ตอนที่ 632 คัมภีร์เทพสาดส่องเพิ่มเลเวล!
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงยังปลุกใจตัวเองให้ประคับประคองตัวอยู่ภายใต้การโจมตีด้วยคลื่นเสียงของยอดฝีมือทั้งสาม
ภายใต้แรงกดดันสูงที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเช่นนี้ ค่าประสบการณ์วิชากำลังภายในของเยี่ยเว่ยหมิงกำลังเพิ่มขึ้นเร็วมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกครั้งที่ยืนหยัดได้หนึ่งวินาที ก็จะได้รับประโยชน์มหาศาลมาก
เมื่อมีผลประโยชน์ให้หวัง การต่อสู้แบบนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงชื่นชอบจนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย!
ที่จริงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้เสพสุขจากสวัสดิการนี้คนเดียว นี่คือสวัสดิการที่ผู้เข้าร่วมประลองทั้งห้าได้ใช้ร่วมกัน
การเพิ่มขึ้นของค่าประสบการณ์แบบนี้ สัมพันธ์โดยตรงกับแรงกดดันที่เผชิญ ดังนั้นตอนที่มารบูรพา พิษประจิมกำลังช่วยลูกศิษย์ตัวเองโกง ก็ลดความเร็วที่ผู้สืบทอดของเขาได้เพิ่มค่าประสบการณ์เช่นกัน
หากใช้วิธีการพูดที่ตรงไปตรงมากว่านี้ก็คือ จำนวนค่าประสบการณ์กำลังภายในที่ผู้เล่นแต่ละคนได้รับ โดยพื้นฐานจะกำหนดจากค่าพลังชีวิตที่ลดลงระหว่างที่กำลังต่อต้านการโจมตี ยิ่งเสียค่าพลังชีวิตมาก ค่าประสบการณ์กำลังภายในที่ได้รับก็ยิ่งมาก
ซึ่งในการประลองครั้งนี้ก็ไม่ได้กำหนดว่าพวกผู้เล่นห้ามกินยาฟื้นฟูกำลังภายใน ดังนั้นหากอยากทนได้นานอีกหน่อยก็กินยาช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตได้ จะได้รับค่าประสบการณ์กำลังภายในมากขึ้น
ดังนั้นจำนวนรวมของค่าประสบการณ์กำลังภายในที่ผู้เล่นทุกคนได้รับ ที่จริงแล้วต่างกันไม่มาก
สรุปก็คือในการประลองสนามนี้ ลูกศิษย์ของมารบูรพาและพิษประจิมได้รับประโยชน์มากกว่าสะพานสวรรค์น้อยและเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก
แต่หากพูดถึงเยี่ยเว่ยหมิง สถานการณ์ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว
ใครใช้ให้ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ของเขา เป็นวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาที่เน้นฟื้นฟูค่าพลังชีวิตเป็นหลักล่ะ
เขามีกำลังภายในเยอะที่สุดในบรรดาผู้เล่นห้าคน ดังนั้นค่าพลังชีวิตจึงลดลงจึงช้าที่สุด ขณะเดียวกันก็มีค่าพลังชีวิตสูงสุดในบรรดาทั้งห้าคนด้วย ความเร็วในการฟื้นฟูค่าพลังชีวิต หากเทียบกับคู่ต่อสู้คนอื่นแล้วถือว่ามากกว่าไม่ใช่น้อยๆ!
ภายใต้ความแตกต่างโดยรวมจากค่าสเตตัสหลายรายการ ประกอบกับยาที่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต ตอนที่อีกสี่คนพลังชีวิตหมดจนตายแล้ว พลังชีวิตของเขายังเหลืออยู่อีกประมาณสี่ในห้าของทั้งหมด!
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ค่าพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังลดลงช้าๆ ภายใต้การร่วมโจมตีของสามยอดฝีมือ
อิงตามความเร็วแบบนี้ ไม่มีทางที่จะเพิ่มเลเวล ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ให้ถึงเลเวลแปดได้ก่อนที่จะตายเพราะสามยอดฝีมือแน่นอน!
หลังจากสังเกตได้ถึงสถานการณ์นี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เกิดความคิดบางอย่างในใจ กระบี่ล้ำค่าสีทองวิบวับเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือเขาแล้ว
เขาใช้มือข้างหนึ่งกุมกระบี่ตั้งตรงหน้าอก ปลายกระบี่ชี้ขึ้นฟ้า!
หากมองจากภายนอก คนนอกจะไม่รู้เลยว่ากระบี่ในมือของเยี่ยเว่ยหมิงมีจุดที่พิเศษอย่างไร เนื่องจากไม่ว่ากระบี่ล้ำค่าเล่มไหนที่อยู่ในมือเขา ก็จะแสดงออกเป็น ‘กระบี่อาญาสิทธิ์’ ทั้งหมด
แต่ความจริงแล้ว ลักษณะที่แท้จริงของมันกลับแตกต่างจากกระบี่อาญาสิทธิ์มาก
[กระบี่รอยมังกร (อาวุธล้ำค่า)] กระบี่ล้ำค่าที่สลักลายมังกรไว้บนตัวกระบี่ ในนั้นแฝงไปด้วยพลังลึกลับ
โจมตี +600
กำลังภายใน +60%
ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิต +100%
เลเวลเคล็ดกระบี่ +1!
เมื่ออยู่ภายใต้การเสริมพลังจากกระบี่รอยมังกร การฟื้นฟูพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงก็เร็วขึ้นจากเดิมเกือบหนึ่งเท่า!
ภายใต้ประสิทธิภาพการฟื้นฟูพลังชีวิตอันมหาศาลเช่นนี้ ค่าพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงหยุดลดลงแล้ว ถึงขั้นมีแนวโน้มฟื้นฟูกลับมาอย่างช้าๆ ด้วย แม้จะเป็นการฟื้นฟูที่ช้ามาก กล่าวได้ว่าช้าถึงขั้นที่ไม่อาจสังเกตเห็นก็ตาม
แต่สิ่งนี้กลับแสดงว่า หากคุมเชิงกันด้วยจังหวะนี้ต่อไปเรื่อยๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็จะได้อาศัยแรงกดดันจากการโจมตีด้วยคลื่นเสียงสามกลุ่ม เพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์วิชากำลังภายในของเขาได้โดยไม่ต้องหวาดกลัวต่อสิ่งใด
ถึงขั้นว่าหากเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ค่าพลังชีวิตของเขานอกจากจะไม่ลดลงแล้ว กลับจะถูกฟื้นฟูกลับมาให้เต็มด้วยซ้ำ!
แต่การทำเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายสามยอดฝีมือ!
สำหรับการกระทำที่อาศัยกำลังตัวเองคนเดียวสู้กับสามยอดฝีมือพร้อมกัน ยังไม่ต้องพูดถึงพิษประจิมกับมารบูรพาผู้เย่อหยิ่งที่เดิมทีก็ไม่ชอบขี้หน้าเขาอยู่แล้ว แม้แต่ยาจกอุดรที่มีจิตใจรักความเป็นธรรมก็เริ่มถูกยั่วโมโหแล้วเช่นกัน
ดังนั้น สามยอดฝีมือจึงเพิ่มพลังจากเดิมหลายส่วนโดยไม่ได้นัดหมาย
ประเดี๋ยวเดียว แรงกดดันบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง!
แถบพลังชีวิตที่เดิมทีควบคุมแนวโน้มการลดลงได้ ตอนนี้ลดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้งจนตาเปล่าสังเกตเห็นได้ ถึงขั้นเร็วกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน!
ภายใต้ความกดดันเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงต้องใช้พลังม้าเต็มที่ โคจรปราณแท้ในร่างกายทั้งหมดขึ้นมาอีกครั้ง ต้านทานการขนาบโจมตีของสามยอดฝีมือได้อย่างเปลืองแรง
ภายใต้การโคจรพลังอย่างสุดความสามารถ กำลังภายในที่เดิมทีควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบตอนนี้กลายเป็นกระสับกระส่ายแล้ว พลังส่วนหนึ่งในนั้นถูกกรอกเข้าไปใน ‘ฝักกระบี่สาส์นพุทธะ’ ที่อยู่ข้างหลัง
จากนั้น ตรงหน้าศาลาฝึกกระบี่ นอกจากเสียงขลุ่ยของหวงเย่าซือ เสียงกู่เจิงของโอวหยางเฟิง เสียงคำรามของหงชีกง ก็มีเสียงที่สี่ดังขึ้น!
“นโมอมิตาภายะ ตถาคตายะ ตยถา อมฤโตทภเว อมฤต สิทธัมภเว อมฤตวิกรานเต อมฤตะวิกรานตะ…”
เมื่อ ‘คาถาอุบัติสุขาวดี’ ดังขึ้น ก็ช่วยต้านและลดแรงปะทะจากคลื่นเสียงของสามยอดฝีมือได้ในระดับหนึ่ง ทำให้แรงกดดันของเยี่ยเว่ยหมิงเบาลงแล้วเช่นกัน
ความเร็วของค่าพลังชีวิตที่ลดลงกลับมาเสถียรอีกครั้ง มันกลับมาช้าลงอีกครั้งแล้ว
พอสามยอดฝีมือดังนั้น ในใจก็เรียกได้ว่าเดือดดาล
ทำได้อย่างไร
เจ้าเด็กนี่! นี่เจ้ากำลังหาเรื่องพวกเราสามคนแบบไม่จบไม่สิ้นใช่ไหม
ดังนั้น สามยอดฝีมือจึงเพิ่มพลังอีกครั้ง ครั้งนี้ยั่วโมโหพวกเขาแล้วจริงๆ พวกเขาใช้กำลังทั้งหมดที่มี!
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงที่ใช้ทุกหนทางแล้ว ในที่สุดก็ไม่มีหนทางอื่นอีก ทำได้เพียงดันทุรังต้านทานต่อไป เขามองค่าพลังชีวิตที่ลดลงอย่างรวดเร็วและค่าประสบการณ์วิชากำลังภายในที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้น คาดการณ์ไม่ได้เลยว่าเขาจะทะลวงถึงเลเวลแปดก่อนตายได้หรือไม่
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี่ ทุกคนกลับเห็นเงาคนผู้หนึ่งถลันเข้ามา เป็นอี้เติงไต้ซือที่ใช้ท่าร่างมาอยู่ข้างหลังเยี่ยเว่ยหมิงเงียบๆ
จากนั้นก็เห็นพระชั้นสูงรูปนี้ประนมมือสองข้างแล้วเริ่มสวดมนต์ มนต์คาถาที่เขาสวดเหมือนกับ ‘คาถาอุบัติสุขาวดี’ ที่ดังออกมาจากฝักกระบี่สาส์นพุทธะของเยี่ยเว่ยหมิงไม่มีผิด ถึงขั้นว่าทุกจังหวะและท่วงทำนองก็แม่นยำเหมือนกันด้วย
ภายใต้สถานการณ์นี้ เสียงสวดของอี้เติงย่อมไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเยี่ยเว่ยหมิงอยู่แล้ว แต่กลับช่วยเสริมให้ ‘คาถาอุบัติสุขาวดี’ ของเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ
ทำให้ค่าพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงกลับมาเสถียรอีกครั้ง ไม่ลดฮวบลงอีก
ในที่สุดอี้เติงไต้ซือก็ลงมือแล้ว ซึ่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เห็นท่าทีของเขาแล้วเช่นกัน
เจ้าคนไร้ยางอายทั้งสาม นึกไม่ถึงว่าจะรังแกเด็กรุ่นหลัง ช่างไร้เหตุผลจริงๆ
ชาวพุทธก็โกรธเป็นเหมือนกัน!
การแสดงท่าทีของอี้เติง ทำให้สามยอดฝีมือเริ่มลังเลแล้ว
แต่กลับไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจการเคลื่อนไหวที่มีความหมายล้ำลึกของเขา
คนผู้นั้นก็คือยอดฝีมือที่สติปัญญาต่ำ เฒ่าทารกโจวปั๋วทงผู้ไม่ประสีประสาโลกนั่นเอง
ในใจของเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ซับซ้อนวุ่นวายมากขนาดนั้น เมื่อเห็นยอดฝีมือสี่ทิศลงสนามกันหมด ถ้าเกิดนึกสนุกขึ้นมาทันที ตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “น่าสนุก น่าสนุก ขอข้าเล่นด้วยสิ ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะของเฒ่าทารกดังเข้ามาในการต่อสู้ ทำลายสถานการณ์ที่เยี่ยเว่ยหมิงดันทุรังประคับประคองโดยสิ้นเชิง แถบพลังชีวิตที่เดิมทีเสถียรแล้ว ตอนนี้เริ่มไหลตกลงอีกครั้ง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงถ่วงเวลาได้นิดหน่อยเช่นกัน
ตอนที่ค่าพลังชีวิตของเขากำลังจะเหลืออยู่เพียงสิบเปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นขีดอันตราย จู่ๆ กลับรู้สึกว่าแรงกดดันหายไปทั้งตัว
ในที่สุด ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ของเขาก็เพิ่มเลเวลแล้ว!