คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 2121 ลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

ดูแล้วพวกเราคุยกันนานแล้ว น้องหญิงหลันอิ่งคงรอไม่ไหวแล้ว การมาเรือนก่วงหยวนของเจ้าในครั้งนี้พบปัญหาอันใดที่แก้ไขไม่ได้หรือไม่ คาดไม่ถึงว่าจะต้องการให้น้องหญิงหลันอิ่งช่วย?” วิญญาณม่วงได้ยินเสียงของหญิงสาวสวมชุดผ้าป่าน ก็หน้าแดงระเรื่อ แต่ทันใดนั้นก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นอันใด จุดประสงค์หลักที่ข้ามาถูกแก้ไขแล้ว ยามนี้ปัญหาที่อยากถามก็แค่ถือโอกาสถามไปเท่านั้น” หานลี่กลับตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้นนี่เอง เช่นนั้นข้าจะถอนเขตอาคมก่อน แล้วค่อยคุยกับน้องหญิงหลันอิ่ง” วิญญาณม่วงได้ยินก็วางใจลงเป็นอย่างมาก แล้วพยักหน้าขณะเอ่ย

หานลี่ย่อมไม่มีเจตนาจะโต้แย้ง

ดังนั้นวิญญาณมือจึงตะปบมือเรียวไปกลางอากาศ แผ่นป้ายเขตอาคมต้องห้ามเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นในมือ

แล้วพลันพลิ้วไหว!

ม่านลำแสงรอบด้านส่งเสียง “สวบ” แล้วสลายหายไปกลางอากาศ

หลังจากผ่านไปชั่วครู่หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านพลันพา ‘น้าจู’ เดินลงมาจากชั้นห้าด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายดายขึ้นมาแล้ว

หานลี่บอกคุณสมบัติพิเศษของไอสีเขียวในร่างของตนกับหลันอิ่งอย่างถี่ถ้วนต่อหน้าวิญญาณม่วง

หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเองก็คู่ควรกับที่เป็นผู้ดูแลเรือนก่วงหยวน แม้พลังยุทธ์จะไม่สูงแต่กลับมีความรู้มากมายไม่ธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะอาศัยคุณสมบัติพิเศษที่หานลี่บอกครุ่นคิดอยู่นานแล้วแยกแยะโฉมหน้าที่แท้จริงของไอสีเขียวได้จริงๆ

“อันใดนะ เจ้าบอกว่าลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้มีไอหยินธรณีชั่วร้ายอยู่ด้วย ดังนั้นถึงได้กำจัดได้ยากเช่นนี้?” หานลี่ได้ยินชื่อไอสีเขียวที่ออกมาจากปากของหญิงสาวสวมชุดผ้าป่าน ก็แทบจะกระโดดขึ้นมา

“ดูแล้วพี่หานเองก็เคยได้ยินลำแสงเบญจธาตุเที่ยงแท้ แม้ว่าข้าจะไม่มั่นใจนัก แต่ก็มั่นใจอยู่เจ็ดแปดส่วน ลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเลื่องชื่อว่าสามารถแทรกเข้าในอิทธิฤทธิ์หรือเคล็ดวิชาใดๆ ในใต้หล้าได้ แม้กระทั่งมีชื่อเสียงว่าเป็นมารดาของทุกสรรพสิ่ง แต่หากลำแสงเที่ยงแท้นี้อยู่ในส่วนลึกของหยินทมิฬไม่ออกมาพบแสงอาทิตย์เป็นเวลานาน ก็อาจจะกลายเป็นไอธรณีชั่วร้ายกลายพันธุ์ ว่ากันว่าในแดนมารสมัยโบราณเคยมีบรรพชนแรกเริ่มที่มีลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้ปรากฏตัวขึ้น เขาอาศัยลำแสงเที่ยงแท้นี้แทรกเข้าไปในเคล็ดวิชามารที่ฝึกฝนแล้วบีบให้พลานุภาพเพิ่มขึ้นแม้แต่บรรพชนแรกเริ่มอีกสองคนก็ยังถูกเขากดเอาจนไม่อาจต้านทานได้ แม้กระทั่งเกือบจะครองทั้งแดนมารได้ หากไม่ใช่ว่าครั้งหนึ่งที่ออกไปหาประสบการณ์ภายนอกแล้วบรรพชนแรกเริ่มผู้นี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เกรงว่าแดนมารในยามนี้คงไม่เป็นเช่นนี้” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ข้าเคยอ่านความรู้ในตำรามารโบราณเล่มหนึ่ง ทว่าที่ปีนั้นบรรพชนแรกเริ่มผู้นั้นเกือบจะครองแดนมารได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเคล็ดวิชามารสะท้านฟ้าที่เขาฝึกฝน เคล็ดวิชามารเคล็ดนั้นเลื่องชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งในแดนมาร มีคนฝึกฝนอยู่มากมายมาตั้งแต่อดีต แต่นอกจากบรรพชนแรกเริ่มผู้นั้นที่เรียนรู้จนทะลุปรุโปร่งแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเรียนรู้ความลับของมันได้ ประกอบกับมีลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้เพิ่มเข้าไป มิน่าล่ะตอนนั้นถึงไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ พี่หาน เจ้าไปสัมผัสกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับไอหยินธรณีชั่วร้ายได้อย่างไร หรือว่าสัมผัสกับลำแสงเบญจธาตุเที่ยงแท้แล้ว ว่ากันว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่ค่อยมั่นคงนัก อาจจะเป็นศิลาภูเขาที่ไม่ใหญ่มากก้อนหนึ่ง และอาจจะเป็นกิ่งไม้ที่ไม่สะดุดตากิ่งหนึ่ง!” คาดไม่ถึงว่าวิญญาณม่วงเองก็เคยได้ยินข่าวลือนี้ จึงอดไม่ไหวเลยเอ่ยขึ้น

“เปล่า ข้าไม่เคยเห็นลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้ แค่บังเอิญได้ไอธรณีชั่วร้ายมาจากศิลาแร่ก้อนหนึ่งเท่านั้นและดูดซับเข้าไปในร่าง แต่หลังจากนั้นก็ไม่อาจกำจัดมันได้ราวกับแมลงเกาะกระดูก” ใบหน้าของหานลี่ค่อยๆ สงบนิ่งขึ้น พลางตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น แต่ในใจกลับขบคิดไปมาไม่หยุด

ลำแสงหยินหยางเบญจธาตุนี้ เป็นอิทธิฤทธิ์ที่ภูเขาลูกหนึ่งในภูเขาเบญจธาตุประสานปราณควรจะมี

ลำแสงเที่ยงแท้นี้หายสาบสูญจากแดนมนุษย์ไปตั้งนานแล้ว เทียบกับภูเขาลูกอื่นๆ เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะหาพบ

คิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงแดนมารจะมีเบาะแส และยังเกี่ยวข้องกับไอสีเขียวลึกลับที่อยู่ในร่างของตนและทำให้ตนปวดหัวมาโดยตลอด

แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากการหาลำแสงเบญจธาตุอีกมาก ต่อให้หาพบก็อาจจะมีจำนวนไม่พอให้หลอมเป็นภูเขา แต่ก็ทำให้หานลี่รู้สึกมีความหวังเล็กๆ ขึ้นมา

ดูแล้วเขาคงต้องอยู่ที่แดนมารอีกนาน

“อืม ได้จากศิลาแร่ก้อนหนึ่งก็ไม่แปลก แม้ว่าลำแสงเบญจธาตุเที่ยงแท้จะหายสาบสูญจากแดนมารไปนานหลายปี แต่ศิลาแร่ที่แปดเปื้อนไอธรณีชั่วร้ายกลายพันธุ์ ก็อาจจะเจอเป็นบางครั้งคราว แต่ปกติแล้วหากขุมอำนาจพบจุดที่มีศิลาแร่ แม้ว่าจะขุดที่เดิมต่อกลับไม่ได้อันใด จากการคาดเดาแม้ว่าใต้ดินรอบๆ อาจจะมีลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้ก่อตัวอยู่ แต่ไม่รู้เพราะเหตุผลใด ตำแหน่งกลับดูเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่อาจหาพบได้ พี่หานสัมผัสกับศิลาแร่ก้อนหนึ่ง กว่าครึ่งคงมาจากมัน” ได้ยินคำพูดของหานลี่ หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านกลับไม่รู้สึกประหลาดใจ พลันพยักหน้าพร้อมกับครุ่นคิด

“เช่นนั้นเจ้าสิ่งนี้อยู่ในร่างนานจะมีผลเสียอันใดหรือไม่ มีวิธีกำจัดมันหรือไม่?” วิญญาณม่วงนึกอันใดได้ ก็รีบร้อนเอ่ยถาม

“แม้ว่าไอหยินธรณีชั่วร้ายที่กลายเป็นพันธุ์จะไม่ใช่ลำแสงเบญจธาตุเที่ยงแท้ แต่สำหรับผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาพิเศษเหล่านี้ในแดนมาร ความจริงแล้วก็เป็นของที่ใฝ่ฝันหาชนิดหนึ่ง ในเมื่อสหายหานเป็นมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียร ของสิ่งนี้กลับมีโทษ ไม่มีประโยชน์ และหากปล่อยไว้นานก็จะทำให้ชีพจรหด กายเนื้อหยุดชะงัก ถึงยามนั้นก็ยุ่งยากแล้ว! ทว่าสหายหานไม่ต้องกังวลนัก ก่อนหน้านี้ก็มีคนอื่นถูกของสิ่งนี้รัดไว้ ดังนั้นจึงมียอดฝีมือสร้างวิธีการหลอมขึ้น ขอแค่สหายหานร่ายคาถาตามนั้น ก็สามารถหลอมไอหยินธรณีชั่วร้ายในร่างได้แล้ว” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้นนี่เอง ในเมื่อน้องหญิงหลันอิ่งกล่าวเช่นนี้ เรือนของเจ้าจะต้องมีคาถานี้แน่ จากที่ข้ารู้เรือนก่วงหยวนของพวกเจ้าชอบรวบรวมคาถาเคล็ดวิชาลับต่างๆ” วิญญาณม่วงผ่อนคลายลง แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบางๆ

“เรื่องนี้…คาถานั้น น้องหญิงไม่มีจริงๆ เพราะถึงอย่างไรเสียคาถานี้ก็เป็นของที่ค่อนข้างเฉพาะ จึงมีไม่กี่คนที่ใช้ได้ ดังนั้นเรือนของเราจึงไม่ได้พยายามรวบรวมมา ทว่าข้ากลับรู้ว่าคาถานี้อยู่ที่ผู้ใด แต่หากยากได้มาละก็…” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเผยสีหน้าลังเลออกมา

“อันใด ดูสีหน้าของเซียน คงเอาคาถานี้มาได้ยาก หรือว่ามีปัญหาอันใดหรือ?” หานลี่เป็นคนระดับไหน แค่มองสีหน้าของหญิงสาวก็เอ่ยถามพร้อมกับหน้าเปลี่ยนสี

“ไม่ปิดบังสหายหาน คาถานั้นอยู่ในมือของตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย ปกติแล้วคนผู้นี้มักจะอารมณ์เสีย อิทธิฤทธิ์เหนือกว่าน้าจู แม้ว่าเรือนของเราจะแลกเปลี่ยนกับเขาสองสามครั้ง และสามารถติดต่อคนผู้นี้ได้ แต่จะขอคาถานั้นมาได้หรือไม่ กลับไม่กล้ารับประกัน” หญิงสาวเอ่ยอย่างแช่มช้า

“ไม่เป็นไร ขอแค่เซียนติดต่อคนผู้นั้นได้ ราคามหาศาลแค่ไหนข้าก็จ่ายได้ เขาคงไม่มีทางกอดคาถาที่ไร้ประโยชน์เอาไว้ แล้วละทิ้งผลประโยชน์ที่มาส่งถึงที่หรอกกระมัง” หานลี่ได้ยินกลับวางใจแล้วตอบกลับพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา

“มีคำพูดนี้ของสหายหาน น้องหญิงย่อมจะติดต่อตัวประหลาดเฒ่า และให้คำตอบที่สหายพอใจแน่” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านได้ยินคำพูดของหานลี่ ก็ตอบรับอย่างไม่ลังเลอีก

วิญญาณม่วงที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ในที่สุดสีหน้าทุกข์ใจก็มลายหายไป

“ทว่าน้องหญิงช่วยพี่หานแก้ไขปัญหาใหญ่ขนาดนี้ ควรจะคุยค่าตอบแทนได้แล้วหรือไม่?” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเอ่ยด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เซียนอยากได้ศิลามารเท่าไหร่ ก็เอ่ยปากมาเถิด” หานลี่หัวเราะ แล้วตอบกลับ

“ช่างเถิด! หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น น้องหญิงคงต้องทำหน้าหนาเอ่ยปากคำใหญ่แน่ แต่ในเมื่อพี่หานเป็นสหายเก่าของพี่หญิงม่วงและพี่หญิงม่วงก็เป็นคนสนิทของข้า ค่าใช้จ่ายในครั้งนี้เรือนของเราจะเป็นคนจัดการเอง!” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านกะพริบตาปริบๆ ฉับพลันนั้นก็เอ่ยด้วยใบหน้าบึ้งตึง

เมื่อได้ยินคำนี้หานลี่พลันรู้สึกประหลาดใจ แต่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ

“เซียนหลันกล่าวเช่นนี้ หากผู้แซ่หานปฏิเสธก็จะเป็นการไม่ให้เกียรติแล้ว”

“เจ้าตกลงเช่นนี้จะไม่ปฏิเสธหน่อยหรือ?” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านกลับถลึงตาคู่งาม แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

“ในเมื่อเป็นเจตนาดีของสหาย ข้าน้อยจะปฏิเสธได้อย่างไร หรือว่าเซียนหลันมีอันใดอยากพูดอีก!” หานลี่ตอบกลับพร้อมกับอมยิ้ม

“แม้แต่คำว่าขอบคุณก็ยังไม่ได้ยิน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าน้ำใจของคนมันน้อยนิดนัก ไม่ได้รู้สึกขอบคุณเลยสักนิด!” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเบะปาก แล้วมองหานลี่ด้วยหางตาแวบหนึ่ง

มุมปากของหานลี่กระตุก แค่อมยิ้มเงียบๆ อยู่ที่เดิม

วิญญาณม่วงที่อยู่ด้านข้างได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ใบหน้าก็เผยท่าทางอมยิ้มออกมา และอ้าปากน้อยๆ พลางเอ่ยถาม

“เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนคนหนึ่งก็เอาเปรียบและอวดฉลาด คนหนึ่งก็ถือโอกาสดึงความช่วยเหลือที่แข็งแกร่ง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเหตุใดต้องคลุมเครือกันด้วย พูดมาตรงๆ เลยก็ได้แล้ว พี่หานน้องหญิงหลันเป็นเหมือนพี่น้องกับข้าจริงๆ จากนี้หากเป็นไปได้ เจ้าช่วยสักหน่อยก็ช่วยเถิด”

“ขอแค่มีกำลังข้าย่อมช่วยเซียนหลันได้ แต่บอกไว้ก่อนนะ ข้าจะช่วยสหายหลันแค่เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรือนก่วงหยวนมากนักเท่านั้น!” ในที่สุดหานลี่ก็หุบยิ้ม และเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ

“จริงหรือ น้องหญิงจะจำให้ขึ้นใจ!” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านพลันหน้าแดงระเรื่อ แต่เมื่อได้คำพูดของหานลี่ ก็ดีอกดีใจขึ้นมา

“แต่ข้าจะไม่อยู่ที่แดนมารนานนัก หากกลับไปแดนมนุษย์แล้ว คงไม่ได้มาแดนมารง่ายๆ อีก” หานลี่กลับเอ่ยกับหญิงสาวสวมชุดผ้าป่านอย่างมีเลศนัย

“พี่หานคงจะลืมไป เรือนก่วงหยวนของพวกเรามีอำนาจข้ามดินแดน! การฉีกห้วงเวลาส่งร่าง บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับเรือนก่วงหยวนของพวกเรา กลับไม่ใช่ว่าจะจัดการไม่ได้” หลันอิ่งได้ยินพลันหัวเราะ และเอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่รู้สึกประหลาดใจออกมา

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท