คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1635 เปลี่ยนแปลงนับแสน

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1635 เปลี่ยนแปลงนับแสน

จากนั้นฝ่ามือข้างหนึ่งของหานลี่พลันเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก แล้วตะปบออกไปกลางอากาศ

มือยักษ์สีเทาขนาดสองสามจั้งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นทันที นิ้วทั้งห้าแยกออกแล้วคีบหมอกสีเทาพุ่งไปหาเท้ายักษ์สีดำกลางอากาศ

แม้ว่าร่างของทั้งสองจะพิเศษมาก แต่หลังจากเสียง “ตึง” เขย่าภูเขาดังขึ้น มือสีเทาก็สั่นเทา คาดไม่ถึงว่าจะฝืนรับเท้ายักษ์เอาไว้ได้

เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน ลำแสงสีดำหมอกสีเทาพลันเปล่งแสงสว่างวาบตัดสลับกันไปมา เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระลอกคลื่นแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งพลันวนล้อมรอบทั้งสอง ราวกับว่ามังกรวายุตัวหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมา

และแทบจะในเวลาเดียวกัน ดอกบัวยักษ์สีเขียวรอบตัวของหานลี่ก็เปล่งเสียงฟ้าผ่าออกมา ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่น ชั่วพริบตาด้านนอกดอกบัวสีเขียวก็มีดอกบัวอัสนีสีทองปรากฏขึ้นดอกหนึ่ง

กลีบดอกบัวสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีทองที่เปล่งแสงระยิบระยับแผ่ออกไปรอบด้าน ชั่วครู่ก็ปะทะกับประจุไฟฟ้าสีดำที่เข้ามาใกล้

เสียงฟ้าผ่าดังอึกทึก!

ชั่วพริบตาที่ประจุไฟฟ้าสองชนิดโจมตีเข้าด้วยกัน พัวพันเข้าด้วยกันราวกับพบศัตรูคู่อาฆาต เพลิงอัสนีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นท่ามกลางลำแสงสีทองดำสองสี แล้วระเบิดออกอีกครั้ง

การโจมตีที่ดุดันทั้งสองชนิดของใบหน้าประหลาดถูกหานลี่ต้านทานเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง

ใบหน้าของมันอดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้ แต่ทันใดนั้นก็แค่นเสียงด้วยความเย็นชา แววตาฉายแววเย็นเยียบ อ้าปากกว้าง

ชั่วขณะนั้นรอบๆ พลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น พายุสีดำหมุนวน หลุมยักษ์สีดำสนิทขนาดสองสามหมู่ปรากฏขึ้นด้านหน้ากิเลนสีดำในชั่วพริบตา ด้านในมีลำแสงสีดำหมุนวนอยู่ลางๆ ราวกับว่าต้องการจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งบนโลก

“ระวัง นี่คือเคล็ดวิชาเขมือบ!” แม้ว่าสตรีนามว่าเซียนเซียนผู้นั้นจะไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้ แต่เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของกิเลน ชั่วขณะนั้นพลันหน้าถอดสีพลางร้องเตือนด้วยความลนลาน

เมื่อครู่สตรีผู้นี้แปลงกลายเป็นกิเลนสีเขียว แม้ว่าจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่เหมือนกันออกมา แต่อานุภาพกลับแตกต่างกับกิเลนสีดำเป็นอย่างมาก

หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้พลันตกตะลึง เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวเผ่าผลึก ชั่วขณะนั้นพลันพลิกฝ่ามือฝ่ามือที่ตะปบออกไปกลางอากาศอย่างไม่ต้องขบคิด

ภูเขาน้อยสีดำขนาดสองสามชุ่นปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ และโยนออกไป

ภูเขาลูกนี้พลิ้วไหวขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด แค่ชั่วลมหายใจก็มีขนาดพันจั้งเศษ ไม่ด้อยไปกว่ากิเลนสีดำตรงข้ามเลยสักนิด จากนั้นก็หมุนตัวกลางอากาศ แล้วกดลงมาราวกับภูเขาไท่ซาน

ท้องฟ้ากว่าครึ่งดำทะมึน ถูกยอดเขายักษ์สีดำห่อหุ้มเอาไว้

อาศัยอานุภาพของภูเขาลูกนี้ กดทับร่างของกิเลนสีดำที่ติดกับหลุมสีดำด้านล่างจนแหลกออกเป็นชิ้นๆ

แต่ฉากที่ทำให้หานลี่หน้าเปลี่ยนสีพลันปรากฏขึ้น

กลางหลุมสีดำสนิทพลันมีหมอกลำแสงสีดำพ่นออกมา โจมตีไปยังภูเขาเทวะดูดปราณอย่างพอดิบพอดี กลายเป็นอักขระสีดำขนาดสองสามจั้ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในภูเขา

ยอดเขาสีดำสั่นไหวหมุนติ้วๆ คาดไม่ถึงว่าจะฟื้นฟูกลับมามีขนาดเดิมท่ามกลางลำแสงที่เปล่งแสงสว่างวาบ และถูกลำแสงสีดำม้วนเข้าไป แล้วเปล่งเสียง “สวบ” พลางสลายหายไป

ครู่ต่อมาสมบัติชิ้นนี้ก็มาปรากฏตรงขอบของหลุมยักษ์ แค่กะพริบวาบก็ถูกสูบเข้าไปข้างใน

หานลี่รู้สึกเพียงว่าจิตสัมผัสสั่นไหว ภูเขาเทวะดูดปราณและจิตสัมผัสของตนเริ่มอ่อนแรงราวกับไม่มีอยู่ ราวกับจะถูกตัดขาดออกจากกันอย่างไรอย่างนั้น ในใจจึงอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

ต้องเข้าใจว่าภูเขาลูกนี้ถูกเขาหลอมจนใช้ได้ดังปรารถนาแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังถูกคนแย่งเอาไป ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

หานลี่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม ปากพลันบริกรรมคาถา ฝ่ามือสีดำสนิทพลันมีลำแสงสีเงินสว่างวาบ ภูเขาน้อยสายหนึ่งปรากฏขึ้น

ลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง เงาลวงตากลายเป็นของจริง ภูเขาน้อยสีดำปรากฏขึ้นในมืออย่างแปลกประหลาด ราวกับไม่เคยถูกบวงสรวงอย่างไรอย่างนั้น

เสียงร้อง “เอ๋” ดังขึ้น ทำให้ใบหน้าประหลาดอดที่จะประหลาดใจไม่ได้

แน่นอนว่ามันไม่รู้ว่าภูเขาเทวะดูดปราณถูกคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติหลอมไปแล้วรอบหนึ่ง นอกเสียจากว่าจะทำลายพร้อมกับมือของหานลี่ มิเช่นนั้นเกรงว่าต่อให้ห่างอีกหมื่นลี้ แน่นอนว่าขอแค่ใช้จิตสัมผัส ก็ยังคงเรียกกลับมาได้

ทว่าในยามที่เขาคิดจะวิธีควบคุมศัตรูนั้น อานุภาพของเคล็ดวิชาเขมือบถึงจะสำแดงออกมาอย่างแท้จริง

หลังจากเสียงหัวเราะประหลาดๆ คึๆ ดังขึ้น ลำแสงรอบด้านก็หม่นแสง

หานลี่รู้สึกเพียงว่ามีวายุคละคลุ้งโชยมา ครู่ต่อมาร่างกายก็อยู่ท่ามกลางความมืดมิด เท้ายักษ์สีดำและสายฟ้าสีดำรอบกายเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไป

หานลี่พลันใจหายวาบ พบว่าไม่อาจแผ่จิตสัมผัสออกไปนอกร้านได้ ทันใดนั้นรูม่านตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ กวาดตามองไปอย่างรีบร้อน

อาศัยอิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณถึงได้พอมองเห็นในรัศมีร้อยจั้งอยู่รางๆ

แต่ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าหรือรอบๆ ด้าน ล้วนเป็นสีดำสนิท ดูเหมือนว่าเขาจะถูกดูดเข้าไปในห้วงเวลาที่ไม่คุ้นเคยอย่างไรอย่างนั้น

หานลี่กลับรู้ดีว่าเมื่อครู่ตนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อน น่าจะถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นกลืนเข้าไปในท้อง

ทว่าเคล็ดวิชาเขมือบนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง เมื่อสำแดงออกมา แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจหลบหลีกได้

เมื่อขบคิดในใจ ดอกบัวสีเขียวและประจุไฟฟ้าสีทองที่ใต้ฝ่าเท้าของหานลี่กลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วผลิบาน กลายเป็นเกราะป้องกันสีทองเขียวสองสี ด้านในสุดยังมีเกราะลำแสงที่ดูเหมือนผลึกวารีอีกชั้นหนึ่ง ห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา

ก่อนหน้านี้เขาเห็นจุดจบของหญิงสาวเผ่าผลึกและบุรุษแซ่กุยกับตาตัวเอง เหตุใดจะไม่ระมัดระวังมากขึ้นล่ะ

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นหานลี่ก็ไม่ได้มีเจตนาจะถูกกักอยู่ที่นี่นานนัก นิ้วทั้งสิบร่ายไปทางด้านข้าง

ชั่วขณะนั้นเสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น!

ไอกระบี่แหลมคมสีเขียวเป็นสายๆ พุ่งออกไปราวกับพิรุณกระหน่ำ

แต่หลังจากเสียง “สวบๆ” ออกมา กระบี่ลำแสงสีเขียวพุ่งออกไปได้ร้อยจั้งเศษ ก็ดูเหมือนจะจมเข้าไปในโคลนหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งพลันร่ายอาคม ประจุไฟฟ้าสีทองรอบด้านรวมตัวกัน ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น รวมตัวกันกลายเป็นมังกรสายฟ้าสีทองความสิบจั้งเศษ แค่กะพริบวาบก็สะบัดหัวสะบัดหางกระโจนออกมา

เสียง “ตูมๆ” ดังสนั่นขึ้น มังกรวารีสีทองดูเหมือนจะชนเข้ากับเขตอาคมอะไรสักอย่างที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งเศษเข้าอย่างจัง ชั่วขณะนั้นก็ระเบิดรัศมีลำแสงสีทองราวกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งออกมา จากนั้นระลอกคลื่นสีทองก็หมุนวนแล้วแผ่กระจายออก

ทั้งท้องฟ้าล้วนสั่นคลอนอย่างหนักราวกับจะปริแตกออกได้ในชั่วครู่

ทว่าเสียงเพรียกของวิหคพลันดังขึ้น ฉับพลันนั้นด้านหน้ารัศมีลำแสงสีทองก็มีหลุมดำขนาดสิบจั้งเศษปรากฏขึ้น หมอกลำแสงสีดำที่อยู่ด้านในพลันหมุนวน รัศมีลำแสงสีทองรวมทั้งพลานุภาพอันน่าตกตะลึงที่เกิดจากการระเบิดถูกดูดเข้าไปจนเกลี้ยงพลันหายวับไป

จากนั้นหลุมดำก็บิดเบี้ยว บุรุษสวมชุดคลุมยาวเปิดไหล่สีดำ ใบหน้าสวมหน้ากากสีขาวปรากฏขึ้นตรงนั้น

หานลี่เห็นฉากนี้หางตาพลันกระตุก สองตาพลันหรี่ลงเล็กน้อย

“อย่าคิดหนีล่ะ ที่เจ้าสองคนนั้นหนีออกมาได้ เป็นเพราะข้าจงใจ ตอนนี้ข้าลากเจ้าเข้ามาเอง ต่อให้เจ้ามีปีกก็ยากจะหนี” บุรุษสวมชุดคลุมสีดำเอ่ยปาก คำพูดคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่เห็นได้ชัดว่าคือเสียงของใบหน้าประหลาดผู้นั้น

“งั้นหรือ ข้าไม่เชื่อหรอก” หานลี่มีสีหน้าแปลกประหลาดฉายแวบผ่าน จากนั้นก็แค่นเสียงหึต่ำๆ ออกมาจากจมูก

ดูเหมือนหึธรรมดาๆ ชายชุดดำที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งเศษกลับร่างกายพลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าร่อนลงมาจากกลางอากาศราวกับท่อนไม้

คาดไม่ถึงว่าหานลี่ใช้อิทธิฤทธิ์ทิ่มแทงจิตสัมผัสระหว่างที่แค่นเสียงหึ

แม้ว่าชายชุดดำจะมีอิทธิฤทธิ์แปลกประหลาด ก็ติดกับนี้เข้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

จากนั้นแผ่นหลังของหานลี่พลันมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ฉับพลันนั้นก็มีปีกนกสีสันแวววาวปรากฏขึ้นคู่หนึ่ง แค่กระพือปีกคนก็หายวับไปจากที่เดิม

ชายวัยกลางคนชุดดำร่อนลงมาจากกลางอากาศด้านข้างมีประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่ปรากฏขึ้นตรงนั้น มือหนึ่งพลันพลิ้วไหว กระบี่ยาวสีเขียวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ

โบกสะบัดเบาๆ ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ชายชุดดำรวมทั้งหน้ากากบนใบหน้าของเขาถูกสับออกเป็นสองส่วนในพริบตา

จากนั้นหานลี่พลันรวบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันอย่างไม่ลังเล แล้วชูมือขึ้นอีกครั้ง ประจุไฟฟ้าสีทองพุ่งออกมา

กายครึ่งหนึ่งของชายชุดดำกลายเป็นไอสีดำท่ามกลางเสียงฟ้าผ่า ครู่ต่อมาก็สลายหายไปกลายเป็นกลุ่มควัน

หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกผ่อนคลายลง ในที่สุดมุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา

แต่เมื่อรอยยิ้มนี้ปรากฏขึ้น ก็แข็งค้างในทันใด

เพราะว่าลำแสงสีทองที่ด้านล่างสลายหายไปท่ามกลางไอสีดำ ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นอสรพิษสีดำหลายตัว พุ่งออกไปราวกับลูกธนู

แม้ว่าอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายจะมีอานุภาพไม่น้อย แต่ก็ต้านทานเอาไว้ได้แค่ส่วนใหญ่ ยังคงทำให้อสรพิษสีดำส่วนน้อยหนีออกมาจากประจุไฟฟ้าสีทองได้ จากนั้นลำแสงสีดำพลันเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันกลายเป็นเงาร่างคนเตี้ยๆ สายหนึ่ง

เหมือนกับคนสวมชุดสีดำก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น แต่มีขนาดแค่สองสามฉื่อ แต่ก็มีมากกว่าร้อยคน

ร่างของคนสวมชุดสีดำเหล่านั้นเริ่มรางเลือน ฉับพลันนั้นพลันกะพริบวาบๆ ราวกับเงาลวงตา

ครู่ต่อมาหานลี่ก็ถูกชายชุดดำที่ดูเหมือนคนแคระเหล่านั้นล้อมเอาไว้

คนชุดดำเหล่านั้นดวงตาฉายแววเย็นชา แล้วพลันชูมือทั้งสองขึ้นพร้อมกัน พ่นเสาลำแสงสีดำออกมาเป็นสายๆ ตรงเข้าไปหาหานลี่

เสาลำแสงสีดำโจมตีไปบนนั้น แค่กะพริบวาบ ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับโคลนที่จมลงไปในทะเลอย่างไรอย่างนั้น

ชายชุดดำที่อยู่รอบๆ พลันอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

หานลี่ในยามนั้นกลับหัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา

ลำแสงเทวะดูดปราณมีพลังควบคุมธาตุทั้งห้า เสาลำแสงสีดำที่ดูทะมึนทึบเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นพลังวิญญาณธาตุน้ำที่บริสุทธิ์มาก แน่นอนว่าย่อมถูกลำแสงเทวะดูดปราณต้านทานเอาไว้อย่างง่ายดาย

และหานลี่ในยามนั้นก็กระทืบเท้าลงไปยังดอกบัวสีเขียวใต้ฝ่าเท้า

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกมาราวกับพายุฝนกระหน่ำ แค่กะพริบวาบ ก็ทะลวงผ่านร่างคนแคระของชายชุดดำรอบด้านจนเป็นพันรู แล้วกลายเป็นไอสีดำอีกครั้ง

“จุ๊ๆ เด็กเอ๋ย ยืนรอความตายเถิด ในร่างของข้าจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ยิ่งฆ่าก็ยิ่งมากขึ้น ไม่มีจำกัด!” เสียงหัวเราะประหลาดๆ ฟังได้ยากดังขึ้นรอบๆ ด้านอย่างพึงพอใจ

ดังคาดไอสีดำรอบๆ พลันกะพริบวาบอีกครั้ง กลายเป็นชายชุดดำมากกว่าสองสามร้อยคน

แต่แค่ครั้งนี้พวกเขามีขนาดแค่สองสามชุ่น

หานลี่เห็นเช่นนั้นหางตาพลันกระตุกรัวๆ แต่บนใบหน้าพลันมีจิตสังหารสว่างวาบ พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ฉับพลันนั้นใบมีดชำรุดสีทองพลันปรากฏขึ้น

นั่นก็คือสมบัติที่ดูเหมือนใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬที่เขาเพิ่งได้มา

แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกักเขาเอาไว้ที่มีจุดประสงค์อย่างไร แต่เขาไม่มีทางยอมถูกจูงจมูกแน่ มากสุดก็แค่เสียพลังปราณและพลังปราณของเทวรูปไปอีกส่วนหนึ่งจากการใช้ใบมีดชำรุดครั้งนี้เท่านั้น

แม้ว่าเคล็ดวิชาเขมือบของอีกฝ่ายจะร้ายกาจ แต่ก็ไม่มีทางต้านทานพลังกฎเกณฑ์ได้แน่

เขาต้องสังหารมารตนนั้น ถึงจะจบการต่อสู้ฉากนี้ได้

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท