ตอนที่ 267 ณ คฤหาสน์ตระกูลมิตสึรุกิ
ในคืนนั้นเอง ที่โถงประชุมใหญ่ของตระกูลมิตสึรุกิ 4 เสาหลัก หัวหน้าหน่วยทั้ง 8 และพวกระดับสูงของแต่ละธงแต่นั่งประชุมกันด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด
มิตสึรุกิ ชิกิบุ ผู้นำตระกูลมิตสึรุกิและนักบุญดาบ ได้พ่ายแพ้แล้วซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่จะทำให้ผืนฟ้าดินพลิกกลับได้สำหรับตระกูล แต่ที่หนักกว่านั้นคือบุคคลที่ชิกิบุได้มอบอำนาจให้สืบทอดตระกูลต่อไปกลับเป็นโซระอดีตว่าที่ผู้สืบทอดคนถัดไปและยังเป็นพวกกับคิจินอีก
สำหรับธงแห่งผืนป่าที่อยู่ภายใต้กฎเหล็กในการสังหารความชั่วร้ายแล้ว โซระไม่ใช่คนที่พวกตนจะยอมก้มหัวให้ได้เลย
ยังโชคดีที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ข้อความภายในจดหมาย หลักๆ ก็จะมี 2 สุดยอด หัวหน้าหน่วยบางคน กับกิลมอร์และลูกน้องของเขา หากเรื่องนี้หลุดไปถึงพวกระดับล่างหรือประชาชนทั่วไปเมืองชูโตะได้วุ่นวายจนเกิดความคุมแน่
อย่างไรก็ตามการต่อสู้อันแสนดุเดือดระหว่างชิกิบุกับโซระก็หนักหนาเสียจนทำให้ทั่วเกาะสั่นสะเทือน ถึงจะไม่มีการประกาศถึงสาเหตุออกไปแต่พวกประชาชนก็คงเดาออกแน่ว่าเหตุการณ์คราวนี้คือเรื่องใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น
ผลคือแม้พระอาทิตย์จะตกดินไปแล้ว ความวุ่นวายรอบเมืองชูโตะก็ไม่ได้บรรเทาลงเลย ผู้คนต่างใช้เวลาทั้งคืนวันกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนไหม
พวกคนที่มารวมตัวกันในโถงประชุมที่ไร้ซึ่งผู้นำก็หวั่นใจไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องมาอยู่ตรงนี้ และพอมาถึงตรงนี้พวกเขาก็รู้เลยว่าตนกำลังยืนอยู่บนจุดพลิกผันแห่งประวัติศาสตร์ตลอด 300 ปีของมิตสึรุกิ
จึงเป็นเหตุทำให้ทุกคนยังไม่เปิดปากพูดอะไรกัน
ในขณะที่ความเงียบงันกำลังดำเนินต่อไป กิลมอร์ก็เป็นคนแรกที่เริ่มเปิดประเด็น
「――ข้าแน่ใจว่าทุกคนคงทราบอยู่แล้ว แต่จะขอย้ำอีกครั้ง ท่านผู้นำปลอดภัยดีเพียงแต่ยังไม่ได้สติ อาการบาดเจ็บที่ได้รับก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต」
แต่ละคนก็พยักหน้าตามคำพูดของกิลมอร์
จากนั้นเขาก็เริ่มกล่าวชมเชยผู้ที่พบตัวชิกิบุเป็นคนแรกด้วยสายตาประชดประชัน
「ทุกคนเองก็คงตระหนักได้ถึงความสำเร็จของท่านชิบะโกซุ ที่สามารถเข้าไปช่วยท่านผู้นำได้อย่างรวดเร็ว กิลมอร์ผู้นี้ขอชมเชย」
「นั่นเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว」
「สมกับเป็นท่านชิบะ ทัศนคติของท่านช่างเข้มงวดและซื่อตรงสะท้อนให้เห็นว่าท่านเป็นคนเช่นไรจริงๆ 」
กิลมอร์ยิ้มก่อนจะพูดต่อ
「ถึงแม้จะหยาบคายไปบ้างที่ถามเช่นนี้กับท่านชิบะ แต่ถ้าหากสถานการณ์พลิกเป็นอีกทาง ท่านจะเลือกรีบเข้าไปช่วยเหลือโซระซึ่งเป็นพวกพ้องกับคิจินและพยายามปลิดชีวิตท่านผู้นำหรือไม่ อีกอย่างในฐานะข้ารับใช้แล้วข้ามองว่าพวกเราก็ควรจะแก้แค้นให้กับเจ้านายตน ในที่นี้ก็คงคิดกันไม่ต่างกับข้า แต่อย่างน้อยข้าก็อยากจะถามมุมมองของท่านชิบะเสียหน่อย ว่าอย่างไรเล่า? 」
เห็นได้ชัดจากคำถามแล้วว่ากิลมอร์ตั้งใจจะโยนความผิดให้กับโกซุ ชิมะผู้เป็นอดีตคนดูแลของโซระ
ในเวลาแบบนี้ธงแห่งผืนป่าหลายคนก็แสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมาเมื่อเห็นกิลมอร์พยายามจะกำจัดคู่แข่งทางการเมืองของตนอยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกบทสนทนานี้
ไม่ว่ากิลมอร์จะมีเจตนาแบบไหน แต่หลายคนก็อยากรู้อยู่ดีว่าโกซุผู้ใกล้ชิดกับโซระที่สุดจะเคลื่อนไหวเช่นไรต่อ
โกซุที่ได้รับความสนใจจากทุกสายตา ก็ตอบอย่างสงบนิ่ง
「อย่างแรกที่ข้าต้องการคือฟังเรื่องราวจากท่านโซระ ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจร่วมมือกับคิจิน แล้วทำไมเขาต้องหันดาบหาท่านผู้นำ ข้าแน่ใจว่าทั้งสองเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างแอบแฝง ดังนั้นจึงยังไม่สายหากจะตัดสินใจว่าเขาสมควรเป็นเจ้านายคนใหม่ของพวกเราหรือไม่」
「โฮ่ คำตอบชวนให้ข้าประหลาดใจจริงๆ จะบอกว่าหากมีเหตุผลที่พอฟังขึ้นจนสามารถเข้าข้างพวกคิจินและหันดาบใส่พ่อของตัวเองก็ยอมรับได้งั้นหรือ――นี่ท่านกำลังเหยียบย่ำกฎเหล็กของพวกเราอยู่หรือเปล่า ความคิดโง่ๆ แบบนี้ออกมาจากปากของชิบะซึ่งเป็น 1 ใน 4 เสาหลักจริงหรือ แม้ท่านจะรับใช้ท่านผู้นำมานานแต่การกระทำเช่นนี้ก็ยากจะยอมรับได้ ว่าไหมท่านเซน่อน? 」
คนที่กิลมอร์เรียกมาช่วยเสริมคือเซน่อน ควิสทัส หัวหน้าหน่วยธงที่ 3
เซน่อนเองก็เคยเผชิญหน้ากับโซระพร้อมกันกับลูเซียส ลูกชายของเขาและรากุนะคนที่เขาดูแลอยู่ จนถึงตอนนี้เซน่อนก็ยังนั่งหน้าบึ้งไม่เปลี่ยนแปลง
ตระกูลเบิร์ชและควิสทัสต่างก็พยายามผลักดันให้รากุนะกลายเป็นผู้นำคนถัดไป แต่หลังจากพ่ายแพ้ใหักับโซระไป อำนาจ ชื่อเสียงของเขาก็เริ่มลดลงไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหากโซระได้เป็นผู้นำตระกูลจริง ตระกูลควิสทัสก็คงไม่พ้นต้องล่มสลาย
ดังนั้นกิลมอร์จึงมองว่าเซน่อนน่าจะร่วมมือกับเขาอย่างสุดกำลังแน่
ทว่า
「ท่านชิโตะ ข้าว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พวกเราจะมาคุยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้นะ」
「……ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน? 」
คำตอบของเซน่อนช่างดูเย็นชาและเหมือนจะไม่ได้แยแสเหตุการณ์ร้ายๆ ในอนาคตระหว่างเขากับตระกูลเบิร์ชเลยแม้แต่น้อย
กิลมอร์ถึงกับเลิกคิ้วสงสัย จากนั้นเซน่อนก็พูดต่อ
「ว่ากันตามตรง ตอนนี้ตระกูลมิตสึรุกิได้มาถึงจุดวิกฤติแล้ว ผู้ที่เอาชนะนักบุญดาบได้ก็เป็นพวกพ้องของคิจินอีก เราควรมองไปถึงการรับมือตรงจุดนี้มากกว่านะ」
「เรื่องนั้นข้ารู้ดีถึงท่านไม่ต้องบอก ก็เลยเป็นเหตุผลที่ข้ากำลังพยายามหาตัวพวกที่เป็นหนอนอยู่ไง นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการหาทางรับมือกับฝ่ายตรงข้ามนะ」
「แต่ที่ข้าเห็นมันหาได้สำคัญ ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น ข้าอยากจะรู้บางเรื่องมากกว่าด้วยซ้ำ」
กิลมอร์ทำหน้าบูดบึ้งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเซน่อน
「ถึงข้าจะมองว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าการกำจัดพวกหนอนก็เถอะ แต่อย่างน้อยข้าก็อยากรู้จริงๆ ว่า เรื่องที่สำคัญกว่าซึ่งท่านเซน่อนอยากจะรู้คือเรื่องใด? 」
「สิ่งที่ข้าอยากรู้คือ ท่านผู้นำได้ฝากจดหมายนั้นให้ท่านไดรอาทไว้ตั้งแต่เมื่อไร」
เซน่อนพูด
ชิกิบุได้ฝากจดหมายปิดผนึกไว้กับไดรอาท ส่วนผู้ทำหน้าที่ในการเปิดอ่านจดหมายคือชูยะ ไม่ใช่ไดรอาทและหลังจากไม่พบความผิดแปลกใดๆ ชูยะก็เริ่มอ่านเนื้อหาจดหมาย
และเพราะเป็น 2 สุดยอดดำเนินการทั้งหมด ผู้คนจึงเชื่อว่าจดหมายนี้ไม่มีทางถูกปลอมแปลงระหว่างทางได้เลย
เนื้อหาก็สรุปได้ว่า ชิกิบุตั้งใจจะมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับคนที่โค่นตัวเองได้ ความตั้งใจนี้ก็สมกับเป็นชิกิบุดี เซน่อนไม่ได้สงสัยอะไร
แต่คำถามมันอยู่ตรงที่ว่าชิกิบุฝากจดหมายให้ไดรอาทก่อนหรือหลังจากรู้ว่าโซระอยู่ฝั่งพวกคิจิน
หากเป็นก่อนรู้ก็จะพอตีความได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจส่งต่ออำนาจให้พวกที่อยู่ฝ่ายคิจินแน่ สิ่งที่กิลมอร์พยายามชูมาตั้งแต่ตอนแรกก็จะฟังดูมีเหตุผลตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามหากชิกิบุฝากจดหมายให้หลังรู้ว่าโซระอยู่ข้างคิจินแล้ว มันก็เป็นอีกเรื่อง แม้โซระจะอยู่ฝั่งศัตรูที่ต้องจำกัดให้สิ้น ชิกิบุก็ยังคงเลือกจะฝากฝังตระกูลให้กับโซระต่ออยู่ดี
「หรือก็คือหากเราจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะยอมรับท่านโซระเป็นผู้นำตระกูลคนถัดไป พวกเราก็ควรจะรู้ถึงความคิดของท่านผู้นำ หากท่านรู้ทุกอย่างอยู่แล้วแต่ยังคงยืนกรานว่าจะมอบตำแหน่งให้กับคนที่เอาชนะตนได้ การปฏิเสธในตัวของท่านโซระก็ไม่ต่างอะไรกับการปฏิเสธต่อเจตจำนงของท่านผู้นำ แม้อีกฝ่านจะเป็นคนของคิจินก็ตาม」
พอได้ยินแบบนี้กิลมอร์ก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ
อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกเหมือนถูกไม้ฟาดเข้าที่หัวโดยไม่ทันตั้งตัว
พอเขาได้สติเขาก็เริ่มถามด้วยความประหลาดใจ
「นี่ท่านกำลังพูดบ้าอะไรน่ะ….จะบอกว่าท่านผู้นำหาได้สนใจแม้อีกฝ่ายจะเป็นคิจินงั้นหรือ ไม่มีทางหรอกที่คนแบบท่านผู้นำจะยอมรับพวกคิจิน การที่ท่านพูดแบบนี้ออกมาก็ไม่ต่างอะไรกับการดูถูกท่านผู้นำเลยนะ!」
「หากไม่ใช่ เซน่อนผู้นี้ก็ยินดีจะขอยอมรับโทษแต่โดยดี ดังนั้นข้าขอถามท่านไดรอาทอีกครั้ง」
หลังจากพูดจบ สายตาของเซน่อนก็ออกจากกิลมอร์ไปทางไดรอาทแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
「จดหมายนี้ท่านได้รับจากท่านผู้นำมาเมื่อไหร่กัน? 」
ยิ่งได้ยินกิลมอร์ก็ยิ่งหยุดหงิดและจ้องมองเซน่อนไม่วางตาพร้อมกับกล่าวเย้ยหยัน
「ดูท่า ท่านเซน่อนจะกลายเป็นพวกคนเขลาไปเสียแล้วหลังพ่ายแพ้ให้กับโซระ นี่ท่านหวาดกลัวและคิดจะหลบหนีจากผู้ที่ทำร้ายท่านผู้นำและท่านรากุนะที่ท่านดูแลงั้นหรือ เอาเถอะถ้าอยากรู้นักท่านไดรอาท บอกไปให้กระจ่างเสียสิ คิดซะว่าเป็นการโปรดท่านเซน่อนผู้โชคร้าย 」
ไม่มีทางเลยที่ชิกิบุจะมอบจดหมายนี้ให้หลังรู้ว่าโซระเข้ากับพวกคิจิน เมื่อมั่นใจแบบนี้กิลมอร์จึงเร่งเร้าให้ลูกชายตนประกาศเสียให้กระจ่าง
กิลมอร์ตอนนี้เลือกจะตัดหางเซน่อนทิ้งแล้ว แล้วตอนนี้เขาก็กำลังวางแผนว่าจะปลดเซน่อนออกจากหัวหน้าหน่วยหลังชิกิบุตื่นแล้วค่อยแทนที่หัวหน้านหน่วยที่ 3 ด้วยคนของตระกูลเบิร์ชแทน
แล้วไดรอาทก็พูดขึ้นโดยไม่ได้แยแสความคาดหวังของกิลมอร์เลย
「จดหมายดังกล่าวได้ส่งถึงมือผมก่อนที่ท่านผู้นำจะเข้าต่อสู้กับโซระ ท่านไซม่อนที่อยู่ตรงนี้ก็เป็นพยานได้」
ไดรอาทเอ่ยถึงชื่อของไซม่อน เกาส์ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เสาหลัก ว่าแล้วสายตาของทุกคนก็มุ่งไปทางไซม่อน
แม้ว่าเขาจะแสดงท่าทีสับสนไปบ้าง แต่เขาก็พยักหน้ารับและยืนยันคำพูดของไดรอาท
「ข้าเป็นพยานได้ว่าท่านผู้นำส่งท่อซึ่งบรรจุจดหมายนั้นให้ท่านไดรอาทก่อนเขาจะเริ่มเผชิญหน้ากับท่านโซระครับ」
เหตุผลที่ไซม่อนได้อยู่ในเหตุการณ์ก็คงเป็นเพราะชิกิบุคิดมาดีแล้วว่าต้องมีพยาน
ในฐานะชิโตะ กิลมอร์มีความใกล้ชิดกับไดรอาทมากเกินไปหากปล่อยให้ไดรอาทรับจดหมายเพียงคนเดียวอาจจะสามารถโกหกเรื่องเวลาส่งมอบได้ คนอื่นๆ เองก็มีฝั่กฝ่ายชัดเจนจนยากจะเชื่อถือ
ด้วยเหตุนี้ไซม่อนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะหลายคนรู้ดีถึงนิสัยและการวางตัวของเขา ไม่มีใครในที่นี้จะเหมาะสมไปกว่าเขาอีกแล้ว
และนั่นก็ทำให้ทุกคนที่มารวมตัวกันตรงนี้รู้ทันทีว่าสิ่งที่ไดรอาทพูดเป็นเรื่องจริง ชิกิบุได้ฝากจดหมายนี้ไว้ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าโซระอยู่ข้างพวกคิจิน
ก็หมายความว่าเซน่อนนั้นพูดถูก ชิกิบุไม่ได้สนใจแม้อีกฝ่ายจะเป็นพวกของคิจิน
ส่งผลทำให้บรรยากาศภายในโถงประชุมเปลี่ยนไปอย่างมาก
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ยอมรับในตัวของโซระอย่างสบายใจแล้ว พวกเขาไม่พอใจด้วยซ้ำ ในแง่ความรู้สึก ส่วนมากก็ไม่ต่างกับกิลมอร์เลย
อย่างไรก็ตามหากยังเลือกจะขัดขืนการตัดสินใจแล้วปฏิเสธโซระ ก็จะเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ การต่อสู้กับโซระที่เอาชนะนักบุญดาบได้ แม้จะมีฝีมือแค่ไหนการจะรับมือกับอีกฝ่ายก็คงยาก ดังนั้นหากจะสู้จริงก็คงต้องเอาพวกแนวหน้าทั้งหมดรุมจัดการ
หากคิดถึงความแข็งแกร่งและพลังของเขาที่สามารถต่อสู้กับนักบุญดาบซึ่งสาดเทคนิคลับจำนวนมากออกมาได้แล้ว ถึงพวกเขาจะจัดการโซระลงได้สำเร็จ แต่ความเสียหายที่ตามมาคงยากจะฟื้นคืน
แล้วพวกคิจินที่ยังเฝ้ามองอย่างสบายใจก็อาจจะใช้โอกาสนี้ในการบุกโจมตีตระกูลมิตสึรุกิ ทีนี้ก็จะไม่ใช่แค่ประตูปีศาจแต่เป็นทั้งเมืองชูโตะที่ต้องพบอันตราย
มาถึงตรงนี้พวกเขาก็เริ่มเห็นแล้วว่าการใช้แต่อารมณ์แล้วปฏิเสธโซระไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี
พวกเขาหลายคนก็เลยได้ข้อสรุปกันว่า แม้จะไม่สามารถยอมรับโซระเป็นผู้นำตระกูลคนถัดไปได้ แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์และความต้องการของท่านผู้นำ พวกเขาเลือกจะสงวนท่าทีไม่ต่อต้านอีกฝ่ายไปก่อน
แต่ก็แน่ว่าไม่มีใครคิดเหมือนกันหมด
「บ้าไปแล้วหรือไง?! ไม่มีทางที่ท่านผู้นำจะยอมจำนนต่อพวกคิจินอยู่แล้ว!」
กิลมอร์ถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของไดรอาทและไซม่อน เมื่อตั้งสติได้เขาก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
ก่อนจะกระแทกหมัดลงพื้น
「มันใช่เวลามาคิดอะไรให้มากความอีกหรือไง! หน้าที่ของพวกเรามีเพียงแค่กำจัดเจ้าคนเขลานั่น หากธงทั้ง 8 ที่นำโดยลูกชายข้าเข้าสู้อย่างสวุดกำลังยังไงพวกเราก็เอาชนะมันได้อยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ส่งท่านผู้นำกลับไปยังจุดเดิม!!」
พอได้ยินแบบนี้เซน่อนก็ขมวดคิ้วและค้านทันที
「หากเราต่อสู้กับท่านโซระ ธงทั้ง 8 ได้ตายกันเกือบหมดแน่ อย่าลืมสิว่ายังมีพวกคิจินยืนอยู่ข้างหลังเขา พวกมันอาจจะใช้ประโยชน์ในช่วงที่พวกเราอ่อนแอบุกโจงตีเมืองชูโตะ ข้าเชื่อว่าการที่ท่านผู้นำตัดสินใจจะมอบตำแหน่งนี้ให้กับท่านโซระนั้นเป็นการคิดมาอย่างถี่ถ้วนโดยให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดแล้ว」
「หุบปากอันแสนโสมมของเจ้าไปเสีย! ถ้าพวกคิจินมาก็แค่ออกไปฆ่าพวกมันอีกรอบสิวะ! หน้าที่ของธงแห่งผืนป่าคืออะไรกัน! หากคิดว่าจะแพ้ให้กับพวกมันตั้งแต่ก่อนจะได้สู้ก็ลาออกจากตำแหน่งแล้วหนีหากจุกตูดออกจากเกาะไปเสียเถอะ ไอ้เจ้าคนอ่อนแอ!」
กิลมอร์พูดสาบส่งเซน่อนอย่างชัดเจน
ผู้นำตระกูลควิสทัส เริ่มเห็นแล้วว่าเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่จบ จึงพยายามสงบสติกับคำพูดของอีกฝ่าย
「ข้าไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าการต่อสู้กับท่านโซระมันเป็นเรื่องที่น่าขนลุก เพราะเหตุนั้นข้าถึงกังวลยังไงล่ะว่าหากต้องใช้กำลังทั้งหมดในการรุมจัดการเขา ความเสียหายคงได้บานปลายกว่านี้แน่ ดังนั้นหากมองว่าข้าเป็นพวกอ่อนแอนัก ท่านชิโตะก็ลองบอกมาหน่อยสิว่าจะทำเช่นไรให้พวกเราเอาชนะท่านโซระได้โดยเกิดความเสียหายน้อยที่สุด」
พอเซน่อนพูดแบบนั้น เขาก็ยิ้มออกมา
「หากจะให้ข้าพูด ไม่ใช่ว่าตอนนั้นท่านชิโตะเองก็เลือกจะเอาจำนวนเข้าไปรุมขู่ท่านโซระ และพูดจาข่มซะมากมายเลยนี่ เห็นว่าพองัดอาภรณ์วิญญาณออกมาก็โดนทางนั้นเป่าหายหมดในทีเดียวด้วยการโจมตีอันทรงพลังอีก ท่านไดรอาท ท่านชูยะและคนอื่นๆ ที่เลือกไม่เคลื่อนไหวอะไรก็เพราะเข้าใจดีอยู่แล้วว่าท่านโซระไม่ใช่คนที่จะเอาชนะได้ด้วยจำนวน เห้อ ดูเหมือนว่าจะมีแต่ท่านชิโตะสินะที่ยังไม่เข้าใจถึงเรื่องนี้」
「……หึ พูดจาลื่นไหลดีนี่ ท่านเซน่อนแต่ถึงจะพูดจากบอกว่าอีกฝ่ายเก่งสักแค่ไหน ท่านก็ไม่สามารถลบล้างความล้มเหลวที่พ่ายแพ้ให้กับเขาได้หรอกนะ」
「ข้าก็ไม่เถียง เอาเป็นว่าท่านจะบอกถึงแผนที่เกิดความเสียหายน้อยที่สุดกี่โมงดีล่ะ? 」
กิลมอร์กัดฟันทนกับคำพูดของเซน่อนที่เต็มไปด้วยการเสียดสี
พอหันไปทางไดรอาท อีกฝ่ายก็ดันไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ทำเอากิลมอร์โมโหกว่าเดิมอีก
เดิมทีกิลมอร์กับไดรอาทก็ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ความรักระหว่างพ่อลูกอยู่แล้ว ไดรอาทก็เป็นเพียงเบี้ยที่เติมเต็มความทะเยอทะยานของกิลมอร์และเขาก็ไม่ลังเลที่จะจัดการกับลูกตัวเองด้วยหากจำเป็น
ไดรอาทก็คงรู้เรื่องนี้ดี
ส่วนเหตุผลที่ไดรอาทยังคงอยู่ได้สบายๆ จนถึงตอนนี้ก็เป็นเพราะเขาทำตามที่พ่อของตนพูดเสมอมา
สิ่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้เขาจะกลายมาเป็นหัวหน้าหน่วยธงที่ 1 ทั้งพ่อและลูกตระกูลเบิร์ชได้ไต่เต้าไปจนถึงจุดที่สูงมากและคอยสนับสนุนตระกูลมิตสึรุกิ
จนทำให้ตอนนี้ไดรอาทเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับความทะเยอทะยานของกิลมอร์อีกแล้ว
――คิดจะมาทำตัวมีหัวคิดเองเอาตอนนี้งั้นเหรอ!
พอกิลมอร์ลองกลับมาคิดดู ท่าทางของไดรอาทก็แปลกไปจริงๆ ตั้งแต่ที่เผชิญหน้ากับโซระ เขาควรจะจัดการอะไรให้มันเรียบร้อยก่อนจริงๆ นั่นแหละ แต่มานึกเอาตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
นอกจากนี้เขาก็ต้องวุ่นวายจัดการงานของตนในฐานะชิโตะก่อนเริ่มประชุมด้วย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ตนจะมีเวลาจัดแจงอะไรกับลูกชายตัวเองก่อนเริ่มประชุม
――ความรู้สึกของไดรอาทมันได้ส่งผ่านการกระทำของเขาในที่ประชุมแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป โซระได้กลายเป็นผู้นำตระกูลคนถัดไปแน่ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกิลมอร์ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง!
หากโซระได้ขึ้นมามีอำนาจ ตระกูลเบิร์ชถึงคราวจบสิ้นแน่และยังหมายถึงความทะเยอทะยานของกิลมอร์ก็จบลงด้วย
ผู้นำตระกูลเบิร์ชคิดหนักเกี่ยวกับหนทางรอดคราวนี้จนหน้าแดงไปหมด
จากนั้นการพูดคุยแลกเปลี่ยนและโต้เถียงก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ภายในโถงประชุม พวกระดับสูงต่างเสนอความคิดเห็นตัวเองออกมา สลับกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็มีบางคนที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับสงครามน้ำลายจนลุกออกจากโถงประชุมไป แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงนั่งอยู่ภายในห้อง ระหว่างนี้เองก็เห็นบางส่วนลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือหาอะไรเติมท้องด้วย
ดังนั้น แม้อายากะ อาเซอร์ไรท์จะลุกจากที่นั่งตนและเดินออกจากโถงประชุมไป ก็ไม่ได้มีใครสนใจการกระทำของเธอเป็พิเศษ
ก็จริงว่าเธอยังมีรากุนะซึ่งเป็นคู่หมั้นคอยหันมามองบ่อยๆ แต่ตอนนี้เขากำลังคุยกับเซน่อนอย่างจริงจังอยู่ จนไม่สังเกตถึงตัวตนของเธอแล้ว
เมื่ออายากะมองดูใบหน้าของคู่หมั้นเธอที่มีความสดใสและดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น รอยยิ้มอันอ่อนโยนก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
และราวกับว่าไม่มีอะไรให้เป็นกังวลอีก เธอได้เดินออกจากโถงประชุมไป
แล้วมุ่งหน้าไปยังด้านหลังของคฤหาสน์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชิกิบุกำลังหลับใหลอยู่
สำหรับอายากะที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่หมั้นของโซระและปัจจุบันเป็นคู่หมั้นของรากุนะ คฤหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับบ้านของเธอ เธอจึงไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือลังเลใจที่จะเดินไปยังห้องพักของผู้นำตระกูล
ระหว่างนี้เธอก็เดินคนรักษาความปลอดภัยภายในคฤหาสน์มากมายแต่ก็ไม่มีใครหยุดเธอ ก่อนจะก้มหัวคำนับเธอแล้วหลีกทางให้เธอเดินต่อ
เมื่ออายากะเดินมาถึงหน้าห้องพักของชิกิบุ ก็พบว่ามีธงแห่งผืนป่ากับสาวใช้หลายคนเฝ้าอยู่หน้าห้อง นอกจากนี้ก็มีฮีลเลอร์จากวิหารเทพแห่งกฎหมายอยู่ด้วยเพื่อดูอาการของชิกิบุ
พวกเขาทั้งหมดคือผู้ศรัทธาของวิหารเทพแห่งกฎหมาย แต่ก็หาใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะมันเป็นศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิแอด แอสเทร่า แถมวิหารขนาดใหญ่ของศาสนานี้ก็ตั้งอยู่ในเมืองชูโตะด้วย
ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยแน่นอนหากคนที่อยู่ตรงนี้คือผู้ศรัทธาทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้นการที่พวกเขาจะรับใช้คอยเฝ้าระวังให้คนระดับผู้นำตระกูลได้ก็ย่อมเป็นคนที่รับใช้ตระกูลมิตสึรุกิมาช้านาน ผ่านการสืบประวัติและรับความไว้วางใจมาเป็นอย่างดี
ทว่า
ทันทีที่อายากะปรากฏตัว คนพวกนี้ก็ก้มหัวให้กับอายากะพร้อมกันทั้งหมดและปล่อยให้เธอเข้าไปภายในห้องโดยไม่ถามอะไร
「――ทุกคน ออกไปก่อน」
พออายากะพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนที่อยู่หน้าห้องก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา
จึงเหลือเพียงอายากะคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับชิกิบุภายในห้องพัก
ตอนนี้บริเวณใกล้ฝ่าเท้าของเธอได้มีชิกิบุที่กำลังหลับใหล นอนอยู่…..
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code