ตอนที่ 275 กลับคานาเรีย
*แก้ เผ่าพันธุ์ในตำนาน เป็น เผ่ามายานะครับจะได้เข้ากับบทของเรื่องกว่าด้วย*
ผมไม่ได้ทำอะไรกับชูยะที่ขอยอมแพ้ไป
ก็อย่างที่บอกว่า หากใครไม่คิดจะยอมรับผมก็เข้ามาสู้กับผมได้เลย ดังนั้นการกระทำของเขาจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร แล้วผมจะลงโทษเขาทำไมล่ะ
แน่นอนว่าหากเป็นพวกลอบโจมตีหรือแอบวางยาผมมันก็อีกเรื่องนะ อีกทั้งหากผมจัดการชูยะในฐานะผู้กระทำผิด พวกธงแห่งผืนป่าคงไม่คิดจะท้าทายอะไรกับผมต่อแน่ถึงพวกเขาจะไม่พอใจผม
ตรงจุดนี้แหละจะเป็นปัญหาเอาเพราะความไม่พอใจที่แสดงออกมาไม่ได้จะกลายเป็นสิ่งสะสมที่กองไว้เบื้องหลังก่อนรอวันระเบิด ดังนั้นการปล่อยให้พวกเขามาท้าทายผมซึ่งๆ หน้าแก้ปัญหาง่ายกว่าเป็นไหนๆ
หากเป็นผมคนก่อน ก็อาจจะอยากกินวิญญาณของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ตอนนี้ผมได้บรรลุความต้องการในการเอาชนะพ่อของผมแล้ว ความต้องการในวิญญาณมันก็พลอยหายไปด้วยซะงั้น
ไอ้คุณอนิม่าในตัวผมมันก็แอบส่งเสียงไม่พอใจเหมือนกันแหละ แต่แน่นอนว่าการต่อสู้กับภัยคุมคามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ใกล้เข้ามาแล้ว ไว้ถึงตอนนั้นผมค่อยไปหาพวกเผ่ามายากินเอาละกัน หากเป็นวิญญาณของพวกมันยังไงก็คงอร่อยกว่าคนพวกนี้แน่ๆ ผมบอกกับโซลอีทเตอร์ไปแบบนั้น
พอหลังจบการต่อสู้กับชูยะก็ไม่มีใครคิดจะเข้ามาท้าทายผมต่อ ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าคนต่อไปจะเป็นไดรอาทแท้ๆ แต่เขากลับนิ่งเงียบไม่คิดจะทำอะไร ส่วนพ่อของเขาอย่างกิลมอร์ก็ถูกขังเอสไว้ที่ป้อมนันเท็น
เอาเป็นว่าแต่ละคนก็คงมีเป้าหมายของตัวเองแหละ หากไม่คิดจะยุ่งอะไรกับผม ผมก็ไม่คิดจะยุ่งอะไรกับอีกฝ่ายเหมือนกัน สุดท้ายสิ่งที่ผมขอพวกเขาก็มีเพียงอย่างมาขวางการอพยพของคิจิน
หลังจากแจกแจงความต้องการของผมเสร็จ ผมก็สั่งให้พวกเขาทำตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษของตนตามเดิม
แล้วก็พาเออซูร่าไปเจอกับพ่อผม
เพื่อค้นหาความจริงเบื้องหลังสาเหตุการตายของพ่อเธอ
ก็นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้ากัน ตั้งแต่ที่ผมได้สู้กับพ่อเมื่อวันก่อน การต่อสู้ที่หากใครพลาดไปก็ถึงตายได้ ถึงสุดท้ายผมจะเอาชนะมาได้ก็เถอะ
หากให้เดาจากท่าทางของพ่อผมแล้วหลังจากพ่ายแพ้ ตอนได้เจอหน้ากันคราวนี้คงน่าอึดอัดพอสมควร เขาคงไม่อยากจะเจอกับลูกชายที่สามารถโค่นตัวเขาได้แน่ ทว่าเขากลับยินดีจะตอบคำถามของพวกเราทั้งหมดซะงั้น
นั่นทำให้ผมแอบผิดหวังนิดหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมจิตใจของผมดันยอมรับขึ้นมาได้ซะงั้นว่าก็พ่อของผมนี่เนอะ แพ้ก็คือแพ้ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไร เขาไม่ได้แสดงความไม่พอใจกับความพ่ายแพ้ของตนเลย
จะว่าไป ท่าทางของพ่อผมก็เย็นชาแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ทว่าก็ใช้ว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลยเสียหน่อย
เอาเถอะหากอีกฝ่ายยอมตอบทั้งหมดผมก็พร้อมถาม
ผมยกเรื่องของอูลริชพ่อของเออซูร่าขึ้นมา ทางพ่อของผมก็ยอมรับว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิแห่งแสงจริง ความเชื่อมโยงกันของมิตสึรุกิกับคนในคิไคมีมานานและสืบทอดความลับดังกล่าวกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ส่วนเหตุผลที่พ่อของผมตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ลงไปก็เพราะสันตะปาปาโซเฟียกับมังกร
――ผมก็แอบสงสัยอยู่หรอกว่าเขาให้ความร่วมมือกับทางนั้นมากแค่ไหน
จากนั้นเออซูร่าก็ถามต่อเกี่ยวกับเบื้องหลังการตายของพ่อเธอ
คำตอบที่ได้จากพ่อผมก็ดังนี้
วันหนึ่งอูลริชได้พบนักดาบที่น่าสงสัยคนหนึ่งแอบลักลอบเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลมิตสึรุกิ นับดาบคนนั้นคือคนของตระกูลโฮโซซึ่งเดินทางมาจากคิไคเพื่อติดต่อกับพ่อของผม ด้วยความที่เขาดำรงตำแหน่งในการสืบสวนอยู่แล้วจึงสามารถตรวจจับการลักลอบเข้ามานี้ได้ไม่ยาก
พอได้เผชิญหน้ากันผู้ใช้นานะชิกิก็พยายามต่อต้านและตกใจว่าทำไมตนถึงถูกพบตัวได้
ในที่สุดอูลริชก็เอาชนะอีกฝ่ายได้สำเร็จก่อนจะรีดข้อมูลมาได้ จนรู้ว่าเขาคือคนของลัทธิแห่งแสงและตระกูลมิตสึรุกิมีความเกี่ยวของกับคนภายในคิไค
หลังจากนั้นอูลริชก็เดินทางไปคุยกับพ่อของผมตรงๆ เพื่อถามว่าสิ่งที่เขารู้เป็นจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงเขาก็อยากจะให้พ่อของผมหยุดเสีย
พ่อของผมก็ยอมรับว่าตนติดต่อกับคนภายในคิไคจริง
แต่พ่อของผมก็ยื่นเงื่อนไขว่าอูลริชต้องเอาชนะมือสังหารจากคิไคที่จะมาจัดการกับเขาให้ได้เสียก่อน
ก็ไม่ต้องสงสัยแล้วว่านักฆ่าคนที่ว่าคืออูรุย หรือก็คือพ่อของเออซูร่ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาสังหารตนเพื่อแก้แค้น
ผลคือพ่อของเธอพ่ายแพ้ให้กับอูรุยและความลับของมิตสึรุกิก็ถูกเก็บเอาไว้ดั่งเดิม ทว่าหากอูลริชเอาชนะอูรุยได้จริง พ่อของผมจะเลือกตัดสัมพันธ์กับพวกในคิไคไหมนะ?
…บางทีเขาทำตามที่พูดจริงๆ แหละ เพราะผมนึกภาพที่พ่อของผมผิดคำพูดไม่ออกเลย แทนที่จะทำผิดสัญญาเขาน่าจะปิดปากอูลริชตั้งแต่แรกด้วยซ้ำหากต้องการจริงๆ
ดังนั้นผมจึงสรุปได้ว่า ความลับที่เขาเกี่ยวข้องกับคิไคนั้นไม่ใช่ความลับที่จำเป็นต้องปิดไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม แต่เป็น ความลับที่ถึงจะหลุดออกไปจริงพ่อของผมก็ไม่ได้สนใจมากกว่า
แน่นอนว่า หากมันหลุดออกไปมังกรกับสันตะปาปาโซเฟียก็จะเคลื่อนไหวด้วย
มาถึงจุดนี้ก็แอบคิดว่าการที่พ่อของผมสามารถเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ได้บางทีอาจจะเป็นเพราะการหายไปของมังกรและสันตะปาปาโซเฟีย ทว่าจากท่าทีของเขาแล้วเขาสนใจตัวตนของทั้งสองจริงเหรอ?
เดาไม่ออกเลยจริงๆ ว่าในหัวพ่อผมคิดอะไรอยู่
ก็กะจะเอาโอกาสนี้ถามไปเลยถึงความตั้งใจจริงของเขา แต่ผมก็เลือกจะไม่ถามออกไป
ถึงผมจะรู้ความตั้งใจจริงของเขา ผมก็ไม่มีทางเข้าใจมันได้หรอกเพราะสิ่งที่ผมจะทำก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่อีกใจหนึ่งก็แอบกลัวว่าหากผมรู้เขา ผมอาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย
เอาชนะพ่อของตัวเองจนหลุดพ้นจากคำสาปพวกไร้ค่าไม่จำเป็นมาแล้วก็ไม่อยากจะรับของใหม่มาแทนหรอกนะเออ
ผมเลยเลือกเฝ้ามองเออซูร่าที่มาด้วยกันแทน
ผมได้รู้เรื่องที่ตัวเองสนใจไปหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่ดูว่าเออซูร่าจะทำอะไรกับพ่อของผมต่อ
จากที่เข้าใจ พ่อของผมไม่ได้คิดจะร่วมมืออะไรกับอูรุย แถมยังบอกอูลริชด้วยว่าโดยหมายหัวอยู่ให้ระวังตัวเองไว้ทั้งที่ไม่ควรจะบอกเลยแท้ๆ หากต้องการปิดเป็นความลับ
แต่ในเวลาเดียวกันความจริงที่ว่าพ่อของผมนิ่งเฉย แม้จะรู้ถึงตัวตนของนักฆ่าที่หมายจะเอาชีวิตลูกน้องตัวเองก็เป็นความจริงเหมือนกัน เออซูร่าที่ค้นพบว่าคิจิน 4 ตาคืออูรุยชายที่สังหารพ่อของเธอเมื่อหลายปีก่อน มันก็อดคิดไม่ได้ว่าถูกคนที่ตนรับใช้หลอก
สำหรับเธอพ่อของผมก็ไม่ต่างอะไรกับศัตรูที่ต้องแก้แค้น หากเธอต้องการผมก็พร้อมช่วย
ไม่นานนักเออซูร่าก็ก้มหัวขอบคุณพ่อผมที่ยอมตอบคำถามของเธอทั้งหมด ก่อนจะหันมามองผมและพยักหน้าให้
ผมพอจะรู้แล้วว่าเออซูร่าอยากจะสื่ออะไร ผมก็เลยบอกพ่อไปว่าขอตัว ก่อนจะออกไปพร้อมกับเออซูร่า แล้วก่อนที่จะได้ออกไปนั้นเอง
ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมจากข้างหลัง
แน่นอนว่าเป็นเสียงของพ่อผม ผมจึงหันกลับไปหา
「อายากะ อาเซอร์ไรท์ได้ลาออกจากการเป็นธงแห่งผืนป่าก่อนจะออกจากเกาะไปเมื่อคืนก่อน 」
「อายากะเหรอ? 」
ผมรู้สึกแปลกใจที่ชื่อของอายากะออกมาจากปากพ่อผม
ก็จริงว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เจออายากะเลย แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะออกจากเกาะไปแล้ว หรือผมจะเป็นสาเหตุกันนะ
อายากะออกจากเกาะไปยังไงก็ต้องผ่านการพิจารณาจากผู้นำตระกูล และเธอคงจะถูกพิธีผนึกจัดการไปแล้ว หมายความว่าเธอไม่อยากจะเป็นผู้ติดตามของผมขนาดนั้นเลยเหรอ
เอาเถอะ ผมก็ไม่สนหรอกว่าเธอจะคิดหรือรู้สึกยังไงกับผม แต่ผมสงสัยจริงๆ ว่าทำไมคนอย่างพ่อถึงต้องมาบอกการเคลื่อนไหวของเธอให้ผมฟังด้วย
ตอนแรกก็กะจะพูดอะไรต่อ แต่สุดท้ายผมก็เลือกจะหยุดเอาไว้ก่อนจะตอบกลับไปเพียงว่าขอตัวก่อน
ผมเดินออกมาจากห้องไปตามทางเดินอย่างเงียบๆ หลังจากที่เดินมาไกลมาพอผมก็ทักเออซูร่า
「เธอไหวใช่ไหม? 」
「อื้อ ผมไม่ได้อยากจะทำอะไรกับท่านชิกิบุตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าทำไมพ่อของผมถึงถูกฆ่า」
เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับปลดปล่อยภาระบนบ่าลง
เออซูร่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเองก็น่าจะเข้าใจดีว่าหากเธอเลือกจะสู้กับพ่อของผม ผมก็ต้องเข้าช่วยเธอ และพวกธงแห่งผืนป่าคงได้แห่มาแน่ ผลกระทบจากการอพยพก็จะมีปัญหาตามไปอีก
ก็สมกับเป็นเออซูร่า จะให้ความแค้นส่วนตัวมาขัดขวางแผนการของผมไม่ได้
ถึงผมจะบอกเธอไปว่าไม่ต้องมากังวลเรื่องของผมหรอกอีกฝ่ายก็คงหัวเราะกลบและปฏิเสธแน่นอน
ผมก็เลยเลือกจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือเปลี่ยนเรื่องและหาทางทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น
「ถ้างั้น เธอจะมาเมืองอิชกะกับฉันไหม? 」
「หากนั่นคือสิ่งที่ท่านผู้นำปรารถนา」
เธอตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มจนทำให้ความกังวลผมหายไปหมดเลย
แต่รอยยิ้มนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน สีหน้าของเธอกลับมาจริงจังอีกครั้ง
「ว่าแต่ท่าคิดจะทำยังไงกับอายากะต่อเหรอ? 」
「ถึงเธอจะถามแบบนั้นก็เถอะ」
ผมยิ้มเจือนๆ ออกมา
「ตอนนี้ไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้แล้ว อายากะก็คงกลับไปหาตระกูลของเธอ บางทีอาจจะพอได้คุยกันตอนเจรจากับจักรวรรดิก็ได้มั้ง」
หากอายากะที่รู้ถึงนิสัยของผมมาเป็นคู่เจรจา คงจะงานหยาบเอามากๆ แน่ แต่มันก็ไม่มีทางเลือกนี่เนอะหากต้องเจอกันจริงๆ
ดูเหมือนเออซูร่าจะแอบกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอายากะ แต่ผมไม่คิดจะติดต่อกับอายากะหรอกนะ ทางอายากะเองก็คงคิดแบบเดียวกัน
ถ้าจะให้บอกถึงความเสียใจต่ออายากะก็คงจะเป็นเรื่องที่อดต่อสู้กับไมฮิเมะคนนั้นจริงๆ จังๆ สักรอบนั่นแหละ
บางทีเออซูร่าคงจะเห็นสีหน้าของผมที่แสดงแทนคำตอบออกมาแล้ว เธอก็เลยไม่ถามอะไรผมต่อ
เอาเป็นว่าเหมือนหมดปัญหาแล้วก็เตรียมออกเดินทาง
จะว่าไปก็ออกจากอิชกะมานานแล้วด้วย พวกสาวๆ คงเป็นห่วงกันไม่น้อย มีหลายเรื่องที่ผมกังวลด้วยสิ อย่างบาเรียที่ผมขอให้สันตะปาปาโนอาห์สร้างกันพิษไฮดราจะเสร็จแล้วหรือเปล่า
ดังนั้นผมเลยอยากจะกลับไปที่คานาเรียให้เร็วที่สุด
ถึงใจหนึ่งอยากจะกล่าวลาท่านเอ็มมะสักหน่อยก็เถอะ แต่ผมก็เลือกจะยอมแพ้ไป เพราะหากผมทำแบบนั้น พวกที่เห็นท่าทีของผมที่แสดงต่อเธออาจจะใช้เธอเป็นเครื่องมือก็ได้
แถมการไปกระทืบลูกชายของเธอแถมฟาดสามีของเธอซะยับแบบนั้น จะให้ผมโผล่หน้าไปมันก็แอบรู้สึกผิดหน่อยๆ มีแต่จะทำให้เธอไม่สบายใจเท่านั้นแหละ
ผมจึงเลือกออกจากเกาะไปโดยไม่พบเธอก่อน
ส่วนผู้ร่วมทางไปคราวนี้ด้วยก็มี เออซูร่า ไคลอา คาการิ สองเดือนได้แล้วสินะตั้งแต่ออกมาจากจักรวรรดิพร้อมเออซูร่า …
—
Note 1 : เดี๋ยวตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายขององค์ 2 ในWNนะครับ แล้วผมก็จะเบรกไว้ตรงนี้ก่อนด้วย รอองค์ 3 มันไปไกลสักหน่อยค่อยมาทำต่อ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code