การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 280 ผู้อาวุโสแห่งราชอาณาจักร

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 280 ผู้อาวุโสแห่งราชอาณาจักร

 

「นี่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอเจ้านะปาสคาล ดูเหมือนจะแก่ลงไปเยอะเลยนี่」

 

 

 

ดยุกดรากูนอทถึงกับเลิกคิ้วขวาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังกล่าวจากมุมหนึ่งของวัง

 

 

ก็จริงอยู่ว่าชื่อเต็มของเขานั้นคือ ปาสคาล จิม ดรากูนอท แต่การที่จะมีใครสักคนมาเรียกตนที่ครองตำแหน่งระดับสูงเช่นนี้ในอาณาจักรแล้วก็นับว่าใจกล้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาทักว่าแก่ด้วยิ่งแล้วใหญ่

 

 

ทว่าเมื่อดยุกดรากูนอทมองไปยังต้นเสียง สิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าของเขากลับไม่ใช่ความโกรธแต่เป็นความสับสน เพราะยังไงตนก็จำตัวตนเจ้าของเสียงนี้ได้

 

 

ดยุกดาร์เรน โควิส น้องชายของกษัตริย์องค์ก่อนซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน เขาคือผู้อาวุโสที่รับใช้อาณาจักรคานาเรียมาแล้วกว่า 3 แผ่นดินและทำงานเพื่ออาณาจักรอย่างแท้จริง

 

ตอนนี้อายุของเขาก็ปาเข้าไป 70 ปีได้แล้วและยังเป็นผู้ที่ครองตำแหน่งระดับสูงสุดก่อนดยุกดรากูนอทจะมาสานต่อ

 

เป็นที่รู้กันดีว่าดยุกโควิสนั้นเกลียดชังจักรวรรดิเข้าเส้นและดูหมิ่นพวกที่ฝักใฝ่ใกล้ชิดกับจักรวรรดิเสมอ เขาจึงค่อนข้างชื่นชอบดยุกดรากูนอทที่ตั้งมั่นในการรักษาความมั่นคงของคานาเรียโดยการตีตัวออกหากจากจักรวรรดิ นอกจากนี้ความสามารถของดยุกดรากูนอทในวัยหนุ่มเองก็น่าชื่นชม

 

 

 

 

แม้ว่าหลังจากส่งไม้ต่อให้กับดยุกดรากูนอทแล้ว เขาเองก็ยังคงมีบทบาทสำคัญภายในราชสำนัก อย่างการค้นหาเหลือหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์และให้ความรู้แก่ลูกหลานของขุนนางทั้งหลาย ทว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วเขาก็ขอตัวเกษียณกลับบ้านเกิดไป

 

 

แล้วเหตุใดกันที่ทำให้ดยุกโควิสผู้ควรจะปลีกตัวออกจากสังคมไปแล้ว กลับมาที่แห่งนี้และพูดว่าไม่ดีกับตนกัน

 

ดยุกดรากูนอทจึงรู้สึกมึนงงสับสน ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลยแต่ก็ต้องเก็บมันเอาไว้ก่อนทำการก้มหัวเคารพอีกฝ่ายแทน

 

 

 

 

「ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ท่านดาร์เรน」

 

 

 

「โฮ่ ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ลืมมารยาทสินะ เอาเถอะถึงเจตจำนงมันจะหลงลืมไปแล้วแต่อย่างน้อยก็ยังเหลือสิ่งนี้อยู่ ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรชื่นชมสำหรับข้าราชบริพารระดับสูงแห่งคานาเรียหรอกนะ」

 

 

 

「ขออภัยแต่ท่านหมายความว่าอย่างไรกันที่ข้าลืมเจตจำนงไป? นับตั้งแต่ปาสคาลผู้นี้สืบทอดตำแหน่งจากท่าน ข้าก็เชื่อว่าทำงานให้เพื่ออาณาจักรคานาเรียของเราอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแท้ๆ 」

 

 

 

 

พอได้ยินคำตอบของดยุกดรากูนอท ดยุกโควิสก็สูดลมหายใจเข้าออก

 

ก่อนจะพูดด้วยภาษาอย่างไม่เป็นทางการแทน

 

 

 

「ก็เจ้าดันเชื้อเชิญเอาหอกแหลมแห่งจักรวรรดิเข้ามาถึงในวังเลยนี่ แล้วจะให้ข้าบอกว่าเจ้าไม่กลายเป็นตาแก่หงำเหงือกหลังผ่านไป 5 ปีได้แล้วยังไงกัน」

 

 

ดยุกโควิสมองไปยังดยุกดรากูนอทราวกับจะพูดว่าคงเข้าใจที่ข้าจะบอกใช่ไหม

 

 

 

หอกแหลมแห่งจักรวรรดิก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นเจ้าหญิงซากุยะที่แต่งงานกับองค์รัชทายาทไปเมื่อไม่นานมานี้ แถมไม่ว่าจะดูจากมุมไหนก็เป็นการแต่งงานเพื่อเพิ่มอิทธิพลของจักรวรรดิภายในคานาเรีย อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ดยุกโควิสเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย และการที่ดยุกดรากูนอทไม่สามารถหยุดยั้งได้ เขาจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

 

สำหรับดยุกโควิสที่เกลียดชังจักรวรรดิแล้ว ซากุยะก็เป็นเหมือนหนอนที่คอยชอนไชร่าง เขาไม่มีทางจะยอมรับเธอให้กลายมาเป็นราชินีแห่งคานาเรียในภายภาคหน้าแน่นอน

 

 

จากนั้นเขาก็แสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

「ตอนที่ข้าได้ยินการหมั้นหมายของทั้งสองอาณาจักร ข้าก็คิดเอาไว้แล้วว่าเราคงจะงานเข้าแล้ว แต่ข้าก็เชื่อว่าเจ้าจะสามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ได้แม้ข้าจะไม่ต้องออกหน้า ให้ตายสิหากข้าลงมือเองคงจะสามารถเปิดโปงความชั่วร้ายของมาร์ควิสโครเคียได้แล้วแท้ๆ แล้วคานาเรียของเราก็จะสามารถกลับไปในเส้นทางที่ถูกต้องได้」

 

 

 

 

ดยุกโควิสถอนหายใจ

 

 

 

 

「หากเป็นแค่ช่วงหมั้นยังไงก็คงพอสามารถจะทำอะไรได้บ้าง ทั้งที่ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้าแท้ๆ วิธีที่จะทำให้การหมั้นหมายยกเลิกไปก็มีตั้งเยอะ แล้วทำไมกัน」

 

 

 

มาพูดมาถึงตอนนี้ ดยุกโควิสก็เดาะลิ้นออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

 

 

「ข้าละไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าจะยอมให้การแต่งงานนี้ผ่านไปโดยไม่มีแผนอะไร แล้วจะให้ข้ามองว่าเจ้ากลายเป็นเบี้ยของนังนั่นหรือแก่จนเลอะเลือนแล้วได้อย่างไร」

 

 

 

 

อย่างเหตุการที่ตนต้องไปรับดูแลซากุยะนั่นก็เป็นสิ่งที่ดยุกดรากูนอทไม่ได้อยากทำเลย แต่จะปฏิเสธคำขอของทางราชวงศ์เพียงเพราะไม่ชอบหน้าก็คงไม่ได้

 

 

 

 

แต่ถึงเขาจะพูดไป ดยุกโควิสก็ไม่น่าจะพอใจอยู่ดี

 

 

เดิมทีนิสัยของอีกฝ่ายก็เป็นพวกที่แข็งกร้าวที่และความเด็ดขาดสูง ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นแนวโน้มที่จะแสดงความรุนแรงออกมาก็ยิ่งสูงกว่าเก่า

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ฟังความเห็นของคนอื่นอีกเลยและตัดสินไปตามที่ตนเชื่อ

 

 

――ตัวอย่างก็มีให้เห็น

 

 

ครั้งหนึ่งเคยมีเด็กสาวอนาคตไกลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะ

 

 

ดยุกโควิสที่หลงไหลในการค้นหาผู้มีความสามารถจึงบริจาคเงินจำนวนมากให้กับสถาบันปราชญ์มากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ฟังเรื่องราวของเด็กสาวผู้นั้น

 

 

 

เด็กสาวที่สามารถสอบจบสถาบันปราชญ์ได้ตั้งแต่อายุ 13 ปี ทั้งที่ปกติจะต้องอายุ 15 ปี ผู้สอนของเธอก็รับประกันในความสามารถ ดยุกโควิสเองก็ตัดสินใจจะเข้าร่วมงานพิธีจบของเด็กสาวเพื่อต้อนรับนางเข้ามาในการดูแลต่อไป

 

 

 

เขาได้ทำการไปเยี่ยมเยือนเด็กสาวเป็นการส่วนตัวและคาดหวังเป็นอย่างมากในพรสวรรค์ของอีกฝ่าย

 

 

ทว่าภายในวันสอบจบนั้นเอง เด็กสาวกลับไม่ปรากฏตัว

 

 

ดยุกโควิสโกรธมากที่เธอทำลายความคาดหวังของเขาและรีบออกจากสถาบันปราชญ์ไปทันที ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสั่งให้สถาบันยกเลิกคุณสมบัติในการเป็นปราชญ์ของเธอและขับไล่เธอออกจากสถาบันไป

 

 

แม้ภายหลังความจริงจะถูกเปิดเผยว่าเด็กสาวถูกขังอยู่ภายในห้องใต้ดินเนื่องจากมีคนไม่พอใจนาง ทว่าแทนที่ดยุกโควิสจะโกรธคนที่กระทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้เขากลับแก้ตัวไปเรื่อยเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจแทน

 

ทั้งที่เขาจะสั่งให้ลูกน้องตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้เองก็ได้ แต่เขากลับไม่คิดจะทำเลยสักนิด

 

 

แน่นอนว่าตราบาปของเด็กสาวก็ไม่ได้ถูกลบล้าง เธอจึงต้องออกจากสถาบันไปด้วยความสิ้นหวัง…

 

 

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน ดยุกโควิสเริ่มสูญเสียการควบคุมทางอารมณ์และความคิดไป

 

แถมยังมีเคสประมาณนี้อีกเยอะด้วยในระหว่างนั้น

 

 

เหตุผลที่ดยุกโควิสกลับไปยังบ้านเกิดส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาขัดแย้งกับคนอื่นมากเกินไป กษัตริย์เองก็คงจะกังวลเรื่องความวุ่นวายภายในวังจึงเปิดปากบอกไป

 

 

ดยุกดรากูนอทที่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วก็ยิ่งกังวลมากกว่าเดิมว่าดยุกโควิสคิดจะทำอะไรจึงมายังเมืองหลวงเอาตอนนี้

 

 

แต่ไม่ว่าจะมาด้วยเหตุใด การแต่งงานก็ได้เกิดขึ้นไปแล้วและยังมีการเชิญสันตะปาปาแห่งนครศักดิ์สิทธิ์คาริทัสมาร่วมงาน การที่ดยุกโควิสซึ่งเป็นหนึ่งในคนของราชวงศ์จะไม่มาเข้าร่วมก็คงเป็นไปไม่ได้ด้วยสิ

 

 

 

หากเขาเกิดทำอะไรแปลกๆ ขึ้นมาแล้วทำให้ทางจักรวรรดิหาเหตุผลชอบธรรมที่จะมาเอาเปรียบทางการทูตได้ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงไปใหญ่ แถมทางนครศักดิ์สิทธิ์อาจจะช่วยเป็นพยานในการแสดงความชอบธรรมนี้ด้วยก็ได้

 

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น ดยุกดรากูนอทเลยอยากจะเตือนให้ดยุกโควิสระมัดระวังเสียหน่อย ทว่าก็ถูกอีกฝ่ายเปิดปากพูดก่อน

 

 

 

「จะว่าไป ข้าได้ยินว่าอาณาเขตของเจ้าก็ถูกพวกโจรรุกรานนี่ สำหรับผู้ที่แม้กระทั่งเขตตัวเองก็ดูแลไม่ไหวจะให้มาดูแลภายนอกอีกก็คงยาก ดังนั้นเจ้าควรมุ่งความสนใจไปยังเขตของเจ้าเถอะ ระหว่างนี้ข้าจะทำการแก้ไขเรื่องตรงนี้ให้มันถูกต้องเอง」

 

 

「ข้าขอขอบพระคุณที่ท่านเป็นห่วงครับ ทว่าตอนนี้แอดทริสก็ได้ลงไปดูแลพื้นที่แล้ว ข้าแน่ใจว่าอีกไม่น่าพวกเราก็คงได้รับข่าวดี」

 

 

 

「ข้าเองก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพวกโจรถึงได้วางแผนโจมตีดินแดนของดยุกไรโคกัน แต่เท่าที่ได้ยินเหมือนพวกมันก็เตรียมการมาดีพอสมควรเลยนะ ทั้งที่พวกอัศวินมังกรลงพื้นที่ พวกมันก็ยังสามารถรับมือและหลบหนีได้อยู่ดี แค่ลูกสาวของเจ้าจะดีเหรอ เพื่อป้องกันเหตุไม่ได้เลวร้ายกว่านี้ข้าว่าเจ้าควรกลับนะ」

 

 

 

 

ดยุกโควิสจ้องมองดยุกดรากูนอทด้วยดวงตาอันไร้อารมณ์ใดๆ

 

ดยุกดรากูนอทขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ ไปภายในตัวของผู้อาวุโสที่เขาเคารพ

 

 

เห็นได้ชัดว่าดยุกโควิสต้องการให้ดยุกดรากูนอทออกจากวังไป เขาคงมองว่าตราบใดที่ดยุกดรากูนอทยังอยู่ เขาจะไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้

 

 

ดังนั้นเขาอาจจะมองว่าความวุ่นวายในเขตของดยุกดรากูนอทเป็นสิ่งที่ใช้อ้างได้

 

 

คำถามต่อมาก็คือดยุกโควิสได้รับข้อมูลมาจากใครบางคนและเลือกจะใช้มันให้เป็นประโยชน์หรือความวุ่นวายดังกล่าวเกิดมาจากตัวดยุกโควิสเสียเอง

 

หากเป็นในกรณีหลัง ดยุกโควิสก็อาจจะตัดสินใจเลือกใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาเป็นแน่

 

 

 

――แต่ดยุกดรากูนอทก็ไม่อยากจะเชื่อนักว่าดยุกโควิสจะเลือกทางนั้น

 

ดยุกดรากูนอทได้พึมพำออกมา แต่เสียงของมันก็ช่างแผ่วเบาเสียจนไม่ได้ยินคำใด

 

——-

Note 1 : กลับมาแตะหญ้าที่ไทยละครับ แต่ได้ของแถมเป็นไข้หวัดใหญ่ คงจะลงงานแปลช้าหน่อย

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท