คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1503

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1503 คาดไม่ถึงครั้งแล้วครั้งเล่า

หญิงงามผมขาวต้านทานการโจมตีของรุ้งสีเงินสองสายอย่างยากลำบาก พลางใช้พลังยุทธ์สนับสนุนอาคมต้องห้ามที่อยู่เหนือศีรษะ เพื่อชะลอความเร็วในการตกลงมาของเขตอาคมแสงสีดำ ทำให้ไม่สามารถพุ่งตัวออกไปไล่ตามได้

แต่ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของหญิงผู้นี้ ก็ยังกัดฟันกรอดแล้วเหวี่ยงมือไปตบที่รุ้งสีเขียวอย่างฉับพลัน

และในขณะที่กำลังแบ่งสมาธินั้น ทำให้เขตอาคมแสงที่อยู่เหนือศีรษะเกือบจวนร่วงลงมาถึงจั้งกว่าแล้ว

หญิงงามรู้สึกตื่นตะลึง ไม่สนที่จะดูผลลัพธ์ของการโจมตี รีบกระตุ้นค้อนประหลาดที่อยู่กลางอากาศ เพิ่มขนาดเพลิงสีเขียวที่ฝูงหัวกะโหลกพ่นออกมา จึงพอทำให้ความเร็วในการตกลงมาของเขตอาคมแสงหยุดชะงักลงครู่หนึ่ง

ส่วนหานลี่ในตอนนี้ ขณะที่เห็นว่าแค่ขับเคลื่อนรุ้งสีเขียวพุ่งทยานไปหลายสิบจั้งก็ใกล้จะถึงปากทางออกของวิหารใหญ่แล้ว จู่ๆ หน้าก็เปลี่ยนสียกใหญ่ ลำแสงหลีกหนีพลันเปล่งแสงสว่างวาบ พุ่งแฉลบไปยังทิศทางอื่น

ผลลัพธ์คือ บริเวณเหนือศีรษะในตอนแรกนั้น ปราณทมิฬได้ก่อตัวขึ้น ก่อนที่กรงเล็บภูตสีเทาข้างหนึ่งจะปรากฏออกมาแล้วตะปบลงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

กรงเล็บนี้มีขนาดราวๆ จั้งกว่า ห้านิ้วเป็นสีดำทมึน มีเปลวไฟลุกเป็นเกลียวอยู่ด้านบน ทุกหนทุกแห่งที่กรงเล็บภูตนี้ผ่าน สามารถทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของอากาศในบริเวณใกล้เคียงได้

หากไม่ใช่เพราะหานลี่เห็นสถานการณ์ได้เร็วพอ หลบออกมาล่วงหน้า ครู่ต่อมาคงได้ถูกกรงเล็บนี้กุมเอาไว้แน่

แม้ว่ากรงเล็บนี้จะทรงอานุภาพมาก ก็ยังมีพลังในการโจมตีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

หลังจากที่กรงภูตนี้พลาดเป้า ก็เกิดเสียงปังเบาๆ คราหนึ่ง ทันใดนั้นก็สลายหายไป

หานลี่รู้สึกดีใจเล็กน้อย ขณะที่กำลังคิดจะพุ่งไปยังปากทางเข้าด้วยอารมณ์ฮึกเหิม ที่เบื้องล่างกลับมีเสียงร้องแหลมและเศร้ากำสรดดังขึ้น

ด้วยความเร็วของเสียงนี้ ขณะที่เสียงดังขึ้น ก็มีสายลมที่แหลมคมกลุ่มหนึ่งพัดมาถึงบริเวณใกล้เคียงที่ด้านหลัง

หานลี่หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ลำแสงหลีกหนีเลือนรางอย่างฉับพลัน ก่อนที่จะพุ่งปราดแล้วปรากฏตัวยังที่ที่ไกลออกไปหลายจั้ง

ในตอนนี้เอง ลำแสงสีเขียวมรกตสายหนึ่งแผดเสียงก้องพร้อมกับพุ่งออกจากตำแหน่งแรกของมัน แต่ทันใดนั้นก็แตกสลายหายไป

หานลี่ไม่หันหน้ากลับไปมอง พลันใช้มือหนึ่งตั้งท่าร่ายคาถา ส่วนอีกมือหนึ่งสั่นแขนเสื้อไปยังด้านหลัง

เบื้องล่างเกิดแสงสีทองสว่างพร่าง ปรากฏเป็นเงาลวงตาสามเศียรหกกรสีทองเงาหนึ่ง แขนทั้งหกก็ซัดไปยังเบื้องล่างพร้อมกันอย่างไม่ปรานี

เมื่อเงาปั้นเหวี่ยงออกไป ก็มีพายุสีทองโอบล้อมไว้

ภายในแขนเสื้อมีลูกแก้วสิบกว่าลูกพวยพุ่งออกมา พริบตาก็กลายเป็นดวงแสงสีเขียวหมุนโคจรแล้วพุ่งออกไป

ในขณะเดียวกัน ภายใต้การโคจรเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์จนถึงขั้นสุดยอด บนร่างพลันปรากฏ แผ่นเกล็ดราวกับทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ขึ้นมาหนึ่งชั้น ครู่ต่อมาบน บนร่างก็มีปราณสีดำลอยเป็นเกลียวขึ้น กลายเป็นเกราะสังหารสีดำอีกหนึ่งชั้น

พริบตาที่เกราะสีดำปรากฏออกมา ก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสื้อคลุมยาวสีทองที่ปกคลุมร่างไว้อีกหนึ่งชั้น

คิดไม่ถึงว่าภายในชั่วพริบตา หานลี่จะเสริมการป้องกันให้ตัวเองถึงสามชั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วหานลี่จึงค่อยรู้สึกโล่งใจแล้วหันกลับไปมองที่ด้านหลัง

ทว่าเขายังไม่ทันได้เห็นอะไรชัดเจน ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นที่เบื้องหลัง ตามด้วยกลุ่มคลื่นอากาศที่ถาโถมเข้ามา

เห็นเพียงเบื้องหลังที่ไกลออกไปสามสิบจั้ง ม่านแสงสีทองกับแสงสีเขียวกำลังผสานกันท่ามกลางพายุหมุนสูงเสียดฟ้า ภายในนั้นมีเงาคนสีเขียวตะคุ่มๆ

หานลี่นัยน์ตาเปล่งประกายสีน้ำเงินวาบหหนึ่ง พลันสำแดงอิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณออกมา จึงค่อยมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเงาคนที่อยู่ในพายุหมุนอย่างชัดเจน

ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้สีหน้าเปลี่ยนเป็นอารมณ์ยากที่จะเชื่อ

“เป็นไปได้อย่างไร!”

หานลี่หลุดปากร้องออกมา

เงาคนสะบัดแขนเสื้อสองข้างทีหนึ่งแล้วหนีออกมาจากพายุหมุน ทว่าลำแสงสีเขียวสิบกว่าดวงก็มาถึงตรงหน้าแล้ว

เงาคนแค่นเสียงคราหนึ่ง ครั้นสั่นแขนเสื้อ ก็มีม่านแสงปรากฏออกมา คิดจะกวาดแสงสีเขียวที่ไม่สะดุดตานี้ออกไปเช่นกัน

แต่นางย่อมมองพลาด เพราะดูถูกอานุภาพของลูกแก้วอัสนีเหล่านี้เกินไป

พริบตาที่ม่านแสงสัมผัสกับลูกแก้วอัสนี ดวงแสงสีเขียวก็เกิดการหดขยายขึ้น ก่อนที่จะพากันกลายเป็นขนาดเท่าล้อรถ แล้วกลิ้งบนร่างของคนผู้นี้อย่างพร้อมเพรียง

เกิดเสียงอัสนีบาตดังก้อง ดวงแสงทั้งหมดพลันระเบิดออก เมฆสายฟ้าสีเขียวก็ทยอยปรากฏออกมา พร้อมกับอักขระที่หมุนวนไปรอบๆ ภายในชั่วพริบตาก็เข้าปกคลุมเงาคนไว้เบื้องล่างอย่างไม่ทันตั้งตัว

เงาคนร่างนั้นตกตะลึง พลันเปล่งแสงวิญญาณบนร่าง เงาลวงตาต้นไม้สีเขียวขจีต้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนร่าง

และแล้วพลังอัสนีอันเกรี้ยวกราดก็สะกัดเงาพฤกษาไว้ภายนอก

คนผู้นี้สีหน้าดูย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง กำลังจ้องมองหานลี่ที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาเยือกเย็นจากภายในเมฆสายฟ้า

คิดไม่ถึงว่าจะเป็นมู่ชิงที่น่าจะร่วงตายไปแล้ว

หญิงผู้นี้ไม่รู้ว่าใช้เคล็ดวิชาลับตัวตายตัวแทนอะไร สามารถหนีเอาชีวิตรอดจากการตัดของห้ามังกรได้ ทั้งยังหลบอยู่ข้างๆ อย่างปลอดภัยมาโดยตลอด

ทว่าตอนที่หานลี่ปรากฏตัวและคิดจะหนีลอยนวลไปนั้น หญิงผู้นี้ก็ไม่อาจระงับอารมณ์ที่จะลงมือจู่โจมอย่างฉับพลันได้อีก แต่นางก็ประมาทไปชั่วครู่ ทำให้ถูกเมฆสายฟ้าสีเขียวกักไว้ภายใน

แม้ว่าเมฆสายฟ้านี้จะไม่สามารถทำให้บาดเจ็บถึงชีวิตได้ แต่มู่ชิงก็ไม่สามารถหนีออกจากที่เดิมได้ในชั่วขณะหนึ่ง

ขณะที่หานลี่ถูกสายตาของหญิงผู้นี้จ้องมอง ในใจก็รู้สึกหนาวยะเยือก แต่เมื่อขยับร่างอีกที ร่างของเขาก็มาปรากฏที่เบื้องล่างของปากทางเข้าวิหารใหญ่แล้ว

ม่านแสงสีเขียวได้ม้วนหยวนเหยาและเหยียนลี่ที่นอนสลบยังไม่ได้สติเอาไว้

หานลี่กวักมือสองข้างอย่างรวดเร็ว ม่านแสงก็พุ่งทยานกลับมา

แขนข้างหนึ่งยื่นออกไปแล้วโอบเอวของหญิงสาวผู้หนึ่งไว้

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง แผ่นหลังเกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้น พลันกางปีกสองข้างทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วหนีออกจากที่อันตรายแห่งนี้

ในตอนนี้ เหตุพลิกผันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง

ด้านข้างเกิดคลื่นอากาศขึ้น หมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งพลันระเบิดกระจายออก ภายในม่านหมอกมีเสียงหัวเราะประหลาดดังออกมาคราหนึ่ง ทันใดนั้นมือใหญ่ที่แผ่กลิ่นคาวเลือดข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากในอากาศ แล้วตะปบหานลี่อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

มือโลหิตปรากฏออกมาอย่างน่าประหลาด แทบจะประชิดตัวของหานลี่อยู่รอมร่อ

แม้ว่าร่างกายของหานลี่จะว่องไว แต่จะหลบก็หลบไม่พ้น ได้แต่หน้าถอดสี ก่อนที่จะเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าบนร่าง เพื่ออาศัยพลังป้องกันของตัวเองในการฝืนต้านรับ

เกิดเสียงตูมดังสะเทือนเลือนลั่น

แสงโลหิตบนนิ้วทั้งห้าของมือโลหิตพลันม้วนลงมา เพียงแค่ตะปบทีเดียวก็ทะลวงการป้องกันสองชั้นจากเสื้อคลุมอัสนีและเกราะศึกสีดำจนตะปบโดนบ่าของหานลี่โดยตรง

เห็นได้ชัดว่าเจตนาของเจ้าของมือโลหิตนั้นไม่คิดจะสังหารหานลี่ เพียงแค่คิดจะขวางเขาไว้เท่านั้น

แต่คนผู้นี้ก็ประเมินความสามารถในการป้องกันของแผ่นเกล็ดสีทองบนร่างของหานลี่ต่ำไป พริบตาเพลิงโลหิตกับเสื้อคลุมสีเขียวสัมผัสถูกกัน ก็อันตรธานหายไป ทว่าในขณะที่นิ้วทั้งห้าตะปบลงบนแผ่นเกล็ดสีทอง กลับรู้สึกถึงความหนาวยะเยือกผิดปกติจากปลายนิ้ว ทั้งยังถูกทำให้แฉลบออก ไม่สามารถตะปบผิวหนังของหานลี่ได้

ทว่าสถานการณ์ของหานลี่ก็ไม่ได้ดีนัก

เพียงแค่เขาถูกมือโลหิตโจมตีครั้งเดียว ร่างของเขาก็เซจนแทบจะปลิวออกไปแล้ว

แต่โชคดีที่วิชาอาคมของหานลี่นั้นผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปไม่อาจเทียบได้ ร่างของเขาเพียงแค่บิดงออย่างประหลาดคราหนึ่ง ก็ดูเลือนร่างเล็กน้อย กลายเป็นเงาลวงตาภาพหนึ่งแล้วหายไปจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย ไม่มอบโอกาสให้กรงเล็บโลหิตลงมือเป็นครั้งที่สอง

ในตอนนี้ กลางอากาศในบริเวณใกล้เคียงเกิดแสงโลหิตเจิดจ้า เงาคนสีโลหิตสลัวๆ พลันพุ่งออกมา การแต่งกายของเงานี้ดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ที่แท้ก็คือหุ่นเชิดโลหิตตัวหนึ่ง

เพียงระดับความร้ายกาจของหุ่นเชิดโลหิตตัวนี้ไม่ต่ำกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์

ซึ่งหุ่นเชิดโลหิตสองตัวที่หานลี่สังหารไปในตอนแรกนั้นไม่อาจเทียบได้

หุ่นเชิดโลหิตที่อยู่ไกลออกไปนั้น ขณะที่มันกำลังใช้ตาทั้งหกพ่นลำแสงโลหิตออกมาต้านทานรุ้งสีเงินสองสายที่ตัดกันของมังกรทั้งห้าไม่หยุด ก็กลอกตาสองข้างที่อยู่ด้านหลังอย่างน่าประหลาด พลันจ้องมองหานลี่อย่างซึมกะทือ

ดูจากท่าทางไม่ได้มีคนควบคุมแม้แต่น้อย

หานลี่ย่อมไม่รู้สาเหตุทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน แต่ก็รู้ดีว่าตนจะถูกหุ่นเชิดโลหิตที่ปรากฎตัวเบื้องหน้าอย่างเหนือความคาดหมายพัวพันไม่ได้เด็ดขาด

ไม่เช่นนั้น เพียงแค่พวกราชาปีศาจอย่างมู่ชิงที่อยู่ภายในวิหารมีคนใดคนหนึ่งลงมือ ต่อให้ตนติดปีกก็ยากที่จะบินหนีไปได้

โดยเฉพาะเขตอาคมแสงที่ผนึกสระมรกตนั้นส่งเสียงระเบิดอย่างไม่ขาดสาย เป็นไปได้มากว่าลิ่วจู๋ที่น่ากลัวที่สุดใกล้จะทะลวงออกมาจากผนึกแล้ว

ในตอนนี้เอง หุ่นเชิดโลหิตหมันกายคราหนึ่ง สายตาจ้องมองหานลี่อย่างไร้ซึ่งอารมณ์ พลางชูมือสองข้างขึ้นช้าๆ

ลำแสงโลหิตที่อยู่เหนือปลายนิ้วทั้งห้าหลายชุ่น เปล่งประกายวูบวาบไม่หยุด

ในใจหานลี่รู้สึกหวาดผวาอย่างหนัก ในปากเปล่งเสียงร้องเบาๆ คราหนึ่ง พลางขยับตัวพลิ้วไหว กลายเป็นเงาลวงตาจำนวนนับไม่ถ้วน พวยพุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดทางพร้อมกัน

ในมือของเงาลวงตาทั้งหมดต่างก็โอบร่างของหญิงสาวสองคนไว้ ลักษณะท่าทางเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

หุ่นเชิดโลหิตดวงตาเปล่งแสงโลหิตวูบหนึ่ง เมื่อกวาดตามองสักพัก ทันใดนั้นก็จ้องมองเงาลวงตาภาพหนึ่งที่กำลังพุ่งประชิดกับพื้นดินแล้วส่งเสียงหัวเราะน่าสะพรึงกลัวออกมา ก่อนที่ร่างจะพลิ้วไหวแล้วหายไปในม่านแสงสีโลหิตอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมา ด้านข้างของเงาลวงตาที่ถูกจ้องก็มีแสงโลหิตสว่างวาบ หุ่นเชิดโลหิตปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง พลันโบกสองมืออย่างไม่เกรงใจ

ลำแสงกรงเล็บสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงก้อง พริบตาก็ปกคลุมเงาลวงตาไว้เบื้องล่างอย่างหนาแน่น

เงาลวงตาที่อยู่เบื้องล่างนี้จะต้องเป็นหานลี่อย่างแน่นอน ทว่าในขณะที่เขาเห็นว่าไม่สามารถตบตาหุ่นเชิดนี้ได้นั้น ใบหน้ากลับดูเงียบสงบอย่างผิดปกติ พลันขยับสองมือขึ้น

ในมือข้างหนึ่งเกิดแสงสีดำขึ้น ภูเขาจิ๋วสีดำลูกหนึ่งก็ขยายตัวออกมากันเบื้องหน้า ส่วนมืออีกข้างหนึ่งสะบัดแขนทีหนึ่ง กลับมีกรรไกรสีเขียวพุ่งออกมาเล่มหนึ่ง

แม้ว่าลำแสงกรงเล็บของหุ่นเชิดโลหิตจะร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ก็ไม่สามารถตะปบยอดเขาจิตสัมผัสแม่เหล็กที่มีพลังของจิตสัมผัสแม่เหล็กได้อย่างแน่นอน

เห็นเพียงลำแสงโลหิตทยอยระเบิดบนพื้นผิวของภูเขาจิ๋วอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ภูเขาจิ๋วสั่นสะเทือนพร้อมส่งเสียงเราเบาๆ อย่างต่อเนื่อง ทว่าสุดท้ายแล้วก็รับการโจมตีทั้งหมดได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน

ดวงตาของหุ่นเชิดโลหิตเปล่งแสงประหลาดออกมาวาบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เหนือความคาดหมายของมันเป็นอย่างมาก

ในตอนนี้ กรรไกรสีเขียวที่ถูกหานลี่เรียกออกมาได้พุ่งมาถึงเบื้องหน้าของหุ่นเชิด พลันเปล่งประกายอัสนีเจิดจ้า กลายเป็นมังกรอัสนีสีเขียวสองตัว ส่งเสียงคำรามลากยาวพร้อมพุ่งกระโจนไขว้กันบนร่างของหุ่นเชิดโลหิต

ที่แท้ก็คือกรรไกรมังกรอัสนีของเผ่าวิหคสวรรค์เล่มนั้น!

หุ่นเชิดโลหิตใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ พลันชูสองแขนกลับไปด้านหลัง คิดไม่ถึงว่าจะใช้สองมือตะปบมังกรสองตัวนี้โดยตรง

หานลี่เห็นฉากนี้ ใบหน้าก็มีสีของความประหลาดใจสายหนึ่งพาดผ่าน พลันถอยหลังสองก้าว

ปีสองข้างบนแผ่นหลังพลันเคลื่อนไหวพร้อมกับเปล่งแสงสีเขียวเจิดจ้า คิดไม่ถึงว่าจะพาหยวนเหยากับเหยียนลี่ที่กลายเป็นเส้นไหมผลึกไปด้วย ก่อนที่จะจมหายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย

หุ่นเชิดโลหิตแผดเสียงคำรามต่ำคราหนึ่ง สองมือที่คิดจะตะปบก็เปลี่ยนเป็นตบเบาๆ อย่างฉับพลัน

หลังจากเกิดเสียงตูมสองครั้ง ม่านโลหิตก็กวาดไปยังรอบด้าน ดีดมังกรสองตัวออก ขณะเดียวกันร่างของหุ่นเชิดโลหิตก็เปล่งแสงวาบหนึ่ง คิดจะขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีเพื่อไล่ตาม

ในชั่วพริบตา บนพื้นเบื้องล่างก็มีแสงสีทองสว่างวาบ ปราณกระบี่สีทองสายหนึ่ง ลำแสงมีดสว่างไสวสองสายพวยพุ่งทะลวงออกมาจากพื้นดิน เพียงชั่วพริบตาก็เข้าประชิดเบื้องล่างของหุ่นเชิดโลหิตในระยะใกล้เพียงลัดนิ้วมือ ก่อนที่จะฟันขึ้นด้านบน

หุ่นเชิดโลหิตตกตะลึง พลันเปลี่ยนทิศทางลำแสงหลีกหนี เหวี่ยงตัวไกลออกไปด้านข้างหลายจั้ง เพื่อ หลบการจู่โจมทีเผลอ พร้อมกับกวาดมองไปยังเบื้องล่างด้วยความตกตะลึง

เห็นเพียงบนพื้นดินที่อยู่เบื้องล่าง มีเงาคนสีทองสองร่างปรากฏขึ้น

ทั้งสองคนมีร่างสูงจั้งกว่า ต่างก็สวมชุดเกราะศึกสีทองตลอดทั้งตัว ร่างหนึ่งถือหอกยาวสีทองด้ามหนึ่ง ส่วนอีกร่างหนึ่งในมือถือดาบยาวข้างละหนึ่งเล่ม

คิดไม่ถึงว่าจะเป็นนักรบสวมเกราะใบหน้าสีม่วงทองสองคนที่มีดวงตาซึมกะทือ

หุ่นเชิดโลหิตดวงตาเปล่งประกายวูบหนึ่ง พลันเงยหน้ามองไปในอากาศ ก็เห็นว่าในชั่วพริบตาที่ล่าช้าไปนั้น หานลี่มาปรากฏตัวที่ปากทางเข้าอีกครั้ง และกลายเป็นรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปแล้ว

มีเสียงคนแค่นเสียงคราหนึ่ง

ขณะที่หุ่นเชิดเพิ่งคิดที่จะเคลื่อนไหว ร่างของนักรบสวมเกราะสองคนที่อยู่เบื้องล่างกลับดูเลือนราง ครู่ต่อมาก็มาปรากฏตัวขนาบสองข้างของหุ่นเชิดโลหิต

หอกยาวพลันขยับคราหนึ่ง กลายเป็นงูเหลือมมหึมาสีทองตัวพุ่งกระโจนออกไปอย่างดุร้าย ขณะเดียวกันดาบคู่ที่อยู่บนมือของนักรบอีกคนหนึ่งก็เริ่มร่ายรำ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงทะลวงอากาศดังลั่น พร้อมกับคมมีดวายุสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งกวาดไปรอบๆ

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท