กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 10 มุ่งมั่นเพื่อการประลอง

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        เส้นแบ่งของระดับเสริมกำลังไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน แต่มีคนพยายามตั้งมาตรฐานขึ้นมา หากการต่อยหนึ่งหมัดมีกำลังหนึ่งพันชั่งถือเป็นระดับเสริมกำลังขั้นหนึ่งชั้นฟ้า หากหนึ่งหมัดสามารถต่อยด้วยกำลังสองพันชั่งก็คือระดับเสริมกำลังขั้นสองชั้นฟ้า โดยคร่าวๆ ก็เป็นเช่นนี้

 

        ถึงจะเป็นเพียงมาตรฐานคร่าวๆ แต่คนส่วนมากก็ยึดถือตามนั้น แน่นอนว่าเกณฑ์นี้ไม่สามารถใช้กับอวิ๋นโม่ เพราะหากนับตามนี้ การต่อยหนึ่งหมัดของคนที่อยู่ในระดับเสริมกำลังขั้นสี่ชั้นฟ้าจะได้แรงเท่ากับสี่พันชั่ง แต่นั่นคือการออกหมัดซึ่งเป็นการรวบรวมพลังจากทั้งร่างแล้วปล่อยออกไป แต่พละกำลังที่จะแบกรับน้ำหนักนั้นน้อยกว่าแรงหมัดมาก

        อวิ๋นโม่อยู่ระดับเสริมกำลังขั้นสี่ชั้นฟ้า สามารถยกตะกร้าหินหนักสามพันชั่งอย่างง่ายดาย พละกำลังของเขาจะน่ากลัวเพียงไหน

        เมิ่งเอ๋อร์ไล่ตามไปด้วยความยินดี ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็แสดงให้เห็นว่าพี่ใหญ่เก่งมาก ยิ่งพี่ใหญ่เก่งเท่าไร นางก็ยิ่งดีใจมากเท่านั้น

        “ใครว่าพี่ใหญ่เป็นตัวขยะ ต่อให้เป็นผู้อยู่ในระดับเสริมกำลังขั้นเจ็ดชั้นฟ้า ก็ยังมีพละกำลังไม่มากเท่าพี่ใหญ่” เมิ่งเอ๋อร์คิดแล้วเมฆหมอกที่อยู่ในใจก็สลายไป ตอนนี้นางเชื่อหมดใจว่าเมื่อถึงเวลาประลอง อวิ๋นโม่ต้องเอาชนะอวิ๋นเลี่ยได้แน่นอน

        ทั้งสองมาถึงด้านบนของน้ำตก อวิ๋นโม่วางตะกร้าไว้ที่ริมน้ำก่อนกล่าวกับเมิ่งเอ๋อร์ “เมิ่งเอ๋อร์ อีกเดี๋ยวเจ้าช่วยข้าโยนก้อนกรวดพวกนี้ลงไปในน้ำตก”

        เมิ่งเอ๋อร์เบิกตาโต นางรู้แล้วว่าอวิ๋นโม่คิดจะทำอะไร “พี่ใหญ่ นี่จะไม่อันตรายเกินไปหรือ” 

        เมิ่งเอ๋อร์กังวล ก้อนกรวดตกลงไปพร้อมกับน้ำตกด้วยความสูงขนาดนี้ แรงกระแทกต้องน่ากลัวมาก แม้จะรู้ว่าอวิ๋นโม่แข็งแกร่ง แต่การฝึกอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ออกจะอันตรายเกินไปหรือไม่

        “วางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก” ก้อนกรวดที่อวิ๋นโม่เลือกมาค่อนข้างเล็ก เขาสมควรทนได้

        “เช่นนั้นท่านต้องระวังให้มากนะ!” เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของอวิ๋นโม่ เมิ่งเอ๋อร์ก็ไม่พูดอะไรให้มากความ นางเชื่อว่าพี่ชายรู้ขอบเขตดี

        อวิ๋นโม่กระโดดลงไปยังใจกลางน้ำตก จากนั้นปีนขึ้นไปยืนบนแผ่นหินแล้วตะโกนเสียงดัง “เมิ่งเอ๋อร์ โยนลงมาเถอะ!” 

        ตูม!

        ก้อนกรวดขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงลงมาพร้อมกับน้ำตก ความรุนแรงย่อมเหนือกว่าน้ำตกก่อนหน้านี้มาก

        ตูมๆๆ!

        ก้อนกรวดหล่นใส่ร่างของอวิ๋นโม่ เขาซวนเซไปวูบหนึ่ง ความรุนแรงของก้อนกรวดพวกนี้ยังน่ากลัวกว่าที่คิดไว้ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจ ความรุนแรงเช่นนี้เขาสามารถทนได้

        “พี่ใหญ่!” 

        “ข้าไม่เป็นอะไร อย่าหยุดมือ!” 

        อวิ๋นโม่ตะโกนตอบ จากนั้นกัดฟันเริ่มฝึกหมัดทลายภูผา ก้อนกรวดร่วงลงมาใส่ร่างของอวิ๋นโม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเขาเกิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ

        เมื่อมีน้ำตกและก้อนกรวดก็ทำให้การฝึกฝนก้าวหน้า อวิ๋นโม่สามารถทนรับแรงกระแทกได้ในเวลาเพียงไม่นาน หลังจากก้อนกรวดขนาดเล็กหมดไปหลายตะกร้า อวิ๋นโม่ก็เลือกก้อนหินที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาฝึก

        การฝึกฝนเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งสามวัน จากกรวดก้อนเล็กเปลี่ยนเป็นก้อนหินขนาดเท่ากำปั้น อวิ๋นโม่ที่อยู่ใต้น้ำตกยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว เขาออกหมัดอย่างรวดเร็ว ก้อนหินทุกก้อนที่ร่วงลงมาถูกต่อยกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย การต่อยก้อนหินที่มีขนาดทั้งใหญ่และเล็กให้แหลกยังยากกว่าต่อยหินก้อนใหญ่ให้เป็นผุยผงมากนัก

        หลังจากต่อยก้อนหินก้อนสุดท้าย อวิ๋นโม่ก็กระโดดออกมาจากน้ำตกส่งเสียงหัวเราะดังลั่นติดต่อกัน

        “ในที่สุดก็ถึงระดับยอดเยี่ยมแล้ว!” อวิ๋นโม่เผยรอยยิ้ม เขามั่นใจว่าต่อให้เป็นลั่วเทียนที่อยู่ระดับเสริมกำลังขั้นสี่ชั้นฟ้าในตอนนั้นก็ยังไม่เหนือไปกว่าเขา

        อวิ๋นโม่อุ้มก้อนหินขนาดไม่น้อยกว่าห้าพันชั่งก้อนหนึ่งขึ้นมา โยนขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นขณะที่ก้อนหินกำลังร่วงลงมาก็ต่อยหมัดใส่จนแหลก เมิ่งเอ๋อร์ดูฉากนี้ด้วยความตื่นตะลึง พุ่งเข้าไปกอดแขนอวิ๋นโม่อย่างดีใจ

        “พี่ใหญ่ ท่านเก่งเกินไปแล้ว!” เมิ่งเอ๋อร์ดีใจมาก นางเชื่อว่าในบรรดาลูกศิษย์ตระกูลอวิ๋นที่อยู่ระดับเสริมกำลังขั้นสี่ชั้นฟ้า ไม่มีผู้ใดสู้พี่ชายของตนได้

        “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าเองก็ต้องพยายามให้มาก” อวิ๋นโม่ลูบศีรษะเมิ่งเอ๋อร์เบาๆ

        “อืม!” เมิ่งเอ๋อร์ผงกศีรษะ หยิบกิ่งไม้ขึ้นแสดงเพลงกระบี่เทพธิดา

        “เมิ่งเอ๋อร์ ใช้เพลงกระบี่เทพธิดาโจมตีข้า มา” เขาไม่ได้เอาแต่ฝึกฝนตนเอง แต่ยังใส่ใจให้คำแนะนำน้องสาว หากเอาแต่ฝึกกระบวนท่ากระบี่โดยไม่ได้ต่อสู้จริง ความแข็งแกร่งย่อมไม่มาก

        อวิ๋นโม่ตรวจสอบสมุนไพรเมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็น ระยะเวลาทั้งหมดหนึ่งเดือน เขาใช้ไปหกวันแล้ว ตอนนี้ถึงจุดตีบตัน ได้เวลาที่ต้องแช่ยาเสริมกำลังแล้ว

        ตอนนี้เขายังไม่สามารถใช้น้ำนมปฐพี ถึงมันจะเป็นยาเสริมกำลังที่ดีที่สุดแต่ก็มีเงื่อนไขในการใช้ ฤทธิ์ยาของน้ำนมปฐพีรุนแรงมาก หากสภาพร่างกายและจิตใจไม่แข็งแกร่งพอ นั่นจะไม่ใช่การเสริมกำลังกาย แต่จะเป็นการระเบิดร่าง หากกล้ามเนื้อไม่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถรองรับฤทธิ์ยาอันรุนแรงได้ สภาพร่างกายของอวิ๋นโม่ในตอนนี้ยังไปไม่ถึงระดับที่ต้องการ ดังนั้นเขาจึงใช้การแช่ยาเสริมกำลังเข้าช่วย รอจนพัฒนาถึงระดับที่สูงกว่านี้ค่อยใช้น้ำนมปฐพี

        วันที่สองภายใต้ความช่วยเหลือของเมิ่งเอ๋อร์ อวิ๋นโม่เริ่มเคี่ยวยาน้ำ หลังจากใช้เวลาไปสี่วันก็เคี่ยวยาเสริมกำลังเสร็จสิ้นสองหม้อ หม้อหนึ่งให้เมิ่งเอ๋อร์ ใส่หญ้าสายน้ำกระตุ้นคุณสมบัติของดอกชุ่ยถี่ อีกหม้อไม่มีหญ้าสายน้ำสำหรับตนเอง

        วิธีใช้ยาแช่เสริมกำลังนั้นเริ่มจากเทยาลงไปในภาชนะ จากนั้นลงไปแช่ รอจนกว่าฤทธิ์ยาเสริมกำลังใกล้จะหมดค่อยขึ้นมา ยาน้ำเสริมกำลังที่เคี่ยวเสร็จแล้วมีความเข้มข้นสูง ไม่สามารถนำมาใช้โดยตรง อวิ๋นโม่ระบุสัดส่วนน้ำและยาแก่เมิ่งเอ๋อร์ ก่อนให้เริ่มฝึกร่างกายด้วยการแช่ยาน้ำเสริมกำลัง

        ยาน้ำเสริมกำลังที่อวิ๋นโม่ใช้เป็นสีเขียวเข้ม ยามที่เขาลงไปแช่ กล้ามเนื้อทั่วร่างก็ส่งเสียงลั่นด้วยความเจ็บปวด อวิ๋นโม่ไม่ส่งเสียงร้องราวกับว่าไร้เรื่องราวใด แต่บนศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น แสดงว่าขณะนี้เขากำลังทนรับความเจ็บปวดอันรุนแรง การแช่ร่างในยาน้ำเสริมกำลัง ระดับความเจ็บปวดจะเป็นไปตามระดับของผลลัพธ์ที่ได้ ระดับของอวิ๋นโม่สูงขึ้นเรื่อยๆ พละกำลังของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน

        ยาน้ำเสริมกำลังของเมิ่งเอ๋อร์เป็นสีขาวดุจน้ำนม ยามที่นางหย่อนกายลงไปก็รู้สึกถึงความนุ่มนวลสายหนึ่งไหลเข้ามาในร่าง แม้ระดับการเสริมกำลังของเมิ่งเอ๋อร์จะเพิ่มขึ้นช้ากว่าอวิ๋นโม่ แต่ก็ก้าวหน้ากว่าพวกลูกศิษย์ในตระกูลอวิ๋นที่ใช้ลูกกลอนเสริมกำลังไปไกลโข

        ยาน้ำเสริมกำลังที่อวิ๋นโม่ใช้เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับก็ยิ่งน่ากลัว หลายวันนี้หลังจากแช่กายในยาน้ำแล้วก็จะไปฝึกฝนที่ด้านหลังภูเขาอย่างหนักโดยไม่หยุดพัก

        หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน เมิ่งเอ๋อร์ก็มาหาอวิ๋นโม่ด้วยความตื่นเต้น 

        “พี่ใหญ่ ข้าบรรลุระดับเสริมกำลังขั้นห้าชั้นฟ้าแล้ว!” เมิ่งเอ๋อร์จะไม่ดีใจได้อย่างไร นางเพิ่งบรรลุระดับเสริมกำลังขั้นสี่ชั้นฟ้าไป ผ่านมาไม่นานก็สามารถเลื่อนระดับอีกครั้ง ความก้าวหน้าเกินคาดหวัง อีกอย่างนางเพิ่งจะอายุครบสิบสามปีเท่านั้น อายุสิบสามปีก็ถึงระดับเสริมกำลังขั้นห้าชั้นฟ้า ตามประวัติศาสตร์ของตระกูลอวิ๋นถือว่าหาได้ยาก

        “ยอดเยี่ยมมาก!” อวิ๋นโม่บีบจมูกเมิ่งเอ๋อร์เบาๆ ที่จริงตัวเขาในตอนนี้ก็บรรลุระดับเสริมกำลังขั้นหกชั้นฟ้าแล้ว จากการประเมินของเขา หลังจากบรรลุระดับเสริมกำลังขั้นเจ็ดชั้นฟ้าก็จะสามารถใช้น้ำนมปฐพีเสริมกำลังได้แล้ว หลังจากใช้น้ำนมปฐพี ความแข็งแกร่งด้านร่างกายของเขาจะเหนือกว่าลั่วเทียนในตอนนั้นมาก จนถึงระดับที่ใครได้ยินก็ต้องผวา

        “ยังมีเวลาอีกห้าวัน ทันอยู่แล้ว!” มุมปากของอวิ๋นโม่ยกโค้ง เขาไม่รีบร้อน ถึงอีกห้าวันให้หลังจะยังไม่บรรลุระดับเสริมกำลังขั้นเจ็ดชั้นฟ้า ด้วยความสามารถของเขาในยามนี้ก็เพียงพอสำหรับการเอาชนะอวิ๋นเลี่ยแล้ว

        อันที่จริงอวิ๋นเลี่ยไม่นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อะไร ในตระกูลอวิ๋น นอกจากอวิ๋นซั่งหลง ยังมีลูกศิษย์ที่อายุไล่เลี่ยกันอีกห้าหก คนที่แข็งแกร่งกว่าเขา

        เมื่อถึงครั้งสุดท้าย อวิ๋นโม่ไม่ได้ผสมน้ำลงในตัวยา แต่กระโดดลงไปในยาน้ำที่เข้มข้นที่สุดซึ่งเพิ่งเคี่ยวเสร็จโดยตรง แม้การเสริมกำลังจะได้รับความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่อวิ๋นโม่ก็ทนได้ เขารู้ดีว่าเมื่อถึงยามต้องใช้น้ำนมปฐพีเสริมกำลังกายยังต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ หากความเจ็บปวดเพียงเท่านี้ก็ยังแบกรับไม่ได้ แล้วจะใช้น้ำนมปฐพีเสริมกำลังได้อย่างไร

        อวิ๋นเลี่ยที่อาศัยอยู่ในเรือนหลังน้อยกำลังนั่งอยู่บนตั่งหลังหนึ่งอย่างสุขสบาย กินผลไม้ที่บ่าวไพร่ปอกให้ ผลไม้พวกนี้ผู้ฝึกยุทธ์ในตระกูลอวิ๋นขึ้นเขาเหนือเมฆาไปเก็บลงมา มีประโยชน์ต่อผู้ฝึกยุทธ์มาก อีกทั้งรสชาติก็ยอดเยี่ยม เดิมถูกแบ่งมาให้ผู้อาวุโสแปด ผู้อาวุโสแปดรักเอ็นดูอวิ๋นเลี่ย ย่อมต้องส่งต่อผลไม้เหล่านี้แก่เขา

        นั่งรับแดดอยู่บนตั่ง กินผลไม้จากภูเขาเหนือเมฆาที่บ่าวไพร่ปอกให้ ช่างสุขสบายนัก! ชีวิตสมควรเป็นเช่นนี้ มุมปากอวิ๋นเลี่ยยกโค้ง เผยรอยยิ้มสุขใจ

        ชายชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง มองอวิ๋นเลี่ยด้วยความเมตตา นี่ย่อมต้องเป็นผู้อาวุโสแปด

        “เลี่ยเอ๋อร์ วันพรุ่งนี้เป็นวันประลองของเจ้ากับอวิ๋นโม่แล้ว เจ้าไม่หาเวลาฝึกฝนเสียหน่อยหรือ” ผู้อาวุโสแปดถาม

        อวิ๋นเลี่ยหัวเราะคำหนึ่ง เอ่ยว่า “เจ้าเศษสวะอวิ๋นโม่จะเทียบชั้นกับข้าได้อย่างไร ถึงจะให้เวลามันสิบปี มันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ท่านปู่คอยชมดูเถอะว่าพรุ่งนี้ข้าจะฆ่ามันอย่างไร! จากวันนี้ไปทรัพยากรที่ได้รับทุกเดือนจะเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง ต่อให้เป็นพวกอวิ๋นซั่งหลง ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!” 

        “ดี!” ผู้อาวุโสแปดพอใจมาก “หลานชายของข้ามีความมั่นใจ เจ้าอวิ๋นโม่นั่นแม้แต่บ่าวรับใช้ก็ยังสู้ไม่ได้ หากจะเปรียบเทียบเลี่ยเอ๋อร์ ก็ต้องเทียบกับผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษาจั่วสุย เลี่ยเอ๋อร์ พรุ่งนี้ปู่จะนั่งดูอวิ๋นโม่นั่นถูกเจ้าสังหาร!”

        ครบกำหนดเวลาหนึ่งเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันที่ตระกูลอวิ๋นแจกจ่ายทรัพยากร แต่พวกศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลกลับไม่รีบไปรับลูกกลอนเสริมกำลัง เพราะว่าวันนี้ไม่ได้มีเพียงการแจกลูกกลอนเสริมกำลัง แต่ยังเป็นวันที่อวิ๋นโม่กับอวิ๋นเลี่ยเดิมพันต่อสู้ ลูกศิษย์เกือบทั้งหมดในตระกูลอวิ๋นมายังลานฝึกยุทธ์เพื่อชมดูว่า เจ้าขยะของตระกูลจะถูกอวิ๋นเลี่ยฆ่าอย่างไร จะรับไม่ได้แม้แต่ฝ่ามือเดียว หรือถูกอวิ๋นเลี่ยอัดจนน่วมค่อยยอมแพ้ จากนั้นถูกทรมานช้าๆ จึงค่อยตายไปหรือไม่ เหล่าลูกศิษย์ในตระกูลอวิ๋นต่างเฝ้ารอ

        มีคนไม่น้อยนึกอิจฉาอวิ๋นเลี่ย อิจฉาที่เขามีโอกาสดี หากรู้แต่แรกว่าอวิ๋นโม่จะโง่เง่าถึงเพียงนี้ พวกเขาคงจะชิงท้าดวลกับอวิ๋นโม่ก่อนแล้ว ไม่ปล่อยให้อวิ๋นเลี่ยได้ประโยชน์อย่างสบายๆ แบบนี้

        ขณะที่เหล่าศิษย์เยาว์วัยของตระกูลอวิ๋นมาถึงลานฝึกยุทธ์กันแต่เช้าตรู่ อวิ๋นโม่กลับลุกออกมาจากการแช่ยาน้ำเสริมกำลังอย่างไม่รีบไม่ร้อน 

        “ระดับเสริมกำลังขั้นเจ็ดชั้นฟ้าแล้ว!” อวิ๋นโม่กำหมัด สัมผัสได้ถึงความทรงพลัง ยามนี้ร่างกายของเขามีพลังอันแข็งแกร่ง สามารถใช้น้ำนมปฐพีเพื่อฝึกฝนได้แล้ว แต่ว่าวันนี้เขากับอวิ๋นเลี่ยนัดประลองกัน ต้องจัดการเจ้าโง่นั่นเสียก่อน

        ตระกูลอวิ๋นมีสมาชิกหลายพันคน เฉพาะลูกศิษย์เยาว์วัยก็มีถึงสองพันกว่าคนแล้ว ยามนี้ลานฝึกยุทธ์เต็มไปด้วยศิษย์เยาว์วัย ในสนามฝึกมีเสียงเอะอะวุ่นวาย ต่างพูดกันไม่หยุดว่าอวิ๋นโม่จะรับอวิ๋นเลี่ยได้กี่ฝ่ามือ อวิ๋นโม่จะตายหรือไม่

        “ดูเร็ว อวิ๋นเลี่ยมาแล้ว!”

        อวิ๋นเลี่ยที่มีผู้คนรายล้อมมาถึงสนามฝึกยุทธ์ เขาใส่ชุดฝึกแขนกุด เผยแนวกล้ามเนื้อบึกบึนราวกับมีมังกรเกาะบนกระดูก ดูแล้วทรงพลัง

        “สวรรค์ ดูกล้ามเนื้อของอวิ๋นเลี่ยสิ ช่างเปี่ยมด้วยพลัง น่าเกรงขามยิ่ง!” มีคนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหวาดกลัว

        “ข้าได้ยินมาว่า ตอนที่อวิ๋นเลี่ยบรรลุระดับเสริมกำลังขั้นแปดชั้นฟ้า หมัดเดียวก็มีพลังถึงเก้าพันชั่ง ยามนี้เข้าถึงขอบเขตสูงสุดของระดับเสริมกำลังขั้นแปดชั้นฟ้าแล้ว พละกำลังในหนึ่งหมัดเกรงว่าสูงกว่าเก้าพันชั่ง อาจใกล้เคียงหนึ่งหมื่นชั่งก็เป็นได้”

        “อวิ๋นโม่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอวิ๋นเลี่ยได้อย่างไร ต่อให้พรสวรรค์ของเขาดีขึ้น จนภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนบรรลุถึงระดับเสริมกำลังขั้นแปดชั้นฟ้า ก็ยังไม่ใช่คู่มือของอวิ๋นเลี่ยอยู่ดี!”

        ในตระกูลอวิ๋นของพวกเรา นอกจากพวกอวิ๋นซั่งหลงที่นับว่ามีฝีมือดี ก็ไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของอวิ๋นเลี่ยแล้ว!”

        “ว่าแต่อวิ๋นโม่ล่ะ เจ้านั่นทำไมถึงยังไม่มาอีก คงไม่ใช่ว่ากลัวจนซ่อนตัวอยู่นะ”

        “หึ ต่อให้ซ่อนตัวไปก็ไร้ประโยชน์ ตามกฎของตระกูล เมื่อมีการเดิมพันต่อสู้ ต่อให้รู้ว่าไม่อาจรับมืออีกฝ่ายก็ต้องออกมาประลองก่อน จึงจะยอมแพ้ได้”

        “ดูเร็ว อวิ๋นโม่มาแล้ว!”

        “เจ้านั่นกล้ามาจริงๆ ด้วย ช่างไม่รู้จักกลัวตาย”

        ข้างกายอวิ๋นโม่แตกต่างจากอวิ๋นเลี่ยที่มีผู้คนรายล้อม มีเพียงหลีเยียนและอวิ๋นเมิ่งเอ๋อร์สองคนเท่านั้น เขาเดินเข้าลานฝึกยุทธ์ช้าๆ ฝูงชนพากันเปิดทางให้ราวกับหลบเทพโรคระบาดก็ไม่ปาน

        อวิ๋นเลี่ยมองอวิ๋นโม่ มุมปากยกโค้ง เจ้าเศษสวะกล้ามาหาที่ตายจริงๆ

        อวิ๋นเสี่ยวกั่วก็ติดตามอยู่ด้านหลังอวิ๋นเลี่ยด้วย พอเห็นอวิ๋นโม่ก็ส่ายศีรษะเบาๆ นางรู้สึกดีใจกับการตัดสินใจในตอนนั้นของตัวเอง ไม่เช่นนั้นวันนี้เมื่ออวิ๋นโม่ตาย หลังจบการประลอง นางคงต้องเดือดร้อนไปด้วย ช่างน่าหัวเราะเจ้าเศษสวะอวิ๋นโม่ที่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังกล้าฝันถึงนาง ตอนนี้ตัวนางในตระกูลอวิ๋นถือเป็นคนของอวิ๋นเลี่ย เศษสวะอย่างอวิ๋นโม่จะคู่ควรกับนางได้อย่างไร 

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท