ตอนที่ 265 ความมั่นใจ
ริมฝีปากของผมโค้งงอเพราะรอยยิ้มที่หุบไม่อยู่
มันคือการโจมตีขั้นสุดยอด เท่าที่ผมจะทำได้
แม้ว่าผมจะอยู่ไปได้ถึง 100 ปี ผมก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะตวัดดาบได้ดีเท่าการโจมตีครั้งก่อนไหม
และราวกับบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก วิญญาณจำนวนมหาศาลได้หลั่งไหลเข้ามาภายในร่างของผม
「อึก!」
ปริมาณวิญญาณที่เข้ามามันอยู่ในระดับที่แม้แต่เผ่าพันธุ์ในตำนานก็ยังเทียบไม่ได้ เลเวลของผมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็ร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุม
ด้วยปริมาณวิญญาณขนาดนี้ผมมั่นใจว่าบัลเดอร์โดนผมจัดการไปแล้วจริงๆ
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของผมต่อ เพราะนี่คือครั้งแรกที่ผมใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าซึ่งมีพลังในการสังหารเทพเท่านั้น ไม่สิหรือจะจัดการผู้ใช้ไปด้วยนะ เอาเถอะผมก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกไว้รอดูอีกทีละกัน
แต่เอาเป็นว่าเจ้าของอนิม่าก็คงไม่ได้ยืนสบายชิลๆ หลังอนิม่าตัวเองโดนขนาดนั้นหรอกมั้ง ไม่สิหากเป็นแบบนั้นจริงอาภรณ์วิญญาณของผมก็มีปัญหาต้องให้คิดแล้วแหละ
หากมันผิดพลาดไป..ไม่สิถึงมันผิดพลาด ก็ยังคุ้มค่าที่ได้ปลดปล่อยมันออกมา
ผมไม่คิดเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย เพราะผมเตรียมใจมานานแล้วว่าหากไม่ชนะอีกฝ่ายก็ต้องตายตรงนี้เลย
ในขณะเดียวกันผมก็ไม่คิดจะไล่ตามไปซ้ำพ่อของผมที่ถูกซัดจนปลิว
ผมเอาชนะพ่อของผมได้ มันไม่สำคัญหรอกว่าพ่อของผมจะตายหรือมีชีวิตอยู่เพราะเป้าหมายของผมสำเร็จแล้ว
แถมพอคิดถึงแม่กับท่านเอ็มมะ ผมว่าให้เขามีชีวิตอยู่น่าจะดีกว่า แต่ก็นั่นแหละนะ จะให้พูดออกไปมันก็แอบกระดากปากสำหรับผมที่ใส่สุดแรงแบบกะเอาให้ตาย
ผมมองดูพวกธงแห่งผืนป่าหลายนายวิ่งไปในอากาศทางที่พ่อของผมปลิวไป โดยมีหัวขบวนเป็นโกซุ อดีตผู้ดูแลของผม
นอกจากนี้ก็มีบางส่วนมาทางผมด้วย นั่นสิน้อจะให้ทิ้งคนที่จัดการหัวหน้าตัวเองไปเฉยๆ ได้ยังไงกัน
ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง ว่าแล้วก็มีชายคนหนึ่งเปิดปากขึ้นก่อนใครเพื่อน
「นี่มันบ้าอะไรกัน….แกรู้ตัวหรือเปล่าว่าแกทำบ้าอะไรลงไปเจ้าคนเขลา!!」
ใบหน้าแก่ๆ ของกิลมอร์ เบิร์ชได้กลายเป็นสีแดงเข้มขณะจ้องมองมายังผม
แต่ถึงจะออกตัวแรงซะขนาดนี้เขาก็ยังยืนอยู่ข้างหลังไดรอาทลูกชายของตัวเองเพื่อความปลอดภัย ถึงจะโกรธแต่ก็ยังรู้คิดสินะ
จากนั้นเขาก็พูดถ่มถุยผมต่อ
「แกรู้หรือเปล่าว่าได้ทำอะไรลงไป?! แค่ก้มหัวให้กับพวกคิจินก็แย่พออยู่แล้ว นี่ยังกล้าทำร้ายท่านผู้นำและพ่อของตัวเองได้อีกหรือเจ้าสารเลว! เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ด้ายยยย! ท่านผู้แสนยิ่งใหญ่แห่งข้า แผนการที่ยิ่งใหญ่ของข้า กลับต้องมาถูกทำลายเพราะเด็กสารเลวเช่นแกเนี่ยนะ!!!」
ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรกิลมอร์ที่กำลังโกรธจนสั่นไปทั้งตัว
เห็นได้ชัดว่าหมอนี่ไม่ได้สนคำตอบของผมอยู่แล้ว นอกจากนี้ผมก็ไม่คิดจะไปพูดคุยกับพวกที่ทำใจยอมรับความพ่ายแพ่ของนักบุญดาบไม่ได้หรอกนะ
――เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้ผมเอาชนะพ่อของผมได้แล้ว คำพูดของหมอนี่ไม่ได้มีค่าอะไรเลยสักนิด
「ไดรอาท จัดการเจ้าคนเขลานี่ซะ! คนของข้าเตรียมพร้อม! ในฐานะตัวแทนของตระกูลมิตสึรุกิ ข้าขอสั่งให้ทุกคนทุ่มกำลังแก้แค้นให้กับท่านผู้นำเสีย!」
เสียงคำรามของกิลมอร์กึกก้องไปทั่วบริเวณ จนเหมือนกับเสียงยิงกระสุนปืนใหญ่
…ผลก็ตามที่ผมคิด
ไดรอาทกับคนอื่นๆ ก็เหมือนจะพยายามทำตามที่กิลมอร์บอกและมาล้อมผมเอาไว้ แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะปิดระยะเข้ามาใกล้ผมเลยสักนิด
กิลมอร์ที่เห็นแบบนั้นก็ตะโกนด้วยความหงุดหงิด
「พวกเจ้ามัวยืนรออะไรกันอีก?! รีบจัดการเจ้านั่นเสียสิ!」
ผมหัวเราะออกมาดังลั่นเมื่อเห็นกิลมอร์กระทืบเท้าไม่พอใจพวกธงแห่งผืนป่า
「แกเองก็รู้ดีนี่ว่าไม่มีทางเอาชนะฉันที่จัดการนักบุญดาบได้ แล้วยังจะคิดสู้อีกเหรอ? 」
「อย่ามาทำเป็นปากดี ไอ้หนูนี่! ถึงตัวต่อตัวอาจจะยาก แต่หากบุกโจมตีพร้อมกันโอกาสย่อมมีเสมอ!」
「หากแกคิดแบบนั้น ก็มาทำเป็นตัวอย่างให้พวกลูกน้องเห็นหน่อยไหม ไอ้คุณตัวแทนผู้นำ? หากพวก 4 เสาหลักเคลื่อนไหวกันก่อน เดี๋ยวคนอื่นเขาก็คงจะตามกันมาเองแหละ」
ว่าแล้วผมก็หัวเราะออกมาขณะมองกิลมอร์ที่ยืนกัดฟันแน่น
ผมพูดต่อโดยระวังท่าทีของพวกคนอื่นๆ ไปด้วยเผื่อมีอะไรเกินคาด
「อะไรกัน ไม่เข้ามาเหรอ? ถ้างั้นก็รีบไสหัวกันไปได้แล้วมั้ง นักบุญดาบก็แพ้ไปแล้ว แถมทางฉันก็ชนะแล้วด้วย ถือว่าขอประตูปีศาจไปเลยแล้วกันนะ」
ผมพูดออกมาด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่ ก่อนจะเหวี่ยงอาภรณ์วิญญาณข่มไปนิดหน่อย
ให้พูดกันตามตรงที่ผมเอาชนะพ่อของผมได้เป็นเพราะลักษณะพิเศษของอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าล้วนๆ จะให้คิดว่าผมเอาชนะพ่อของผมได้ ดังนั้นผมก็เอาชนะคนของพ่อผมได้ทุกคนแน่คงจะโง่ไปหน่อย โดยเฉพาะหากถูกรุม
ยิ่งเป็น 2 สุดยอดผู้คุ้มกันบุกเข้ามาพร้อมกัน บวกกับหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยธงอื่นๆ ด้วย การต่อสู้คงจะหนักหนามากแน่ๆ
ทว่าถึงจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นผมก็ดันไม่รู้สึกเกรงกลัวซะอย่างงั้น
ไม่ใช่ว่าผมดูถูกไดรอาท ชูยะ หรือคนอื่นๆ หรอกนะ สายตาของผมที่มองไปยังพวกเขาตอนนี้เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนมีความสามารถ
ยิ่งพวกรอบตัวผมคือชั้นแนวหน้าของตระกูลที่พูดได้ว่าเป็นนักรบล่มทัพนับพันได้อย่างง่ายดาย ผมก็ยิ่งไม่สามารถประมาทพวกเขาได้เลย
อย่างไรก็ตาม ภายในใจของผมก็ยังมีความมั่นใจ ที่เชื่อมั่นว่าตัวเองจะผ่านมันไปได้ พูดกันตามตรงผมก็แข็งแกร่งกว่าทุกคนที่นี่จริงๆ นั่นแหละ จะใครผมก็ใส่เดี่ยวได้หมด หากเป็นพวกระดับล่างหน่อยก็คงทีเดียวจอดสบายๆ
จากมุมคนนอก อาจจะมองว่าผมผยองจนเกินตัวก็ได้ แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะเออ
น่าอาจจะเป็นสิ่งที่สันตะปาปาโซเฟียเคยบอกถึงสิ่งที่ผมขาดไปก็ได้ สำหรับตอนนี้ผมรับรู้มันได้แล้ว และเชื่อว่าสามารถก้าวข้ามคนพวกนี้เพื่อจบเรื่องประตูปีศาจเสียที
ในขณะที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า ธงแห่งผืนป่านอกเหนือจากไดรอาทก็เริ่มเตรียมตอบโต้ผม หากก้าวไปมากกว่านี้ ชูยะ กับไดรอาทก็อาจจะเริ่มบุกเข้ามาแล้วก็ได้ แต่ผมก็ยังเลือกจะเดินต่อ
「ทุกคน ลดมือลงเสีย」
ไดรอาทได้เดินมาตรงหน้าของผมแล้วยื่นมาซ้ายออกไปด้านข้างเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของคนอื่นๆ พร้อมพูดขึ้น
เขาคือหัวหน้าหน่วยธงที่ 1 ซึ่งมีอำนาจในการสั่งธงทั้ง 8 ได้หากมีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นภายในตระกูลมิตสึรุกิ แล้วในสถานการณ์ตอนนี้ที่พ่อของผมไม่รู้ว่าเป็นตายอย่างไร จึงพูดได้ว่าไดรอาทคือผู้รักษาการแทนผู้นำตระกูลมิตสึรุกิ
พอไดรอาทเป็นคนพูดเอง คนอื่นๆ ก็เลยหยุดการเคลื่อนไหวทันที
ผมก็เลยคิดว่าหมอนี่อาจจะอยากดวลตัวต่อตัวกับผมต่อก็ได้ จะว่าไปอาภรณ์วิญญาณของเขามีพลังทำลายล้างเป็นวงกว้างด้วยเส้นด้ายนี่นะ คงยากที่จะบอกว่าเหมาะสำหรับการร่วมสู้กับคนอื่นๆ
แต่หากมีความสามารถระดับไดรอาทแล้ว ผมว่าเขาคงจะมีไพ่ในมือสำหรับรับมือหลายๆ สถานการณ์แน่ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวต่อตัวยังไงสำหรับเขามันก็ง่ายกว่า
ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องนี้แล้วมองไปยังอีกฝ่าย ไดรอาทก็เอามือล้วงไปยังกระเป๋าของเขา โดยสิ่งที่นำออกมาเป็นเหมือนท่อเก็บเอกสารบางอย่างที่ถูกปิดสนิทเอาไว้ มันคือสิ่งที่ใช้โดยพวกราชวงศ์ไม่ก็ขุนนางระดับสูงเพื่อเก็บเอกสารสำคัญ
ก่อนที่จะมาเกาะ ผมก็ได้รับจดหมายส่วนตัวของเจ้าหญิงซากุยะเพื่อส่งไปให้จักรพรรดิ ลักษณะของมันก็ทำนองนี้เลย
「ชูยะ」
「ฮ่ะ」
ไดรอาทส่งต่อให้ชูยะ
รองหัวหน้าหน่วยแสดงท่าทางสับสนนิดหน่อยขณะรับสิ่งนั้นมา ดูจากท่าทางแล้วชูยะคงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมันแน่ๆ
จากนั้นไดรอาทก็พูดด้วยน้ำเสียงอันเงียบสงบ
「มันคือคำสั่งของท่านผู้นำที่เขียนเอาไว้ ลองอ่านดูสิ」
「รับทราบ หัวหน้าหน่วย」
ชูยะเปิดท่อนั้นออกอย่างระวัง ก่อนจะลอกเอาผนึกขี้ผึ้งด้วยความรวดเร็วแล้วหยิบจดหมายภายในนั้นออกมา
คงจะง่ายกว่านี้หากอีกฝ่ายเปิดการต่อสู้เลย แต่พอเจอแบบนี้เข้าไปก็ชักอย่างรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้แล้วสิ ทางคนอื่นๆ เองก็ยืนดูเฉยๆ เหมือนกัน
แต่มันก็ยังมีคนโวยวายอยู่หนึ่งคนแหละนะ ซึ่งก็คงรู้ว่าใคร
「ไดรอาทเจ้ากำลังมัวทำอะไรอยู่?! ทำไมยังไม่จัดการเจ้าคนเขลานี่เสียที!」
「ท่านชิโตะ โปรดใจเย็นก่อน นี่คือคำสั่งของท่านผู้นำ กรุณารับฟังก่อนจะพูดอะไรออกไปด้วยครับ」
「คำสั่งท่านผู้นำงั้นเหรอ?! บ้าบอ ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย!」
ชูยะค่อยๆ อ่านจดหมาย ที่แม้แต่กิลมอร์ก็ไม่อาจหยั่งถึง หลังจากที่เขาอ่านจบเขาก็นำจดหมายกลับไปเข้าที่เดิม ก่อนจะแสดงสีหน้าปั้นยากออกมา
แล้วด้วยสีหน้าแบบนั้นแหละเขาก็เริ่มพูดขึ้น
「จากที่ดู…มันคือลายมือของท่านผู้นำจริงๆ ครับ ส่วนเนื้อความหลักๆ คือ――」
ชูยะสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดออกมาเพื่อให้ทุกคนในบริเวณนี้ได้ยิน
「ผู้ที่สามารถเอาชนะเขาได้ จะถูกยอมรับให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลมิตสึรุกิคนถัดไป」
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code