คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1618 พิษประหลาดปรากฏขึ้นอีกครั้ง

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1618 พิษประหลาดปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ตั้งแต่หานลี่กลายเป็นหงส์หลากสีจนถึงต้องที่สำแดงอิทธิฤทธิ์ด้านห้วงเวลาของวิหควิญญาณหงส์ออกมา ชั่วครู่วิหคเพลิงกลืนวิญญาณและวิหคมารที่กำลังสู้รบกันปรากฏขึ้นห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ทว่าแค่พริบตาเท่านั้น

แต่วิหคมารที่อยู่ด้านล่างก่อนหน้านี้เห็นเข็มบางๆ ที่ปล่อยออกมาไม่มีผลต่อหานลี่ ก็รู้สึกตกตะลึง ชั่วพริบตานั้นก็แผ่จิตสัมผัสส่วนหนึ่งไปทางหานลี่

ดังนั้นฉากการเปลี่ยนร่างเมื่อครู่ของหานลี่ จึงถูกวิหคมารตัวนั้นมองเห็นอย่างชัดเจน

ใบหน้าสตรีของวิหคมารเผยท่าทีหวาดกลัวออกมา

ถึงอย่างไรเสียจิตวิญญาณเที่ยงแท้หงส์สวรรค์ก็เลื่องชื่อว่าเป็นราชันของหมู่วิหค ต่อให้เป็นอีกาทองที่เป็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้เช่นเดียวกัน เผชิญหน้ากับหงส์สวรรค์ ก็จำใจต้องถูกควบคุมไปกว่าครึ่งตามธรรมชาติ

แน่นอนว่าหานลี่แค่อาศัยเคล็ดวิชานี้สร้างภาพลวงตาหงส์หลากสีขึ้น ไม่อาจเทียบกับหงส์สวรรค์ได้จริงๆ แต่โลหิตหงส์สวรรค์เที่ยงแท้ในร่างกลับเป็นของจริง ส่วนวิหคมารก็ไม่ได้เป็นอีกาสีทองจริงๆ แค่ได้รับการถ่ายทอดโลหิตและกลายพันธุ์มาเท่านั้น

ดังนั้นถึงได้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเฉพาะที่แผ่ออกมาจากโลหิตเที่ยงแท้ในร่างของหงส์หลากสี จากนั้นวิหคมารตัวนั้นก็อดที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้

ประกอบกับความร้ายกาจของวิหคเพลิงกลืนวิญญาณก่อนหน้า คาดไม่ถึงว่าจะสามารถกลืนกินเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองได้ ทำให้อิทธิฤทธิ์ของมันในอดีตที่แทบจะราบรื่นไร้การติดขัด ถูกควบคุมไว้ไม่ได้

หลังจากที่วิหคมารตัวนี้เกิดความคิดที่จะถอย ปากก็เปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมาอย่างไม่ต้องขบคิด ฉับพลันนั้นก็พ่นเสาลำแสงสีขาวนวลสายหนึ่งออกมา จากนั้นเปลวเพลิงสีขาวบนเรือนร่างก็หดเล็กลง คิดจะปลีกตัวหนีไป

แต่ร่างของวิหคเพลิงกลืนวิญญาณก็เป็นร่างที่หานลี่สร้างขึ้นจากเพลิงวิญญาณในร่าง เชื่อมโยงกับจิตสัมผัสของหานลี่เหนือกว่าสมบัติปประจำกายปกติหลายส่วน

วิหคมารจะหนีไปง่ายๆ เช่นนี้ หานลี่แค่ขบคิด วิหคเพลิงสีเงินก็อ้าปากออกพ่นเส้นไหมบางๆ สีทองเงินออกมาเส้นหนึ่งเช่นกัน

นั่นก็คือคลื่นลำแสงภยันตรายที่เพลิงกลืนวิญญาณหลอมขึ้นในปีนั้น!

เสาลำแสงสีขาวนวลมีความหนาเท่าปากชาม เส้นบางๆ สีทองเงินดูเหมือนเส้นไหม แต่เมื่อทั้งสองปะทะกัน กลับทำให้เสาลำแสงหยุดชะงัก พุ่งกลับไปหาวิหคมารทางเดิมทันที

แม้ว่าพลังยุทธ์ของวิหคมารจะไม่ธรรมดา แต่การโจมตีของตนเองสะท้อนกลับมา ย่อมทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นระลอกหนึ่ง

มันสยายปีกสองข้างออกมาด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว เปลวเพลิงลำแสงสีขาวสองกลุ่มม้วนวนออกมาจากทั้งสองด้าน แล้วถึงได้ฝืนต้านทานเสาลำแสงนี้อาไว้

แต่ในยามนั้นเส้นบางสีทองเงินก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาอยู่ตรงหน้าของมันแล้ว

วิหคตัวนี้เองรู้ว่าเส้นบางสีทองเงินแปลกประหลาดมาก จะกล้ารับมันตรงๆ ได้อย่างไร ร่างกายจึงคิดจะหลบหลีกอย่างพลิ้วไหว

แต่ในยามนั้นเหนือหัวของมันพลันมีเสียงวิหคดังขึ้น ลำแสงสีเขียวผืนใหญ่ห่อหุ้มลงมาอย่างแปลกพิกล ความเร็วมิอาจเทียบเทียมได้

นั่นก็คือหงส์หลากสีที่หานลี่สร้างขึ้นซึ่งบินออกมาจากรอยแยกอย่างสมบูรณ์แล้ว แค่ขนยาวๆ พลิ้วปลิวไสว ลำแสงวิญญาณสีเขียวก็กวาดออกมาอย่างเงียบเชียบ

จากความเร็วของวิหคมาร ก็พอจะหลบหลีกได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงสีเงินที่กำลังตัดสลับพัวพันกันกับเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองก็พลันหยุดชะงักแล้วม้วนวนกลับไป ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลก็ส่งออกมา ภายใต้การดึงฉุดของความสามารถ ชั่วครู่ก็ทำให้ร่างของวิหคมารที่ไม่ได้ตั้งรับสั่นไหว

ชั่วขณะนั้นพลันถูกลำแสงสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้ข้างใน

แม้ว่าเรือนร่างของวิหคตัวนี้จะถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยเปลวเพลิงสีขาว แต่เมื่อสัมผัสกับลำแสงสีเขียว กลับทยอยกันละลายราวกับหิมะละลายในวสันตฤดู

ไม่รู้ว่าลำแสงสีเขียวนี้มีอิทธิฤทธิ์ใด คาดไม่ถึงว่าจะควบคุมเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองได้อย่างพอดิบพอดี

และเมื่อร่างของวิหคมารถูกลำแสงสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้ ก็รู้สึกร่างกายถูกตึงแน่น ร่างกายหนักอึ้งราวกับยกภูเขาไท่ซานเอาไว้

วิหคมารตัวนี้พลันหน้าถอดสี แต่ไม่ใช่เพราะถูกกักขัง แต่เป็นเพราะเส้นบางสีทองเงินมาถึงหว่างคิ้วตน ยามนั้นไม่มีทางหลบหลีกได้อีก

การร่วมมือกันระหว่างหานลี่และวิคหกเพลิงกลืนวิญญาณ ช่างสอดคล้องกันอย่างพอดิบพอดี

ภายใต้ความจนปัญญานั้น ใบหน้าของวิหคมารพลันเป็นสีเขียวคล้ำ แต่ก็อ้าปากออกสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง

แต่เดิมที่ลอยตัวอยู่ใกล้ๆ กับแกนมารสีขาว ก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วเคลื่อนย้ายมาอยู่ตรงหน้าของวิหคมาร

คาดไม่ถึงว่ามันคิดจะใช้สิ่งนี้ ต้านทานเอาไว้ชั่วคราว

ที่วิหคมารทำเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมเชื่อมั่นใจความแข็งแกร่งของแกนมารของตนเอง เชื่อว่าแม้จะเผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยสมบัติระดับสุดยอด ก็จะปลอดภัยไร้อันตราย

เรื่องที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น

เมื่อเส้นบางๆ สีทองเงินโจมตีเข้ากับแกนมาร กลับเงียบกริบ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งผ่านไปราวกับไม่มีอะไรขวางกั้นอยู่

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ตรงกลางระหว่างตาทั้งสี่ของวิหคมารมีดวงหน้าเล็กๆ สีดำสนิทปรากฏขึ้น

เส้นบางๆ สีทองเงินตัดทะลุผ่านไปอย่างคาดไม่ถึง

เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังออกมาจากปากของวิหคมาร เปลวเพลิงสีขาวบนผิวของมันที่แต่เดิมหม่นแสงลงเป็นอย่างมาก ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตามเสียงร้องของมัน

สยายปีกทั้งสองข้างออก ทำให้ลำแสงสีเขียวที่เดิมกักขังอยู่รอบๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ!

จากนั้นวิหคตัวนี้ก็ไม่สนใจการโจมตีอันดุดันของวิหคเพลิงวิญญาณฝั่งตรงข้าม ชั่วพริบตานั้นเปลวเพลิงสีเงินบนร่างที่กำลังยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเปลวเพลิงสีขาวก็ถูกตัดออกในเวลาเดียวกัน

จากนั้นมันก็กระพือปีกทั้งสองข้างสองสามครั้ง เสาเพลิงสีขาวกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากร่างของมัน หมุนวนติ้วๆ ปล่อยพลังเพลิงวายุออกมาในเวลาเดียวกัน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นทะเลเพลิงสีขาว

วิหคมารตัวนั้นที่อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีขาวดุดัน ดิ้นรนกระพือปีกทั้งสองข้างไม่หยุด ส่วนแกนมารที่อยู่กลางอากาศก็มีเงาลวงตาของวิหคประหลาดขนาดยักษ์ยาวสิบจั้งเศษปรากฏขึ้นเหนือทะเลเพลิง

เงาลวงตานั้นมีเรือนกายสีทองอ่อน ดวงตาทั้งสองเป็นสีดำสนิท ราวกับอีกาตัวหนึ่ง แต่กายท่อนล่างกลับมีกรงเล็บสามกรงเล็บ

“เทวรูปอีกาทอง! มีเลือดเนื้อของจิตวิญญาณเที่ยงแท้นี้หลายส่วนดังคาด!”

หงส์หลากสีที่อยู่กลางอากาศมีลำแสงประหลาดหมุนวนโคจรอยู่รอบร่างระลอกหนึ่ง หานลี่กลายร่างเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง และมองไปทางเงาลวงตาอีกาสีทองที่อยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง พลางเอ่ยพึมพำ

และในยามนั้นเองวิหคมารที่อยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงก็ชูคอกู่ร้อง ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงสีขาวที่เดือดพล่านสี่ชนิดพลันบินหมุนวนไปทางเงาลวงตาอีกาสีทองกลางอากาศพร้อมกันราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

หลังจากที่เพลิงสีขาวเหล่านั้นสัมผัสกับเงาลวงตา ก็จมหายเข้าไปอย่างไร้สุ้มเสียงทันที

แค่ชั่วลมหายใจ เงาลวงตายักษ์ก็ดูดเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองเหล่านั้นเข้าไป รอบกายเป็นสีทองเรืองรอง คาดไม่ถึงว่าร่างกายจะเข้มขึ้นราวกับเป็นของจริง แต่ผิวของขนนกสีทองพลันมีเปลวเพลิงสีขาวชั้นหนึ่งลุกไหม้ในเวลาเดียวกัน

และท่ามกลางเปลวเพลิงสีขาวเหล่านั้น อักขระสีเงินหมุนวนโคจรไปมา อานุภาพเหนือกว่าเดิมหลายเท่า

วิหคมารที่อยู่ด้านล่างมีสีหน้าโหดเ**้ยม จ้องเขม็งมายังหานลี่อย่างดุดัน เผยให้เห็นว่าครู่ต่อมาจะควบคุมเทวรูป กระตุ้นการโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ หานลี่มองไปยังวิหคสีทองยักษ์กลางอากาศ แล้วก้มหน้ากวาดสายตาไปยังวิหคมารด้านล่างแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นพลันหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นมือหนึ่งพลันชี้ไปที่วิหคมาร ปากก็เปล่งเสียงคำว่า “ล้ม” ออกมาสามครั้ง

วิหคมารได้ยินพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็สยายปีกออกด้วยความโกรธเกรี้ยว เตรียมจะเคลื่อนไหว

แต่ในยามนั้นเองความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏขึ้น!

วิหคมารร่างกายสั่นเทา ฉับพลันนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังลงมาจากฟากฟ้า และขดตัวระหว่างที่ร่อนลงมา ผิวเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ ในเวลาเดียวกันกลิ่นเหม็นเน่าก็โชยออกมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นของเหลวสีม่วงดำในชั่วพริบตา แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่เห็นว่าหนีออกมาทัน

นั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากคลื่นลำแสงภยันตรายผสมพิษ

พิษนี้ไม่เพียงเป็นพิษประหลาด และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากถูกแล้วตอนแรกยังไม่มีความผิดปกติเลยสักนิด

ทว่าเมื่อเทียบกับแมลงเม่าประหลาดในตอนแรก เห็นได้ชัดว่าอีกาสีทองตัวนี้ต้านทานพิษได้น้อยกว่าเป็นอย่างมาก ไม่เพียงจะสัมผัสถึงพิษได้ช้าเกินไป และเมื่อกำเริบก็จะกลายเป็นแอ่งน้ำพิษ ไม่อาจต้านทานได้

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ หานลี่พลันรู้สึกผ่อนคลายลง วิหคเพลิงสีเงินกลับกรีดร้องด้วยความดีใจ สยายปีกทั้งสองออก พลางกระโจนลงไปด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าจะกลืนวิหคมารที่กลายเป็นแอ่งน้ำพิษลงไปในท้องในคำเดียว

หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นพลันตะลึงงัน แต่หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร

แม้ว่าโลหิตเที่ยงแท้อีกาสีทองจะล้ำค่ามาก แต่เคล็ดวิชาแปลงกายที่เขาฝึกฝนอย่างเคล็ดวิชาตื่นจากแปลงกายสิบสองครั้งกลับไม่มีเคล็ดวิชาอีกาสีทอง ต่อให้ได้มาก็ไม่อาจกระตุ้นประสิทธิภาพได้มากนัก

เช่นนั้นแน่นอนว่าย่อมไม่สู้ให้วิหคเพลิงกลืนวิญญาณกลืนลงไป ดูว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ดีกว่าหรือ?

ถึงอย่างไรเสียวิหคเพลิงนี้ก็มีสติปัญญา การยอมกลืนเจ้าสิ่งนี้เข้าไปปกติแล้วต้องมีประโยชน์ต่อการพัฒนาของมันเป็นอย่างมาก

หลังจากที่วิหคเพลิงตัวนี้กลืนวารีพิษเข้าไป ก็ไม่ได้หันกลับมา แต่บินขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง

จะว่าไปแล้วก็แปลก หลังจากที่วิหคมารตัวนั้นเพลี่ยงพล้ำ เทวรูปอีกาทองยักษ์ตัวนั้นกลับไม่ได้สลายหายไป แค่ดวงตาสีดำสนิททั้งสองเปล่งประกายแล้วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อราวกับหุ่นเชิด

เมื่อวิหคเพลิงสีเงินกระโจนเข้ามาในร่างของอีกาสีทองยักษ์ พลันก็อ้าปากออก กลืนเทวรูปอีกาทองตัวนั้นไปจนหมด

และไม่รู้ว่าถึงเวลาแล้วหรือว่ากลืนเพลิงเที่ยงแท้อีกาสีทองไปมากเกินไป หลังจากที่วิหคเพลิงกลืนเปลวเพลิงดวงสุดท้ายลงไปในท้อง ผิวของมันก็เปล่งแสงสว่างวาบ กลับมามีขนาดสองสามฉื่ออีกครั้ง และพุ่งมาทางหานลี่โดยไม่ได้ปริปากใดๆ

สุดท้ายก็จมหายเข้าในร่างของหานลี่อย่างไร้ร่องรอย

เช่นนั้นจากนี้นอกจากแกนมารสีขาวดวงนั้นและเข็มบางเปล่งแสงระยิบระยับซึ่งลอยอยู่ไกลๆ ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก

หานลี่เองก็ไม่เกรงใจ สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งม้วนวนออกมา

แกนมารและเข็มบางสองสามร้อยเล่มเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางลำแสงสีเขียว แล้วสลายหายไปทั้งหมด

ยามนี้หานลี่หันกายไปมองม่านลำแสงสีเขียวที่สร้างขึ้นจากเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์แวบหนึ่ง ใบหน้าเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา

มือข้างหนึ่งร่ายอาคม ม่านลำแสงสีเขียวแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นดอกบัวสีเขียวเป็นชั้นๆ ก็สลายหายไป สุดท้ายก็กลับคืนเป็นกระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่ม กรีดร้องต่ำๆ ไม่หยุดพลางลอยอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

และกระบี่บินเหล่านี้ที่อยู่ตรงใจกลาง ซากวิหคมารทั้งสี่ถูกสับออกเป็นชิ้นๆ พลันลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น

คิดไม่ถึงว่าวิหคมารระดับสูญสุญตาขั้นต้นสี่ตัวจะถูกอานุภาพของเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์สังหารรวดเดียวขณะที่เขตอาคมกระบี่กำลังโกลาหล

ฉากลงดาบของหานลี่กลับไม่ได้เผยสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินไปที่ด้านข้างซากศพ ลังเลเล็กน้อย แล้วเก็บซากศพทั้งหมดเข้าไปในถุงเก็บของท่ามกลางม่านลำแสงที่หมุนวน

แม้ว่าจากความรู้สึกของเขา ดูเหมือนโลหิตเที่ยงแท้อีกาสีทองในร่างของวิหคมารจะมีอยู่เบาบางมาก แต่ก็ยังมีอยู่เล็กน้อย เช่นนั้นวันข้างหน้าย่อมรอให้วิหคกลืนวิญญาณหลอมเพลิงก่อนหน้าให้เสร็จสิ้น แล้วค่อยให้มันกินต่อได้

แม้ว่าโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้เช่นนี้จะล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งในแดนวิญญาณ เขาก็ไม่มีทางฟุ่มเฟือยแน่!

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ร่างของหานลี่ก็เปล่งแสงสว่างวาบอีกสองสามครั้ง คนก็กลับมาอยู่ข้างกายของทั้งสอง และเอ่ยอย่างคร่าวๆ ว่า

“เอาล่ะ จัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถิด”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงราบเรียบของหานลี่ เย่ว์จงก็ตกตะลึงจนตาค้างไปชั่วครู่

ในความคิดของเขาแม้ว่าหานลี่จะร้ายกาจแต่มากสุดก็คงอยู่ในระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เก้าเท่านั้น

แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมันคืออะไร? คนผู้นี้เพิ่งจะอยู่ในระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ด คาดไม่ถึงว่าจะสังหารวิหคมารระดับสูงจำนวนมากภายในเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา แถมยังมีท่าทีสบายๆ เช่นนี้

วิหคมารเหล่านี้ไม่เพียงมีตัวที่อยู่ในระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เก้าอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นวิหคมารกลายพันธุ์จากโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้!

ทุกอย่างนี้ทำให้เย่ว์จงตกตะลึงอย่างขีดสุด ยังคงไม่เชื่อสิ่งที่ตนเห็นเมื่อครู่

เขาแค่มองหานลี่ด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท