ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 503 เล่นเป็นเพื่อนพวกเขา

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 503 เล่นเป็นเพื่อนพวกเขา

“คิดอะไรอยู่หรือ?”

เหวินซินจ้าวเดินเข้ามายังข้างกายตู้อวิ๋นซาง หยุดยืนเคียงข้างกัน จากนั้นเอ่ยออกไปคล้ายจะถามเรื่อยเปื่อย

ตู้อวิ๋นซางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “แดนความฝันเสื้อยังไม่ปิดตัวลง ตามที่เหล่าบรรพบุรุษในสมัยราชวงศ์อู่เล่าขานไว้ อสูรศักดิ์สิทธิ์สัตว์วิเศษของหลีเกอก็อยู่ในแดนความฝันเช่นกัน ตามตำนานเล่าว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์สามารถคงความเป็นอมตะไว้ได้ด้วยการเข้าสู่สภาวะดักแด้จำศีล หากตำนานเป็นความจริง การที่แดนความฝันยังไม่ปิดตัวลงก็เท่ากับประตูใหญ่ที่ใช้เข้าออกแดนความฝันจะเปิดอยู่ตลอดเวลา หากอสูรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้น แปลว่าบนโลกจะมียอดฝีมือระดับจิตทารกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน รูปการณ์ของใต้หล้าจะเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง”

เหวินซินจ้าวเอ่ยถาม “กำลังคิดเรื่องนี้อยู่จริงๆ น่ะหรือ? ไม่ใช่ว่าคิดถึงสตรีนางนั้นอยู่กระมัง?”

ตู้อวิ๋นซางเอ่ยว่า “เรื่องผ่านไปแล้วยังจะเอ่ยถึงนางอีก มีประโยชน์อะไร?”

เหวินซินจ้าวเบือนหน้ามองไปด้านข้าง ในใจอยากจะเอ่ยถึงเรื่องที่ตนวู่วามตบก่วนฟางอี๋ไปสองฉาด ต้องการดูปฏิกิริยาของเขา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกไป

สองสามีภรรยาต่างคนต่างเงียบงัน มองกันไปคนละทาง

ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยู่กันตามลำพังมักจะเงียบงันเช่นนี้เสมอ จู่ๆ ก็มักจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้คำพูดจะคุยต่อ แต่ไหนแต่ไรมาเป็นเช่นนี้ อนาคตก็น่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไป…

….

กลางลานเรือนใต้แสงจันทร์ เฉินถิงซิ่วเดินวนไปวนมา ประเดี๋ยวก้มหน้า ประเดี๋ยวมองนภายามราตรี ทอดถอนใจออกมาเป็นครั้งคราว

หากไม่มีอะไรผิดพลาดไป เจตนาของหนิวโหย่วเต้าปรากฏเด่นชัดแล้ว ออกจากมณฑลหนานโจวมาเพื่อสะสมกำลังเตรียมเปิดฉากปะทะกับสำนักหยกสวรรค์ครั้งที่สอง ตอนนี้หลงซิวไม่ยอมพบเขา แต่กลับยอมพบหนิวโหย่วเต้า ซ้ำยังคุยกันอยู่นานสองนาน ประมุขวังเหินเวหาผู้สูงศักดิ์มีอะไรต้องสนทนากับหนิวโหย่วเต้าตามลำพังตั้งนานเล่า? ยิ่งคิดก็ยิ่งกระวนกระวาย กังวลว่าหนิวโหย่วเต้าจะชักจูงหลงซิวไปเป็นพวกเพื่อมาจัดการกับสำนักหยกสวรรค์

แผนการของสำนักหยกสวรรค์จัดวางไว้สองขั้น เขามาเพื่อดำเนินการขั้นแรก ดำเนินแผนการยืมดาบสังหารคน เร่งเดินทางมาตลอดโดยไม่หยุดพัก

ที่เขารีบร้อนเดินทางมาเช่นนี้ก็เพื่อสืบลาดเลาเตรียมการสำหรับแผนการขั้นที่สอง ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ทราบเพียงว่าหนิวโหย่วเต้าเดินทางมาที่นี่ ส่วนเรื่องอื่นไม่ทราบเลย

สำหรับแผนการขั้นที่สองที่จะดำเนินการคือจะส่งยอดฝีมือที่เป็นหนึ่งในสองผู้อาวุโสรุ่นก่อนของสำนักหยกสวรรค์มา หากแผนยืนดาบสังหารคนไม่สำเร็จ ก็จะใช้กำลังดำเนินการลอบสังหาร

ทำได้เพียงลอบสังหารเท่านั้น ทั้งยังต้องลงมืออย่างเงียบเชียบด้วย กำจัดหนิวโหย่วเต้าทิ้งเงียบๆ ไม่อาจลงมืออย่างโจ่งแจ้งได้

ทันทีที่ลงมือจะต้องขุดรากถอนโคนให้เรียบร้อย ไม่อาจปล่อยให้มีคนสนิทของหนิวโหย่วเต้าหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว จะปล่อยให้มีใครรอดไปแจ้งข่าวไม่ได้ มิเช่นนั้นต่อให้สังหารหนิวโหย่วเต้าได้ แต่เมื่อข่าวแพร่ไปถึงมณฑลหนานโจว ทางมณฑลหนานโจวต้องเกิดความโกลาหลใหญ่โตแน่นอน ซึ่งนั่นจะทำให้ราชสำนักแคว้นเยี่ยนสบโอกาสเข้ามาจัดการมณฑลหนานโจวได้

เนื่องด้วยเหตุนี้ สำนักหยกสวรรค์ถึงได้ยอมส่งยอดฝีมือประจำสำนักที่ไม่เปิดเผยตัวง่ายๆ ออกมาลงมืออย่างไม่นึกเสียดาย เป้าหมายย่อมเป็นเพราะอยากจัดการให้สำเร็จในครั้งเดียว

ทว่าสรุปแล้วข้างกายหนิวโหย่วเต้ามีผู้ติดตามอยู่เท่าไรก็ไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด ไม่อาจมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าจะไม่มีข่าวรั่วไหลออกไป ดังนั้นการลอบสังหารจึงมีความเสี่ยง หากไม่เข้าตาจนจริงๆ ทางสำนักหยกสวรรค์ก็ไม่มีทางยอมเสี่ยงแน่นอน

ตัวเขาเฉินถิงซิ่วมาที่นี่เพื่อดำเนินแผนการขั้นแรก ผลคือพบว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ไม่เพียงแต่จะลงมือจัดการได้ยาก แต่กลับยังต้องมองดูหนิวโหย่วเต้าคล้ายว่าชิงนำหน้าไปก่อนหนึ่งก้าวโดยไม่อาจทำอะไรได้ แล้วจะให้เขาทนนิ่งเฉยได้อย่างไร

ด้วยเหตุนี้เขาจึงอยากติดต่อกับสำนักเพลิงนภา คิดจะอาศัยข้อพิพาทในอดีตระหว่างหนิวโหย่วเต้ากับสำนักเพลิงนภามาทำให้เรื่องราวลุกลามขึ้น แต่สำนักเพลิงนภากลับคร้านจะพบหน้าเขา

ตอนนี้เขากำลังรอข่าวอยู่ ข่าวที่ส่งศิษย์ในสำนักออกไปจัดการ

ศิษย์ทั้งหมดที่ติดตามมาด้วยในครั้งนี้ล้วนถูกเขาส่งตัวออกไปทำงานแทบทั้งหมด ให้เหล่าศิษย์ระดับล่างคิดหาทางติดต่อคนรู้จักที่อยู่ทางสำนักหมื่นสรรพสัตว์ แม้จะเป็นศิษย์ระดับล่างของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ก็ตาม พยายามจัดวางสายสืบคอยสังเกตพฤติกรรมของหนิวโหย่วเต้ายามที่อยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ให้ได้มากที่สุด

ทางโฉวซานก็ทำตัวมีคุณธรรมขึ้นมา ไม่ยอมช่วยอะไรเขาอีก อีกทั้งที่นี่คืออาณาเขตภายในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเขาเฉินถิงซิ่วเดินเพ่นพ่านสืบข่าวไปทั่วได้ เขาจึงทำได้เพียงคิดหาวิธีขอความช่วยเหลือจากศิษย์ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์…

….

หนิวโหย่วเต้าก็เดินวนกลับไปกลับมาอยู่ในลานเรือนใต้แสงจันทร์เช่นกัน เงาร่างโดดเดี่ยว เย็นชาอ้างว้าง

หยวนฟาง ลุงเฉินและสวี่เหล่าลิ่วมิใช่คนที่จะสนทนาเปิดอกลึกซึ้งกับเขาได้ ส่วนก่วนฟางอี๋ก็เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาเลย

ท้ายที่สุดยังคงเป็นหยวนกังที่เดินออกมาหา ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน เอ่ยโพล่งออกไปประโยคหนึ่ง “วันนี้ดูเหมือนคุณจะมีเรื่องให้คิดเยอะไปหน่อยนะ”

หนิวโหย่วเต้าหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เงยหน้ามองพระจันทร์ “เฉินถิงซิ่วมาแล้ว”

หยวนกังถาม “เขาจะกล้าก่อเรื่องวุ่นวายในสำนักหมื่นสรรพสัตว์หรือไง?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “สำนักหยกสวรรค์คงต้องการฆ่าฉันแล้ว” เพราะถูกกลุ่มคนจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์พัวพันในเมืองวั่นเซี่ยง ฐานะจึงเปิดเผยออกไป เขาก็กังวลมากเช่นกัน ข่าวการมาถึงของเฉินถิงซิ่วสร้างความกังวลให้เขาขึ้นมารางๆ

หยวนกังถาม “พวกเขาไม่กลัวว่าจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในหนานโจวหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ไม่กล้าลงมืออย่างเปิดเผย แต่ลงมืออย่างลับๆ ได้ โจมตีอย่างเปิดเผยหลบง่าย ลอบโจมตีกลับหลีกเลี่ยงยาก! ปัญหาสำคัญคือถ้ายังไม่เข้าตาจน ฉันก็ไม่อยากให้หนานโจววุ่นวายเหมือนกัน หากแตกคอเป็นอริกันอย่างสมบูรณ์ ชีวิตพวกซางเฉาจงอยู่ในกำมือของสำนักหยกสวรรค์ ตั้งแต่ตัวตนของพวกเราเปิดเผยในเมืองวั่นเซี่ยง หลังจากสำนักหยกสวรรค์ได้ข่าวเฉินถิงซิ่วก็วิ่งแจ้นมาเลย คำนวณจากระยะเวลาเดินทางแล้ว เกรงว่าคงเป็นเซ่าผิงปอที่สมคบกับทางสำนักหยกสวรรค์ คนของสำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางตามแผนการของเขาทัน ครั้งนี้คงถูกเขาหลอกใช้แล้ว”

หยวนกังเอ่ยว่า “ถ้าเกิดเป็นการแทรกแซงของเซ่าผิงปอจริง จำเป็นต้องหลอกใช้ด้วยหรือ? แค่มีศัตรูคนเดียวกันก็เพียงพอจะให้พวกเขาร่วมมือกันได้แล้ว”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “มีจุดร่วมคืออยากฆ่าฉันให้ตาย เขาไม่มีทางสนใจว่าหนานโจวจะตกอยู่ในความวุ่นวายหรือเปล่า ขอแค่สำนักหยกสวรรค์ฆ่าฉันได้ก็พอ ถึงฆ่าฉันไม่ได้ แต่ถ้าปลุกปั่นให้หนานโจวแตกแยกได้ มันก็ทำให้ฉันตั้งตัวในหนานโจวได้ลำบากเหมือนกัน ทันทีที่ทำลายฐานอำนาจของฉันในหนานโจวได้ ขอเพียงสำนักหยกสวรรค์ลงมือปะทะกับฉันขึ้นมา ไม่ว่าทางไหนก็บรรลุเป้าหมายเขาทั้งนั้น”

“ฉวยโอกาสที่มีศัตรูร่วมกัน เมื่อมีความร่วมมือเพื่อสร้างความเชื่อใจให้สำนักหยกสวรรค์แล้วครั้งหนึ่ง ขอแค่ฉันยังยืนหยัดในหนานโจวได้ สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่มีทางรามือแน่ กลยุทธ์ของเจ้าหมอนั่นความจริงแล้วเป็นการรุกคืบเข้าสู่หนานโจว มีสำนักหยกสวรรค์ให้ใช้ประโยชน์แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรอะไรหรือสิ้นเปลืองความคิดอะไรอีก แค่คอยยุแยงสุมไฟก็เพียงพอจะรับมือกับฉันได้แล้ว”

หยวนกังเอ่ยว่า “ลองอธิบายสถานการณ์กับทางสำนักหยกสวรรค์ดูไหมครับ คนในตีกัน คนนอกจ้องฉกฉวยผลประโยชน์ จะทำแบบนั้นไปทำไม?”

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “ฉันอธิบายแล้วจะมีประโยชน์หรือ? สำนักหยกสวรรค์จะเชื่อฉันหรือไง? คนพวกนี้ยังไม่เคยเห็นความสามารถของเซ่าผิงปอ คิดว่าผู้บำเพ็ญเพียรอย่างตัวเองเหนือกว่า อาจจะไม่เห็นเซ่าผิงปออยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ พูดเรื่องพวกนี้กับพวกเขาไป พวกเขามีแต่จะคิดว่าฉันกลัว เซ่าผิงปออยู่ไกลถึงเป่ยโจว พวกเขาไม่มีทางคิดเป็นจริงเป็นจังอะไร”

หยวนกังเอ่ยเนิบๆ “ครั้งนี้คุณคิดจะใช้ประโยชน์จากสำนักเขามหายาน ครั้งนี้เขาก็อยากใช้ประโยชน์จากสำนักหยกสวรรค์ ปะทะกันอีกแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ก็ต้องดูว่าใครจะชิงลงมือได้ก่อน ถ้าครั้งนี้ฉันชิงเล่นงานเขาก่อนไม่ได้ เขาจะต้องเล่นงานฉันจนเละแน่”

หยวนกังกล่าวว่า “เต้าเหยี่ย ตอนนี้จุดอ่อนของคุณคือหนานโจว ไม่อยากจะให้หนานโจววุ่นวาย ส่วนเขาก็มีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน เขาไม่ใช่คนในโลกบำเพ็ญเพียร ความสามารถในการสร้างแรงขับเคลื่อนต่อโลกบำเพ็ญเพียรสู้คุณไม่ได้ ถึงยังไงโลกนี้ก็เป็นโลกที่ถูกปกครองโดยผู้บำเพ็ญเพียร”

“ฮ่าๆ ใช่แล้ว นี่เป็นจุดอ่อนร้ายแรงที่สุดของเขาจริงๆ” หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา หันหลังเดินออกไปสองก้าว สายตามองไปทางเรือนด้านหลัง พยักพเยิดหน้าเล็กน้อย “ห้องของเธอยังมืดอยู่?”

หยวนกังตอบอืม จากนั้นถามไปอีกประโยค “ยันต์อาคมของเธอพวกนั้นมาจากตู้อวิ๋นซางหรือเปล่า?”

หนิวโหย่วเต้าดูลังเลเล็กน้อย “ตอนแรกฉันก็สงสัยแบบนี้ เธอเองก็ยอมรับทีเล่นทีจริง แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฉันรู้สึกว่ามันผิดปกติ นายลองคิดดูสิ ยอมถูกตบไปสองฉาด นั่นเรียกว่าศักดิ์ศรี ฉันเลยรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เธอจะยังยอมใช้ของที่ตู้อวิ๋นซางให้มาอยู่”

หยวนกังครุ่นคิดดูก็พบว่าจริงดังว่า จึงรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน “ตอนนี้ปัญหาวุ่นวายพัวพันกันไปหมด คุณคงไม่คิดจะไปหาเรื่องเหวินซินจ้าวในเวลานี้จริงๆ ใช่ไหม?”

“ฉันสงสัยเรื่องนี้มาโดยตลอด เหวินซินจ้าวทำเรื่องแบบนี้โดยไม่คำนึงถึงสถานะได้ เห็นได้ชัดว่าเกลียดชังหงเหนียงมาก แล้วทำไมถึงปล่อยให้หงเหนียงมีชีวิตรอดมาถึงตอนได้?” หนิวโหย่วเต้าถือกระบี่ไพล่หลัง เอ่ยกับหยวนกังอย่างมีนัยยะลึกซึ้งว่า “เหวินซินจ้าวไม่เหมือนคนที่จะยอมปล่อยหงเหนียงไปเลย หากมองจากสถานการณ์ในตอนนี้ คนที่ยินดีและมีความสามารถพอจะขวางเหวินซินจ้าวไม่ให้ลงมือได้ก็มีแค่คนเดียว”

หัวคิ้วของหยวนกังขยับขึ้นมาเล็กน้อย พลันเอ่ยโพล่งออกมา “เป็นตู้อวิ๋นซางที่กำลังปกป้องหงเหนียงอยู่?”

“ข้อมูลน้อยเกินไป แถมยังพัวพันถึงผู้ที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักชะตาสวรรค์ ยากจะยืนยันได้” หนิวโหย่วเต้าคลายมือย้ายกระบี่มาค้ำไว้ด้านหน้าอีกครั้ง สองมือกุมด้ามกระบี่ เงยหน้ามองจันทรา พึมพำคล้ายเอ่ยกับตัวเอง “บัญชีแค้นของเฉาจิ้ง อันตรายจากแผนของเซ่าผิงปอ สำนักหยกสวรรค์ที่ต้องฆ่าฉัน หงเหนียงโดนตบหน้าสองฉาด พวกเราไม่ได้อยู่ว่างกันเลย มีเรื่องราวประเดประดังเข้ามาพร้อมกันมากมาย ซับซ้อนวุ่นวาย แต่ก็ไม่เป็นไร จะมาก็มาเถอะ เจออะไรก็รับมือไปตามสถานการณ์แล้วกัน! ควบม้าท่องทั่วหล้า หยุดพักที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์สักหน่อยแล้วกัน ครั้งนี้ฉันจะรั้งอยู่ที่นี่คอยเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาเอง เรียงหน้าเข้ามาพร้อมกันได้เลย จะได้เริ่มสะสางไปในคราวเดียวกัน!”

หยวนกังพลันเหม่อลอยไป ราวกับได้เห็นความองอาจของเต้าเหยี่ยสมัยที่เคยโลดแล่นในวงการอีกครั้ง แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ “เริ่มสะสางไปในคราวเดียว?”

หนิวโหย่วเต้าหันมองเขา เอ่ยด้วยแววตาเย็นชา “ถูกต้อง ฉันหาเรื่องสำนักชะตาสวรรค์ไม่ได้ แต่การที่หงเหนียงโดนตบหน้าสองฉาดทำให้ฉันไม่สบายใจ หากไม่ใช่เพราะฉันบังคับให้เธอออกไปกับฉันด้วย เธอก็คงไม่ต้องถูกรังแกแบบนี้ เธอไม่ปริปากเลยสักคำ ไม่มีทางที่ฉันจะทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้ ตบสองฉาดนี้ไม่ช้าก็เร็วฉันจะทำให้หงเหนียงได้ทวงคืนทั้งต้นทั้งดอก ต่อให้ตอนนี้ฉันจะไม่มีปัญญาทำอะไรเหวินซินจ้าวได้ แต่ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอมาวางท่าต่อหน้าฉันได้อีกแน่ ไม่อย่างนั้นหงเหนียงก็คงไม่มีหน้าจะออกจากประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์ไปได้! ฉันกำลังจะสืบดูว่าเรื่องราวระหว่างพวกตู้อวิ๋นซางสามีภรรยากับหงเหนียงเป็นมาอย่างไร ส่วนเฉินถิงซิ่วคาดว่าคงกำลังหาทางสร้างปัญหาให้ฉันอยู่เหมือนกัน เอาล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปจัดการสำนักเขามหายานเสร็จแล้ว ค่อยกลับมาเริ่มอุ่นเครื่องกับพวกเขาก่อน!”

….

ณ โรงเตี๊ยมชะตาฟ้า ศิษย์สำนักเขามหายานสองคนเดินตามหลังผู้อาวุโสหวงทงลงไปยังชั้นล่างพร้อมกัน

เมื่อลงบันไดมา ศิษย์คนหนึ่งของสำนักเขามหายานเดินเข้ามาต้อนรับแล้วนำทางให้ พาทั้งสามเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัวห้องหนึ่ง

บนโต๊ะภายในห้องรับรองส่วนตัวมีอาหารหลายชนิดที่ปรุงจากเนื้อสัตว์วิญญาณ ผู้มาเยือนที่นี่ล้วนเลี่ยงไม่ได้ที่จะอยากลิ้มลองดู

หลังจากหวงทงนั่งลงก็โบกมือสื่อให้ทุกคนเข้ามานั่งด้วยกัน “หลังกินเสร็จ ทุกคนอย่าได้อยู่เฉย ให้แยกย้ายกันออกไปสืบข่าวเสีย”

“ขอรับ!” ศิษย์ทั้งหลายตอบรับ

ทางนี้เพิ่งจะเริ่มกินอาหาร ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าคนที่เดินเข้าไปในห้องรับรองที่อยู่ติดกัน หลังจากมีเสียงเลื่อนเก้าอี้ดังอยู่ครู่หนึ่ง เสียงสนทนาของคนในกลุ่มก็ดังขึ้น

“สตรีที่อยู่ข้างกายเขาคนนั้นคือหงเหนียงแห่งเมืองหลวงแคว้นฉีหรือ?”

“ใช่ ได้ยินว่าในอดีตเคยได้รับการขนานนามว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง”

“หวา เหตุใดอยู่ดีๆ ฮูหยินของเจ้าสำนักตู้ถึงตบหน้านางตั้งสองฉาดเล่า? หรือว่าหงเหนียงคนนั้นจะมีอะไรกับเจ้าสำนักตู้…”

“หุบปาก เรื่องนี้ไม่อาจกล่าวส่งเดชได้” 艾琳小說

“ศิษย์พี่ ข้าได้ยินว่าหนิวโหย่วเต้าคนนั้นไปคารวะเจ้าสำนักวังเหินเวหา วิมานม่วงทอง หุบเขากระบี่วิญญาณ สำนักร้อยชลา วังเลิศล้าและสำนักเทพนารีที่เป็นหกสำนักใหญ่ติดๆ กันเลย มีหน้ามีตาไม่น้อยเลยนะขอรับ!”

“ไม่น้อยอะไรล่ะ ได้ยินว่าถูกเซ่าผิงปอแห่งเป่ยโจวอันใดสักอย่างบีบคั้นมาต่างหาก”

…………………………………………………………………

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท