กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 8 สรวงสวรรค์ของอวิ๋นโม่

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        สมุนไพรที่อวิ๋นโม่ต้องการ หลักๆ มีสองชนิด หนึ่งคือโสมพิษงู ฟังจากชื่อของมันก็รู้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เกิดจากปีศาจงูใช้น้ำลายพิษหล่อเลี้ยงขึ้นมา มันไม่เพียงช่วยดึงฤทธิ์ยาของดอกชุ่ยถี่ในโอสถเสริมกำลังออกมา แต่ยังช่วยยกระดับสมุนไพร ทำให้ฤทธิ์ยาของดอกชุ่ยถี่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

 

        สมุนไพรอีกชนิดก็คือหญ้าสายน้ำ

        หากอวิ๋นโม่ใช้ยากับตนเองก็ไม่จำเป็นต้องใช้หญ้าสายน้ำ ใช้แค่โสมพิษงูเคี่ยวเป็นยาน้ำฤทธิ์รุนแรง เมื่อแทรกซึมสู่ร่างกายจะสร้างความเจ็บปวดเหลือคณา อวิ๋นโม่ไม่ต้องการให้น้องสาวต้องทรมาน ความเจ็บปวดเช่นนั้นเขาเผชิญเพียงผู้เดียวก็พอแล้ว

        หญ้าสายน้ำ เป็นสมุนไพรหลักของยาบรรเทาอาการเจ็บปวด มันทำให้ฤทธิ์ยาของยาต่างๆ อ่อนโยนขึ้น ยาน้ำเสริมกำลังเมื่อเติมหญ้าสายน้ำลงไป การเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายก็จะกลายเป็นเรื่องรื่นรมย์ ไร้ซึ่งความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่ว่าอวิ๋นโม่ไม่ต้องการใช้ เพราะหากไม่เติมหญ้าสายน้ำลงไป การเสริมกำลังกล้ามเนื้อจะได้ผลดีกว่า สำหรับความเจ็บปวดกล้ามเนื้อที่ได้รับ ชาติที่แล้วอวิ๋นโม่ผ่านประสบการณ์มากมาย ย่อมไม่หวั่นเกรงอยู่แล้ว

        สองอย่างนี้เป็นสมุนไพรสำคัญที่สุดของยาน้ำเสริมกำลัง หากมีเงินไม่พอ เขาคงต้องถอยก้าวหนึ่ง ซื้อสมุนไพรที่มีคุณสมบัติด้อยกว่ามาใช้แทน โชคดีที่บังเอิญพบกับพี่อวิ๋นโหรว ตอนนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีก

        “น้องชายผู้นี้ ลองมาดูสมุนไพรของข้าสิ เจ้าเห็นหรือไม่ นี่คือโสมคนพันปี เป็นยาบำรุงชั้นยอด ถึงตายแล้วก็ฟื้นคืนมาได้”

        “น้องชาย ลองมาดูของข้าเถอะ ของข้าต่างหากจึงจะเป็นของดีของจริง เจ้าดูสิ นี่คือผลอายุวัฒนะ เป็นยอดโอสถของแท้ ยามเจ้าเข้าสู่ระดับก่อจิตจะสามารถสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณเข้มข้นที่กระจายออกมาจากมัน กินผลอายุวัฒนะหนึ่งลูกจะยืดอายุขัยได้ร้อยปีเลยนะ!” 

        “หนุ่มน้อย ข้าเห็นว่าเจ้ายังอยู่ในระดับเสริมกำลัง โอสถเสริมกำลังของข้าจึงจะเป็นของที่เหมาะสมกับเจ้าที่สุด ลองชมดูสิ รับรองว่าไม่มีปลอมแปลง โอสถเสริมกำลัง หนึ่งเม็ดห้าเหรียญเงินเท่านั้น!” 

        ยิ่งอวิ๋นโม่เดินลึกเข้าไปตามถนนยาเถื่อน ก็ยิ่งมีผู้คนร้องเรียกให้เขาซื้อยามากขึ้น คนที่เร่ขายยา มีทั้งเปิดปากร้องตะโกนและปิดตาวางท่าสูงส่ง รอให้ลูกค้าเป็นฝ่ายเข้ามาเอง

        หลังเดินผ่านแผงลอยไปหลายแผง อวิ๋นโม่ก็พอเห็นสมุนไพรที่ไม่เลวอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ สมุนไพรที่เจ้าของแผงตะโกนขายเป็นเพียงของธรรมดาเท่านั้น มีบ้างที่เป็นสมุนไพรธรรมดาที่พบเจอได้น้อย อย่างเช่น โสมคนพันปีที่เจ้าของร้องนำเสนอก็เป็นแค่หัวไช้เท้าที่ยังไม่เติบโตหัวหนึ่ง

        คนเหล่านี้ หากคิดจะหลอกปรมาจารย์โอสถอย่างเขาย่อมเป็นไปไม่ได้

        ผ่านแผงลอยมาสิบกว่าแผง ในที่สุดอวิ๋นโม่ก็พบโสมพิษงูต้นหนึ่ง น่าเสียดายที่คนขุดไม่ชำนาญ ทำรากขาดไปหนึ่งเส้น ดูจากสภาพของต้นโสมพิษงูแล้ว เกรงว่าฤทธิ์ยาคงเสื่อมไปแปดเก้าส่วน แทบจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย

        อวิ๋นโม่ได้แต่ส่ายศีรษะพลางเดินต่อไป ผ่านไปอีกสักพักก็พบโสมพิษงูอีกครั้ง ทั้งยังมีถึงสามต้น ในนั้นมีต้นหนึ่งที่เป็นสีเขียวอ่อนซึ่งเป็นต้นที่ยังเติบโตไม่สมบูรณ์ อีกสองต้นล้วนมีคุณสมบัติตรงตามที่อวิ๋นโม่ต้องการ โสมพิษงูสองต้นนับว่าเพียงพอแล้ว

        เจ้าของแผงเป็นบุรุษสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบผู้หนึ่ง ลักษณะเหมือนชาวสวน อวิ๋นโม่คุกเข่าลงไปชี้โสมพิษงู ถามว่า “โสมพิษงูพวกนี้ ราคาเท่าไร”

        เมื่อมีลูกค้า ชายผู้นั้นก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขาชูนิ้วเอ่ยคำ “หนึ่งต้นร้อยเหรียญเงิน หากต้องการซื้อทั้งสามต้น ข้าจะลดราคาให้ท่านสองส่วน”

        “หนึ่งต้นร้อยเหรียญเงิน ปล้นกันเลยดีกว่า” อวิ๋นโม่ทำสีหน้าตกตะลึงเกินจริง ลุกขึ้นได้ก็เดินออกไป

        “รอก่อน น้องชายอย่ารีบร้อน ทำการค้าย่อมปรับเปลี่ยนราคาได้ หากไม่พอใจก็เชิญมาตกลงกันใหม่”

        อวิ๋นโม่คุกเข่าลงไปอีกครั้ง มองโสมพิษงูทั้งสามต้นด้วยสายตาเอือมระอา “ต้นนี้เล็กไป เกรงว่าฤทธิ์ยาคงมีไม่เท่าไร ดูไปแล้วอายุยังไม่ถึงสิบปี ต้นนี้ดูแล้วอายุสิบกว่าปี แต่เจ้าขุดจนรากของมันขาด เกรงว่าคงเสียสรรพคุณยาไปกว่าครึ่ง ยังมีอีกต้นที่เป็นสีเขียว เห็นชัดได้ว่ายังเติบโตไม่สมบูรณ์ เกรงว่าคงไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นสามต้นรวมกัน ราคาก็คงไม่ถึงร้อยเหรียญเงิน”

        แม้จะเอ่ยว่าโสมพิษงูทั้งสามต้นแทบจะไร้ราคา แต่ที่จริงแล้วอวิ๋นโม่รู้ดีว่า โสมพิษงูเหล่านี้มีราคาดังที่เจ้าของแผงแจ้งมา สรรพคุณยาของโสมพิษงู ที่จริงแล้วไม่เกี่ยวข้องกับขนาดใหญ่เล็ก อีกทั้งรากที่ขาดไปก็ไม่ใช่รากแก้ว ไม่กระทบต่อฤทธิ์ยา ยกเว้นต้นที่มีสีเขียวซึ่งอวิ๋นโม่ไม่ได้พูดส่งเดช เพียงแต่อวิ๋นโม่ไม่ใช่เศรษฐีมีทรัพย์ บนถนนยาเถื่อนไม่อาจซื้อขายตามราคาจริง

        บุรุษผู้นั้นเอ่ยตอบ “ดูไม่ออกว่าน้องชายเป็นผู้ชำนาญผู้หนึ่ง แต่ว่าโสมพิษงูของข้าก็ไม่ได้ย่ำแย่ปานนั้นกระมัง เจ้าว่าเช่นนี้เป็นอย่างไร ข้าจะคิดราคาต้นละห้าสิบเหรียญเงิน สามต้นหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญเงินดีไหม”

        อวิ๋นโม่ส่ายหน้า “แพงเกินไป สามต้นแปดสิบเหรียญเงินเถอะ”

        “ข้าว่านะน้องชาย เจ้ากดราคามากเกินไปแล้ว แปดสิบเหรียญเงินจะซื้อโสมพิษงูสามต้นได้อย่างไร เพิ่มราคาอีกสักหน่อยเถอะ”

        อวิ๋นโม่นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เอาเช่นนี้ ข้าจะซื้อสองต้นแปดสิบเหรียญเงิน หากเจ้าตกลง ข้าก็ซื้อ ถ้าไม่ตกลง ข้าก็จะไปดูร้านอื่น” โสมพิษงูต้นที่ยังไม่สมบูรณ์นั้นไม่มีคุณค่าสักเท่าไร ดังนั้นอวิ๋นโม่จึงไม่ต้องการ

        บุรุษผู้นั้นไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ “เอาเถอะ วันนี้เจ้าเป็นลูกค้าคนแรกของข้า ถือเป็นการประเดิม สองต้นแปดสิบเหรียญเงิน”

        อวิ๋นโม่อมยิ้ม ไม่เลว ใช้แปดสิบเหรียญเงินซื้อโสมพิษงูสองต้น นับว่ากำไรมากแล้ว หลังจากเก็บโสมพิษงูเขาก็สอบถามบุรุษผู้นั้นต่อ “พี่ชาย ท่านรู้หรือไม่ว่าที่ใดขายหญ้าสายน้ำ”

        “หญ้าสายน้ำหรือ” บุรุษผู้นั้นมองอวิ๋นโม่อย่างงุนงง “นั่นเป็นสมุนไพรอะไร ข้าขายสมุนไพรมาหลายปี ยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”

        อวิ๋นโม่ชะงัก แม้หญ้าสายน้ำเป็นสมุนไพรที่มีราคาค่อนข้างแพง แต่ก็ไม่ใช่ของหายาก คนผู้นี้จะไม่รู้จักได้อย่างไร

        “เป็นสมุนไพรหลักที่ใช้ปรุงยาบรรเทาอาการเจ็บปวด พี่ชายจะไม่เคยได้ยินได้อย่างไร”

        “เฮอะ หญ้าสายน้ำอะไรกัน สมุนไพรหลักที่ใช้ปรุงยาบรรเทาอาการปวดก็คือหญ้าคลายปวดไม่ใช่หรือ น้องชายล้อข้าเล่นแล้ว คิดว่าข้าไม่รู้จักแม้แต่สมุนไพรหลักของยาบรรเทาปวดหรือ”

        อวิ๋นโม่เข้าใจในทันที ชื่อของสมุนไพรที่นี่ กับที่ที่เขาเคยอยู่อาจมีบางส่วนไม่เหมือนกัน ดูท่าคงต้องซื้อหนังสือแนะนำสมุนไพรมาศึกษาสักเล่ม ไม่เช่นนั้นแม้เขาจะมีฝีมือทางการแพทย์ แต่คงต้องพบอุปสรรคไม่น้อย ยังดีที่สมุนไพรที่ท่านแม่ซื้อหาในคราวก่อนมีชื่อตรงกับสมุนไพรที่เขารู้จักในชาติก่อน

        “ฮ่าๆๆ” อวิ๋นโม่หัวเราะ “หลอกลวงพี่ชายไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นพี่ชายรู้หรือไม่ว่าที่ใดขายหญ้าคลายปวด”

        เจ้าของร้านชี้ไปยังปลายถนนแล้วกล่าว “เห็นเจ้าหนุ่มตัวผอมตรงนั้นหรือไม่ เขามีอยู่ไม่น้อย”

        อวิ๋นโม่ผงกศีรษะเอ่ย “ขอบคุณพี่ชายมาก” พูดจบก็เดินไป

        บุรุษผู้นั้นโบกมือให้ชายหนุ่มตัวผอม “เจ้าลิง ข้าแนะนำลูกค้าให้ เย็นนี้อย่าลืมเลี้ยงเหล้าข้าด้วย” ชายฉกรรจ์หัวเราะ

        อวิ๋นโม่มาถึงแผงลอยของชายผู้นั้นก็พบหญ้าสายน้ำจำนวนไม่น้อย ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ลิงโลดเมื่อเห็นสิ่งที่ชาติก่อนเสาะหาเท่าไรก็หาไม่พบ น้ำนมปฐพี!

        น้ำนมปฐพี เป็นยาเสริมความแข็งแรงของร่างกายจากธรรมชาติที่ดีที่สุดในใต้หล้า ยอดเยี่ยมกว่ายาน้ำเสริมกำลังเสียอีก 

        ตรงหน้าชายหนุ่มผอมแห้งมีหินผลึกสีสวยขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่ง อวิ๋นโม่มั่นใจว่ามันคือน้ำนมปฐพีแน่นอน อีกทั้งปริมาณน้ำนมปฐพีในนั้นก็มีไม่น้อย ดูจากขนาดของผลึกน่าจะมีมากถึงสิบกว่าหยด แค่น้ำนมปฐพีเพียงหยดเดียวก็ทำให้ผู้คนตื่นเต้นจนคลุ้มคลั่งได้แล้ว น้ำนมปฐพีสิบหยด ต่อให้เป็นเทพจักรพรรดิ ก็ไม่เคยมีโอกาสพบเห็นมาก่อน หากตอนนั้นเทพจักรพรรดิลั่วเทียนสามารถเสาะหาน้ำนมปฐพีมาเสริมกำลังให้ร่างกาย เกรงว่าพละกำลังในตอนนี้คงน่าตื่นตระหนกกว่าเดิม อย่าว่าแต่ผู้คนในแดนมนุษย์ แม้แต่เทพจักรพรรดิหลายคนร่วมมือกันก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

        ยังดีที่ตอนนั้นอวิ๋นโม่ค้นหาน้ำนมปฐพีไม่พบ

        ถึงอวิ๋นโม่จะตื่นเต้น แต่สีหน้าไม่เปลี่ยน แววตาก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หินผลึกที่มีน้ำนมปฐพี หากเจ้าของแผงรู้ว่าเขาสนใจสิ่งนี้จะต้องเล่นแง่กับเขาสักตั้งแน่นอน แต่ ไม่ว่าจะราคาแพงสักแค่ไหน วันนี้อวิ๋นโม่ก็ต้องซื้อน้ำนมปฐพีให้ได้ 

        “พี่ชาย หญ้าคลายปวดของเจ้าขายอย่างไร”

        “หญ้าคลายปวด ต้นละห้าเหรียญเงิน ไม่ต่อราคานะ” ชายตัวผอมเอ่ยปาก

        “ต้นละห้าเหรียญเงิน แพงไปนะ” อวิ๋นโม่ส่ายศีรษะ “หญ้าคลายปวดพวกนี้ดูไปก็ไม่เท่าไร ดูเหมือนจะเฉาอยู่บ้าง จะแพงขนาดนั้นได้อย่างไร”

        แม้เขาจะไม่ต้องใช้หญ้าสายน้ำ แต่น้องสาวต้องการมัน คำนวณดูแล้วห้าต้นก็คงพอ หากใช้ไปยี่สิบห้าเหรียญเงิน เกรงว่าจะไม่พอซื้อน้ำนมปฐพีและสมุนไพรอื่นๆ

        “หนุ่มน้อย เจ้าคงไม่รู้ว่าหญ้าคลายปวดแม้จะเฉาแล้ว สรรพคุณก็ไม่เสียไป ต้นละห้าเหรียญเงินนับว่าเหมาะสมมาก ลดไม่ได้แล้ว” เจ้าของแผงส่ายศีรษะ

        อวิ๋นโม่ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอผู้ชำนาญ ชายหนุ่มผู้นี้รู้จักสรรพคุณของหญ้าสายน้ำเป็นอย่างดี ดูท่าคงจะไม่ลดราคา เขาคิดแล้วก็เปลี่ยนความตั้งใจ

        สายตากวาดไปเบื้องหน้า สุดท้ายหยุดอยู่บนหินผลึกก้อนนั้นก่อนเอ่ยอย่างประหลาดใจ “หินก้อนนี้ดูสวยดี มันคืออะไร วันนี้พอดีเป็นวันเกิดน้องสาวของข้า หากมอบหินสวยๆ ให้ นางคงจะชอบ”

        เจ้าของแผงเผยสีหน้ายินดี เอ่ยว่า “นี่เป็นของดี ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะขุดได้จากเทือกเขาเหนือเมฆา   เจ้าดูสิ ของที่ได้จากเทือกเขาเหนือเมฆาจะไม่ดีได้อย่างไร”

        อวิ๋นโม่พลันเข้าใจ เจ้าของแผงคงไม่รู้คุณค่าของหินผลึกก้อนนี้ “พี่ชาย ก็แค่หินธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้น มีอะไรดี ดูโคลนเกรอะกรังพวกนี้ คงจะวางเอาไว้นานแล้วกระมัง หากเป็นของดีต้องมีคนซื้อไปแต่แรกแล้ว”

        เจ้าของแผงละอายใจอยู่บ้าง ก็ใช่ เขาวางขายหินผลึกก้อนนี้มาหลายวันแล้วก็ยังขายไม่ออก ไม่มีใครสนใจถามด้วยซ้ำ อวิ๋นโม่นับเป็นคนแรกที่สนใจมัน

        “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะซื้อหญ้าคลายปวดห้าต้น เจ้าก็แถมหินผลึกนั่นให้ข้า”

        “อย่างนั้นไม่ได้!” เจ้าของแผงรีบจับหินผลึกเอาไว้ราวกับกลัวว่าอวิ๋นโม่จะแย่งชิงไป “ข้าต้องเสี่ยงชีวิตไม่น้อยเพื่อขุดหินผลึกก้อนนี้ จะแถมให้เปล่าๆ ไม่ได้ หนุ่มน้อย ถ้าเจ้าชอบก็ให้มาสักสิบเหรียญเงินเถอะ ข้าจะขายหินผลึกก้อนนี้แก่เจ้า”

        “สิบเหรียญเงิน” อวิ๋นโม่ส่ายหน้า “แพงไปแล้ว แค่หินก้อนหนึ่งเท่านั้น ยังจะขายตั้งสิบเหรียญเงิน ไม่สู้ข้าใช้สองเหรียญเงินซื้อสร้อยข้อมือดีๆ ให้น้องสาว นางอาจชอบมากกว่าด้วยซ้ำ”

        “งั้นหนุ่มน้อย เจ้าจะจ่ายเท่าไร”

        “ห้าเหรียญเงิน มากสุดห้าเหรียญ ถ้าไม่ได้ละก็ ข้าจะไปซื้อสร้อยข้อมือ น้องสาวข้าอาจจะไม่ชอบหินผลึก”

        “ได้ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ห้าเหรียญเงิน! รวมกับหญ้าคลายปวดห้าต้น ทั้งหมดสามสิบเหรียญเงิน” เจ้าของแผงรีบรับปากอย่างดีอกดีใจ หินก้อนนี้เขาขุดได้โดยบังเอิญ เดิมทีคิดว่าจะขายไม่ออก นึกไม่ถึงว่าจะมีไอ้โง่คนหนึ่งยินดีซื้อก้อนหินไปในราคาห้าเหรียญเงิน

        อวิ๋นโม่ดีใจยิ่งกว่าเจ้าของแผงเสียอีก สิ่งของที่แม้แต่เทพจักรพรรดิเห็นยังต้องหวั่นไหว เขาใช้แค่ห้าเหรียญเงินก็ซื้อได้แล้ว ในโลกนี้คงไม่มีเรื่องใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว ได้ประโยชน์ครั้งใหญ่จริงๆ!

        ขณะที่อวิ๋นโม่กำลังหยิบเงิน มือข้างหนึ่งก็คว้าหินผลึกไป

        “เจ้าของร้าน หินก้อนนี้ ข้าจะซื้อในราคาสิบเหรียญเงิน!”

        เจ้าของแผงสายตาเป็นประกายขึ้นมา ถึงกับมีไอ้โง่ยินดีซื้อหินก้อนหนึ่งในราคาสิบเหรียญเงิน หรือว่ามันจะเป็นสมบัติล้ำค่าอะไร

        อวิ๋นโม่หัวใจกระตุก เขามีเงินไม่มาก หากผู้อื่นเห็นว่าหินผลึกก้อนนี้ไม่ธรรมดา เขาคงไม่อาจแย่งชิง

        อวิ๋นโม่หันหน้าไป สีหน้าพลันเคร่งขรึม

        “อวิ๋นเลี่ย!” 

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท