ตอนที่ 241 ชีวิตอุดมสมบูรณ์
“หยวนเหนียง! หยวนเหนียงอยู่หรือไม่”
หวังหยวนเหนียงกำลังคิดบัญชีอยู่ในห้อง เมื่อนางได้ยินว่าข้างนอกมีคนเรียก จึงเอ่ยปากขานรับ
“ข้าอยู่ พี่สวี่ใช่หรือไม่ รีบเข้ามา”
สวี่เหนียงจื่ออายุสามสิบต้นๆ แต่ดูภายนอกแก่เหมือนสตรีอายุห้าสิบกว่า
ใบหน้าของนางหม่นหมอง สีหน้าเศร้าโศก นางก้มหน้าก้าวข้ามธรณีประตูเดินเข้ามาในเรือนหลังเล็กของหวังหยวนเหนียงกับพี่เซิ่น
ภายในห้องมืดเล็กน้อย สวี่เหนียงจื่อปรับตัวอยู่สักพัก ก่อนจะมองเห็นหวังหยวนเหนียงที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะ
หวังหยวนเหนียงเรียกให้นางนั่งลง ก่อนจะเทน้ำชาให้นางชามหนึ่ง
สวี่เหนียงจื่อร้อง “โอย” ออกมา “ชีวิตพวกเจ้าดีเสียจริง ยังมีน้ำชาให้ดื่ม”
หวังหยวนเหนียงรีบอธิบาย “พวกเราดื่มชาไหวเสียที่ไหน มันเป็นเศษใบชาที่พ่อบ้านให้สามีข้ามาเป็นรางวัล นำมาต้มกับน้ำ อย่างน้อยก็ยังมีกลิ่นชา หากพี่สวี่ไม่รังเกียจ ลองชิมดู”
สวี่เหนียงจื่อยกชามดินหยาบขึ้นมาดื่มคำใหญ่ มีกลิ่นชา รสชาติดีกว่าน้ำเปล่า
น้ำชาที่เหลือ นางดื่มรวดเดียวจนหมด สดชื่นเสียจริง
หวังหยวนเหนียงเทให้นางอีกชาม
สวี่เหนียงจื่อดื่มรวดเดียวจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวอีกครั้ง
หวังหยวนเหนียงกวาดตามองสวี่เหนียงจื่อ ภายในใจเริ่มพร่ำบ่น
นางจงใจมาดื่มน้ำชาของตนเองหรือ
ถึงแม้จะเกิดเสียงพร่ำบ่นในใจ แต่นางยังคงเติมน้ำชาในชามให้เต็ม
นอกจากนี้ นางก็ชิงพูดก่อนที่สวี่เหนียงจื่อจะดื่มน้ำ “พี่สวี่อย่ามัวแต่ดื่มน้ำ เดี๋ยวต้องวิ่งไปห้องส้วม อากาศหนาวเพียงนี้ นั่งห้องส้วมคงไม่สบายนัก วันนี้พี่สวี่มาหาข้าเพราะเรื่องใดหรือ”
พูดจบ นางก็กวาดตามองกระสอบป่านข้างเท้าของสวี่เหนียงจื่อ
สวี่เหนียงจื่อถูกหวังหยวนเหนียงเอ่ยเตือน จึงไม่ได้รีบร้อนในการดื่มน้ำชา นางลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงกัดฟันเอ่ยปากในที่สุด “หยวนเหนียง ข้าได้ยินว่าเจ้ามีผ้าผืน ข้าอยากใช้เมล็ดพันธุ์แลกผ้าป่านสามฉื่อได้หรือไม่ กางเกงของเด็กขาดหมดแล้ว แม้แต่ก้นก็คลุมไม่อยู่ เด็กที่โตขนาดนั้นคงไม่อาจเปลือยก้นอยู่ด้านนอกให้คนดู เพียงแต่ในเรือนก็ไม่มีผ้าที่เหมาะสม คิดไปคิดมา สู้ข้าหาผ้าป่านสามฉื่อตัดเย็บกางเกงให้เด็กสักตัวเสียดีกว่า กางเกงเดิมไม่เพียงขาด อีกทั้งยังสั้น เดิมทีเขาก็เก็บกางเกงเก่าของพ่อเขามาสวม เขาสูงกว่าพ่อของเขาเสียอีก เวลานี้ใส่ไม่ลงแล้ว”
พูดถึงท้ายสุด น้ำเสียงของสวี่เหนียงจื่อก็แอบเจือปนไปด้วยความได้ใจและภาคภูมิใจ
บุตรของตัวเองเติบโตสูงใหญ่ ท่าทางสง่างาม มีคุณหนูมากมายโปรดปราน
มันเพียงพอที่จะทำให้ผู้ที่เป็นบิดามารดารู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาได้ใจ
กลัวว่าคนนอกจะไม่รู้ว่าบุตรของตนเองดี
หวังหยวนเหนียงเผยสีหน้าลังเล นางถามด้วยความสงสัย “เหตุใดพี่สวี่ไม่ไปแลกผ้าผืนที่ร้านผ้าสี่ฤดู ร้านผ้าสี่ฤดูราคาเป็นธรรม อีกทั้งยังสามารถเลือกได้”
สวี่เหนียงจื่อส่ายหน้าระรัว “แพง! ร้านผ้าสี่ฤดูราคาไม่เป็นธรรมนัก แพงมาก หยวนเหนียง เจ้าเห็นแก่ที่พวกเราเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงมานาน รู้จักกันมานาน เจ้าแลกผ้าป่านของเจ้าในราคาที่ถูกหน่อยให้ข้าได้หรือไม่ เพียงแค่ถูกกว่าร้านผ้าสี่ฤดูก็พอ”
ที่แท้ก็มาเพื่อของถูก
ภายในใจของหวังหยวนเหนียงไม่เต็มใจ
สวี่เหนียงจื่อชอบเอาเปรียบ หวังหยวนเหนียงดูถูกนางเล็กน้อย
วันทั่วไปนางไม่ถือสาที่ถูกเอาเปรียบเล็กน้อยได้
แต่ผ้าผืน…
ผ้าผืนที่ราคาแพงเช่นนี้ บอกให้นางแลกเปลี่ยนในราคาที่ถูก…
นางกวาดตามองกระสอบป่านข้างเท้าของสวี่เหนียงจื่อ เสบียงเพียงเท่านี้ก็คิดจะแลกผ้าป่านสามฉื่อ คิดว่านางโง่หรือ
นางยิ้มพลันขอโทษ “พี่สวี่มาได้ไม่ถูกเวลานัก ในเรือนข้ายังมีผ้าป่านหลายฉื่อก็จริง แต่ล้วนต้องส่งไปให้ท่านแม่ของข้า ท่านแม่ของข้ากำลังกลัดกลุ้มว่าผ้าผืนไม่พอใช้ในปีนี้ ข้ารับปากนางแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องส่งกลับไป”
สวี่เหนียงจื่อทำหน้าผิดหวัง ก่อนจะพูดต่อ “หยวนเหนียง ข้าต้องรีบใช้ผ้าจริงๆ อีกทั้งยังมาแลกเปลี่ยนกับเจ้าด้วยความจริงใจ ทางท่านแม่ของเจ้า เจ้าเพียงแค่รับปาก แต่ยังไม่ได้ออกเดินทาง สามารถช้าลงหน่อย รอเจ้ากักตุนผ้าผืนได้มากขึ้นค่อยส่งกลับไปก็ยังไม่สาย”
“พี่สวี่ ไม่ใช่ข้าไม่ช่วยท่าน แต่ข้าก็ลำบากจริงๆ เวลานี้มีงานน้อย ค่าแรงก็ต่ำ ผ้าผืนกลับราคาสูงขึ้นจนน่ากลัว ข้ากับสามีของข้า สองคนทำงานทั้งเดือน แม้จะไม่กินไม่ดื่ม ก็ไม่อาจแลกผ้ามาได้แม้แต่ผืนเดียว เวลาเข้าใกล้ปีใหม่แล้ว ครอบครัวทั้งสองฝั่งยังรอสิ่งของจากพวกเราสองคน หากข้าเอาผ้าแลกกับท่าน ข้าก็หมดตัวแล้ว! อีกทั้งยังต้องเสียเงินไปซื้อในร้านผ้าสี่ฤดูอีก”
“เจ้ากับพี่เซิ่นหาเงินง่าย คิดจะไปซื้อผ้าที่ร้านผ้าสี่ฤดูก็ง่าย…”
หวังหยวนเหนียงรีบพูดขัดอีกฝ่าย “พี่สวี่ ท่านจะพูดเช่นนี้ไม่ได้ ข้ากับสามีของข้าหาเงินไม่ได้ง่าย ปีนี้ทุกคนต่างยากลำบาก ท่านเห็นใจข้าได้หรือไม่ ข้ายังเหลือเศษใบชาอยู่หน่อย ข้าเอาให้ท่านเล็กน้อยดีหรือไม่”
สวี่เหนียงจื่อลังเลเล็กน้อย “แลกไม่ได้จริงหรือ”
หวังหยวนเหนียงพยักหน้าอย่างหนัก “แลกไม่ได้!”
สวี่เหนียงจื่อถอนหายใจ “งั้นเอาเศษใบชามาให้ข้าเถิด มีถึงครึ่งจินหรือไม่”
มุมปากของหวังหยวนเหนียงกระตุก “ทั้งหมดเหลือเพียงหนึ่งถึงสองขีด ข้าให้ท่านครึ่งขีด”
ครึ่งขีด?
น้อยมาก!
สวี่เหนียงจื่อแอบเบะปากด้วยความรังเกียจ
หวังหยวนเหนียงเห็นก็รู้สึกไม่พอใจ
แต่เมื่อพูดออกมาแล้ว หากคิดจะกลับใจ ย่อมต้องถกเถียงกันอีกครึ่งวัน
สวี่เหนียงจื่อไม่มีความสามารถอื่น แต่ความสามารถด้านการเอาเปรียบและถกเถียงถือว่ายอดเยี่ยม
หวังหยวนเหนียงทำได้เพียงหายใจเข้าเพื่มข่มความโกรธที่มีอยู่ในใจ ก่อนจะหยิบเศษใบชาให้สวี่เหนียงจื่อกำหนึ่ง
เมื่อสวี่เหนียงจื่อได้ใบชามา จึงจากไปอย่างพึงพอใจ
ก่อนจากไป นางยังไม่ลืมที่จะพูด “ข้าจะมาคุยเล่นกับเจ้าอีกในวันอื่น”
สวี่เหนียงจื่อไม่รู้สึกรู้สา นางพูดด้วยความดีใจ “ข้าจะมาหาเจ้าในเดือนหนึ่ง”
…
เมื่อส่งคนจากไป หวังหยวนเหนียงก็พ่นลมหายใจออกมา
ช่างอึดอัดเสียเหลือเกิน
นางใช้กุญแจไขแม่กุญแจ เปิดลังเก็บของขึ้นมา ภายในมีผ้าทั้งหมดสี่ผืน ผ้าป่านสองผืน ผ้านุ่นสองผืน
ในโอ่งยังมีข้าวสารอยู่สิบกว่าจิน
ในโอ่งใหญ่ยังมีเมล็ดพันธุ์สองร้อยกว่าจิน รวมทั้งข้าวสาลีอีกสิบกว่าจิน
ในยุคสมัยนี้เพียงแค่สิ่งของที่นางมีอยู่ก็สามารถถือว่าอุดมสมบูรณ์
โชคดีที่ทั้งสองคนล้วนใช้ฝีมือในการหาเงิน ประหยัดมัธยัสถ์ จึงจะสามารถเก็บทรัพย์สินจำนวนนี้เอาไว้ได้
เมื่อเทียบกับผู้เช่าที่นาทำนา ชีวิตของพวกเขาดีกว่าอย่างมากในปีนี้
มิน่าคนเฒ่าคนแก่จึงชอบพูดว่า หากมีฝีมือติดตัวก็ไม่อดตาย
ทำนามีโอกาสที่จะอดตายมากกว่า
ประตูเรือนถูกเปิดออกจากด้านนอก
พี่เซิ่นเดินเข้ามาพร้อมไอเย็น เขากระทืบเท้า พลันตะโกน “อากาศหนาวเสียจริง!”
หวังหยวนเหนียงรีบลุกขึ้นรินน้ำร้อนให้เขาชามหนึ่ง
เมื่อพี่เซิ่นดื่มน้ำร้อนเข้าไปชามหนึ่งแล้ว เขาก็นำมือไปอังที่เตาไฟ ในที่สุดก็รู้สึกดีขึ้นอย่างมาก
เขามองชามบนโต๊ะ “มีคนมาหรือ”
“อย่าพูดถึงเลย!”
หวังหยวนเหนียงบ่น “เมื่อกี้พี่สวี่มาหาข้า อยากจะใช้เมล็ดพันธุ์เก่ามาแลกผ้าป่านสามฉื่อ ข้าดูแล้ว เมล็ดพันธุ์เก่าที่นางนำมาไม่ถึงยี่สิบจิน เมล็ดพันธุ์เก่าเพียงเท่านี้ก็อยากจะแลกผ้าป่านสามฉื่อ อีกทั้งยังบอกให้ข้าลดราคาลงหน่อย ข้าจะรับปากได้อย่างไร พูดก็พูดไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องหยิบเศษใบชาให้นางไปแทน”
พี่เซิ่นได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “อย่าโกรธเลย! เจ้าก็รู้ว่านางชอบเอาเปรียบ วันหลังอย่าอยู่กับนางสองคน”
“คนมาถึงหน้าประตูแล้ว อากาศหนาวเช่นนี้ ข้าจะไม่ให้นางเข้ามาได้หรือ โทษที่หนังหน้าข้าไม่หนาเท่านาง…”
หวังหยวนเหนียงส่งเสียงไม่พอใจ
ผ้าผืนที่กักตุนไว้อย่างยากลำบาก จะแลกเปลี่ยนในราคาถูกได้อย่างไร
ในเรือนไม่ได้ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์เก่าเพียงสิบกว่าจินเสียหน่อย
พี่เซิ่นหยิบเงินห่อหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ มีหนึ่งร้อยกว่าเหวิน
เขาดีใจอย่างมาก “งานฝีมือล้วนขายออกไปหมดแล้ว ราคาก็ขายได้ดีไม่น้อย ราคาที่ร้านขายของชำหนานเป่ยให้นั้นเป็นธรรมอย่างมาก ข้าคิดว่าจะสิ้นปีแล้ว ของที่ต้องขายมีไม่น้อย จึงไม่ได้เอาเสบียงมา ล้วนแลกเป็นเงินแทน”
หวังหยวนเหนียงยิ้มเบิกบานเมื่อเห็นเงิน
นางชอบนับเงินที่สุด
“หนึ่ง สอง สาม…ห้าสิบห้า…เจ็ดสิบแปด…เก้าสิบเก้า…หนึ่งร้อยเก้า…หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดเหวิน ขายได้มากเพียงนี้เชียวหรือ”
พี่เซิ่นหัวเราะ “ใกล้สิ้นปีแล้ว สิ่งของทุกอย่างล้วนขึ้นราคา ราคารับซื้อของร้านขายของชำหนานเป่ยก็สูงขึ้นตาม เป็นธรรมอย่างมาก”
หวังหยวนเหนียงดีใจอย่างมาก “ร้านขายของชำหนานเป่ยทำการค้าเป็นธรรม ไม่เหมือนพวกพ่อค้าเร่ร่อน เอาแต่กดราคา คิดว่าพวกเราบ้านนอก ไม่รู้สถานการณ์ด้านนอก ฝีมือของท่านดีเพียงนี้ พวกพ่อค้าขนสินค้าออกไป อย่างน้อยก็ได้กำไรสองถึงสามเท่า”
“พูดเช่นนี้ไม่ได้ พ่อค้าเร่ร่อนย่อมต้องกดราคา พวกเราไม่ขายให้พวกเขาก็พอ ไม่ต้องถือสาพวกเขา”
“ท่านพูดถูก ไม่จำเป็นต้องถือสาพวกเขา เช้านี้ ข้าถามพ่อบ้านมา ผ้าในโกดังขายออกไปกว่าครึ่งแล้ว ก่อนปีใหม่ ย่อมต้องเปิดงานให้ทำทั้งวันอย่างแน่นอน”
“เปิดงานให้ทำทั้งวันเกรงว่าจะยาก เจ้าไม่ได้ยินที่พ่อค้าพูดหรือ ปีนี้ทุกที่ล้วนแห้งแล้ง นุ่น ป่าน ไหมล้วนขาดแคลน อีกทั้งราคาสูงลิ่ว เป็นเวลานานแล้วที่เรือนพักไม่มีด้ายนุ่น ด้ายป่าน ด้ายไหมเข้ามา ข้าว่ามันเป็นการยากหากจะผลิตผ้าก่อนสิ้นปี”
หวังหยวนเหนียงกลัดกลุ้มขึ้นมาทันใด “ไม่มีงานทำ ปีใหม่จะทำอย่างไร ครอบครัวทั้งสองฝั่งยังรอพวกเรานำเสบียงกลับไป น่ากลุ้มใจเสียจริง”
พี่เซิ่นมีแผนการ “ฝั่งหนึ่งให้เมล็ดพันธุ์สี่สิบจินกับผ้านุ่นหนึ่งผืน ผ้านุ่นแพง หากนำไปแลกเปลี่ยนเสบียงก็เพียงพอที่จะอดทนถึงหลังฤดูใบไม้ผลิ ก่อนฤดูใบไม้ร่วง”
“ข้าฟังท่าน แล้วเงินนี้…”
พี่เซิ่นถามนาง “ในเรือนมีเงินทั้งหมดเท่าใด”
หวังหยวนเหนียงมีตัวเลขอยู่ในใจ นางโพล่งออกมา “รวมกับหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดเหวินในวันนี้ ทั้งหมดมีหกร้อยเจ็บสิบห้าเหวิน”
พี่เซิ่นกัดฟัน “ให้ฝั่งละหนึ่งร้อยเหวิน และผักดองอีกหลายจิน เมื่อมีผักดอง ก็สามารถประหยัดเงินซื้อเกลือได้”
หวังหยวนเหนียงพยักหน้าระรัว “ฟังท่าน”
ภายในใจของนางดีใจอย่างมาก
สตรีที่ยังสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้เป็นประจำหลังจากแต่งงานเหมือนนางมีน้อยมาก
ในสตรีหนึ่งพันคนอาจมีไม่ถึงหนึ่งคน
พี่เซิ่นไม่เพียงไม่มีความเห็น อีกทั้งยังเสนอให้ทั้งสองฝั่งเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวฝั่งไหนล้วนปฏิบัติเช่นเดียวกัน
ไม่เคยพูดบอกนางแต่งเข้าตระกูลหวังก็เป็นคนของตระกูลหวัง
ยิ่งไม่เคยพูดว่าไม่ให้เงินหรือเสบียงแก่ครอบครัวฝ่ายหญิง
หวังหยวนเหนียงรู้สึกโชคดีนับครั้งไม่ถ้วน นางแต่งงานกับบุรุษที่ดีและมีเหตุผล
หากสวี่เหนียงจื่อกล้าให้เงินกับครอบครัวของตนเอง ย่อมต้องถูกสามีของนางตีอย่างแน่นอน หลังจากนั้นยังอาจให้นางไปเอาเงินและเสบียงกลับมา
สวี่เหนียงจื่อชอบเอาเปรียบก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับสามีที่ตระหนี่ของนาง
สวี่เหนียงจื่ออยากช่วยเหลือครอบครัว ทำได้เพียงประหยัด แอบส่งของให้ครอบครัวเล็กน้อย
ทุกคนต่างไม่ง่าย หวังหยวนเหนียงไม่อยากถือสาสวี่เหนียงจื่อ แต่ก็ไม่อยากคบหากับนาง