ตอนที่ 284 จับคน
เรือนพักร่ำรวย!
ในขณะที่ทุกคนต่างไม่ได้ตระหนักว่าพายุโหมกระหน่ำกำลังจะเข้าใกล้นั้น
เยียนหนานนำเหล่าองครักษ์ออกจากค่ายเพื่อจับคน!
ตั้งแต่พลบค่ำยันกลางดึก ทั้งเรือนพักเต็มไปด้วยเสียงคน
ทั้งเสียงร้องไห้ ทั้งเสียงโหวกเหวก ทั้งเสียงตะโกน ทั้งเสียงคำราม…
เริ่มแรกคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น พวกเขาต่างดิ้นรนก่นด่า สาปแช่งคนของค่ายองครักษ์
แต่หลังจากมีคนถูกโบย คนส่วนใหญ่ก็ต่างหุบปาก
แต่ก็มีคนโวยวายว่าจะทำให้ค่ายองครักษ์ได้เห็นดีเพราะคิดวาตนเองมีคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
สำหรับคนที่เป็นเช่นนี้ ทั่วไปแล้วก็คือการโบยอย่างต่อเนื่องราวกับฝนตกลงมา
เยียนหนานสนใจเพียงทำตามคำสั่ง
เถ้าแก่ให้เขาจับคน เขาก็จับคน
เขาถือรายชื่อ ไม่สนใจว่าเป็นชาย หญิง ผู้เฒ่าหรือเด็ก เพียงแค่มีรายชื่ออยู่บนรายการ เขาก็จับหมด
ส่วนคนเหล่านี้ทำผิดเรื่องใด ไม่ได้เป็นหน้าที่ของเขา เขาก็ไม่สนใจที่จะถาม
หลังจากวุ่นวายมาทั้งคืน สามสี่ร้อยคนที่ถูกจับล้วนถูกมัดเอาไว้ ขังอยู่ในโกดังที่ว่างเปล่า
สุดท้าย…
องครักษ์ส่วนตัวของเยียนอวิ๋นเกอเคลื่อนไหวพร้อมกับรายชื่อหนึ่งในมือเช่นเดียวกัน
ตามชื่อบนรายการ พวกเขาเรียนออกมาทีละคน ล้วนเป็นคนของค่ายองครักษ์
คนที่ถูกเรียงชื่อเดินออกจากแถวมาทั้งหมด จากนั้นถูกจับกุมทันที
โฮ่!
ค่ายองครักษ์แตกตื่น
“เหตุใดจึงมาจับคนของพวกเรา”
“ผู้ใดอนุญาตให้พวกเจ้ามาจับคนที่ค่ายองครักษ์”
“ห้ามจับคน!”
“ไปไม่ได้!”
“ปล่อยคนบัดนี้!”
ค่ายองครักษ์เกิดปากเสียงกับองครักษ์ส่วนตัวของเยียนอวิ๋นเกอขึ้นมา พวกเขากีดขวางประตูใหญ่เอาไว้ ไม่ให้คนจากไป
องครักษ์ส่วนตัวไม่ได้ลงมือ พวกเขาหันไปมองเยียนหนานอย่างเงียบๆ
สีหน้าของเยียนหนานดำทะมึน ไฟโกรธปะทุขึ้น
ไฟโกรธในใจนี้มุ่งตรงไปยังองครักษ์ที่ทักท้วงและกีดขวางทางไป นอกจากนี้ยังพุ่งตรงไปยังองครักษ์ที่ก่อเรื่อง
ขายหน้า!
เขาไม่ได้ดูแลค่ายองครักษ์ให้ดี ถึงทำให้คนจับความผิดได้
“หุบปากให้หมด ถอยออกไปทั้งหมด ปล่อยพวกเขาไป!”
“หัวหน้า เหตุใดจึง…”
“หุบปาก! ปฏิบัติตามคำสั่ง!”
เยียนหนานตะโกนด้วยความโกรธ คนของค่ายองครักษ์แม้จะไม่ยินยอม แต่ก็หลีกทางอย่างเงียบๆ มองดูองครักษ์ส่วนตัวนำพี่น้องของพวกเขาจากไป
มีคนร้องไห้!
มีคนหันหน้ามาขอความช่วยเหลือ!
“ท่านต้องช่วยข้าด้วย!”
มีคนขุ่นเคือง เปล่งเสียงซักถามออกมา “เหตุใดจึงจับคน”
เยียนหนานพูดเสียงดุ “พวกเขาถูกจับเพราะพวกเขากระทำผิด ส่วนพวกเขากระทำผิดเรื่องใด ข้าคิดว่าบางคนคงรู้ดีแก่ใจ”
สายตาของเขากวาดผ่านใบหน้าของทุกคน
มีคนก้มหน้าลงเงียบๆ มีคนสายตาล่องลอย แต่ก็มีคนทำหน้าเลิ่กลั่ก…
มันเป็นค่ำคืนที่ไม่หลับใหล!
แต่ละเรือนล้วนสว่างไปด้วยแสงไฟ รอคอยข่าวสาร หรือแวะเวียนไปสืบข่ายยังเรือนอื่น
เหตุใดจึงจับคน จนถึงเวลานี้เถ้าแก่ก็ยังไม่มีเหตุผลมาอธิบาย
แต่ว่าภายในใจของคนส่วนใหญ่ก็พอจะมีการคาดเดาอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีคำตอบที่ใกล้เคียงกับความจริง
“คนที่ถูกจับเหล่านั้น เวลาปกติก็ไม่ทำงาน เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็หาตัวไม่เจอ ไม่รู้ว่าวิ่งไปมั่วสุมอยู่ที่ใด”
เรือนพักใหญ่เกินไป
ตนนับหมื่นรวมตัวใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งเดียว แต่ละวันยังมีพ่อค้าที่เดินทางไปมา ชาวบ้านใกล้เคียงที่มาจ่ายตลาด…
มีคนอยากมั่วสุม ย่อมสามารถหาสถานที่มั่วสุมได้
มีคนอยากทำบางอย่างลับหลังย่อมสามารถหาโอกาสได้
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ทำตามหน้าที่ของตัวเอง ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายธรรมดาได้
ย่อมมีคนข่มความอยากเคลื่อนไหวในใจไม่ได้ คิดแต่จะก่อเรื่องหรือหาทางลัด
หากสามารถมีรายได้หนึ่งเดือนภายในค่ำคืนเดียว ผู้ใดจะอยากตื่นขึ้นมาทำงานตามเวลาทุกวัน ผู้ใดจะต้องการผลผลิตในแปลงนาเพียงเล็กน้อยมาประทังชีวิต
เมื่อมีเงินแล้ว จะมีสิ่งใดที่ซื้อไม่ได้อีก
วันรุ่งขึ้นก็ไปกินเนื้อที่โรงเตี๊ยมหนานเป่ย
อีกอย่าง แต่ละวันนอกจากทำงานก็คือทำงาน ไม่มีกิจกรรมอื่นแม้แต่น้อย
การเล่นพนันสนุกเพียงใด เวลาผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว
…
ระหว่างฟ้าดิน เมื่อแสงสว่างแรกทะลุผ่านม่านมืด ในที่สุดโลกก็กลายเป็นสีรุ้ง
เพียงแต่จิตใจของผู้คนนั้นมืดมน มืดมิด
ทุกคนราวกับจมปลักอยู่ในความมืด ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้
ทุกคนต่างต้องการคำอธิบาย
เหตุใดจึงจับคน
ถึงแม้ภายในใจจะรู้คำตอบแล้ว แต่ก็ยังคงต้องการคำอธิบายที่เป็นทางการ
ไม่อาจปล่อยให้องครักษ์ของเรือนพักจับคนไปอย่างไร้สาเหตุเช่นนี้
เพียงแต่ไม่มีผู้ใดเป็นแกนนำ
เมื่อคืน คนขององครักษ์โหดเหี้ยม ทุกคนเห็นด้วยตนของตนเอง
ไม่มีผู้ใดยอมท้าทายความโหดเหี้ยมและทารุณของค่ายองครักษ์ ไม่มีคนยอมถูกจับกุมกักขัง
ทุกคนต่างหยุดงานด้วยความหดหู่
เพียงแค่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทุกคนก็จะแตกตื่น
ไม่มีคำตอบ!
เรือนพักไม่มีการให้คำอธิบายใดทั้งสิ้น
จนกระทั่งหลายวันต่อมา เรือนพักออกประกาศ ภายในเรือนพักห้ามให้เกิดการพนัน การปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูง การหลอกลวงอย่างเข้มงวด…
คนที่ถูกจับ หากกระทำผิดร้ายแรงจะถูกส่งไปรับโทษที่สำนักหยาเหมิน
ส่วนคนอื่นล้วนถูกขับไล่ออกจากเรือนพัก
แผ่นดินเปลี่ยนง่าย แต่นิสัยเปลี่ยนยาก
เยียนอวิ๋นเกอไม่เกรงกลัวต่อการคาดเดาใจมนุษย์ด้วยมุมมองในแง่ร้ายที่สุด
ดังนั้นนางจึงปฏิเสธที่จะให้โอกาสคนเหล่านี้เป็นครั้งที่สอง
คนที่อยากมาทำงานในเรือนพักมีอยู่ทั่วไป
เหตุใดนางจึงไม่เหลือโอกาสเอาไว้ให้คนที่ยอมทำงานอย่างขยันขันแข็ง รักษาหน้าที่ของตนเองเหล่านั้น แต่กลับต้องให้โอกาสคนที่มีประวัติเป็นครั้งที่สอง
ไม่มีเหตุผล!
เมื่ออยู่ในเรือนพักของนางย่อมต้องไม่กระทำผิด หากกระทำผิดย่อมต้องถูกขับไล่
หลายสิบคนของค่ายองครักษ์ที่ถูกจับก็ถูกขับไล่โดยไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองเช่นเดียวกัน
ถึงแม้เยียนหนานจะอ้อนวอน แต่เยียนอวิ๋นเกอก็ยังคงไม่หวั่นไหว
ท่าทีของนางชัดเจนอย่างมาก “ทุกคนในค่ายองครักษ์ได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน ได้สวัสดีการกว่าทหารเสียอีก ภายในสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่อปีก่อน ข้ายังคงกัดฟันยืนกรานไม่ลดสวัสดิการของค่ายองครักษ์ เมื่อพวกเขารับเงินตอบแทนที่สูงเช่นนี้ พวกเขาย่อมต้องทำงานที่คนอื่นทำไม่ได้”
เพียงแค่การพนันยังปฏิเสธไม่ได้ เพียงแค่ถูกคนชักจูงก็หลงใหลอยู่ในนั้น คนประเภทนี้มีคุณสมบัติใดอยู่ในค่ายองครักษ์ รับค่าตอบแทนที่สูงอีกต่อไป เงินทุกสลึงไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้า แต่มาจากความพยายามของทุกคน เงินเหล่านี้ไม่ได้นำมาให้ผลาญไปกับการพนัน
นับแต่พวกเขาเดินเข้าสนามพนันใต้ดินวันนั้นก็ควรคิดถึงผลที่ตามมาได้ หากเจ้าเกิดความรู้สึกผิด นับจากนี้ต่อไปก็ควรจะดูแลคนในมือของเจ้าอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาไปคิดถึงโลกกิเลสภายนอก”
เยียนหนานละอายอย่างมาก “ข้าน้อยทรยศต่อความคาดหวังของคุณหนู!”
“เช่นนั้นเจ้าก็ตั้งใจทำงาน ชดเชยความผิดของเจ้า”
“ขอรับ!”
หลังจากเยียนหนาน เยียนสุยก็มาอ้อนวอนเช่นเดียวกัน
คราวนี้คนส่วนใหญ่ที่ถูกจับล้วนมีความสัมพันธ์กับพ่อบ้านเล็กใหญ่ในเรือนพัก
บรรดาพ่อบ้านมาขอร้องเขา เขาปฏิเสธไม่ได้ ทำได้เพียงบากหน้ามาขอร้องเยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบเขาโดยตรง หากแต่พูดถึงอีกเรื่องขึ้นมา
“ข้าคิดจะจัดตั้งขบวนการตรวจสอบ แต่งตั้งจี้ผิงเป็นพ่อบ้านของขบวนการตรวจสอบ เขามีสิทธิตรวจสอบคนที่ถูกจับกุมและกระทำผิด นอกจากนี้ยังมีสิทธิลงโทษโดยไม่ต้องรายงาน”
เยียนสุยอ้าปากกว้าง พูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
เยียนอวิ๋นเกอพูดอีก “เรือนพักที่มีคนอยู่หลายหมื่นดูแลได้ไม่ง่าย ข้ายึดมั่นความคิดเพื่อทางที่ดีของทุกคน ไม่ได้เปลี่ยนผู้ลี้ภัยให้กลายเป็นบ่าวในนา หากแต่ให้อิสระแก้พวกเขา ใช้ชีวิตทำนาอยู่ในเรือนพักด้วยฐานะผู้เช่า เดิมทีมันเป็นสถานการณ์ที่เป็นผลประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ข้าได้กินเนื้อ ย่อมต้องให้ทุกคนได้ดื่มน้ำแกงด้วย ทุกคนดีถึงจะดีอย่างแท้จริง
แต่แล้วกลับมีคนคิดว่าวิธีการบริหารของข้านั้นไร้ความสามารถ เมตตา รังแกง่าย…พวกเขาคิดจะบีบเค้นให้ข้าใช้วิธีการโหดเหี้ยมจึงจะยอมทำตามกฎระเบียบอย่างนั้นหรือ เหตุใดการที่ข้าไม่ได้ควบคุมเข้มงวดเพียงนั้น มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นเล็กน้อย ทำให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างอิสระจึงกลายเป็นเหตุผลที่ทุกคนฉวยโอกาส
หรือการที่พวกเขาทำผิดเป็นความรับผิดชอบของข้า ในเมื่อพวกเขาคิดเช่นนี้ ข้าก็ไม่บังคับ ข้าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองเพราะคนกลุ่มนี้ แต่ข้าสามารถกำจัดคนกลุ่มนี้ออกจากขบวนไปได้ พบคนหนึ่งก็กำจัดคนหนี่ง ข้าสามารถเมตตาดุจพระโพธิสัตว์ได้ ย่อมสามารถโหดร้ายเหมือนสัตว์ร้ายได้
ข้าไม่ได้ตัดมือของพวกเขาก็ถือว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตแล้ว หากยังมีคนกล้าท้าทายกฎระเบียบของข้า คราวหน้าคงไม่เพียงแค่ขับไล่ เจ้าไปบอกคนเหล่านั้น ทำงานตามหน้าที่ของตนเองอย่างซื้อสัตย์ ข้ายังคงจะเอาเงินเลี้ยงพวกเขาและครอบครัวของพวกเขา หากกล้าก่อเรื่องนี้ พวกเขาสามารถออกไปบัดนี้ ไปได้ไกลเพียงใดก็ไปไกลเพียงนั้น”
เยียนสุยเงียบไปเป็นเวลานาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เป็นเพราะข้าน้อยควบคุมได้ไม่เข้มงวดจึงมีเรื่องหายนะในวันนี้เกิดขึ้น ข้าน้อยขอให้คุณหนูย้ายข้าน้อย ข้าน้อยคิดว่าตนเองไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในเรือนพักต่อไปแล้ว”
เยียนอวิ๋นเกอจ้องมองเขา “มันเป็นความคิดที่แท้จริงของเจ้า? หรือเจ้ากำลังข่มขู่ข้า”
เยียนสุยส่ายหน้าระรัว “ข้าน้อยคิดว่าตนเองไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในเรือนพักต่อไปจริงๆ ที่ผ่านมา เรือนพักมีแค่ทำนาอย่างเดียวจึงดูแลง่าย คนที่อยู่ก็ค่อนข้างไร้เดียงสา เพียงแค่มีข้าวกิน ทุกคนก็พึงพเอใจแล้ว เวลานั้น ความสามารถของข้าเพียงพอที่จะรับตำแหน่งพ่อบ้านใหญ่ของเรือนพัก
แต่เมื่อเรือนพักเติบโตขึ้น กิจการที่ทำนับวันยิ่งมากขึ้น คนก็เพิ่มจำนนขึ้น ข้าน้อยมักจะมีความรู้สึกหมดแรงในการดูแลอยู่บ่อยครั้ง การใช้วิธีบริหารเหมือนแต่ก่อนมาบริหารเรือนพัก ย่อมต้องเกินช่องโหว่มากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้คนฉวยโอกาสได้ ข้าอายุมากแล้ว ติดบุญคุณผู้อื่นมากมาย สมองก็ไม่คล่องแคล่วเท่าเด็กหนุ่มแล้ว ข้าทรยศต่อความไว้ใจของคุณหนู สมควรตาย!”
สีหน้าของเยียนอวิ๋นเกอเคร่งขรึม “วันนี้ไม่ถกเถียงปัญหานี้ เจ้ากลับไปคิดให้ดี รอเจ้าสงบลงพวกเราค่อยมาคุยกัน”
เยียนสุยอ้าปากคิดจะพูดต่อ
เยียนอวิ๋นเกอโบกมือให้เขาถอยออกไป
วันนี้ไม่เหมาะสมที่จะคุยเรื่องนี้
เยียนสุยหมดหนทาง ทำได้เพียงถอยออกไป
เยียนอวิ๋นเกอหงุดหงิดเล็กน้อย
สาวรับใช้ อาเป่ยนำชาร้อนแก้วหนึ่งมาให้ “คุณหนูอย่าโกรธพ่อบ้านใหญ่เยียนเลย จี้ผิงแอบฟ้องลับหลัง ค่ายองครักษ์จับคนหลายร้อยในคราวเดียว พ่อบ้านใหญ่เยียนไม่ได้ข่าวก่อนแม้แต่น้อย เขารู้สึกขุ่นเคืองใจก็สามรถเข้าใจได้”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วยิ้ม “ข้าไม่ได้ใจแคบเพียงนั้น นอกจากนี้ข้าก็ไม่ได้โกรธเขา เวลานี้ หากเขาสีหน้าเรียบเฉย ไม่ใส่ใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็คงไม่ใช่เยียนสุย ข้ากำลังคิดว่าเรื่องที่เขาพูดนั้นก็มีเหตุผลใช่หรือไม่ ความสามารถของเขาอาจไม่เพียงพอที่จะดูแลเรือนพักร่ำรวยขนาดใหญ่ก็ได้”
“คุณหนูจะย้ายพ่อบ้านใหญ่เยียนจริงหรือ หากเขาไปแล้ว ผู้ใดจะมาดูแลเรือนพักร่ำรวย คงไม่อาจให้จี้ผิงมาเป็นพ่อบ้านใหญ่ เขาโหดเหี้ยมเกินไป ไม่สามารถทำให้คนยอมรับได้”
เยียนอวิ๋นเกอโบกมือ “ย่อมไม่อาจให้จี้ผิงดูแลเรือนพักร่ำรวยได้ บุคลากรกับการบริหารต้องแยกออกจากกัน เรื่องนี้ข้าต้องไตร่ตรองอย่างละเอียด”