บทที่ 1082 ความคึกคักและความอ้างว้าง
บทที่ 1082 ความคึกคักและความอ้างว้าง
ซูเสี่ยวถงถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากกลุ่มผู้นำทยอยกันกลับไป
ถึงจะทำงานเป็นนักบัญชีของหมู่บ้านมานานหลายปี แต่เขาไม่เคยได้พบกับผู้นำมากขนาดนี้มาก่อน
ผู้นำตำบลเคยพบบ่อยครั้งแล้ว
ส่วนผู้นำอำเภอจะได้เจอกันไกล ๆ หากมีประชุมน่ะ
แล้ววันนี้ต้องมาเจอตูมเดียว จึงรู้สึกขัดเขินนิดหน่อย
แต่พอเห็นกลุ่มผู้นำดูเข้าถึงได้ง่ายยามอยู่ต่อหน้าเฉินจื่ออันและเสิ่นจื่อเจิน ทั้งยังเยินยอสรรเสริญอะไรนั่นอีก จึงรู้สึกว่าก็ไม่ได้ต่างไปจากคนธรรมดา
“ผู้ใหญ่บ้าน ผมเพิ่งเคยเห็นผู้นำเราเป็นแบบนี้ครั้งแรกเลย”
ซูฉางจิ่วได้ฟังก็ตีไปทีหนึ่ง
“เจ้าบ้านี่ พูดจาอะไรมั่วซั่ว ไปทำการทำงานไป๊!”
“เราทำเสร็จหมดแล้วนะ วันนี้มีงานใหญ่ไม่ใช่หรือครับ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมหรือ?”
ซูเสี่ยวถงอุตส่าห์วางแผนไว้ดิบดี อุตส่าห์มีเวลาว่างตั้งครึ่งวันเลยนะ
ฝ่ายผู้ใหญ่บ้านเห็นรอยยิ้มขี้เล่นแล้วนึกถึงเรื่องตำแหน่งผู้สืบทอดในอนาคต
“ได้เรื่องแค่นี้จะไปเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ยังไงเนี่ย?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดตรง ๆ
ชายหนุ่มตกใจมาก
อะไรนะ?
เป็นผู้ใหญ่บ้านหรือ?
จะเป็นไปได้ยังไง?
เขาไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก
“ผู้ใหญ่บ้านอย่าทำแบบนี้สิครับ คุณเป็นเองนั่นแหละดีแล้ว ผมถือกระเป๋าให้คุณดีไหม?”
ท่าทางน่าสมเพชจริง ๆ
“มันจะหนักสักแค่ไหนกันเชียว? ถึงขนาดที่ฉันไม่มีปัญญาถือหรือไง?” หลังจากตวาดใส่ก็ตรงดิ่งกลับบ้านทันที
ตอนผู้นำอยู่จะทำอะไรก็ไม่สะดวกเท่าไร แต่พอส่งกลับไปดันรู้สึกสิ้นหวังเสียอย่างนั้น
ลูกสาวแต่งงานกับรับสะใภ้เข้าบ้านไม่เหมือนกันจริง ๆ
หลังจากนี้ลูกจะไม่ได้เป็นสมาชิกครอบครัวเราอีกต่อไป แต่เป็นคนของบ้านสามีแทน
ตาแก่คนนี้ไม่ดีใจเลย!
แถมเจ้าบ้าซูเสี่ยวถงมันดันไม่รู้ใจอีก
ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ
ซูฉางจิ่วไม่รู้ว่าทำไมถึงเสียใจ
ตระกูลซูดีทุกอย่าง ลูกเราแต่งเข้าบ้านเขามีแต่ดีทั้งนั้น
แต่ดันไม่สบายใจและไม่มีความสุขเลย
เหมือนสมบัติล้ำค่าในดวงใจถูกแย่งชิงไป
ยิ่งเห็นซูซานกงยิ้มเหมือนคนโง่เง่าก็อยากจะเดินเข้าไปตบทักทายสักฉาดสองฉาด
แต่ทำไม่ได้ไง เลยคิดอยู่ในใจแทน
และผลของมันจึงทำให้ตนมอมเมาได้สำเร็จ
แม้จะไม่ได้เอะอะโวยวายแค่นอนหลับเฉย ๆ แต่ใครเห็นก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
นอกจากเราสองสามีภรรยา ยังมีเซี่ยหนานอีกคนที่ไม่ยินดีเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขนะ แต่เป็นก่อนหน้าลูกแต่งงานน่ะ
ต่อให้ไปร่วมงานด้วยตนเอง แต่ใจก็ยังไม่ยินดีเท่าไร
อุตส่าห์ได้ใช้เวลาด้วยกันแท้ ๆ แต่ก็ต้องแต่งออกเรือนเสียแล้ว
เวลาที่ได้อยู่กับลูกแสนสั้นเหลือเกิน
โชคดีที่อนาคตลูกสาวจะอยู่เมืองหลวง
มีเวลาอีกมากให้ได้เจอกัน
ช่างเถอะ ลูกได้ดิบได้ดีแล้ว ซานกงเองก็พึ่งพาได้
“ดูพี่ฉางจิ่ววันนี้สิ ตอนเสี่ยวเถียนแต่งงานฉันคงไม่เสียใจตายใช่ไหม?” ซูเหล่าซานเอ่ยกับภรรยาด้วยความกลัว “ฉันว่าให้เสี่ยวเถียนอยู่บ้านต่ออีกหน่อยเถอะ ใช่ว่าเราจะเลี้ยงไม่ไหวนะ!”
เหลียงซิ่วกลอกตาใส่
“วันดี ๆ แบบนี้มาพูดเรื่องตายอะไรกันล่ะ? ถ้าพี่ ๆ เขาได้ยินจะสบายใจได้ยังไง?”
“อีกอย่างนะ มีลูกสาวบ้านไหนโตแล้วไม่แต่งงานกันบ้าง คุณนี่มันไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ! ไม่ยอมให้ลูกแต่งงานเพราะรักลูกหรืออยากทำลายชีวิตลูกกันแน่?”
ซูเหล่าซานถูจมูก แล้วยกแก้วขึ้นดื่ม
ในใจขบคิด เสี่ยวเถียนโตขึ้นทุกวัน เดี๋ยวเดียวก็ถึงวันแต่งงานแล้ว จะให้ทำยังไงล่ะ!
เขาคงจะเสียใจตายจริง ๆ นั่นละ
ซูเหล่าเอ้อร์ถือแก้วชนกับน้องชาย
อย่าว่าแต่เหล่าซานมันเลย เขาเองยังคิดว่าคงร้องไห้ตอนหลานสาวแต่งเหมือนกัน
บ้านเรามีลูกสาวแค่คนเดียวเอง รักเหมือนลูกในไส้ พอเธอแต่งงานออกเรือนจะไม่ให้เสียใจได้ยังไง?
ฉีเหลียงอิงยิ้มแล้วหันไปคุยกับเหลียงซิ่ว “ดูสภาพไม่ได้เรื่องของสองคนนี้สิ ใครมาเห็นคงคิดว่าลูกเขาแต่งงานวันนี้”
“นี่ดีนะ ที่พี่ใหญ่เขายุ่งเรื่องงานเลยไม่ได้มาร่วมวงเศร้ากับสองคนนี้ ไม่งั้นก็ไม่รู้รวมสามพี่น้องจะสร้างเรื่องอะไรให้อีก!”
สะใภ้สามปิดปากหัวเราะ “พี่สะใภ้รองพูดจริงค่ะ บ้านเรามีเสี่ยวเถียนเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวเอง ทุกคนก็เลยรักเธอมาก อนาคตแต่งงานคงเสียใจเหมือนกัน”
“เผลอ ๆ พี่ใหญ่ทรมานสุดแล้วละมั้ง!”
สองสะใภ้ทำงานไปด้วยสนทนาไปด้วย
แต่ไม่ว่ายังไง งานแต่งก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น
เรื่องเถียนเสี่ยวเหอก็ไม่ได้เกิดขึ้น
พอเสร็จงานแต่งก็ได้เวลาไปฉลองงานส่งท้ายปีเก่า
มีสมาชิกเข้ามาเพิ่มจึงคึกคักกันมาก
ฝั่งบ้านซูฉางจิ่วอ้างว้างพอสมควร
ลูกชายลูกสะใภ้ไม่คิดจะมาร่วมกินข้าวส่งท้ายปีน่ะ
เลยทำให้ซูฉางจิ่วเสียใจกว่าเดิม
โชคดีที่สะใภ้ใหญ่อย่างจางไฉ่อวิ๋นถือว่าใช้ได้ เธอให้สามีพาเด็ก ๆ มาส่งเกี๊ยวกับปลาโดยบอกว่าบ้านน้องรองทำมาให้
จูหลานฮวาถอนหายใจ
สะใภ้ใหญ่กลัวเถียนเสี่ยวเหอมาสร้างปัญหาเลยมาหาน่ะ
ก็จริง ปีใหม่ทั้งทีใครจะไม่อยากมีชีวิตสงบสุขล่ะ?
ตอนนั้นเองที่ซูเสี่ยวปามาหาที่บ้าน
“ลุงฉางจิ่วครับ ปู่ให้มาเชิญลุง ป้า แล้วก็อาจารย์เซี่ยหนานไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเราครับ”
ซูฉางจิ่วลังเล
“ถึงบ้านเราจะเป็นญาติมิตรกันแล้ว แต่ไม่สมควรไปกินข้าวที่บ้านฝั่งสามีลูกหรือเปล่า จะไม่ได้โดนหัวเราะเยาะเอาหรือ?”
“ปู่บอกว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าเพียงวันเดียวที่ครอบครัวเราจะได้ใช้เวลาร่วมกันในหมู่บ้าน เลยอยากให้ลุงคึกคักสักหน่อย ป้าเถาฮวากับลุงเสิ่นก็มานะครับ”
ราวกับเข้าใจความคิด
ผู้ใหญ่บ้านได้ยินก็เข้าใจว่าคุณปู่ซูคงจะไม่ได้กลับมาอีกหลายปี
ถ้างั้นก็ต้องไปร่วมแล้วละ
ตอนนี้ที่บ้านอ้างว้างมาก เมื่อก่อนฉลองปีใหม่ด้วยกัน คนเยอะคึกคัก ตื่นเต้นไม่น้อย
จูหลานฮวาคิดว่าสามีคงไม่เอา ด้วยนิสัยของเขาน่ะ
แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยขึ้น “เอาปลาตัวนี้ไปฉลองด้วยกันแล้วกัน”
เซี่ยหนานเขินนิดหน่อยในฐานะที่เป็นแขก แต่เมื่อคนเป็นพี่พูดแบบนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งแล้ว ใบหน้ายกยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย
—————————————————————–