ตอนที่ 522 ข้าเป็นคนจิตใจดี
“เจ้าสำนัก จดหมายเขียนอะไรไว้หรือขอรับ?”
ระหว่างทาง ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามหวงเลี่ยเบาๆ
แต่หวงเลี่ยไม่ตอบ จดหมายฉบับนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยจริงๆ ดังนั้นไม่สามารถปล่อยให้ข่าวรั่วไหลแพร่งพรายให้คนนอกทราบได้
หวงเลี่ยขบกรามแน่นไม่ได้แสดงสีหน้าออกมามากนัก แต่ในใจกลับปั่นป่วนดั่งคลื่นโถมซัด คิดไปร้อยแปดพันอย่าง ปัญหาคือเขาทราบดีว่าสำนักเขามหายานอาจจะตกอยู่ในมรสุมปั่นป่วนเพราะจดหมายที่อยู่กับตัวฉบับนี้ หากไม่ระวังเอาไว้ต้องล่มจมอย่างแน่นอน ถึงขึ้นที่มีคลื่นยักษ์โถมเข้ามาตรงหน้าแล้วด้วย…
ภายในป่า มีสายตาคู่หนึ่งคอยจับตามองทางฝั่งนี้อยู่
เฉาเซิ่งไหวซ่อนตัวอยู่ในป่าเฝ้าสังเกตการณ์สำนักเขามหายานที่กำลังจะจากไป สะกดรอยตามเงียบๆ มาตลอด
เนื่องจากหนิวโหย่วเต้าบอกว่าจะขวางไว้เพื่อทวงหนี้ อย่าว่าแต่เกี่ยวข้องถึงเงินสี่ล้านเหรียญทองเค้าเลย ประเด็นที่สำคัญกว่าคืออยากจะพิสูจน์ว่าหนิวโหย่วเต้าหลอกตนอยู่หรือไม่ หากว่าเล่นเล่ห์หลอกลวงอยู่จริง เขาจะได้เตรียมการด้านอื่นไว้
สรุปคือได้เห็นกับตาว่าลูกน้องฝั่งหนิวโหย่วเต้าปรากฏตัวขึ้น ขวางคนของสำนักเขาามหายานเอาไว้
แม้จะอยู่ห่างค่อนข้างไกลไม่ทราบว่าขวางไว้แล้วทำอะไรต่อ แต่ได้เห็นว่า หวงเลี่ยและคณะสำนักเขามหายานที่กำลังจะไปจากสำนักหมื่นสรรพสัตว์ย้อนกลับมาจริงๆ ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปทางสถานที่พำนักของหนิวโหย่วเต้า
พอได้เห็นฉากนี้ แววตาของเฉาเซิ่งไหววูบไหว พึมพำกับตัวเองว่า “หนิวโหย่วเต้ากล้าดักขวางเพื่อทวงหนี้จริงๆ น่ะหรือ?”
….
ภายในอาคารหลัก ทันทีที่โฉวซานกลับมาถึง ก็แจงเรื่องราวเหนือความคาดหมายก่อนหน้านี้ต่อซีไห่ถังทันที
ซีไห่ถังเดินกลับไปกลับมาพลางใคร่ครวญ ขมวดคิ้วถามออกไป “มีเจตนาใดกัน?”
โฉวซานตอบว่า “ไม่ทราบขอรับ มองพิรุธไม่ออก แต่เห็นได้ชัดว่าต้องมีเรื่องอะไรบ้างอย่างที่หวงเลี่ยให้ความสำคัญแน่นอน ไม่ทราบเช่นกันว่าคนพวกนี้มาเล่นอะไรกันอยู่”
“คนพวกนี้… ใช่แล้ว!” พอเอ่ยว่าคนพวกนี้ ซีไห่ถังก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “คนพวกนี้พอต่อสู้แย่งชิงอาณาเขตกันขึ้น แต่หนแต่ไรมาก็ก่อเรื่องขึ้นโดยไม่เลือกวิธีอยู่แล้ว มักจะฟาดฟันกันจนบาดเจ็บล้มตายล่มจนเสมอมา ล้วนเป็นประเภทที่หากไม่ตายก็ไม่เลิกราทั้งนั้น
โฉวซานเอ่ยว่า “ก็พอจะเข้าใจได้ขอรับ สำนักจำเป็นต้องมีการพัฒนา ศิษย์ในสำนักก็ต้องการทรัพยากรสำหรับบำเพ็ญเพียร สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องใช้กำลังทรัพย์ทั้งสิ้น หากไม่มีแหล่งรายได้ที่มั่นคงอันใดก็ทำได้เพียงช่วงชิงอาณาเขตกัน เมื่อมีอาณาเขตแล้วก็จะมีอำนาจออกสิทธิ์ออกเสียงและมีแหล่งรายได้ อย่าว่าแต่เงินภาษีที่เรียกเก็บจากชนชั้นรากหญ้าเลย ครอบครัวผู้ดีมีเงินที่ต้องการใช้ทรัพย์สินที่สั่งสมมาเพื่อจัดการปัญหาที่พบเจออยู่ก็มีมากมาย เมื่อผสมรวมกันเช่นนี้แล้วสำนักใดบ้างเล่าจะที่จะไม่ต้องการได้มาครอง?”
“ประเด็นสำคัญคือตอนนี้คนพวกนี้มารวมตัวฟาดฟันกันอยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ของพวกเรา ก่อเรื่องวุ่นวายเหลือจะทน! แค่เรื่องแดนผีเสื้อฝันมายาก็วุ่นวายพออยู่แล้ว” ซีไห่ถังส้ายหน้า
วาจาของเขาไม่เพียงแต่เจาะจงถึงหนิวโหย่วเต้าเท่านั้น ในมุมมองของเขาหนิวโหย่วเต้าเพียงก่อปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่คนที่ทำให้เขากลัดกลุ้มจริงๆ กลับเป็นสำนักใหญ่เหล่านั้น ฉากหน้าดูสงบเรียบง่าย แต่ลับหลังกลับแอบฟาดฟันกันอยู่ ไม่มีคนที่สงบเสงี่ยมจริงๆ เลย
จากข่าวสารที่ทางนี้ได้รับมา เนื่องจากการฟาดฟันกันอยู่ที่นี่ทำให้สำนักบางสถานที่เกิดเหตุนองเลือดขึ้น มีผู้บำเพ็ญเพียรล้มตายไปนับหมื่นแล้ว
ไม่ใช่ว่าสำนักหมื่นสรรพสัตว์ไม่อยากต้อนรับคนเหล่านี้ ด้วยกำลังทรัพย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว ค่าใช้จ่ายในการรับรองไม่นับเป็นอันใดเลย ประเด็นสำคัญคือกลัวว่าจะถูกลากเข้าไปพัวพันโดยไม่ได้ตั้งใจ
โฉวซานพรูลมหายใจออกมากล่าวขึ้นว่า “จะให้ไล่คนพวกนี้ก็ไปทำได้ยาก ได้แต่ยอมทนต่อไป ทางพวกเราคอยระวังไว้หน่อยก็พอแล้วขอรับ ยิ้งไปกว่านั้นคือเรื่องโลกมายาดึงดูดความสนใจของท่านทั้งหลายเข้าแล้ว ตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าทำตัวเหิมเกริมอยู่ที่นี่จนเกินไป คนเหล่านี้ก็มีธุระของตนอยู่เช่นกัน ไม่มีทางรั้งอยู่ที่นี่ไปได้ตลอดหรอกขอรับ”
….
“เจ้าสำนักหวง…”
พวกหวงเลี่ยทะยานเข้ามา ร่อนลงหน้าเรือนแล้วก็ไม่ได้หยุดทแต่บุกผ่านเข้าประตูไปเลย หยวนกังที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเพิ่งจะเอ่ยปากขึ้นก็ถูกหวงเลี่ยผลักออกไปให้พ้นทางแล้ว คณะที่นำโดยหวงเลี่ยบุกตรงเข้าไปภายในสวน
ภายในศาลา หนิวโหย่วเต้าทำตัวเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราว กำลังยิ้มหัวเดินหมากกับก่วนฟางอี๋อยู่ พูดจาชวนเลี่ยนไม่น้อยเลย
มีเสียงตึงตังแว่วเข้ามา ก่วนฟางอี๋ที่ถือตัวเบี้ยอยู่เงยหน้ามองออกไ
หนิวโหย่วเต้าเหลียวมองเช่นกัน จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นยืน หวงเลี่ยบุกตรงเข้ามาหา
“เจ้าสำนักหวงเป็นแขกที่ยากจะได้พบหน้า ลมอะไรหอบท่านมาได้เล่า?” หนิวโหย่วเต้าประสานมือเอ่ยทักอย่างสุภาพ
หวงเลี่ยจ้องมองก่วนฟางอี๋ เจตนาสังการที่แฝงอยู่ทำให้ก่วนฟางอี๋รู้สึกอึดอัด
หนิวโหย่วเต้าพลันโบกมือ สื่อให้ก่วนฟางอี๋ถอยไป “เห็นทีว่าเจ้าสำนักหวงจะอยากเดินหมากกับข้า ยกชามา!”
ก่วนฟางอี๋ถอยออกจากที่นั่ง ไปยกกาน้ำชายที่ตั่งไว้บนเตาดินเผาขนาดเล็กที่อยู่ด้านข้างมารินชาให้
หวงเลี่ยนั่งลงทันที ยื่นมือออกไปปัดกระดานหมากและตัวเบี้ยร่วงลงพื้นเกิดเสียงดังแกรกกราก เล่นหมากบ้าอะไร!
หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ นั่งลงไป จ้องมองหวงเลี่ยแล้วยิเมออกมา รอยยิ้มดูมีความสุขนัก ด้วยมองออกว่าเจ้าสำนักที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ไม่รักษาภาพลักษณ์อีกต่อไป นี่นับเป็นเรื่องดี แปลว่าสะกิดถูกจุดแล้วจริงๆ
“นอกเหนือจากผู้อาวุโสแล้ว คนอื่นถอยออกไปรอด้านนอกเสีย” หวงเลี่ยหันไปเอ่ยสังการ จากนั้นก็จ้องมองหนิวโหย่วเต้า “สั่งให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไสหัวไปซะ!” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
หนิวโหย่วเต้ามองซ้ายมองขวา เห็นว่าคนส่วนใหญ่ของสำนักเขามหายานถอยออกไปแล้วจึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เหล่าลิ่ว คงต้องลำบากเจ้าแล้ว ออกช่วยรับรองแขกด้านนอกหน่อยเถอะ ”
เขาไม่ได้สั่งให้หยวนกังกับก่วนฟางอี๋หลบออกไป
อันที่จริงสวี่เหล่าลิ่วอยากรั้งอยู่ดูว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ แต่ก็ยังคงพยักหน้ารับแล้วถอยออกไป
น้ำชายถ้วยหนึ่งถูกวางลงตรงหน้าหวงเลี่ย ก่วนฟางอี๋ถอยไปอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า ชอบที่จะได้เห็นหนิวโหย่วเต้ารับมือกับคนที่จัดการได้ยากด้วยท่าทางสบายๆ
ก็เหมือนที่นางเคยเอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าไปก่อนหน้านี้ นางมีความหวังเพราะยิ่งหนิวโหย่วเต้าแสดงความสามารถออกมามกาแค่ไหนนางก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น
ดื่มชาบ้าอะไร! หวงเลี่ยหยิบจดหมายออกมา โยนลงไปบนโต๊ะแล้วเอ่ยถาม “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าหยิบซองจดหมายบนโต๊ะไป ดึงจดหมายออกมาดู อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอีกครั้ง
เขาย่อมทราบดีว่าจดหมายนี้คืออะไร โชคดีที่ชิงจดหมายนี้มาได้ หากว่าชิงมาไม่ได้เรื่องราวคงยุ่งยากไม่น้อย ตอนนี้ประหยัดขั้นตอนลงไปมากจริงๆ
“เจ้าสำนักหวงจะคุยเรื่องนี้หรือ?” หนิวโหย่วเต้าโยนจดหมายกลับไป “ความจริงก็ไม่มีอะไรมาก ข้าพอจะมีคนรู้จักอยู่ทางแคว้นหานสองสามคน วันหนึ่งจู่ๆ ก็มีคนพบชายขี้เมาคนหนึ่งบนถนนเข้า เก็บจดหมายฉบับหนึ่งได้ หลังจากคนผู้นั้นอ่านแล้วก็คิดว่าจดหมายนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อข้า ดังนั้นจึงส่งมาให้ข้า ข้าคิดว่าจดหมายฉบันนี้น่าจะมีประโยชน์ต่อเจ้าสำนักหวงเช่นกัน พอได้ข่าวว่าเจ้าสำนักหวงกำลังจะจากไปก็ไม่กล้าชักช้า สั่งให้คนรีบนำไปมอบต่อเจ้าสำนักหวงทันที ไม่คิดเลยว่าจะทำให้เจ้าสำนักหวงปรี่มาด้วยตัวเอง ผิดไปแล้วจริงๆ!”
คนทางฝั่งสำนักเขาหมายานหมดความอดทนขึ้นมาจริงๆ แล้ว หวงทงเดินเข้าไปด้านหน้า ยื่นมือไปหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน หลังจากได้อ่านก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ม่านตาหดตัววูบ จ้องมองไปที่หนิวโหย่วเต้า สีหน้าชิงชังคั่งแค้น
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างก็ดึงจดหมายไปเวียนกันอ่านต่อ สีหน้าของแต่ละคนค่อยๆ แปรเปลี่ยนอย่างมหันต์
อันที่จริงก่วนฟางอี๋ก็อยากเห็นเช่นกันว่าเนื้อหาในจดหมายคืออะไร
หวงเลี่ยย่อมทราบดีว่าอีกฝ่ายพูดเหลวไหลอยู่ ไปเก็บของเช่นนี้มาได้ก็แปลกแล้ว ศัตรูของเซ่าผิงปอบังเอิญเก็บได้พอดีงั้นหรือ? บนโลกนี้ไหนเลยจะมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนั้น! เขาข่มโทสะที่ลุกท่วมไว้ สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ถามออกไป “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
หนิวโหย่วเต้ายกชาขึ้นจิบช้าๆ “อันที่จริงข้าเพียงอยากเดินหมาก จิบน้ำชา ใช้ชีวิตสบายๆ ในแต่ละวัน ไม่คิดจะทำอะไรทั้งสิ้น กลับเป็นทางฝั่งสำนักเขามหายานที่สร้างเรื่องไว้ไม่น้อยเลย ใช่แล้ว การเจรจากับหกสำนักราบรื่นดีหรือไม่เล่า?”
หวงเลี่ยฟังแล้วโมโหนัก เห็นได้ชัดว่าหลังจากอีกฝ่ายอ่านจดหมายดูก็รู้แล้วว่าทางนี้กำลังเจรจากับหกสำนักใหญ่ อดไม่ได้ที่จะด่าเซ่าผิงปอในใจว่าไอ้โง่ ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยให้ของสำคัญเช่นนี้ตกไปอยู่ในมือศัตรูได้ ยังมีหน้ามาบอกว่าจัดส่งไปอย่างลับๆ อีก
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา แต่เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าด้วยความฉลาดเฉลียวของเซ่าผิงปอแล้วไฉนถึงทำงานพลาดขนาดนี้ได้?
หวงเลี่ยเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ขู่ข้างั้นหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าวางถ้วยชาลง “เตือนไปตั้งแต่แรกแล้วว่าสำนักหมื่นสรรพสัตว์แห่งนี้แหล่งรวมยอดคนทรงวามสามารถ เข้าง่ายออกยาก แต่เจ้าสักหวงกลับไม่ใส่ใจ ยังคงไปหลอกลวงหกสำนักใหญ่เหมือนหลอกคนโง่ เล่นเกินขอบเขตไปไม่ดีเลย โทสะของหกสำนักใหญ่ก็มิใช่เล่นๆ เช่นกัน” เขายักไหล่เล้กน้อย ท่าทางคล้ายจะสื่อว่าข้าก็แค่อยากจะเตือนไว้อีกครั้ง
“เจ้าคิดจริงๆ น่ะหรือว่าข้าไม่กล้าลงมือกับเจ้าในสำนักหมื่นสรรพสัตว์?” ครั้งนี้หวงเลี่ยมาเพื่อหยั่งเชิงเขา
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องหยั่งเชิงเลย เพราะครั้งนี้หนิวโหย่วเต้างัดไพ่ตายออกมาใช้กับเขาแล้ว “อย่าว่าแต่ข้าม่มีทางถูกคนอื่นกำจัดทิ้งได้ง่ายๆ เลย ต่อให้เจ้าสำนักหวงสามารถกำจัดข้าได้ ข้าก็อยากให้เจ้าสำนักหวงยั้งมือมีเมตตาไว้บ้าง ใช่แล้ว ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ ไม่ใช่จดหมายเพียงฉบับเดียวเท่านั้น แต่มีถึงสามฉบับ อีกสองฉบับฝากไว้กับคนที่กำลังรอฟังสัญญาณอยู่ หากเกิดเหตุผิดปกติใดๆ ขึ้นกับข้า อีกสองฉบับที่เหลือจะถูกส่งไปถึงมือของสามสำนักหลักฝั่งแคว้นเยี่ยนทันที ขาดไปสักฉบับก็คงไม่เป็นไรเพราะสามารถนำตัวชายขี้เมาคนนั้นไปชดเชยให้ได้”
เห็นได้ชัดว่ากำลังข่มขู่อีกฝ่ายอยู่ พยานบุคคลก็อยู่ในกำมือข้าหมดแล้ว เจ้ากล้าแตะต้องข้าก็ลองดู พวกเจ้าหลอกปั่นหัวหกสำนักใหญ่ไว้ขนาดนั้น คิดว่าจะรอดชีวิตกลับไปยังสำนักเขามหายานได้อีกหรือ?
กลุ่มคนจากสำนักเขามหายานมีสีหน้าน่าเกลียดเป็นอย่างมาก คิดว่าตนเองลงมืออย่างเงียบเชียบสำเร็จตามแผนการแล้ว ผู้ใดจะทราบว่าอีกฝ่ายกลับได้ทั้งพยานและหลักฐานไป
ล้วนทราบกันดีว่าหากปล่อยให้หกสำนักใหญ่รู้ว่าตนถูกหลอกลวงเช่นนี้ ซ้ำคนที่หลอกปั่นหัวยังเป็นกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ ระดับล่างอีก หากมีข่าวหลุดออกไปจะทนรับความอัปยศได้หรือ? สำนักเขามหายานยังจะเหยียบเรือสองแคมได้อีกหรือ? คิดว่าจะหลอกใช้สองฝ่ายคานอำนาจกันได้อีกหรือ? พวกเจ้ายังจะหลอกถ่วงดุลอำนาจระหว่างพวกเขาเหมือนหลอกคนโง่ได้อีกหรือ? เกรงว่าคงร่วมมือกันฉีกทึ้งสำนักเขามหายานทั้งเป็นทันที!
หวงเลี่ยกัดริมฝีปากแน่นเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นสูดหายใจลึกๆ เอ่ยไปว่า “ในเมื่อเจ้าเชิญพวกเรามาก็แปลว่าเจ้ายังไม่คิดจะให้ถึงขั้นที่ล่มจมกันไปทั้งสองฝ่ายกระมัง!”
นิ้วมือทั้งห้าของหนิวโหย่วเต้าที่กุมด้ามกระบี่อยู่ลูบไล้ขึ้นลงเล็กน้อย เอ่ยไปว่า “พูดกันมาถึงขั้นนี้แล้ว อ้อมค้อมต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อีก ข้าเสนอเงื่อนไขไปแต่แรกแล้ว ข้าเป็นคนจิตใจดี ไม่มีทางทำเรื่องทำนองฉวยโอกาสซ้ำเติมใคร ยังคงยืนยันตามเงื่อนไขเดิม มอบหัวของเซ่าผิงปอให้ข้า! หากเซ่าผิงปอตาย ข้าจะคืนหลักฐานและพยานให้พวกท่านทันที พวกท่านจะจัดการอย่างไรก็เรื่องของพวกท่าน หลังจากนี้จะไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับข้าอีกต่อไป! ชีวิตเซ่าผิงปอคนเดียวแลกกับความสงบสุขของทั้งสำนักเขามหายาย การค้าครั้งนี้น่าจะไม่ขาดทุนกระมัง!”
ในอดีตเขาอาจจะไม่ได้คิดถึงในแง่มุมอื่นมากนัก แต่พอถึงเวลาที่ต้องเผชิญสถานการณ์เข้าจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่ต้องสังหารเซ่าผิงปอเข้าจริงๆ หวงเลี่ยก็ยังคงใจหายอยู่ลึกๆ
เดิมทีสำนักเขามหายานก็เป็นเช่นเดียวกับสำนักหยกสวรรค์ ครอบครองอาณาเขตเล็กๆ ทางตะวันออกและอาณาเขตเล็กๆ ทางตะวันตก ที่มีขอบเขตอำนาจกว้างขวางและมีสิทธิ์มีเสียงทรงอำนาจเช่นนี้ในปัจจุบันนี้ได้ กล่าวได้ว่ามาจากการพึ่งพาเซ่าผิงปอล้วนๆ
ในอดีตเป็นเซ่าผิงปอที่โน้มน้าวให้สำนักเขามหายานรวบรวมความกล้ามากพอจะที่กบฏต่อแคว้นเยี่ยนแล้วเข้ายึกครองเป่ยโจว ภายหลังก็เป็นเซ่าผิงปอที่วางแผนออกอุบายกำหนดยุทธศาสตร์ขึ้น ทำให้พื้นที่เล็กๆ อย่างมณฑลเป่ยโจวสามารถทานอำนาจแคว้นหานที่อยู่ทางเหนือและแคว้นเยี่ยนที่อยู่ทางใต้ได้ ถึงจะถูกหนีบไว้ระหว่างสองแคว้นก็ไม่ล่มจ่ม
อีกทั้งความสามารถด้านการปกครองของเซ่าผิงปอก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัด ในยุคสมัยอันนี้วุ่นวายเช่นนี้ยังสามารถบริหารจัดการมณฑลเป่ยโจวให้รุ่งเรืองได้ เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นรอบข้างแล้ว ผลงานด้านการปกครองเป็นที่ประจักษ์แจ้ง รูปการณ์ของมณฑลเป่ยโจวดีขึ้นทุกปี ผลประโยชน์ที่สำนักเขามหายานเก็บเกี่ยวได้จากมณฑลเป่ยโจวก็ยอดเยี่ยมขึ้นทุกปี
………………………………………………………………………………………….