ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 626 ค่ายกลใหญ่ดอกท้อ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 626 ค่ายกลใหญ่ดอกท้อ

เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นจนใจมาก!

เขาได้ยินคำตอบประมาณนี้มาหลายรอบแล้ว ‘เจดีย์สยบปีศาจน้ำ’ ‘มหาปราชญ์สยบปีศาจภายนอก?’ ‘ไก่น้อยตุ๋นเห็ด’ ‘ทีโม่ร้อยห้าสิบเมตร’ ‘เจ้าปัญญาอ่อน…

แก้ไขคำใหม่ให้หลากหลาย

แม้จะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากกับเรื่องที่เจอในวันนี้ แต่เนื่องจากนับถือในความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิง เขาก็ยังอดทนอธิบายว่า “ข้าไม่ใช่โจร ข้าคือศิษย์พรรคกระยาจก เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่น เจ้าเองก็ไม่ต้องแนะนำตัวแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าคือเยี่ยเว่ยหมิง ข้าเคยเห็นเจ้าในวิดีโอการประลองใหญ่หอหมอกพิรุณก่อนหน้านี้…

…ขอบอกไว้ก่อน เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ตั้งใจโจมตีพวกเจ้านะ แต่วิธีการปรากฏตัวของเจ้าแปลกใหม่เกินไป ข้ายังนึกว่าตัวเองโดน BOSS ลอบโจมตีเข้าแล้ว เป็นการตอบสนองจากจิตใต้สำนึกล้วนๆ”

สำหรับคำอธิบายนี้ของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สะดวกจะถือสาหาความต่อแล้ว

เขาโบกมือสื่อว่าไม่เป็นไรทันที แล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนประเด็น “เจ้าเองก็มาเข้าร่วมประลองยุทธ์เลือกคู่เหมือนกันหรือ”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร” เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นได้ยินแล้วอึ้งก่อน จากนั้นก็เข้าใจทันที “เจ้าก็เหมือนกันหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “ในเมื่อเจ้ามาทำภารกิจ ทำไมไม่รีบเข้าไปล่ะ มาหอนเป็นหมาป่าอยู่ตรงนี้ทำไม”

เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นได้ยินแล้วรู้สึกไม่ยุติธรรม แบมือพูดอย่างจนใจมาก “เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากเข้าไปหรือ แต่ปัญหาคือข้าก็เข้าไปไม่ได้เหมือนกัน!…

…เอ่อ คือ…ถ้าเจ้ารับประกันว่าจะไม่โจมตีข้า ข้าจะเดินเข้าไปพูดกับพวกเจ้าใกล้ๆ ทุกคนยืนห่างกันขนาดนี้ ตะโกนคุยกันมันแปลกเกินไป”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วหลุดขำ “เมื่อครู่เจ้าก็อธิบายแล้ว เจ้าไม่ได้ตั้งใจโจมตีพวกเราเสียหน่อย แล้วพวกเราจะโจมตีเจ้าทำไมกัน”

เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นได้ยินแล้วหัวเราะแห้ง จากนั้นเดินเข้ามาใกล้อย่างป้องกันตัวเล็กน้อย ในใจกลับรู้สึกโชคดีที่เยี่ยเว่ยหมิงลืมเรื่องที่เขาเคยเถียงอวดเก่งกับเยี่ยเว่ยหมิงที่งานประมูลตอนนั้น

แต่ความจริงก็คือเยี่ยเว่ยหมิงไม่เคยลืม เพียงแต่ไม่ใส่ใจเท่านั้นเอง

คนอย่างเยี่ยเว่ยหมิง พูดแบบจริงจังเลยก็คือเป็นคนที่ค่อนข้างใจกว้าง มีความแค้นอะไรก็ล้างแค้นไปแล้วตรงนั้น หากล้างแค้นไม่ได้เขาถึงจะจดจำ

ซึ่งตอนที่อยู่งานประมูลครั้งนั้น เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบข่มอีกฝ่ายตั้งแต่ต้นจนจบ เยี่ยเว่ยหมิงหาเหตุผลไม่เจอจริงๆ ว่าทำไมตัวเองต้องจดจำความแค้น

ถึงอย่างไรทุกคนก็โตๆ กันแล้ว หากคิดเล็กคิดน้อยแม้แต่กับเรื่องแบบนี้ แล้วจะเอาเวลาว่างที่ไหนไปทำงานของตนเอง

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้คิดจะสั่งสอนตนจริงๆ ในที่สุดเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นก็วางใจแล้ว จึงกล่าวอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรมเล็กน้อย “ข้าได้รับภารกิจมาจากชีกงให้เข้าร่วมประลองยุทธ์เลือกคู่ที่เกาะดอกท้อ…

…แต่แค่การเดินทางมาเกาะดอกท้ออย่างเดียว ข้าก็ใช้เวลาไปสองวันแล้ว!…

…ระหว่างนั้นข้าทั้งหาเบาะแส ทั้งทำภารกิจ ไม่ง่ายเลยกว่าเจอคนขับเรือที่ยอมพาข้ามาส่งที่นี่ ผลปรากฏว่าพอมาถึงก็ถูกกันไว้นอกค่ายกลดอกท้อ”

ขณะมองป่าท้อไร้ขอบเขตตรงหน้า เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นก็กล่าวอย่างจนใจมาก “ป่าท้อผืนนี้นี่แหละ ข้าพยายามฝ่ามาสามครั้งแล้ว แต่ละครั้งวนอยู่ข้างในหนึ่งชั่วโมงราวกับแมลงวันไร้หัว ไม่มากไม่น้อยกว่านั้น ประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ตรงหน้าค่ายกลอีกแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ดังนั้น การจะขึ้นเกาะได้อย่างไร ก็คือบททดสอบแรก ส่วนการผ่านค่ายกลดอกท้อเพื่อเข้าไปในเกาะดอกท้อก็คือบททดสอบที่สอง มีแต่ต้องผ่านสองบททดสอบนี้เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมประลองยุทธ์เลือกคู่ ใช่หรือไม่”

พอพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงดึงประเด็นสนทนากลับไปตอนแรก “ในเมื่อเข้าไปไม่ได้ เจ้าจะมาหอนอยู่ตรงนี้ทำไม”

“ที่ข้าทำอยู่เรียกว่ากลยุทธ์มลพิษทางจิตใจ” เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นกล่าวอย่างค่อนข้างภูมิใจ “เจ้าฟังข้าร้องเพลงแล้วรู้สึกว่าแย่มากใช่ไหมล่ะ มันไม่เพราะก็ถูกต้องแล้ว! ตราบใดที่หวงเย่าซือไม่ปล่อยข้าเข้าไป ข้าก็จะร้องอยู่ตรงนี้ ร้องจนกว่าเขาจะรำคาญ ร้องจนกว่าเขาจะทนไม่ไหว เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็ย่อมปล่อยข้าเข้าไปเอง”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอดยกนิ้วให้อีกฝ่ายไม่ได้

แม้แต่วิธีการเช่นนี้ก็ยังคิดได้ ต้องบอกเลยว่าสหายคนนี้…เจ๋งมาก!

เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นอธิบายให้เขาฟังเยอะขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะให้ความรู้ด้วยความหวังดีอยู่แล้ว หลังจากอธิบายจบ สุดท้ายก็พูดจุดประสงค์ของตัวเองออกมา “พวกเจ้าจะร่วมด้วยกับข้าไหม…

…พวกเราสามคนผลัดเวรกันได้ ทำแบบนี้ก็จะสร้างมลพิษทางจิตใจได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพักแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงรีบโบกมือ “เรื่องที่อับอายขายหน้าเช่นนี้ พวกเราทำไม่ลงหรอก เจ้าทำต่อเถอะ ไม่ต้องเกรงใจพวกเรา”

เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นเห็นเขาไม่ยอมร่วมมือก็วิ่งไปพักผ่อนอีกด้านเสียเลย

ถึงอย่างไรก็แหกปากมานานแล้ว เป็นมนุษย์ก็เหนื่อยเหมือนกัน

ส่วนสะพานสวรรค์น้อยก็มองป่าท้อตรงหน้า แล้วถามอย่างจนปัญญาเช่นกัน “พวกเราจะเข้าไปได้อย่างไร”

เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่คาดหวังกับ ‘วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย’ ของสะพานสวรรค์น้อยอยู่แล้ว จึงตอบอย่างมั่นใจมากว่า “ก็ต้องให้หวงเย่าซือเปิดค่ายกลใหญ่ดอกท้อ ปล่อยพวกเราเข้าไปข้างในอย่างสุภาพอยู่แล้ว”

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเช่นนี้ สะพานสวรรค์น้อยก็วางใจทันที

ส่วนเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นที่วิ่งไปถึงฝั่งนั้นแล้ว บนสีหน้ากลับเผยรอยยิ้มดูถูก เอนกายพิงบนโขดหินโสโครกริมทะเลก้อนหนึ่ง ท่าทางเหมือนเตรียมดูละครสนุกๆ

เคยสัมผัสความดื้อรั้นของหวงเย่าซือมาแล้ว เขาถึงไม่เชื่อว่าเจ้าคนประหลาดนั่นจะคุยง่ายขนาดนั้น ไม่คิดว่าจะเปิดค่ายกลให้เข้าไปแต่โดยดี

ตอนนี้เอง สะพานสวรรค์น้อยได้รับข้อความส่วนตัวจากเยี่ยเว่ยหมิง จึงตะโกนเสียงดังว่า “พี่ใหญ่เยี่ย เจ้ามีวิธีการอะไรทำให้หวงเย่าซือเปิดค่ายกลปล่อยพวกเราเข้าไป”

เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์อย่างมั่นใจในตนเองมาก “เจ้าดูสิ พวกเราได้รับภารกิจให้มาที่นี่ หวงเย่าซือต้องรู้แน่นอนว่าพวกเรามาถึงด้านนอกค่ายกลดอกท้อแล้ว แต่กลับไม่ยอมปล่อยให้พวกเราเข้าไปข้างในอย่างราบรื่น ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ถ้าแพร่ออกไปในยุทธภพ ในภายหลังหวงเย่าซือคงไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว”

สะพานสวรรค์น้อยแสร้งทำเป็นแปลกใจ ถามอย่างให้ความร่วมมือต่อ “เจ้าจะหลอกเขาอย่างไร”

“ทำไมเรียกว่าหลอก” เยี่ยเว่ยหมิงแก้ตัวอย่างไม่พอใจ “เรื่องนี้เดิมทีเขาก็ไม่มีเหตุผลให้เถียงอยู่แล้ว ขอเพียงข้าพูดความจริง ก็ทำให้คนทั้งยุทธภพรู้ได้แล้วว่าหวงเย่าซือเป็นคนต่ำช้าที่คำพูดเชื่อถือไม่ได้”

ส่วนเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่น พอเห็นพวกเขาแสดงเกินจริงขนาดนี้ ก็ยกมุมปากยิ้มครุ่นคิด รู้สึกว่าเริ่มเห็นผลลัพธ์เรื่องนี้แล้ว

“แล้วเจ้าเตรียมจะพูดความจริงอย่างไร” สะพานสวรรค์น้อยซักไซ้ต่อ

“ง่ายมากเลย” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างใจเย็นมาก “คนที่ได้ประกาศิตกระบี่บุปผาโรยมาที่เกาะดอกท้อเพื่อขอให้หวงเย่าซือช่วยเหลือ แต่หวงเย่าซือใช้ค่ายกลใหญ่ดอกท้อกันคนไว้ด้านนอกเพื่อหลบหน้า จะได้ไม่ต้องทำตามสัญญา…

…เช่นนี้นับเป็นวิถีของคนต่ำช้าหรือไม่เล่า…

…เจ้าลองคิด ครุ่นคิดดูให้ดี!”

พรึ่บ!…

เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งจะพูดจบ ป่าท้อที่อยู่ตรงหน้าเขากับสะพานสวรรค์น้อยก็พลันสลับที่ ต้นท้อที่ขวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาย้ายไปทางฝั่งซ้ายและขวาแล้ว ตรงหน้าทั้งสองปรากฏหนทางตรงแน่วที่เชื่อมไปยังภายในเกาะ

ขณะเดียวกันนี้เอง เสียงที่เจือความรู้สึกไม่พอใจก็ดังขึ้นข้างหูทั้งสาม “เจ้าเด็กปลิ้นปล้อน เข้ามาสิ”

“ขอรับ!”

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงขานรับก็พาสะพานสวรรค์น้อยเดิมตามทางเข้าไปในเกาะดอกท้อทันที

“บัดซบ อย่างนี้ก็ได้หรือ!”

เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นที่เตรียมรอดูอยู่ข้างๆ เห็นแล้วเผยสีหน้างุนงง

แต่ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่านี่คือโอกาสที่เขาจะได้ปะปนผ่านด่านไปด้วย ดังนั้นจึงใช้ท่าร่างพุ่งเข้าไปตรงทางเข้าเกาะดอกท้อที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงเข้าไป

จากนั้น…

พรึ่บ!

ป่าท้อที่แยกเป็นสองฝั่งปิดเข้าหากัน ทางเข้าปิดสนิทอีกครั้งก่อนที่เทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นจะเข้าไป

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท