ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 101 ความไม่สงบในทิศเหนือ ⑦ แสงที่ส่องสว่างในที่แคบ

ถนนสู่อาณาจักร

101 ความไม่สงบในทิศเหนือ ⑦ แสงที่ส่องสว่างในที่แคบ

—————————————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

ประตูเมืองของป้อมปราการมาจิโนที่ยอมแพ้เปิดออกและทางที่แยกทิศเหนือและใต้ก่อนหน้าถูกเชื่อมต่อ กองทัพกลางที่ถูกบัญชาการโดยอีริชเดินทัพผ่านประตูเมืองในแถวที่เหมือนงูที่ไม่ถูกรบกวนและยาว

「มันเป็นซักพักแล้วนะ…… แต่ชั้นเดาว่าเวลามันผ่านไปยังไม่นานที่จะพูดอย่างนั้น」

ทหารที่เรียงแถวกัน พร้อมผมที่ยืนอยู่ข้างหน้าทักทายกองทัพขณะที่พวกเขากลับมา

「นี่เป็นความสำเร็จของนาย ไม่ว่าในกรณีไหน นายทำได้ดี ที่สำเร็จในการอ้อมใหญ่และผ่านที่ราบมาแบบนั้น」

หลังจากที่เราจับมือกัน ผมเข้าร่วมกับอีริช ทิ้งทหารบางคนให้เฝ้าดูนักโทษและดูแลป้อมปราการ และมุ่งหน้าไปที่โรเลล…… แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะเข้าเมืองได้ทั้งหมดนะ

「งั้นนายก็ไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับกองกำลังที่เหลือใกล้กับเมืองหลวง?」

「มันควรจะเป็นยามเมืองหรือกองกำลังป้องกัน แต่นอกจากนั้น มันไม่มีอย่างอื่นที่โดดเด่น」

เพื่อพูดให้ถูก มันก็อาจมีกองทัพของลอร์ดศักดินานบริเวณนั้น แต่จำนวนและทักษะของเขามันไม่ใช่อะไรที่ต้องกังวล ในความเป็นจริง เราไม่แม้แต่จะสะดุ้ง เมื่อเราปะทะกับกองพันธมิตรที่ประกอบไปด้วยองครักษ์จักรวรรดิและกองกำลังของมากราโด ที่เวลาจุดนี้ พวกเขาแน่นอนว่าหมกอยู่ในดินแดนของพวกเขา และสั่นไปถึงรองเท้าบูท

「……พวกเค้านำกองกำลังทหารทั้งหมดไว้ในป้อมปราการณ์นี้เหรอ?」

「องครักษ์จักรวรรดิแยกออกไป แต่เรากวาดล้างพวกเค้า คนที่รอดไม่ได้เยอะ และนายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเค้า」

「เข้าใจแล้ว นายทำได้ดีนะ โดยไม่ต้องได้รับการช่วย」

「นอกจากนี้……」

จู่ๆ ผมคิดเกี่ยวกับว่ามันจะเป็นเรื่องดีที่จะพูดเกี่ยวกับมากราโดตรงหน้าทหาร แต่ทหารของผมทุกคนได้เห็นธงของพวกเขาแล้ว มันไม่สร้างความต่างมากตอนนี้

「เราสู้กับองครักษ์จักรวรรดิพวกนั้น ที่เข้าร่วมกับกองทัพมากราโด เราเกือบจะชนะเค้าไม่ได้ และมีเครื่องสังเวยไปมาก ดังนั้น พวกเค้าค่อนข้างเป็นกลุ่มที่ชั้นสูง」

「มากราโด!? พวกเค้าไม่ได้ปลอมตัวเป็นเทรียแต่แสดงธงของพวกเค้าจริงๆเรอะ?」

「ใช่ ทหารทั้งหมดก็เป็นพยานให้กับเรื่องนี้ด้วย」

「อออุมุ……」

อิริชหยุดการสนทนากับผมชั่วคราว และเรียกผู้ส่งสาส์น จากนั้นเริ่มพูดเนื้อหาของจดหมายที่จะถูกส่งไปที่เมืองหลวง ผมเดาว่ามันเป็นข้อมูลที่ต้องการความรีบ

「ชั้นคาดหวังให้พวกเค้าปลอมตัวเองและส่งกำลังเสริมจากข้างหลัง แต่สำหรับพวกเค้าที่กล้าแสดงธงของตัวเอง มันทำให้เห็นชัดเจนว่าพวกเค้าต่อต้านโกลโดเนีย ปรกติเรื่องนี้จะนำไปสู่สงคราม」

ลีโอโพลต์กระซิบกับผมข้างหลังผม เขาอาจจะยังไม่เสร็จ ผมไม่ถือว่าเราอยู่ในการต่อสู้มั้ย แต่ผมอยากจะพักนิดหน่อยและชิมรสชาติผูหญิงบางคนด้วย

「แต่พ่อดื่มดำไปกับมันนิดหน่อยแล้วนะ……มันยังมีเมล็ดพันธุ์ของพ่อในท้องของหนูอยู่เลย」

ซีเลียลูบท้องของเธอและบ่น อิริจิน่าและลูน่าก็หน้าแดงด้วย หอคอยของตัวผู้หญิงที่ประกอบไปดว้วยอิริจิน่า ลูน่า ซีเลีย และปีปี้มันมหัศจรรย์เมื่อวาน

「ขอโทษ ชั้นรู้สึกว่าชั้นต้องบอกเมืองหลวงทันที ยังไงซะ ทหารจะพักในโรเลลสำหรับตอนนี้ก่อน แต่การมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงมันหลังจากนั้น……นายจะมาด้วย ใช่มั้ย?」

「ชั้นจะไปกับนาย」

ด้วยความพ่ายแพ้ของเมืองหลวง สงคราามกับเทรียน่าจะจบ มันจะเป็นเรื่องน่าเบื่อที่จะแค่นอนรอในโรเลล และมากกว่าอะไรทุกอย่าง ถูกชวนโดยเขามันเป็นรางวัลในตัวมันเอง เพราะทั้งหมดหลังจากที่เราเดินไปเข้าไปที่เมืองหลวง คฤหาสน์ของขุนนางและพ่อค้าใหญ่จะเป็นเป้าใหญ่ของการปล้นสะดม มันหมายถึงเราจะมีสิทธิ์ที่จะเก็บเกี่ยวดอกผลของแรงงานของเรา

「ชั้นมั่นใจว่านายเข้าใจ แต่เรื่องพลเมือง……」

「การยึดสินทรัพย์จะระงับไว้แค่กับพวกชนชั้นขุนนางและพ่อค้าที่มีเครื่องยอด ชั้นเข้าใจ」

「อุมุกองทัพของนายมมีโครงสร้างความเป็นผู้นำที่โดดเด่น ที่มันคิดไม่ได้เลยในกองทัพส่วนตัวทั่วไป ชั้นเดาว่าชั้นไม่ต้องกังวล」

ถ้าคุณอนุญาตให้ชาวนาและคนแปลกหน้าอื่น ที่ปรกติแล้วเห็นในกองทัพลอร์ดศักดินา เดินทัพเขาไปในเมือง ปรกติแล้วพวกเขาจะก่อเหตุอย่างการข่มขืนและฆ่า อย่างน้อยๆ กองทัพของผมก็เชื่อฟังคำสั่งอย่างดี และการลงโทษที่เข้มงวดถูกมอบให้คนเหล่านั้นที่ทำลายกฎ

「ชั้นจะไม่พูดว่ามันถูกตัดสินใจแล้ว แต่ศัตรูได้เปิดประตูเมืองให้เรา ไม่ใช่เหรอ หลังจากที่พักไม่กี่วัน เราจะมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวง……มีคนที่ชั้นอยากจะคุยด้วย」

สายตาของอีริชไปมองอย่างอื่น นั่นก็คือผู้บัญชาการป้อมปราการ เคานต์มาจิโน่ไหล่ตกบนหลังม้า ระหว่างที่ถูกล้อมโดยทหาร

—————————————————————

1 อาทิตย์ต่อมา เมืองหลวง ทริสเนีย

「ยิงงงง!!」

ตามการตะโกนของผู้บัญชาการไปคือก้อนหินใหญ่เป็นโหลที่ถูกยิงขึ้นไปในอากาศสร้างเสียงกรีดร้องที่จุดลงของมัน ตามสิ่งนั้นไป ลูกดอกใหญ่บินฝ่าอากาศ

「นักธนู

ยิงต่อเนื่อง!」

ท้องฟ้ามืดไปชั่วครู่ ขณะที่ม่านของลูกธนูละไปกับศัตรู นักธนูข้างบนกำแพงเมืองพร้อมธนูของพวกเขา แต่ล้มตกกำแพงไปเหมือนฝน

「นักธนูศัตรูส่วนใหญ่ถูกกวาดล้างครับ!」

「เอาเครื่องกระแทกประตูออกมา เราจะทำลายประตูเมือง แล้วบุกเข้าด้านหน้า」

「เอเกอร์-ซามะ?」

ผมนึกว่าอีริชบอกให้ผมเดินหน้าไปวินาทีหนึ่งด้วยคำสั่งของเขา ทั้งหมดนี่มันความผิดลีโอโพลต์

เครื่องกระแทกประตู มุ่งหน้าไปอย่างช้าๆ ด้วยความเร็ที่เหมือนเต่า ทำให้พวกเขาเป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบ แต่กองกำลังป้องกันของทริสเนีย ไม่มีแรงเหลือที่จะทำการซุ่มโจมตีใดๆแล้ว เครื่องกระแทกประตูแรกไปถึงประตูเมือง และเริ่มทำลายมันลง และในการกระแทกครั้งที่สองและครั้งที่สามก็มาถึง และทำลายประตูเมืองไม่นานหลังจากนั้น

「หน่วยหนึ่งและสองเคลื่อนทัพไปข้างหน้า หน่วยที่สามจะรอพร้อมในบริเวณนี้ หน่วยที่สี่จะรอพร้อมที่นี่ในฐานะทหารสำรอง」

「ทุกหน่วยพุ่งเข้าตีไปข้างหน้า ปฏิบัติกับพลเมืองให้เหมือนกับที่พวกนายถูกสั่งเอาไว้!」

ทหารส่วนหนึ่งของอีริชและของผมเริ่มเดินทัพ ผลมันถูกตัดสินแล้วตั้งแต่ทีแรก กองกำลังป้องกันของเมืองหลวงมีคร่าวๆ 3000 อย่างมากที่สุด ระหว่างที่เรามีเกือบ 70 000 ยกเว้นพวกนั้นที่ถูกทิ้งไว้ในป้อมปราการ เรามีอาวุธล้อมเมืองมากมายด้วย ดังนั้นการป้องกันของเมืองหลวงทริสเนียกลายเป็นดูเหมือนของเล่น ที่แม้แต่รับการโจมตีก็ยังไม่ได้

「มันจะเป็นเรื่องดีถ้าพวกเค้าแค่ยอมแพ้」

ผมพยายามจะคุยกับอีริช ในสถานการณ์นี้ ผมจินตนาการไม่ได้ว่าเทรียจะกล้าหาญหรือหิวการต่อสู้มากขนาดนั้น จนพวกเขาไม่ยอมแพ้

「มันดูค่อนขางแปลก ผู้ส่งสาส์นไม่มาด้วยเหมือนกัน ดังนั้นพวกเค้าร่วมมือดีๆกับกองกำลังป้องกันของพวกเค้าไม่ได้ มันดูเหมือนพวกเค้าอยู่ในความวุ่นวายก่อนที่พวกเค้าจะเริ่มสู้อีก」

มันธรรมชาติที่จะคิดว่ากำลังใจของทหารพวกเขาน้อยในสถานการณ์นี้ แต่แม้อย่างนั้น นี่มันมากเกินไป แต่ผมขอบคุณที่ไม่มีผู้เสียชีวิตที่ไม่จำเป็นนะ

「เราคิดอะไรออกโดยแค่การคุยไม่ได้ ชั้นเลยจะออกไปด้วย」

「อย่ามาตายในศึกที่ผู้ชนะได้ถูกตัดสินแล้วนะ」

ผมขี่ชวาร์ซที่แผลรักษาแล้ว และตามทหารที่พุ่งเข้าตีไป ตามมาด้วยซีเลีย ชวาร์ซไม่ได้รู้สึกดีอย่างไรก็ไม่รู้ มันไม่ได้ดูเหมือนมันจะเป็นเพราะการบาดเจ็บของเขา แต่มันน่าจะเป็นเขาเหนื่อยหลังจากที่เขาบ้าคลั่งไปกับม้าตัวเมียเมื่อเวลาฟื้นตัวของเขา ในที่สุดมันก็อาจจะเป็นเวลาที่ต้องตอนเขา

เรารีบเข้าไปในเมือง และปลอบประโลมผู้คนที่กลัว ขณะที่มุ่งหน้าไปที่ปราสาทหลวง แต่ทันใดนั้น ทหารเทรียสามคนกระโดดออกมาจากซอย ผมชี้หอกของผมไปที่พวกเขา แต่พวเขาตอบสนองแปลกๆ

「ได้โปรดรอ! เราไม่มีเจตนาที่จะสู้อีกแล้ว!」

「เรายอมแพ้ ได้โปรดอย่าฆ่าเราเลย……」

「ราชาได้หนีไปแล้วดังนั้นเราไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้านแล้ว」

เหล่าทหารทิ้งหอกพร้อมกัน และลงไปคุกเข่า น่าเบื่อ แต่พวกเขาหมายความว่าอย่างไรเมื่อพวกเขาบอกว่าราชาหนีไปแล้ว

「นี่มันแค่ข่าวลือแต่……มันดูเหมือนเมื่อคืน ตระกูลราชวงศ์และขุนนางชั้นสูงออกไปที่แม่น้ำและขึ้นเรือ」

「หัวหน้าของเราปฏิเสธมันตั้งแต่นั้นมา เราไม่ได้รับคำสั่งอะไร……แต่ไม่มีความผิดพลาดเกี่ยวกับมัน」

「พวกเค้าทิ้งเราและวิ่งหนีไปที่มากราโด! เราไม่มีเจตนาที่จะตายเพื่อราชาที่เลือดเย็นแบบนี้!」

「ไม่ใช่ว่าเราควรจะบอกลอร์ดราดาห์ลเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอ?」

ซีเลียพูดถูก

「พาพวกเค้าไปที่ฐาน」

「แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ไม่ควรจะมีศัตรูที่สู้ขนาดนี้……」

ถ้าราชาหนีไป ผู้ติดตามที่ภักดี ที่พยายามจะปกป้องประเทศตัวเองนั้นเป็นไอ้งี่เง่า ถ้าผมตั้งใจดู ผมได้ได้ยินเสียงของการปล้นสะดมและการทำลายมาจากข้างในเมือง แต่เสียงพวกนั้นมันไม่ใช่เสียงของการต่อสู้ เหมือนการตะโกนและการปะทะเหล็ก อาจจะไม่มีศัตรูที่ต่อต้านอีกแล้ว

「ช่างน่าเบื่อ」

「เรื่องนี้มันดี มันสำคัญมากกว่าที่เอเกอร์-ซามะไม่ได้รับบาดเจ็บ」

เมื่อผมหันไป ผมได้ยินเสียง ‘คย้า!’ ผมเจอหนึ่งในทหารของผมแบกผู้หญิงไปที่เงาของอาคาร ผมคิดว่าผมห้ามพวกเขาจากการข่มขืนแล้ว

「เฮ้ หยุด」

ทหารดูรำคาญ แต่หลังจากเห็นหน้าของผม หน้าเขาเปลี่ยนเป็นซีด

「ทำอะไรอยู่?」

「น-นี่คือ……」

ผู้หญิงถูกดึงไปจากทหาร และถูกบอกให้นั่ง ซีเลียชัดดาบของเธอ และทหารเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

「ชั้นคิดว่าชั้นบอกนายแล้วว่าไม่ให้ข่มขืน ไม่ใช่เหรอ?」

ผู้หญิงไม่ได้ดูเหมือนจะชอบมันอย่างชัดเจน

「ค-ครับ! เอ่อ นี่คือ……ขออภัยครับ……」

ซีเลียเหวี่ยงดาบของเธอ

「เอาหัวไปไว้ที่พื้นและอ้อนวอน ด้วยกำลังทั้งหมด!!」

ทหารคุกเข่ากลาและร้องขออย่างสิ้นหวัง

「ได้โปรดยกโท-」

「ไม่ใช่กับชั้น กับผู้หญิงคนนี้!!」

「เอ๋?」

「เออ๋?」

「เออ๋?」

เสียงของซีเลียซ้อนทับกันกับทหารและเสียงของผู้หญิง ผมไม่คิดว่าผมพูดอะไรแปลกๆไปนะ

「นายอยากจะโอบกอดกับผู้หญิงคนนี้ ใช่มั้ย? งั้นร้องขอมันด้วยกำลังทั้งหมดของนาย!」

ทหารดูเหมือนจะสับสน แต่เขาตะโกนในเสียงที่ตื่นเต้นและกลวงๆ

 「ดะ-ได้โปรด! ชั้นอยากจะโอบกอดผู้หญิงสวยๆอย่างเธอ! ชั้นจะอ่อนโยน ดังนั้นชั้นขอร้องเธอให้ชั้นทำอย่างนั้น!」   

 「เอออ๋……ผู้หญิงสวยๆเหรอ? ……ยังไงซะ ถ้นายจะไม่หยาบๆกับชั้น งั้น……แล้วมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกของชั้นด้วย……」   

ดูเหมือนเขาได้รับอนุญาติแล้ว

 「โอเค ไปกัน」   

ทหารที่ตื่นเต้นยกคอขึ้นเหนือพื้น ให้เธอออกมาจากเงา และโอบกอดเธออย่างอ่อนโยนครั้งนี้ นั่นควรจะโอเคแล้ว

 「…………」   

 「พูดถึงแล้ว ทำไมหนูชักดาบ?」   

 「……ไม่ใช่ว่ามันโทษประหารถ้าพ่อข่มขืนผู้หญิงเหรอ?」   

 「ถ้าหนูข่มขืนบางคน งั้นหนูจะโดนโทษประหาญ แต่ชั้นไม่ถือการมีเซ็กส์อย่างยินยอม」   

 「…………」   

สายตาที่เย็นชาของซีเลียดำเนินต่อไปจนกว่าปราสาทหลวงพ่ายแพ้

—————————————————————   

กลางคืน

 「อย่างที่คาด ไม่มีราชวงศ์อยู่ที่นี่」   

อีริชและผมหันหน้าหากันตรงข้ามโต๊ะ และดื่มชา เขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุด และมีหลายอย่างให้ต้องทำ ดังนั้นเขาดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ตอนนี้

 「นายต้องเป็นทหารชั้นสูงถ้านายอยากจะเป็นผู้บัญชาการเหรอ?」   

 「ใช่ รัฐบุรุษอาวุโสที่เราจับได้ป่วย ดังนั้นมีแค่รัฐมนตรีเหลืออยู่」   

 「งั้นมันเป็น……มากราโดจริงๆไม่ใช่เหรอ?」   

 「ชั้นคิดถึงคนอื่นไม่ได้เลย มันไม่มีความหมายสำหรับสตูร่าหรือยูเรสกับเรื่องนี้ และพวกเค้าเป็นคนที่ส่งทหารออกมา」   

 「เป็นไปได้มั้ยว่าพวกเขาลงแม่น้ำไปลึกถึงสหพันธรัฐ」   

การแสยะยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของอีริช

 「ถ้าพวกเค้ามีแผนที่จะใช้ชีวิตเป็นพลเมืองธรรมดา งั้นมันจะเป็นไปได้ โชคร้ายที่ราชวงศ์ไม่เต็มใจที่จะทิ้งอำนาจไปง่ายๆ พวกเค้าจะกลับมาที่ดินแดนของเค้าเอง มันเป็นไปได้แค่มากราโด」   

เขาหัวเราะ บอกผมว่าที่เขาพูดควรจะถูกเก็บเป็นความมลับจากราชา

 「แต่มันจะเป็นปัญหาถ้าอย่างนั้น เราตามเค้าไปก็ไม่ได้ด้วย」        

เราไม่มีวิธีที่จะข้ามแม่น้ำไปเพราะเราไม่มีเรือ เทรียอยู่เหนือกระแสน้ำจากแม่น้ำ และแม้ว่าแม่น้ำมันจะค่อนข้างแคบ มันยังกว้างหลายกิโลเมตรมันไม่ใช่ระยะที่คุณแค่ว่ายหรือวางไม้พาดเดินไปได้

 「เราทำได้แค่รอการตัดสินใจจากเมืองหลวงเกี่ยวกับเรื่องนั้น ราชาและเจ้าคนที่ชื่อเคนเนธ……ชั้นหมายถึงรัฐมนตรีต่างประเทศจะคิดอะไรบางอย่างออกมา」      

อีริชมมีหน้าที่ขยะแขยงอย่างชัดเจน และน้ำเสียงของเขากลับไปเมื่อวันที่เป็นทหารรับจ้างรัฐมนตรีต่างประเทศเป็นคนสนิทของราชา ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเดาว่ามีการดิ้นรนหาอำนาจภายในเมืองหลวงด้วยเหมือนกัน

 「ในเวลานี้ เราจะควบคุมดินแดนของเทรีย เพราะทั้งหมด เราจะต้องให้ลอร์ดศักดินาแต่ละคนเคารพเรา」

นั่นจะไม่มีปัญหาด้วย เมื่อเมืองหลวงพ่ายแพ้ ลอร์ดศักดินาจะไม่เชื่อฟังราชวงศ์ที่หนีไป พวกเค้าจะร้องไห้ขอยอมแพ้ และสละตำแหน่งในความรีบ

「แล้วในเมืองล่ะ การขโมยหรือการฆ่าที่ไร้ยางอายไม่ได้เกิดขึ้น ใช่มั้ย?」   

 「ใช่ มันมีไม่กี่คนที่ทำลายกฎ และถูกลงโทษไปแล้ว แต่สำหรับส่วนใหญ่ คำสั่งมันถูกรักษาไว้」   

 「เข้าใจแล้ว……ยังไงซะ นั่นก็เสร็จไปสิ่งนึงแล้ว」   

อีริชพิงเก้าอี้ของเขา ผมจะปล่อยให้เขาหลับ แต่ผมยังมีความกังวลอีกหนึ่งอย่าง   

 「นายรู้เกี่ยวกับเจ้านั่นที่เวทีประหารมั้ย」   

 「อ้า……ชั้นได้ยินมันจากรัฐมนตรีที่หลับ」   

ผู้ชายและผู้หญิงสิบคนถูกแขวนอยู่ข้างหน้าวังหลวง พวกเขาน่าจะถูกแขวนคอ ก่อนที่รัฐบุคคลอาวุโสหนี แต่ผมไม่เข้าใจความหมายที่อยู่หลังการประหารนักโทษ และจากรูปลักษณ์ของเขา ชัดเจนว่าพวกเขาเป็นขุนนางชั้นสูง มันอาจจเป็นบางอย่างที่เล็กน้อย แต่มันกวนใจผม ผมเลยอยากจะสืบมัน

 「มันดูเหมือนพวกนั้นเป็นสมาชิกครอบครัวของนายกรัฐมนตรี มาเควสดูนอย เขาเชิญกองทัพของอีกประเทศมานับครั้งไม่ถ้วนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากราชา และหายตัวไปหลังจากที่พ่ายแพ้การต่อสู้ มีแค่สมาชิกครอบครัวของเขาถูกประหารเพื่อเป็นตัวอย่าง」   

งี้ กองทัพของมากราโดก็เป็น ‘ประเทศอื่น’ มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีที่ผมดิ้นรนมากเกี่ยวกับพวกเขา

 「ชั้นเดาว่าเราควรจะลดพวกเค้าลงและเผาพวกเค้า มันไม่ใช่อะไรที่สำคัญที่สุด…… และนายกรัฐมนตรีก็หายตัวไปด้วย」   

 「มันเป็นการต่อสู้ที่ดุดัน ดังนั้นชั้นอาจจะฆ่าเค้าไปแล้ว」   

 「มันโอเค มันไม่มีจุดหมายที่จะเอะอะเกี่ยวกับมันตอนนี้」   

อีริชพิงมากกว่านี้ครั้งนี้ หนึ่งในคนของเขานำผ้าห่มมา อยู่นานกว่านี้จะไร้จุดหมาย

 「งั้นชั้นจะไปแล้วตอนนี้」   

 「ได้เลย นายก็ทำได้ดีจริงๆด้วยนะ ครั้งนี้น่ะ」   

ลูกน้องของผมชำเลืองมองผมและกังวลเกี่ยวกับอะไรบางอยาง ผมใส่เกราะและแต่งตัวอย่างดี แต่ตัวผมกลิ่นเหมือนผู้หญิง ผมควรจะรีบและออกจากที่นี่

แม้ว่าผมจะออกมาจากเต็นท์ของอีริช ผมยังไม่ง่วงขนาดนั้น ผมเลยตัดสินใจที่จะไปเดิน

 「เดินเล่นในเวลานี้เหรอ?」   

เหมือนเคย ซีเลียมาด้วยข้างๆผม มันอาจจะสนุกที่จะมีความสุขกับตัวเองข้างนอกกับเธอ ริมกำแพง แต่ผมไม่รู้สึกมีอารมณ์อย่างไรก็ไม่รู้

 「ชั้นคิดว่ามันอาจจะดีที่จะรู้สึกถึงลมบ้าง」   

 「กลางคืนมันหนาวขึ้นมาก มันดูเหมือนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว」   

ผมเรียงซีเลียเดินขึ้นมาข้างผมและลูบหัวของเธอ เธอหรี่ตาของเธออย่างมีความสุข และโยกหัวเล็กน้อยขณะที่ผมทำอย่างนั้น ผมคิดแค่ว่ามันไม่แย่ที่จะมีความสุขกับตัวเองแบบนี้นานๆครั้ง

—————————————————————   

ความทรงจำของฉากนี้ถูกทิ้งไว้ที่มุมใจของผม แทรกแซงบรรยากาศที่เงียบๆ บันไดที่นำลงไปสู้ชั้นใต้ดินถูกฝังด้วยก้อนหินใหญ่ ไม่มีความผิดพลาด อาคารตรงหน้าผม ลักษณะทางภูมิศาสสตร์ของมัน และแถวของต้นไม้……ไม่มีอะไรดูเหมือนจะเปลี่ยนหลังจากเวลาผ่านไปซักพักใหญ่

ผมรู้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องไปเกี่ยวข้อง แต่นี่อาจจะเป็นโชคชะตาบางอย่าง

 「เอเกอร์-ซามะ?」   

ผมเมินเสียงของซีเลียและเคาะประตูอาคารที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม มันดูเหมือนบ้านพักเก่าๆ แต่ประตูเปิดทันทีที่ผมเคาะ

 「……ยังไงซะ ไม่ใช่ว่ามันคือโกลโดเนียเหรอ…… ต้องการอะไรจากผม?」   

 「เอาข้างหลังให้ดู」   

 「เราแค่เป็นโรงแรมที่ถ่อมตัว ไม่มีอะไรที่น่าสงสัย……」   

ถ้าสิ่งแรกที่เขาพูดคือ ‘ไม่มีอะไรน่าสงสัย’ ส่วนใหญ่มันจะทำผิดอะไรซักอย่าง ซึ่งเป็นบางอย่างที่ผมจำได้ด้วย ผมเมินชายและเข้าไปในอาคาร จากนั้นมองดูรอบๆข้างใน เมื่อผมยกพรมที่ถูกวางอย่างไม่เป็นธรรมชาติที่มุมห้อง บันไดที่นำลงไปถูกเปิดเผย

 「ไอ้เวร! พอแล้วกับเรื่องไร้สา-」   

ผมจับคอของชายที่พุ่งเข้ามาหาผมด้วหัด และยกเขาลอยขึ้น

 「ก่ะห์……กุ่ห์……กึก……」   

มือของผมแน่นขึ้นรอบหลอดลมของเขา และผมได้ยินเสียงกระดูกดีด ถ้าผมบีบแน่นกว่านี้อีกนิด มันจะง่ายที่ผมจะเอาชีวิตของชายคนนี้ไป

 「นำชั้นไปข้างใต้ ถ้านายทำอย่างนั้น นายจะไม่ตาย เข้าใจมั้ย?」   

ชายพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น และเมื่อผมปล่อยเขา เขาเริ่มไออย่างรุนแรง

 「รีบเข้า」   

ชายเดินไประหว่างที่จับคอของเขา และผมตามเขาลงไปที่บันได

 「เอเกอร์-ซามะ……? ที่นี่เป็นที่ไหนบนโลกนี้กัน」   

 「มันเป็นที่แห่งโชคชะตานิดหน่อยน่ะ……มันไม่ใช่ที่ที่โสภาที่สุด ดังนั้นลูกไปก็ได้นะ」   

 「แน่นอนหนูจะไม่ไป หนูปล่อยให้พ่อไปด้วยตัวเองไม่ได้!」   

ผมไม่อยากจะเอาให้ซีเลียดูถ้าเป็นไปได้ แต่มันจะน่ารำคาญถ้าเธอเริ่มตั้งคำถามผมที่นี่ ดังนั้นผมจะพาเธอมาด้วย

เมื่อเราลงบันไดยาว ภาพที่ผมคุ้นเคยมากที่จะเห็น และที่ได้เห็นมาเป็นเวลานาน ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผม ในเวลานั้น เมื่อผมหนีออกจากห้องใต้ดิน ผมฆ่าทหารและเจ้าของ แต่มันไม่เหมือนว่าผมทำลายที่นี่ เจ้าของน่าจะปลี่ยน แต่ชายที่อยากได้ที่ใต้ดินแบบนี้เหมือนอย่างนี้ที่มีตำแหน่งอยู่ที่มุมเมือง น่าจะมีวิธีคิดที่คล้ายๆกันด้วย

เด็กๆได้ถูกขังอยู่ในห้งที่เหมือนคุก กลิ่นของขยะและเสียงกรีดร้อง – ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยซักนิด เสียงที่มาจากข้างหลังน่าจะเป็นสาวโดนข่มขืนหรือถูกตอน

 「นะ-นี่คือ-!」     

ตกใจ ซีเลียเกาะผม จากนั้น เราได้ยินเสียงมาจากสุดทางของทางเดินแคบๆ

 「เหี้ย! เพราะสงคราม พ่อค้าและขุุนนางติดอยู่ และชั้นไม่ได้ลูกค้าเลย……ถ้าเรื่องนี้ันเป็นต่อไปอย่างนี้ ค่าอาหารของพวกเด็กเวรจะทำให้ชั้นเข้าไปอยู่ในตัวแดง โออ้ บาโรโบ้ แล้วการเฝ้าระวังล่ะ นาย…… เอ่อ คนพวกนี้เป็นลูกค้าเหรอ?」   

ชาย ที่ชัดเจนว่าทำธรุกิจกับเงินสกปรก แต่มันดูเหมือนดีกว่าเล็กน้อย และผอมกว่าคนเมื่อก่อนนั้น มองดูเรา โชคร้าย เราไม่ใช่ลูกค้า

 「กองทัพโกลโดเนีย ชั้นจะยึดที่นี่」   

ชาย ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าของ และคนรอบๆเขา สร้างความวุ่นวาย

 「โก-โกลโดเนีย!? มีสิทธิ์อะไรที่นายจะทำอย่างนั้น?!!」   

 「ทาสเด็กถูกปฏิบัติอย่างย่ำแย่จากที่ชั้นเห็น」   

 「มันขึ้นอยู่กับเจ้าของว่าจะปฏิบัติกับทาสยังไงก็ได้ตามใจ?」   

 「นายจะพูดอย่างเดียวกันกับชั้นข้างนอกมั้ย?」   

การซื้อและขายทาสมันถูกกฎหมาย และไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น มันอาจจะผิดกฎหมายที่จะฆ่าทาสที่คุณซื้อมา แต่ผมไม่คุ้นเคยกับกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผมเห็นหน้าของเจ้าของ ห่ออยู่ในแบบนี้ ผมมั่นใจว่ามีกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเป็นภูเขา บวกกับ ตั้งแต่ทีแรก……

 「กองทัพที่ยืดครองมีสิทธิ์ที่จะยึดพื้นที่เหรอ?」   

ผมจงใจยิ้มอย่างโหดร้าย เด็กๆพวกนี้น่าจะถูกพามาเป็นทาสอย่างผิดกฎหมายถ้าผมสืบไม่ว่าอย่างไร แต่มันจะช่วยผมจากปัญหาที่จะทำอย่างนั้น

หลังจากที่เจ้าของมองผู้ติดตามของเขา พวกเขาชักดาบ โอเค มันอย่างที่ผมคาดหวัง

 「มันมีแค่พวกมันสองคน ถ้าเราฆ่ามันและฝังที่ห้องใต้ดิน จะไม่มีใครเจอ!! ฆ่ามัน!!」     

ผมรอเรื่องนี้อยู่เลย ตอนนี้ เราไม่ต้องเถียงกันเรื่องสิทธิ์หรือกฎหมาย เราทำกับพวกเขาเป็นกบฎได้

ผมฟันหนึ่งทีด้วยแอ่งคู แะชายสองคนที่วิ่งเข้าใส่ผม ดู ขณะที่ตัวท่อนบนไหลออกไปเฉียงๆและร่วงลงไป จากนั้นผมหยิบดาบสองเล่ม ที่มันตกลงสู่พื้น ไว้ที่แต่ละมือ แอ่งคู่มันมีค่าสำหรับผม ผมเลยไม่อยากใช้มันเพื่อฟันสิ่งสกปรก ถ้าผมเลี่ยงมันได้

ทางเดินที่แคบ หลายคนเดินข้างกันไม่ได้ ดังนั้นศัตรูมาหาผมทีละสองคน

 「เทียบกับสนามรบ นี่มันง่ายกว่าเยอะ」   

ผมฟันแหวกหัวของชายยที่พุ่งเข้ามาหาผมและตัดหัวของเขาออก ผมเหวี่ยงดาบทั้งสองเล่มในการเคลื่อนไหวรูป ‘x’ และฟันแขนของเขา และเตะเขาไปข้างๆ

คนที่พยายามจะพุ่งเข้ามาหาผมระหว่างช่องเปิดที่ผมสร้างระหว่างการใช้ท่าที่ฉูดฉาดนั้นโดนฟันข้อมือออกไป ซีเลียไม่เข้าใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สู้แค่เพราะพวกเขาเป็นศัตรูของผม

 「ช-ชั้นรู้จักคนคนนี้ สัตว์ประหลาดของโกลโดเนีย ปีศาจแห่งการต่อสู้ฮาร์ดเลตต์!!」   

 「โอ้ ขอบคุณ」   

ผมแยกชิ้นส่วนชายเป็นแนวตั้งจากข้างบนของหัว แต่ดาบมันทื่อ มันหยุดที่เอว มีแค่ท่อนบนของเขามันถูกแบ่งครึ่ง และจบอยู่ในสภาพที่น่ากลัว

ชายที่ล้มลงและยก้นขึ้นมาอยู่ในสภาพที่เหมือนมอนสเตอร์สายพันธุ์ใหม่ เป็นทหารคนสุดท้าย พูดมันให้แม่นยำ ชายที่นำเรามาตอนแรกและหมดแรงที่ขายังอยู่ แต่ผมยังต้องการเขา

 「ดังนั้น นายเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่」   

เจ้าของยิ้มแข็งๆ

 「ผมขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับการกระทำผิดทั้งหมดของผม!! พูดถึงลอร์ดฮาร์ดเลตต์ หมายถึง……ผู้หญิง และผมเสนอผู้หญิงให้ท่านมากเท่าที่ท่านต้องการได้ เรามีผู้หญิงที่ประณีตในห้องนี้ และมีคนอื่นอีกหลายคนในแต่ละห้องขัง……」

 「มันจำเป็นสำหรับการที่นายต้องรอดชีวิตที่ชั้นจะเอาผู้หญิงเหล่านั้นไปด้วยเหรอ?」      

ผมไม่ต้องการตาแก่สกปรกนี่ ผมเหวี่ยงดาบที่ปกคลุมไปด้วยเลือดและทื่ออย่างสมบูรณ์แล้ว และเหวี่ยงดาบที่หัวของเขา ผมเลี่ยงน้ำที่ออกมาจากมะเขือเทศที่ถูกขยี้ และยืนชายที่ทำตัวเป็นคนนำทาง

 「สิบคน……ทันที……」   

อะไรกันนั่นมันแค่สิบคนเหรอ? ที่ใต้ดินนี้มันก็มีปัญหาทางการเงินด้วย หือห์?

ผมให้ซีเลียไปเรียกทหารและในเวลานั้นผมปล่อยเด็กๆและผู้หญิงที่เข้าไปอยู่ด้วยกันกับเด็กๆ ทันทีที่ผมปล่อยพวกเธอเป็นอิสระ ผู้หญิงที่โตแล้วจูบผมเป็นห่าฝนอย่างคลั่งใคล้ แต่เด็กๆดูเหมือนจะไม่มีความคิดเลยว่าจะทำอะไร พวกเขาต้องอยู่ที่นี่ตั้งแต่ยังเด็กมากๆ ดังนั้นมันธรรมชาติที่พวกเขาจะไม่รู้มากเกี่ยวกับโลกภายนอก ผมก็เป็นอย่างนั้นในอดีตด้วย

 「จากตอนนี้ไป พวกนายจะตัดสินใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างที่นายต้องการ」   

ผมแนะนำการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้าง บางทีพวกเขาหนึ่งคนได้พัฒนาไปเป็นคนสวยที่น่าตกตะลึง

ประตูสุดท้ายที่คนนำทางเปิดคือปรตูหนา และข้างหลังประตูมีแถวของอุปกรณ์ที่ดูน่าจะเจ็บปวด

 「ห้องลงโทษเหรอ?」   

 「เฮฮ๋ ใช่」   

ตรงกลางห้อง มีสาวน้อยที่เหนื่อย…… ไม่ เธอดูโตกว่าสาวน้อยนิดหน่อย บางทีเธอรุ่นราวคราวเดียวกับซีเลีย ผมบอกได้จากเมล็ดพันธุ์ที่ไหลจากหว่างขาของเธอ ว่าเธอถูกข่มขืนอย่างรุนแรงไม่นาน

 「อา……ได้โปรดอย่าแรง……ความเจ็บปวด…… หนูไม่ชอบมัน……」

สาวที่ร้องไห้มองดูผมและเปิดตาเธอกว้างในความตกใจ

 「น-นายคือ……อย่าบอกชั้นนะว่า……」      

แต่สายตาของสาวไปจับจ้องที่คนข้างหลังผมที่เป็นคนนำทางผม เธอปิดหน้าของเธอและร้องไห้อย่างดัง

 「ม่ายยยยย! หนูไม่อยากจะเจ็บปวดอีแล้วววว!!」   

เธอไม่เต็มใจที่จะพูดอีกแล้ว ดังนั้นผมอุ้มเธอขึ้นมาและเลื่อนเธอไปที่อื่น ทั้งตัวของเธอถูกปกคลุมไปด้วยแผล ละเธอสกปรก แต่หน้าของเธอสวยถ้าเธอถูกปฏิบัติอย่างอ่อนโยน ความงามของเธอจะส่องสว่างมากขึ้นไปอีก; พวกงี่เง่านั้นไม่เคยที่จะเรียนรู้เลย

—————————————————————   

 「เอเกอร์-ซามมะ!」   

ซีเลียนำหน่วยคุ้มกันมากับเธอและเข้ามาที่ห้องใต้ดิน แม้ว่าทีมคุ้มกับยู่หน้ากับภาพที่เป็นภัยพิบัติรอบๆพวกเขา

 「เราจะเอาเด็กมาอยู่ภายใต้การดูแล และนำพวกเขากลับไปที่ฐานในเวลานี้ นำคนเจ็บและป่วยไปหาหมอ」   

หน่วยคุ้มกันทำลายห้องขังทีละห้อง และนำเด็กๆไปกับพวกเขา อย่างไรก็ตาม มีพวกนั้นที่หยุดหายใจไปแล้ว

 「พาพวกเขาขึ้นไปและเผาพวกเขา」   

ผมไม่โกรธเพาะสถานการณ์ของผมเอง ผมไม่เคยจะรู้สึกว่ามันโชคร้ายถ้าให้เริ่มพูด ผมแค่ขยะแขยง

 「เฮ้ มาทางนี้」   

 「ไมมมม่! หนูไม่ชอบความเจ็บปวด!」   

มันเป็นเสียงของสาวก่อนหน้านี้ และมันดูเหมือนเธอต่อต้านหน่วยคุ้มกันด้วย เธอกลัวอย่างสมบูรณ์

แต่เมื่อผมมคิดเกี่ยวกับการทำอะไรเกี่ยวกับเธอดี เธอเซมาที่ทางผมและกอดผม โอ้ งั้นเธอก็โอเคกับผมเหรอ?

 「…………」   

 「ยังไงซะ ชั้นไม่ถือ มา」   

มันช่วยไม่ได้ ดังนั้นผมอุ้มสาวขึ้นและมุ่งหน้าไปขึ้นไปที่พื้นดิน เธอดูเหมือนจะโอเคภายใต้คนเด็กๆคนอื่นๆ ผมเลยใส่เธอไว้ที่รถเกวียนจากนั้นส่งพวกเธอไปที่ฐาน จ้องผมอย่างเดียว เธอตกหลุมรักกับผมเมื่อแรกพบเหรอ

จากนั้นผมลงไปที่ห้องใต้ดินอีกครั้ง ผมต้องทำความสะอาดบางอย่าง

 「บ-บอส……จะเกิดอะไรขึ้นกับผม?」   

 「นายยังไม่ได้นำทางชั้นไปทุกที่ ใช่มั้ย? เริ่มจากเรื่องนั้นก่อน」   

แม้ว่าผมพูดว่านำทาง ผมได้นำเขามาแล้ว ขณะที่เราเดินไปห้องใต้ดิน จากนั้นผมทำการคุยเบาๆกับชาย    

 「สาวเมื่อกี้นี้สร้างปัญหาให้นายเยอะ หึ้ห์?」   

 「เฮฮฮ๋! แน่นอน อีเหี้ยนั่น」   

 「เธอค่อนข้างที่จะกลัวนายนะ นายข่มขืนเธอเยอะเลยเหรอ?」   

ผมแม้แต่แสดงรอยยิ้มให้เขาดู และสร้างความประทับใจว่าผมแค่ล้อเล่นไปทั่ว

 「เฮฮฮ๋……ยังไงซะ ผมเดาว่าอย่างนั้น」   

 「มันดีมั้ย?」   

 「สาวคนนั้น รูของเธอดีที่สุด! ท่านควรจะลองมันอย่างแน่นอนด้วย บอส……เดี๋ยว นี่ไม่ได้เป็นแม้แต่ห้อง」   

ในมุมของคุกใต้ดิน มันมีฝาเหล็กที่ดูหนัก

 「ท่านต้องการสองคนที่จะเปิดฝานั้น และถ้าท่านไม่ระวังเมื่อท่านเปิดมัน……」   

ผมยกฝาขึ้น รูลึกได้ถูกเปิดเผย มันมืดจนผมมองไม่เห็นก้นของมัน เสียงกุกกักข้างในน่าจะเป้นเสียงหนูที่กินซากเนื้อหรืออาจจะเป็นศพที่กลายไปเป็นซอมบี้

 「ที่นี่……」  「ที่ที่นายโยนศพและนักโทษที่อ่อนแอ ใช่มั้ย?」   

มันถูกใช้ในเหตุผลเดียวกันกับในอดีต ไม่ใช่เหรอ?

ผมจับคอของชายที่หน้าซีด เมื่อเขาเห็นหน้าของผม และลากเขา

 「บ-บอส! สัญญาคือ- ก่ะห!!」   

 「สัญญาะไร……?」   

 「ท่านพูดว่าถ้าผมพาท่านไปรอบๆ ท่านจะไม่ฆ่าผมไง!!」   

 「ขอโทษ ชั้นลืมเกี่ยวกับมันน่ะ」   

ผมโยนชายลงไปในรู้ เขาหล่นลงไปค่อนข้างจะไกล แต่เพราะมีกองศพอยู่ข้างล่างเขาเขาไม่ควรจะตาย แม้ว่าการกรีดร้องของเขาไม่จบไม่สิ้น ผมรำคาญ ผมจึงปิดฝาอย่างอ่อนโยน

ยังไงะ กลับกันเถอะตอนนี้

—————————————————————   

เช้าวันต่อมา

 「นายค่อนข้างที่จะอาละวาด ไม่ใช่เหรอ」      

อีริชโกรธแล้ว

    

 「ในฐานะผู้บัญชาการ…… สิ่งที่นายทำมันไม่จำเป็น – ที่จะอาละวาดแบบนั้น เมื่อหัวใจของผู้คนถูกรบกวนหลังจากที่พวกเค้าโดนยึดครอง และสร้างผู้เสียชีวิตมันตรงกันข้ามกับสามัญสำนึก」   

เขาถอนหายใจและตั้งสติก่อนที่จะพูดอีกครั้ง

 「ในฐานะชาย มันเป็นงานที่ทำได้ดี มันดีกว่าที่นายจะเป็นแบบนั้น」   

ช่างเป็นคนที่ไม่มั่นคง

แต่นอกจากอีริช มันดูเหมือนเมืองหลวงมันก็ไม่มั่นคงด้วย ไม่กี่วันต่อมา ผู้ส่งสาส์นมาจากเมืองหลวงเพื่อออกคำสั่งให้เรามุ่งหน้าไปที่ทิศเหนืออแทนที่จะบอกเราถึงจุดจบสงคราม

—————————————————————

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 21 ปี ฤดูใบไม้ร่วง เวลาสงคราม

หน่วยของลูกน้อง: 9600

ทหารราบ: 2100, ทหารม้า: 1300, นักธนู: 700, ช่างศึก: 200, ทหารม้าธนู: 5500

ลูกน้อง: ลีโอโพลต์ (หัวหน้าของเจ้าหน้าที่และรองผู้บัญชาการกองทัพ), ซีเลีย (ผู้ช่วย, กัปตันผู้คุ้มกัน), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการ), ลูน่า (ผู้บัญชาการทหารม้าธนู), ปีปี้ (มาสคอต)

ตำแหน่งปัจจุบัน: ทริสเนีย

ความสำเร็จ: 

กวาดล้างกองกำลังป้องกันทิศตะวันออก (ยอมแพ้), ยึดครองโรเลล, กำจัดกองทัพมากราโด, ทำลายกองทัพจักรวรรดิของเทรีย, ทำให้ป้อมปราการมาจิโน่พ่ายแพ้ (ร่วม)

—————————————————————

 ขอบคุณสำหรับเงิน 100 บาท

ขอบคุณสำหรับเงิน 45 บาท

เป้าหมายเดือน 7/66

ค่าเน็ต 200/200

รับยา ยาหมด 0/200

ค่าห้องโรงพยาบาลยาย 460/2000

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

วายุ แซ่จิว

กสิกรไทย

แปลโดย: wayuwayu

โดเนทแล้วอยากให้เรื่องขึ้นหรือสะสมเงินเพิ่มตอน สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ที่ facebook   

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท