A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1629 สวรรค์ทมิฬปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“วานรยักษ์ภูเขา!”
แม้ว่าหานลี่จะเพิ่งเคยเห็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้ในตำนานเป็นครั้งแรก แต่ก็มั่นใจฐานะของอีกฝ่ายได้ในทันที
ถึงอย่างไรเสียสิ่งที่ตรงทรวงอกมีลวดลายประหลาดๆ นั้น ก็มีเพียงจิตวิญญาณเที่ยงแท้ชนิดนี้
วานรมารตัวนี้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของวานรภูเขา มิเช่นนั้นคงไม่อาจสร้างภาพลวงตาเทวรูปนี้ได้
หานลี่มองเงาลวงตาสีม่วงในเขตอาคมกระบี่ สายตาอดที่จะฉายแววร้อนแรงไม่ได้
วานรยักษ์ภูเขาตัวนี้เป็นหนึ่งในตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองร่าง
หากเขาได้โลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้วานรตัวนี้มา ไม่เพียงจะแปลงกายได้อีกหนึ่งชนิด และยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเพิ่มพลังให้การแปลงกายอื่นๆ อีกด้วย
หานลี่ขบคิดเช่นนี้ จิตสังหารที่มีต่อวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้จึงเพิ่มขึ้น
แต่หากใช้อิทธิฤทธิ์ธรรมดาๆ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจจัดการกับมารตนนี้ได้
หลังจากที่หานลี่มีใบหน้าลังเล ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ กำไลทรงกลมที่ไม่สะดุดตาวงหนึ่งตกมาอยู่ในมือ
นั่นก็คือกำไลที่บรรจุแมลงกลืนทองอยู่เต็มไปหมด!
คาดไม่ถึงว่าเขาจะคิดใช้เครื่องมือสังหารที่ยิ่งใหญ่นี้ต่อกรกับจิตวิญญาณดั้งเดิมของวานรมารตัวนี้
ปล่อยแมลงกลืนทองออกมาจำนวนมากในคราเดียว แน่นอนว่าย่อมทำให้จิตสัมผัสของเขาได้รับความเสียหาย แต่หากจบการต่อสู้ได้ในระยะเวลาอันสั้น แน่นอนว่าย่อมกลายเป็นกล่องเครื่องมือสังหารของหานลี่
จากพลังจิตสัมผัสของหานลี่หลังจากบรรลุระดับหลอมสุญตาแล้ว หากจะควบคุมแมลงกลืนทองทีเดียวร้อยตัว ก็พอจะควบคุมได้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป
แต่หากเพิ่มจำนวนของแมลงวิญญาณมากขึ้นสักสองสามเท่า เวลาที่ควบคุมได้กลับเหลือเพียงหนึ่งในสี่ส่วนจากเดิมเท่านั้น
หากไม่มีเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์คอยช่วยเสริม หานลี่อาจจะไม่กล้าทำอะไรที่บุ่มบ่ามเช่นนี้ แต่ตอนนี้มารตัวนี้ถูกกักเอาไว้ในเขตอาคมกระบี่ จึงมีข้อจำกัดในการหลบหนี นั่นเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแมลงกลืนทอง
จากการคาดการณ์ของหานลี่ จากความดุของแมลงกลืนทองโตเต็มวัย หลังจากปล่อยออกมาร้อยตัวแล้ว ภายในเวลาหนึ่งในสามของเวลาหนึ่งก้านธูปก็เพียงพอในการจัดการอีกฝ่ายแล้ว
สิ่งเดียวที่เขาลังเลก็คือ หลังจากที่ตนเองสูญเสีญพลังจิตสัมผัสไป อิทธิฤทธิ์กว่าครึ่งจะลดลง หากระหว่างทางที่กลับพบศัตรูอะไรที่แข็งแกร่ง ก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
แต่ความคิดนี้ก็แค่ฉายแวบผ่านหัวของหานลี่ไปเท่านั้น!
สำหรับเขาแล้วแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องจัดการกับศัตรูตรงหน้าก่อน เรื่องอื่นๆ แน่นอนว่าย่อมโยนทิ้งไปก่อนชั่วคราวได้
แต่ไม่รอให้หานลี่สำแดงกำไลอสูรวิญญาณออกมาจากแขนเสื้อ วานรมารสีโลหิตในเขตอาคมกระบี่กลับตะโกนเสียงทุ้มต่ำออกมา ปากบริกรรมคาถาไม่หยุด อ้าปากพ่นหมอกสีโลหิตออกมากลุ่มหนึ่ง
เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในใบมีดชำรุดสีโลหิต
ใบมีดนี้หมุนติ้วๆ ไอมารสีดำสนิทที่แต่เดิมทะลักออกมาพลันหมุนวนอย่างรุนแรง
เสียงหวีดร้องดังขึ้น ลำแสงสีดำเป็นดวงๆ ปรากฏขึ้นใกล้ๆ กับใบมีดชำรุด จากนั้นก็แผ่ขยายไปตามจุดต่างๆ ของกระบี่
หานลี่พลันตกตะลึง ฉับพลันนั้นพลันสัมผัสได้กว่าไอวิญญาณฟ้าดินรอบด้านผิดปกติ จึงอดที่จะหันไปมองรอบๆ ด้านไม่ได้
ผลคือพลันมีสีหน้าตกตะลึง!
เห็นเพียงไอมารความตายที่เข้มข้นในทางเดิมในยามนี้หมุนวน มีหมอกลำแสงสีดำบินออกมาจากตรงกลาง แล้วม้วนวนไปหาเขตอาคมกระบี่
เขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นระลอกคลื่นหมุนวนขนาดยักษ์ ทยอยกันดูดซับหมอกสีดำเหล่านั้นเข้าไป
ทว่าหลังจากที่หมอกสีดำเหล่านั้นมาอยู่ใกล้กับเขตอาคมกระบี่ กลับถูกม่านลำแสงสีเขียวต้านทานเอาไว้ด้านนอก กลายเป็นดวงแสงสีดำหลายดวงเรียงตัวอย่างแน่นขนัด แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในเขตอาคมกระบี่ได้จริงๆ
“ไอมารเที่ยงแท้!”
หานลี่แค่มองไปปราดหนึ่งก็มองโฉมหน้าที่แท้จริงของหมอกสีดำเหล่านั้นออก หางตาพลันกระตุกสองสามครั้ง
แต่ในยามนั้นเองเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นก็ดังออกมาจากเขตอาคมกระบี่ ทั้งทางเดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับแผ่นดินถล่ม
จากนั้นพลังแรงกดที่น่ากลัวก็พุ่งขึ้นมาจากเขตอาคมกระบี่ แม้แต่ม่านลำแสงที่อยู่ใกล้เคียงก็ยังสั่นไหวไม่หยุด
หานลี่พลันตะลึงงัน กลอกตาไปมาอย่างไม่ต้องขบคิด พลางมาหยุดอยู่ที่ใจกลางของเขตอาคมกระบี่!
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานลี่
เขตอาคมกระบี่ทั้งหลังถูกอักขระน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนอัดแน่น! อักขระทุกตัวเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ กะพริบเรืองๆ เดี๋ยวขยายใหญ่เดี๋ยวหดเล็กลงไปมา
ตรงใจกลางของอักขระเหล่านี้ใบมีดชำรุดสีโลหิตลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
ใบมีดนี้เดิมขาดส่วนบนไปครึ่งหนึ่ง แต่ถูกฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์แบบตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีที่ใบมีดเป็นสีแดงโลหิต พลันมีอักขระโบราณสีทองอ่อนส่องแสงเรืองๆ ที่ไม่รู้จักเพิ่มขึ้นมาสามแถว
หลังจากที่หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ก็พบด้วยความตกตะลึงทันที
อักขระสีดำในเขตอาคมกระบี่เปล่งแสงเจิดจ้า คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกับใบมีดชำรุด ทั้งหมดล้วนดูเหมือนถูกกระบี่ควบคุมไว้!
เสียงหัวเราะประหลาดๆ ดังออกมาจากปากของวานรมารที่อยู่ด้านข้าง มันใช้สองมือร่ายอาคมทันที
ร่างกายของตนเองไม่เคลื่อนไหว แต่เงาลวงตาวานรยักษ์สีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะกลับยื่นมือออกมา ตะปบใบมีดชำรุดสีโลหิตเข้ามาอยู่ในมือ
จากนั้นก็ตวัดไปอย่างธรรมดาๆ เรื่องที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!
อักขระโบราณสีทองบนผิวใบมีดชำรุดหมุนวนโคจรราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกับมีเสียงไพเราะดังขึ้น!
หานลี่สัมผัสได้ถึงไอวิญญาณฟ้าดินในเขตอาคมกระบี่ที่โกลาหล อักขระสีดำพุ่งมาหาใบมีดชำรุดราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
และแทบจะในเวลาเดียวกัน ผิวของใบมีดชำรุดก็เปล่งรัศมีสีดำออกมาเป็นวงๆ
เมื่ออักขระทั้งหมดสัมผัสกับรัศมี ก็หายเข้าไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร
ส่วนตัวของใบมีดชำรุดเองก็เปลี่ยนเป็นสีดำไปส่วนหนึ่ง
อักขระทั้งหมดถูกรัศมีดูดซับไปจนเกลี้ยง รัศมีจึงหายวับไปอย่างเงียบเชียบ ส่วนเสียงอันไพเราะก็หยุดชะงักลง
ตัวของใบมีดชำรุดเปลี่ยนจากสีแดงโลหิตกลายเป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก วานรยักษ์แค่โบกสะบัดเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นอักขระโบราณสามแถวบนใบมีดก็เปล่งแสงสีทองเรืองรองออกมา ยิ่งดูลึกลับมากยิ่งขึ้น
แต่รูม่านตาของหานลี่พลันหดเล็กลง ฉับพลันนั้นมือข้างหนึ่งก็กดลงไปที่แขนอีกข้าง ดวงตาทั้งสองจ้องใบมีดสีดำในมือของอีกฝ่ายเขม็ง ชั่วพริบตาก็มีสีหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต
“สมบัติสวรรค์ทมิฬ! เป็นไปไม่ได้ เจ้ามีสมบัติเหนือชั้นเช่นนี้ จะมาได้รับบาดเจ็บหนักอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หานลี่แทบจะใช้น้ำเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดเอ่ยออกมาทีละคำๆ
“เจ้ารู้ว่ามันคือสมบัติสวรรค์ทมิฬได้อย่างไร!” เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ วานรมารก็หน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่เช่นกัน น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นโหดเ**้ยม ดวงตาเปล่งแสงสีม่วงสว่างวาบ ราวกับว่าจะกลืนกินคนอย่างไรอย่างนั้น
แต่หานลี่ในยามนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะตอบคำถามของวานรมาร
เพราะว่าจุดที่เขากดลงไปบนแขนในยามนี้ มันกำลังร้อนฉ่า มันคือจุดที่ผนึกกระบี่สวรรค์ทมิฬเล่มนั้นเอาไว้
ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ปรากฏขึ้นบนแขน เป็นตอนที่วานรยักษ์ภูเขาตัวนั้นหยิบใบมีดมารเล่มนั้นออกมาโบกสะบัดสองสามครั้ง มันจึงเกิดขึ้นอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน
เขาสัมผัสได้ว่ากระบี่สวรรค์ทมิฬที่แต่เดิมถูกผนึกอยู่ในแขนอยู่ดีๆ ดูเหมือนว่าจะได้รับการกระตุ้นจากใบมีดสีดำในมือของอีกฝ่าย ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นกระเ**้ยนกระหือรือ
หานลี่ถึงได้มีลำแสงวิญญาณสว่างวาบขึ้นในหัว คาดเดาประวัติความเป็นมาของใบมีดชำรุดนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเมื่อครู่
ตอนนี้เห็นวานรมารไม่ได้ปฏิเสธ หานลี่ก็มีจิตใจหนักอึ้ง
ไม่ต้องพูดถึงว่าพลังปราณกว่าครึ่งของเขาในยามนี้ใช้ไปกับการพยายามระงับกระบี่สวรรค์ทมิฬบนแขนอย่างสุดชีวิต ต่อให้ใช้แมลงกลืนทอง หากอีกฝ่ายมีสมบัติสวรรค์ทมิฬอยู่ในมือ จะยังใช้ได้หรือไม่ เขาก็ไม่มั่นใจเลยสักนิด
และผลลัพธ์จากการใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬครั้งที่แล้ว เขาก็ยังจำได้ดี ในใจไม่คิดจะกระทำซ้ำรอยเดิมเป็นแน่
ถึงอย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นสถานที่อันตรายที่มีมารอสูรอยู่เต็มไปหมด หากสูญเสียพลังปราณไป ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าครั้งที่แล้วที่ตนเองใช้อานุภาพที่น่าตกตะลึงของกระบี่สวรรค์ทมิฬนั้น เขาก็ไม่ลืมเลือนเช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงว่าใบมีดชำรุดของอีกฝ่ายมีอานุภาพไม่แตกต่างกัน ขอแค่มีอานุภาพเท่ากับสมบัติที่ผนึกอยู่ในแขนของเขาครึ่งหนึ่ง เขาก็ไม่อาจต้านทานได้แล้ว
แม้ว่าเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์จะมหัศจรรย์ขนาดไหน จะไปต้านทานกับพลังแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างไร
วานรมารในเขตอาคมกระบี่เห็นหานลี่ไม่ได้ตอบอะไร ทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว กระตุ้นเทวรูปเหนือศีรษะอย่างไม่ลังเลอีก
ชั่วขณะนั้นเงาลวงตาวานรยักษ์ภูเขาพลันชูใบมีดมารในมือขึ้น ชี้ไปยังตำแหน่งของหานลี่
หานลี่หางตากระตุก แผ่นหลังมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมา อดที่จะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬไม่ได้
อานุภาพของการตวัดสมบัติสวรรค์ทมิฬนั้น ต่อให้เขาคิดจะหนีก็เป็นเรื่องที่เพ้อฝัน
เขาในยามนี้ดูเหมือนว่าหากไม่ยอมนิ่งเงียบรอความตาย ก็ต้องใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬที่ผนึกอยู่ในแขนออกมาต่อกร
ผลลัพธ์ของทั้งสองชนิดล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากยอมรับ
แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายควบคุมเทวรูปชูใบมีดชำรุดสีดำเปล่งประกายขึ้น เขาก็ไม่มีเวลาจะคิดหาวิธีการอื่นอีก
“ไม่สิ อีกฝ่ายสูญเสียกายเนื้อไปแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นพลังยุทธ์ก็พอๆ กับตนเอง จะควบคุมสมบัติสวรรค์ทมิฬได้อย่างไร! อีกฝ่ายในตอนนี้ควบคุมใบมีดได้ ก็ไม่ใช่ตัวเอง หรือว่าจะเป็น…”
ภายใต้ความร้อนใจในหัวของหานลี่พลันมีลำแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็รู้สึกว่าตัวเองคว้าอะไรเอาไว้
ยามนี้ใบหน้าของวานรมารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันมีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายแวบผ่าน เทวรูปสีม่วงชูใบมีดสีดำขึ้นแล้วค่อยๆ ลดระดับลงมา
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็กัดฟัน นิ้วทั้งห้าที่กดอยู่บนแขนพลันเปลี่ยนเป็นดึงออกมา
เสียง “ครืน” ดังขึ้น กระบองไม้สีเหลืองอ่อนกระบองหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
นั่นก็คือผลสวรรค์ทมิฬ
หานลี่ไม่มีเจตนาจะหยุดยั้งเลยสักนิด สะบัดข้อมือ คาดไม่ถึงว่าจะโยนผลสวรรค์ทมิฬขึ้นไปกลางอากาศ
ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แขนสีทองข้างหนึ่งแค่เคลื่อนไหว ก็คว้าผลสวรรค์ทมิฬเอาไว้ในมือ จากนั้นแขนที่เหลือพลันร่ายอาคม
เทวรูปสามเศียรหกกรพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ
จากนั้นลำแสงสีทองทั้งหมดก็ทะลักไปในผลสวรรค์ทมิฬราวกับน้ำไหลหลาก ทำให้ผลผลนี้เปลี่ยนเป็นสีสันเจิดจ้า ลวดลายสีดำเขียวบนผิวเปลี่ยนเป็นสีเขียวขจี
หานลี่เห็นเช่นนั้น ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันเผยสีหน้ายินดีออกมา
แต่ในยามนั้นเองกลางเขตอาคมกระบี่ก็มีเสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น
ระลอกคลื่นสีดำสายหนึ่งทะลักออกมาจากใบมีดสีดำ ตอนแรกดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่เมื่อออกมาได้สิบจั้งเศษ ก็หมุนวนกลายเป็นคลื่นสีดำสูงสองสามจั้ง พุ่งเข้ามาหานลี่อย่างดุดัน
แค่เปล่งแสงสว่างวาบ ระลอกคลื่นสีดำก็ปะทะเข้ากับม่านลำแสงสีเขียว
ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเขียวพลันเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ดอกบัวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าไม่มีสิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น
แต่ครู่ต่อมาเรื่องที่ยากจะเชื่อพลันปรากฏขึ้น
ระลอกคลื่นสีดำเหล่านั้นแค่กระโจนมา ดอกบัวสีเขียวที่จมหายไปทั้งหมดก็กลายเป็นฝุ่นควันไม่ว่าดอกเล็กหรือไม่ใหญ่
แค่กะพริบวาบอีกครั้ง ม่านลำแสงสีเขียวก็ถูกทะลวงผ่านไปราวกับกระดาษ
หางตาของหานลี่กระตุก ไม่สนใจจะมองอะไร แต่พลันร่ายอาคม
ชั่วขณะนั้นรอบด้านพลันมีดวงไฟห้าสีปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน ทุกดวงบินโผเข้าไปหาผลสวรรค์ทมิฬราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
เสียง “ครืนๆ” ดังขึ้น ผลสวรรค์ทมิฬเปล่งแสงสีเขียวมรกตสว่างวาบ ฉับพลันนั้นใบมีดกระบี่สีเรืองรองความยาวสองสามฉื่อก็พุ่งออกมา
ใบมีดกระบี่นี้เปล่งแสงสีเขียวขจี ผิวเรียบลื่นดุจกระจก แต่ตรงกลางมีอักขระสีเขียวมรกตห้าแถวสลักอยู่ มีลำแสงเย็นเยียบไหลโคจรไปมาไม่หยุด