ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 510 ทบทวนตัวเองวันละสามครั้ง

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 510 ทบทวนตัวเองวันละสามครั้ง

เมื่อเห็นพลังชีวิตกับกำลังภายในฟื้นฟูพอสมควรแล้ว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็บอกว่า “ช้าก่อน!”

สองคนนั้นได้ยินแล้วก็หยุดจริงๆ เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ “ผู้น้อยเลื่อมใสเคล็ดกระบี่ของสำนักภูเขาหิมะมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้าบ้านสือจะยกศึกนี้ให้ผู้น้อยได้หรือไม่ ให้ผู้น้อยได้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของลมหนาวจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือสักหน่อย”

พอพูดจบ เขาก็หันไปบอกไป๋วั่นเจี้ยนอีกว่า “เมื่อครู่ผู้อาวุโสไป๋สู้นานมาก ผู้น้อยก็ประลองฝีมือกับพวกยอดฝีมือสำนักภูเขาหิมะนานมากเช่นกัน พวกเราลงมือตอนนี้ก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว ไม่มีใครเอาเปรียบใครทั้งนั้น ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสไป๋คิดว่าอย่างไร”

“จะยุติธรรมหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับก่อนหน้านี้สู้นานเท่าไร” ไป๋วั่นเจี้ยนได้ยินแล้วหันตัวมา กล่าวพร้อมยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นการประลองระหว่างข้ากับเจ้าบ้านสือ หากเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับข้า กติกาสูงสุดย่อมหาทางให้การต่อสู้ระหว่างเรายุติธรรมที่สุดอยู่แล้ว จอมยุทธ์น้อยเยี่ยไม่ต้องกังวลเลยว่าใครจะเอาเปรียบใคร”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็เห็นแสงสีขาวสองสายแฉลบผ่านระหว่างเยี่ยเว่ยหมิงกับไป๋วั่นเจี้ยน สถานะของทั้งสองฟื้นฟูกลับมาอยู่จุดสูงสุดในชั่วพริบตาเดียว!

เมื่อเห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ทอดถอนใจในความยิ่งใหญ่ของระบบไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ปวดใจด้วยนิดหน่อย

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าจะลงทุนกินยาไปเพื่ออะไร

พวกลูกสมุนถูกกำจัดหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงสุดยอดกระเป๋าค่าประสบการณ์ที่มูลค่าเท่าลูกสมุนสิบคน…ยี่สิบคน

เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าตนควรจะพยายามจัดการอีกฝ่ายสักหน่อย!

เพื่อแสดงออกว่าให้เกียรติผูู้ช่วยอย่างเยี่ยเว่ยหมิง สือชิงก็ถอยมาอยู่ด้านข้างแล้วเข้าสู่โหมดดูการต่อสู้

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงกับไป๋วั่นเจี้ยนก็ยืนอยู่ตรงข้ามกัน ชี้กระบี่ล้ำค่าในมือไกลๆ เตรียมตัวต่อสู้เรียบร้อย

ไป๋วั่นเจี้ยนฝึกวิชากำลังภายในและเคล็ดกระบี่ของสำนักภูเขาหิมะจนถึงระดับสูงสุดแล้ว เมื่อกระบี่อยู่ในมือ ลักษณะพลังที่แผ่ซ่านออกมาเจือด้วยความเยียบเย็น เข้าคู่กับปราณกระบี่ร้อนแผดเผาที่แผ่จากกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงของเยี่ยเว่ยหมิง แต่กลับเป็นสองสิ่งที่ข่มกัน

เมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มศิษย์สำนักภูเขาหิมะตรงจุดยืนทำโทษที่ห่างออกไปห้าจั้งก็พากันเบิกตากว้าง

โดยเฉพาะพวกผู้เล่นที่นำโดยหลี่วั่นจี พวกเขามองสองคนในสนามต่อสู้ตาไม่กะพริบ

สองคนนี้ หนึ่งคนเป็นผู้เล่นสุดแข็งแกร่งที่บุกเดี่ยวใช้กระบี่จัดการผู้เล่นและ NPC สำนักภูเขาหิมะทั้งหมดห้าสิบสี่คนจนเงยหน้าไม่ขึ้น ส่วนอีกคนเป็นเสาหลักในบรรดาศิษย์รุ่นสองของสำนักภูเขาหิมะ BOSS ใหญ่ที่เลเวลสูงถึงเก้าสิบห้า!

การประลองชี้ขาดระหว่างพวกเขา ไม่เพียงแค่สะท้อนศักยภาพส่วนบุคคลของเยี่ยเว่ยหมิง ทั้งยังทำให้ผู้เล่นทั่วไปอย่างพวกเขาได้เป็นเป็นประจักษ์พยานแล้วว่าขีดจำกัดศักยภาพของผู้เล่นระดับสูงสุดตอนนี้อยู่ตรงไหนกันแน่ จะท้าสู้ตัวต่อตัวกับ BOSS เลเวลเก้าสิบห้าได้หรือไม่!

ชี้กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงไปที่ไป๋วั่นเจี้ยน มือซ้ายห้อยอยู่ข้างลำตัว พอวาดวงกลมออกมาหนึ่งวง เสียงมังกรคำรามก็ดังแว่วขึ้นมา

เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมตัวที่จะปะทุพลังโจมตีสูงสุดแล้ว สายตาจ้องเพียงไป๋วั่นเจี้ยนที่อยู่ตรงหน้า “ผู้อาวุโสไป๋ ผู้น้อยเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เชิญผู้อาวุโสส่งกระบวนท่ามาเลย”

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงทำท่าเหมือนจะโจมตีด้วยกระบี่และฝ่ามือพร้อมกัน ไป๋วั่นเจี้ยนก็รู้สึกปวดประสาทเช่นกัน

ลักษณะการต่อสู้ของผู้เล่นทั่วไปก็เป็นแบบนี้ พอเริ่มสู้กันก็ใช้ท่าไม้ตายทันที อาศัยว่าตัวเองมีร่างกายที่ไม่ตาย เวลาต่อสู้ไม่เคยคิดจะทดสอบฝีมือของอีกฝ่ายก่อนเลย

ศิษย์สำนักภูเขาหิมะอย่างพวกเขายังนับว่าดีกว่าหน่อย ถึงอย่างไรศักยภาพก็เห็นๆ กันอยู่ ไม่ได้มีท่าไม้ตายให้ใช้เยอะด้วย

แต่เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงงัดท่าไม้ตาย ท่าเด็ด ท่าทรงพลัง ท่าเจ้าเล่ห์ออกมาไม่หยุด ทำให้ไป๋วั่นเจี้ยนรู้สึกว่าปรับตัวไม่ได้

แต่เขาก็แค่ปรับตัวไม่ได้เท่านั้นเอง ในฐานะ BOSS ใหญ่เลเวลเก้าสิบห้า เขาไม่ถึงขั้นปล่อยไก่ต่อหน้าผู้เล่นเลเวลห้าสิบ

ไป๋วั่นเจี้ยนพลันหมุนกระบี่ล้ำค่าในมือ แสดงท่า ‘ต้นสนรับแขก’ ให้ดู แล้วบอกว่า “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าผู้อาวุโส ผู้อาวุโสอย่างข้าย่อมไม่เอาเปรียบเจ้าอยู่แล้ว จอมยุทธ์น้อยเยี่ยเชิญก่อน”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้มบางๆ “ข้าว่านะผู้อาวุโสไป๋ พวกเราไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว ไม่สู้ลงมือพร้อมกันเป็นอย่างไร”

“ดี!”

เมื่อไป๋วั่นเจี้ยนตอบว่า ‘ดี’ ร่างของทั้งสองก็พุ่งออกมาข้างหน้าพร้อมกัน ไป๋วั่นเจี้ยนทำเหมือนที่ตั้งท่าไว้ก่อนแรกจริงๆ เขาส่งท่า ‘ต้นสนรับแขก’ ของ ‘เคล็ดกระบี่สำนักภูเขาหิมะ’ ออกมาอย่างซื่อสัตย์ กล่าวได้ว่ามีมารยาท

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ให้เกียรติคู่ต่อสู้ผู้น่าเคารพที่อยู่ตรงหน้าอย่างถึงที่สุดเช่นกัน

เขาเริ่มเปิดการโจมตีด้วยท่า…

ท่าปลุกปั่นกระบี่!

ก่อนหน้านี้แม้ไป๋วั่นเจี้ยนจะสู้กับสือชิงได้อย่างสูสี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลยว่าทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างไร ระหว่างนั้นมีอาจ่งแทรกบทเล่นมุขตลก ให้โอกาสเขาได้พักหายใจ ตอนนั้นเขาได้เห็นความร้ายกาจของ ‘ท่าปลุกปั่นกระบี่’ แล้ว

ตอนนี้ได้เห็นท่านี้อีกครั้ง เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใช้ท่าอะไร ไป๋วั่นเจี้ยนย่อมไม่กล้าใช้กำลังปะทะตรงๆ จึงเปลี่ยนจากโจมตีเป็นป้องกันทันที โบกกระบี่ล้ำค่าในมือ ใช้ท่า ‘กิ่งไม้แก่เอียงลาด’ ปกป้องจุดสำคัญของร่างกายท่อนบนพร้อมถอยหลังออกมา

แกร๊ง!

เมื่อกระบี่สองเล่มกระทบกันครั้งแรก เสียงที่ใสเหมือนระฆังก็ดังขึ้น สิ่งที่ทำให้ไป๋วั่นเจี้ยนคิดไม่ถึงเลยก็คือ บนกระบี่ที่อันตรายสุดขีดของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด เพียงแตะบนกระบี่ล้ำค่าในมือเขาเบาๆ เหมือนแมลงปอแตะน้ำ จากนั้นก็ถูกเก็บกลับไปทันที

ทว่ายังไม่ทันรอให้ไป๋วั่นเจี้ยนได้โล่งอก จู่ๆ กลับได้ยินเสียงมังกรคำรามดังขึ้น พลังฝ่ามือที่มือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงรับกับการโจมตีของเคล็ดกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่รอให้ไป๋วั่นเจี้ยนเปลี่ยนกระบวนท่า กำลังภายในที่โหมซัดสาดก็กลายเป็นรูปมังกรโจมตีบนกระบี่ล้ำค่าในมือของเขาอย่างแรง

มังกรผยองได้สำนึก!

-1453

ประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แม้จะปะทะซึ่งๆ หน้ากับ BOSS เลเวลเก้าสิบห้าอย่างไป๋วั่นเจี้ยน ก็ยังอาศัยพลังฝ่ามือที่ดุดันโจมตีสร้างดาเมจบดขยี้ได้

ด่อให้ดาเมจนี้ไม่ได้สูงมาก แต่ทำให้ไป๋วั่นเจี้ยนสะเทือนจนปราณแท้ในร่างกายแตกซ่าน ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างควบคุมไม่ได้

ตอนนี้เอง กลับเห็นมือขวาของเยี่ยเว่ยหมิงวาดวงกลมอีกครั้ง ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายยังยืนไม่มั่นคงผลักฝ่ามือออกมาอีกที

ยังเป็นสูตรเดิมกับรสชาติที่คุ้นเคย

เป็นเพราะมังกรผยองได้สำนึกตัวนั้น!

ที่แท้ตอนที่เพิ่งสัมผัสกับเคล็ดฝ่ามือก่อนหน้านี้ ที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงชอบความคาดไม่ถึงของ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ มากกว่า แต่หลังจากเรียน ‘มังกรผยองได้สำนึก’ เขาถึงได้พบว่าผู้อาวุโสพรรคกระยาจกที่สร้างเคล็ดฝ่ามือนี้ขึ้นมาก็มีเหตุผลเช่นกันที่ตั้งกระบวนท่านี้เป็นท่าแรก

ใช้ท่านี้เปิดการต่อสู้ แม้จะสร้างผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายได้ยาก แต่ตอนหลังกลับใช้กระบวนท่าใดๆ ของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ต่อได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น จุดเด่นที่ประสิทธิภาพแข็งแกร่งขึ้นก็ได้กำหนดแล้วด้วยว่าตอนหลังจะโจมตีออกมาได้สร้างสรรค์ขนาดไหน

ยกตัวอย่างเช่นครั้งนี้…

-13527!

ครั้งนี้ไป๋วั่นเจี้ยนสะเทือนจนถอยหลังต่อเนื่องสามก้าว แม้แต่ปราณแท้ก็เริ่มปั่นป่วนแล้ว!

แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้ ก้าวขึ้นมาอีกก้าวหนึ่ง ใช้มือซ้ายวาดวงกลมแล้วผลักออกไปในแนวราบ โจมตีด้วยมังกรผยองได้สำนึกที่คุ้นเคยอีกหนึ่งที!

-18998!

‘มังกรผยองได้สำนึก’ ที่โจมตีต่อเนื่องสามครั้ง ทำดาเมจเยอะขึ้นฝ่ามือแล้วฝ่ามือเล่า

ขงจื๊อเคยกล่าวไว้ว่า ‘ทบทวนตัวเองวันละสามครั้ง’ ความหมายคงจะประมาณนี้กระมัง

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท