คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1640 แย่งทางหนี

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

ตอนที่ 1640 แย่งทางหนี

แน่นอนว่าบุรุษชุดเกราะสีเงินที่ยืนเผชิญหน้ากับเหล่ามารอสูรนั้นคือบุรุษแซ่กุยที่ล่วงหน้าจากไปก่อน ตอนที่อยู่ในเทือกเขาวานรมาร

ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ คาดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะไปทางเดียวกันกับหานลี่ และถูกมารอสูรจำนวนมากขนาดนี้ขวางเอาไว้

บุรุษแซ่กุยในยามนี้เห็นท่าทางประหลาดของมารอสูรสองเขาตรงข้าม พลันรู้สึกฉงนพลางหันกลับไปอย่างรวดเร็ว

ผลคือมองมาปราดเดียวก็เห็นหานลี่และเซียนๆ ที่บินตามออกมาติดๆ

ชนต่างเผ่าผู้นี้พลันตกตะลึง แต่เมื่อกลอกตาไปมา กลับเผยสีหน้ายินดีออกมา

จะว่าไปแล้วอย่ามองว่าเมื่อครู่บุรุษแซ่กุยยังมีท่าทีเยือกเย็น แต่ในใจกลับร้อนใจเป็นอย่างมาก

เขาไปจากหานลี่และพวก ไม่หยุดพักระหว่างทาง แต่ก็มาถูกมารอสูรจำนวนมากขวางเอาไว้ที่นี่ จะตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว

ฝูงอสูรที่อยู่ตรงข้ามมีมารอสูรระดับกลางเป็นผู้นำ แต่มารอสูรระดับสูงก็มีมากถึงสามสิบกว่าตัวแล้ว ประกอบมารอสูรร่างมนุษย์สองเขาที่เป็นผู้นำ คาดไม่ถึงว่าพลังยุทธ์จะไม่แตกต่างอะไรกับเขามากนัก

แม้ว่าเขาจะหยิ่งผยองแต่ก็รู้ว่าหากลงมือจะต้องเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแน่

ความหวังเดียวก็คือใช้วิธีสลัดมารอสูรเหล่านี้ให้หลุด จากนั้นก็ใช้ความเร็วสูงสุดหนีไป

แต่เมื่อเขาเห็นว่าในบรรดามารอสูรเหล่านี้ มีอยู่เจ็ดแปดตัวที่เป็นมารอสูรประเภทแมลงมีปีกคู่หนึ่งหรือหลายคู่อยู่บนแผ่นหลัง ก็รู้สึกระแวงขึ้นมา

มารอสูรเหล่านี้นั้นไม่ต้องพูดถึง ความเร็วไม่เชื่องช้าแน่นอน หากมีสองสามตัว เขาก็พอจะสู้ได้ ดูว่าจะสลัดได้หรือได้ แต่จำนวนมากขนาดนี้กรูกันเข้ามา เขาก็ไม่มีทางหนีแน่

ตอนนี้หานลี่มาปรากฏตัว ก็เท่ากับจะแบ่งกับเขาไปครึ่งหนึ่ง โอกาสที่เดิมทีมีไม่ถึงหนึ่งส่วน ก็แบ่งออกเป็นหลายส่วนทันที

จะไม่ทำให้บุรุษแซ่กุยดีใจอย่างบ้าคลั่งได้อย่างไร

เซียนๆ เห็นเหตุการณ์นี้ สีหน้าพลันดูไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว

หานลี่มีสีหน้าดีกว่าเล็กน้อย แต่แววตาก็เปล่งประกายไม่หยุด ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

แม้ว่ามารอสูตรฝั่งตรงข้ามจะมีจำนวนมาก แต่กลับเบิกเนตรมีสติปัญญาหมดแล้ว ดังนั้นแม้ว่าทุกตัวจะมองมาทางทั้งสามคนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ก็ไม่ได้กู่ร้องคำรามกรูกันเข้ามา แต่ทุกตัวกลับใช้สายตาที่ดูเหมือนมองคนตายจ้องเขม็งมายังทั้งสาม

ภายใต้ความประหลาดใจที่นี่จึงเงียบสงัด

แต่ครู่ต่อมาความเงียบสงัดนี้ก็ถูกคนทำลายลง

“ฮ่าๆ เป็นเจ้าที่ฆ่านายน้อยไม่ผิดแน่ ขอแค่สังหารเจ้าหรือจับเจ้าเป็นๆ กลับไป นายท่านจะต้องตกรางวัลอย่างงามแน่ ฆ่า! ที่เหลืออีกสองคนก็ฆ่าซะ ส่วนคนผู้นี้ก็พยายามจับมาให้ข้า” มารสองเขานามว่าอู่ลี่เห็นใบหน้าของหานลี่ชัดเจน ฉับพลันนั้นก็อ้าปากออกหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา จากนั้นก็หยุดหัวเราะ ออกคำสั่งที่เต็มไปด้วยจิตสังหารออกมา

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปาก มารอสูรระดับสูงที่รออยู่ด้านหลังของเขาก็เปล่งเสียงร้องคำรามออกมา จากนั้นวายุสีดำพลันหมุนวน พุ่งมาทางหานลี่และพวกทั้งสามคน

ด้านหน้าวายุสีดำมีลำแสงหลีกหนีสิบกว่าสายแค่กะพริบวาบ ก็กระโจนออกมาจากวายุสีดำ แล้วกระโจนมาหานลี่และพวกทั้งสามคน

ในลำแสงสีดำนั้นไม่ใช่วิหคประหลาดสามหัว ก็เป็นแมลงยักษ์ที่ปีกยักษ์อยู่ที่แผ่นหลัง

ส่วนมารสองเขานั้น ผิวมีลำแสงสีเขียวพัวพันอยู่ ใต้ฝ่าเท้ามีจานอาคมกลมๆ สีเขียวที่ดูธรรมดาๆ เพิ่มขึ้นมา แค่พลิ้วไหว ก็เปล่งแสงยี่สิบกว่าสายออกมา ความเร็วไม่ด้อยไปกว่ามารอสูรเหล่าวิหคและแมลงเลยสักนิด

ทิศทางที่มันกระโจนออกมาก็คือตำแหน่งของหานลี่ มองเห็นมันกะพริบวาบอีกครั้ง ก็กระโจนมาตรงหน้าหานลี่

“แยกกันไป!”

หานลี่ระงับความประหลาดใจที่อีกฝ่ายจำตนเองได้เอาไว้ ปากก็เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาและเย็นชา ลำแสงหลีกหนีปรากฏขึ้น กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพุ่งแหวกอากาศไป

เห็นเพียงระหว่างที่ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้า ลำแสงหลีกหนีก็อยู่ห่างออกไปสี่สิบกว่าจั้ง และพุ่งออกไปอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดเลยแม้แต่น้อย

ในเมื่อเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับมารอสูรฝั่งตรงข้าม และไม่ได้มีเจตนาจะถอยเข้าไปในหมอกบางเบาอีกครั้ง แต่บินไปอีกด้าน

การเคลื่อนไหวของเซียนๆ และบุรุษแซ่กุยเองก็ไม่ได้เชื่องช้าเลยแม้แต่น้อย

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นบุรุษพลันอ้าปากออกพ่นไอโลหิตออกมากลุ่มหนึ่ง ชั่วครู่ก็จมหายไปใต้รถโลหิตใต้ฝ่าเท้า

รถโลหิตแผ่ไอสีดำออกมาพร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญ เสียง “สวบ” ดังขึ้น แล้วสลายหายไปจากที่เดิม และในทันใดนั้นกลางอากาศห่างออกไปร้อยจั้งเศษ รถวายุพลันเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น จากนั้นเสียงกรีดร้องแหลมๆ พลันดังขึ้น กลายเป็นไอสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งแหวกอากาศไป

ส่วนเซียนๆ นั้นเมื่อได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของหานลี่ ก็กัดฟันสะบัดแขนเสื้อ ธงด้ามเล่มสีสันแวววาวด้ามหนึ่งปรากฏออกมา

ร่างของสตรีผู้นี้มีลำแสงสีขาวสว่างวาบ ชั่วพริบตาก็กลายเป็นดวงแสงสีขาวกลุ่มหนึ่ง หมุนติ้วๆ เสียง “ปัง” ดังขึ้น ดวงแสงสีขาวยี่สิบสามสิบลูกที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วบินออกมา พุ่งตรงไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

ดวงแสงทุกลูกมีความเร็วที่น่าตกตะลึง แค่พลิ้วไหวก็อยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้งพร้อมกับเงาเป็นสาย

ดวงแสงสีขาวที่กระโจนเข้าไปหาเหล่าอสูรย่อมถูกเหล่าอสูรบ้างก็อ้าปากพ่น บ้างก็ใช้มือใหญ่ยักษ์ตะปบเอาไว้ ทยอยกันสลายหายไป

แต่ดวงแสงสีขาวส่วนใหญ่ ยังคงหนีออกไปได้ร้อยจั้งเศษ

ในฉากที่มารอสูรระดับสูงจำนวนมากขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผู้ใดดูออกว่า ลูกไหนถึงจะมีร่างของหญิงสาวเผ่าผลึกอยู่

เมื่อเห็นหานลี่และพวกทั้งสามคนไม่ว่าจะมีพลังยุทธ์แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ แต่ล้วนเป็นผู้ที่ลื่นไหลจนจับไม่อยู่ มารสองเขารู้สึกโกรธเกรี้ยว ปากก็เปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมา สองมือแยกออก ชั่วครู่ก็จะปบดวงแสงสีขาวที่พุ่งผ่านข้างกายไปจนแตกละเอียด

จากนั้นจานสีเขียวใต้ฝ่าเท้าของมันก็เปล่งแสงสว่างวาบ กลับกลายเป็นเรือไม้สีเขียวมรกตลำหนึ่ง เปล่งเสียงหวีดร้องแล้วพุ่งไล่ตามหานลี่ไป

ด้านหลังของเขามีมารอินทรีเรือนกายสีดำสนิทขนาดสองสามจั้งตัวหนึ่ง รวมทั้งผึ้งเขียวยักษ์ความยาวสองสามฉื่อ บนเรือนร่างมีลำแสงอันสีเปล่งแสงสว่างวาบ

ทั้งสามดูเหมือนว่าจะมุ่งมาหาหานลี่ ความเร็วไม่ด้อยไปกว่าสายรุ้งสีเขียว ไล่ตามหานลี่อย่างไม่ลดละ

ตรงทิศทางอื่นด้านหลังบุรุษแซ่กุยก็มีมารอสูรระดับสูงที่ความเร็วไม่เชื่องช้าสองสามตัวไล่ตามไป

ส่วนมารอสูรที่เชี่ยวชาญการเหาะเหินตัวอื่นๆ นั้น ก็ลังเลเล็กน้อย แล้วข้ามผ่านดวงแสงสีขาวที่แตกตัวออกเหล่านั้นไป

ส่วนมารอสูรที่ควบคุมวายุมารอยู่ด้านหลังไปอีก ก็เปล่งเสียงหวีดร้องออกมา คาดไม่ถึงว่าบินแยกเป็นสามกลุ่ม สองกลุ่มพุ่งไปหาหานลี่และบุรุษแซ่กุย

กลุ่มที่เหลือเองก็พุ่งไปทางดวงแสงเหล่านั้น

แน่นอนว่าหานลี่ย่อมเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหลังตนเองทั้งหมด มองเห็นหญิงสาวเผ่าผลึกทิ้งทางหนีทีไล่เอาไว้ดังคาด ในใจพลันรู้สึกผ่อนคลายลง ทันใดนั้นก็ควบคุมลำแสงหลีกหนีหนีไป

จากความเร็วของหานลี่ในตอนนี้ความเร็วของเขานับว่าเคลื่อนย้ายพลันลี้ในชั่วพริบตา พริบตาเดียวก็หนีออกมาได้สองสามหมื่นลี้

เมื่อหันหัวกลับไปกลับเห็นมารอสูรสามหัวด้านหลังยังคงไล่ตามมาติดๆ ห่างออกไปร้อยจั้งเศษราวกับแมลงเกาะกระดูก สลัดออกไปได้ไม่ไกลนัก

ส่วนไกลออกไปก็มีวายุสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏอยู่รางๆ ไล่ตามมาติดๆ อย่างไม่ลดละเช่นกัน

แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นเยียบ

หากมีแค่มารอสูรระดับสูงสามตัวด้านหลัง ก็ยังไม่พอให้หวาดกลัว แต่หากถูกทั้งสามคนพัวพันเอาไว้ มารอสูรตัวอื่นที่อยู่ด้านหลังห่างออกไปยี่สิบกว่าตัวกรูกันเข้ามาล้อม จากพลังยุทธ์ที่ยังไม่ฟื้นฟูในยามนี้ ก็ต้องเสียเปรียบเข้าแล้วจริงๆ

เมื่อขบคิดในใจเช่นนี้ หานลี่ที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีก็ไม่ลังเลอีก มือหนึ่งร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นแผ่นหลังพลันมีเสียงอัสนีฟ้าฟาดดังขึ้น ปีกขนนกสีสันแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา

ปีกสองข้างแค่กระพือเบาๆ เสียงฟ้าผ่าก็ดังออกมา

สายรุ้งสีเขียวสั่นเทากลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป แค่กะพริบวาบก็สลายหายไปทันที

ครู่ต่อมาห่างออกไปร้อยจั้งเศษ สายฟ้าสีเขียวขาวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าถึงได้เปล่งเสียงอึกทึกพลันปรากฏขึ้น แต่สายฟ้านี้แค่หยุดชะงัก ก็พุ่งออกมาแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง

เช่นนั้นหานลี่ที่กระตุ้นปีกวายุอัสนีอย่างบ้าคลั่งก็สำแดงเคล็ดวิชาอัสนีหลีกหนีที่เหนือชั้นออกมา

เห็นเพียงประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวกะพริบเรืองๆ แค่ไม่กี่อึดใจ ก็ดึงระยะห่างออกจากมารอสูรสามตัวด้านหลังไปได้สองสามร้อยจั้ง

อู่ลี่เห็นเช่นนั้น พลันตกตะลึง จากนั้นพลันรู้สึกร้อนใจ

หากปล่อยให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าหนีไปได้จริงๆ จุดจบของเขาในยามที่กลับไปจะเป็นอย่างไรไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว

ทันใดนั้นมันพลันอ้าปากออก คาดไม่ถึงว่าจะพ่นกระจอกสัมฤทธิ์สามเหลี่ยมออกมา

เป็นสีเหลืองนวล ผิวของมันดูเหมือนจะรางเลือนเป็นพิเศษ!

แต่มารสองเขากลับหันหน้าไป คำรามใส่มารอสูรระดับสูงอีกสองตัว

เมื่อได้ยินเสียงคำรามนี้ มารอินทรีและผึ้งเขียวก็มองสบตากันแวบหนึ่ง ในแววตาล้วนเผยท่าทีลังเลออกมา

ใบหน้าของมารสองเขาฉายแววตาโหดเ**้ยม แล้วร้องคำรามออกมา

ท่ามกลางเสียงคำรามครั้งนี้ กลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร

มารอินทรีและผึ้งสีเขียวร่างกายสั่นเทา แล้วถึงได้ฝืนพยายามอ้าปากออก พ่นไข่มุกขนาดเท่ากำปั้นสีดำและเขียวออกมาสองเม็ด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในกระจก

กระจกสัมฤทธิ์สามเหลี่ยมสั่นเทาทันที เปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา ในเวลาเดียวกันลำแสงที่แผ่ออกมาจากกระจกก็เปลี่ยนสี กลายเป็นสีเขียวดำ

อู่ลี่เห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีอกดีใจ โยนกระจกสัมฤทธิ์ในมือออกไป อ้าปากออก พ่นไข่มุกสีเทาออกมา

ไข่มุกเม็ดนี้วนโคจรล้อมรอบกระจกสัมฤทธิ์ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในกระจกเช่นกัน

ชั่วขณะนั้นกระจกสัมฤทธิ์มันสั่นคลอนยิ่งกว่าเดิม ลำแสงวิญญาณที่แผ่ออกมาเปลี่ยนเป็นสีดำเขียวเทาสามสี

จากนั้นก็เห็นมารสองเขายื่นนิ้วอ้วนๆ ออกมานิ้วหนึ่งชี้ไปทางกระจกสัมฤทธิ์

ชั่วขณะนั้นผิวกระจกพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ฉับพลันนั้นพลันพ่นหมอกลำแสงสามสีออกมา

ลำแสงนี้ราวกับมังกรที่ออกมาแหวกว่ายนอกทะเลอย่างไรอย่างนั้น แค่กะพริบวาบก็ม้วนเอามารอสูรสามตัวเข้าไป กระจกสัมฤทธิ์พลันพลิ้วไหวแล้วจมหายเข้าไปในหมอกลำแสง

จากนั้นหมอกลำแสงแค่พลิ้วไหว ก็อยู่ห่างออกไปเจ็ดแปดสิบจั้งอย่างเงียบเชียบ ไล่ตามประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวไปราวกับภูตผี

คาดไม่ถึงว่ามารทั้งสามจะอาศัยสมบัติอาคมรวมพลังของทั้งสามเข้าด้วยกัน ความเร็วจึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

แม้จะมองดูแล้วช้ากว่าหานลี่เล็กน้อย

แต่มารที่มีนามว่าอู่ลี่ผู้นี้กลับรู้สึกผ่อนคลายลงไปเฮือกหนึ่ง

อีกฝ่ายมีพลังยุทธ์น้อยกว่าเขา พวกเขาทั้งสามรวมพลังกันกระตุ้นสมบัติอาคม ขอเวลานานหน่อย ก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะรักษาระดับความเร็วเช่นนี้เอาไว้ได้ ไล่ตามอีกฝ่ายทันก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็วแล้ว

ตรงหน้าประจุไฟฟ้าสีเขียวขาว ปรากฏขึ้นท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามรางๆ แล้วสลายหายไปด้านหลังม่านลำแสงสามสีราวกับภูตผี

ทั้งสองคนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลัง ชั่วครู่ก็หายวับไปที่ขอบฟ้า

วายุมารสีดำสนิทที่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง ตอนแรกก็ไล่ตามไปได้สองสามหมื่นลี้ แต่เมื่อเห็นหานลี่และมารทั้งสามอยู่ห่างออกไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

วายุสีดำพลันสลายตัวออก มารอสูรระดับสูงสามสิบกว่าตัวปรากฏกายขึ้น แล้วมองสบตากันไปมาอยู่ที่เดิม

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท