้งาน

 

 

แม้ว่าจะตรงข้ามกัน แต่พลังอันมหาศาลของเขาที่มีก็ยังคงเดิม

 

 

 

 

 

「จงสยบความมืดมิด (ราตรีแห่งแร็คนาร็อค) เทพแห่งแสงบัลเดอร์!」

 

 

 

 

แสงสีดำได้พุ่งมาจากผืนดินไปยังผืนฟ้า แสงสีขาวจากผืนฟ้าก็ได้ฟาดลงมายยังผืนดิน การโจมตีทั้งสองที่ไม่สามารถประเมินพลังได้เลย กำลังปะทะกันจนทำให้เกาะอสูรยักษ์สั่นอย่างรุนแรง

 

ไม่สิอาจจะเป็นทั่วทั้งทวีปด้วยซ้ำที่สั่นสะเทือนอยู่

 

ขอบเขตแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สองพ่อลูกทุ่มสุดตัวเพื่อปะทะกัน มันได้สั่นสะเทือนผืนดินและนภา จนเหมือนเป็นวันสิ้นโลก

 

 

แต่แล้วสมดุลแห่งพลังที่ปะทะกันก็เริ่มเห็นผลลัพธ์

 

 

แรงต้านของการโจมตีฝั่งหนึ่งเริ่มเอนเอียงไปทีละน้อย――แสงสีดำเริ่มกลืนกินแสงสีขาวไปเรื่อยๆ แสงสีขาวกำลังจะพ่ายแพ้เข้าไปทุกทีแล้ว

 

แล้วช่วงเวลาแห่งการตัดสินก็มาถึง

 

 

 

 

「ย้ากกกกกก!!」

 

 

 

「โอ้วววววววว!!」

 

 

 

 

ทันทีที่เสียงคำรามของทั้งสองดังไปทั่วท้องฟ้า จนชวนให้นึกถึงเสียงคำรามของมังกร แสงสีดำก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นจนทะลวงผืนฟ้าไปพร้อมกับคลื่นที่กระจายตัวอย่างรุนแรง

 

ชิกิบุได้ใช้พลังทั้งหมดที่ตนจะเค้นได้หยุดสิ่งนั้น แต่ความมืดมิดก็หาได้หยุดและพยายามผลักเขาเข้ามาเรื่อยๆ

 

และแล้ว ร่างของนักบุญดาบก็ได้ถูกแสงสีดำนั้นกลืนกิน――

 

 

 

 

 

 

 

「――――คึ!」

 

 

 

 

ร่างของนักบุญดาบได้กระเด็นลอยไปบนฟ้าโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้นอีกแล้ว

 

——

Note : ก็เรียกว่าสร้างมาเพื่อตบพ่อตัวเองโดยเฉพาะ ชิกิบุแพ้ทางจริงจังเลยแหละน้อ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน