ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 188 ศึกเก็บกวาดผู้คลั่งไคล้มากราโด ② หนึ่งร้อยแห่งหุบเขาลึก

ถนนสู่อาณาจักร

188 ศึกเก็บกวาดผู้คลั่งไคล้มากราโด ② หนึ่งร้อยแห่งหุบเขาลึก

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

นอกเมืองอเลส

「มีกี่คนมารวมกัน?」

「ยกเว้นคนเหล่านั้นผู้ไม่มีลูกและลูกคนโตสุดของตระกูลพวกเขา ได้ 300 คน!」

ชายผู้ยืนข้างกิลเดรสตะโกนอย่างมั่นใจ

ถ้านักรบของอเลสไม่แม้แต่จะคุกเข่าหนึ่งข้างต่อหน้าราชา มันหมายถึงพวกเขาทำตามภาษาประเพณีแห่งการเคารพด้วย

นักรบเหล่านี้ผู้เห็นค่าการต่อสู้เหนือทุกอย่าง พวกเขาเชื่อว่าการมีท่าทางที่ต้องทำตัวให้คนอื่นพอใจในความเป็นจริงนั้นจะหยาบคายกับอเลสและต่อราชา

「300…… เจ้าพูด?」   

กิลเดรสหันไปเพื่อหันหน้าให้พวกผู้ชายผู้ตามเขาเป็นครั้งแรก

คนเหล่านั้นททั้งหมดที่มาอยู่ตรงนี้ต่อหน้าพวกเขาเป็นพวกผู้ชายที่แข็งแรงและกำยำ กำแพงแห่งกล้ามเนื้ออันสูงตระหง่าน

ในแต่ละมือของพวกผู้ชายคือดาบหนาและหนักแต่ไม่ยาวและโล่อันดูหนักคล้ายกัน

ผ้าคลุมดำสนิทเป็นผ้าม่านบดบังเกราะอันป้องกันร่างกายของพวกเขา ซึ่งป้องการแค่ส่วนที่สำคัญเป็นจุดตายเพียงเท่านั้น ทำให้มันดูเหมือนพวกเขานั้นเปลือยเปล่าเมื่อมองครั้งแรก

บางทีเพื่อแยกตัวเขาเองออกจากราชา กิลเดรสเป็นเพียงคนเดียวที่ใส่ผ้าคลุมสีแดงฉาน

「……เจ้า ชื่ออะไรอายุเท่าไหร่?」

กิลเดรสเรียกชายผู้ดูเด็ก

「แครนเดรัส! 21!」

ราชาครวญดังเร็วๆและจากนั้นตะคอกอย่างดัง

「เด็กเกินไป! มันมีชีดจำกัดอายุกับใครก็ตามที่จะไปเดินกับข้า! คนเหล่านั้นผู้ยังไม่ 30 เจ้าออกไปได้!」

มีความตื่นคัสในหมู่คนทั้งหมดผู้อยู่ตรงนี้

「ราชาของข้า เหล่าพวกเราชายหนุ่มยังเป็นนักรบของอเลส และจะไม่ด้อยไปกว่าศัตรู ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร」

「เงียบ! คนหนุ่มมีงานอันต้องปกป้องผู้หญิงและเด็กๆในอเลส」

พวกคนหนุ่มทำหน้าค่อนข้างไม่พอใจ แต่หลังจากเห็นกิลเดสยืนอย่างตระหง่านกล้าและไม่ยินยอมที่จะประณีประนอม พวกผู้ชายหนุ่มคำนับหนึ่งครั้งแล้วจากไป

「อนาคตจะถูกสร้างโดยพวกเจ้า! อย่าให้ตัวเองตายไปแบบนี้!」

พวกผู้ชายตอบด้วยการตะโกนดังก้องในการรับรู้หลังจากราชาคำรามสู่พวกเขาจากข้างหลัง

「มีเท่าไหร่แล้วตอนนี้?」

「100 คน」

กิลเดรสพยักหน้า ดูเหมือนว่าจะพอใจ

「อุมุ นั่นเป็นจำนวนที่สมบูรณ์แบบ ข้าจะรู้สึกเสียใจทีไม่ให้โอกาสโกลโดเนียเลยถ้าเป็นอย่างอื่น」

「เข้าใจแล้วครับ ท่านไม่ผิดเลยนั่น!」

「เพราะทั้งหมดการรวมนักรบอเลสมากเกินไปมันจะแยกโลก!」

พวกผู้ชายที่เหลือหัวเราะร่าเต็มอก

จากนั้น รอยยิ้มของกิลเดรสหายไปแล้วพูดกับพวกผู้ชาย

「เราจะช้ามขีดจำกัดเราและอาละวาดมากเท่าที่เราต้องการในการต่อสู้นี้ เพื่อที่เราจะแสดงตัวตนอันกล้าหาญของเราระหว่างหยุดการเดินหน้าของโกลโดเนีย…… และจากนั้น เราน่าจะ สิ้นไป」

พวกผู้ชายคนอื่นไม่พูดแม้แต่คำเดียว

พวกผู้ชายเหล่านี้ผู้ก็เป็นพวกผู้ชายที่สู้กันเรื่อยมาผ่านอายุ 30 พวกเขาเข้าใจบทสรุปที่จะมาถึงแค่จากความต่างในจำนวนและความเป็นจริงที่ว่าจะไม่มีกำลังเสริมมา

「ฉันจะพูดนี่อีกครั้ง นี่ไม่มีอะไร แต่เป็นการเดิน บางคนอาจจะปวดท้องและบางคนอาจไม่มีแรงจูงใจ ถ้าพวกเจ้ากลับไปบ้านตอนนี้ ไม่มีใครจะตำหนิเจ้า」

ไม่มีใครเลยขยับแม้แต่เสี้ยวจากจุดยืนของพวกเขา

และจากนั้นผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาและถามคำถามกิลเดรส

「ราชาของข้า การต่อสู้นี้นั้นเพื่ออเลสหรือไม่?」

กิลเดรสตอบทันที

「ไม่」

「ถ้าอย่างนั้น อะไรคือเหตุผลของการต่อสู้นี้?」

กิลเดรสพองอกออกด้วยความภาคภูมิใจ

「นี่เป็นสัญญา…… สัญญาส่วนตัวระหว่างพวกผู้ชาย!」

พวกผู้ชายผู้ทำสีหน้าจริงจังในที่สุดก็ผ่อนคลายลุงและปากเปิดมาหัวเราะ

「สัญญารึ หือ!?」 「ถ้ามันเป็นสัญญาระหว่างพวกผู้ชาย มันช่วยไม่ได้」 「เหตุผลที่เหมาะจะเอาชีวิตไปเสี่ยงพอ!」

พวกผู้ชายตะโกน

「ราชาของข้า เราเข้าใจ! ให้เราไป เราจะสู้ในฐานะนักรบ!」

「อุมุ! ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเราแต่ละคนแค่ต้องเอาชนะคนละร้อยแล้วเราจะชนะ」

ไม่มีการตัดสินใจไม่ได้ในสายตาของทุกคน

พวกผู้ชายเต็มไปด้วยรอยยิ้มและกล้ามเนื้อพพวกเขาสั่นในความตื่นเต้น

「เจ้าบื้อ ข้าได้ยินมาว่าศัตรูมี 13,000 เราชนะ 10 ต่อคนจะปล่อยเหลือไว้ 3000」

ราชาตะโกนในเสียงยิ่งดังขึ้นมากกว่าพวกผู้ชายผู้ตะโกนก่อนหน้า

「ถ้าอย่างนั้น ข้าจะรับมือ 3000!」

พวกผู้ชายทั้งหมดโห่ร้องยินดี

「ได้ยินมั้ยนั่น!? ราชาหลั่งวาจาออกมาว่าเขาจะสู้ 3000」

「โอ้ ฟังดูดี ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราไม่ส่งเหล่าให้เขาคนละถังถ้าเขาทำมันสำเร็จ」

ยิ้ม ราชาชักดาบและยกโล่

พวกผู้ชายคนอื่นทำตาม

「อะไรที่เราถือในมือขวา!?」

「「「ดาบแห่งใช่ชนะซึ่งจะมอบการแก้แค้น」」」

「อะไรที่เราถือในมือซ้าย!?」

「「「โล่ซึ้งปกป้องดินแดนพ่อของเรา」」」

「อะไรที่เรามี!?」

「「「ร่างกายที่อยู่ในวินัยแห่งเหล็กกล้า」」」

「เอาละนะ เหล่าผู้ชายของอเลส!」

「「「อออุโออออออ้!!」」」

ราชาพุ่งไปข้างหน้าและทุกคนตามหลังเขาเพราะขีดจำกันของเมืองซึ่งค่อนข้างใหญ่ พวกเขาจะไม่สามารถรวมม้าจำนวนที่เพียงพอได้

นั่นทำไมพวกเขาจะเดินทางไปสู้เป้าหมายของพวกเขา หุบเขาลึก ด้วยเท้า

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

กองทัพฮาร์ดเลตต์ ชานหุบเขาลึกทอกอร์

「ถ้าอย่างนั้นนั่นหุบเขาลึกทอกอร์……  มันดูค่อนข้างลึก」

จากรายงานของหน่วยสอดแนม ส่วนล่างค่อนข้างแคม มีเส้นทางในส่วนภายในและมันใช้ไปกลับไปแต่คนไม่มากผ่านได้ในทีเดียว

「มันจะมีปัญหาถ้าพวกเขามารอกันที่นี่…… คนเหล่านั้นจากอโตรัวกระจัดกระจายไปแล้วจริงๆเหรอ?」

「ใช่ เราให้บางคนตามพวกเขาและพวกเขาไม่ได้เข้าหุบเขา แต่ค่อนข้างกระจัดกระจายไปทั้งสองข้างเต็มความเร็ว」

「เราทำการอ้อมได้ด้วย……」

ซีเลียตัดเข้ามาในการสนทนาที่ผมมีกับลีโอโพลต์

ผมกำลังคิดเกี่ยวกับนั่นด้วย แต่นครรัฐแยกไปซ้ายและขวา

และจากนั้น ที่นาของพวกเขาจะอยู่ใกล้หุบเขาแม้ว่าพวกเขาอนุญาตให้เราบุกรุก เรายังถูกพิจารณาว่าเป็นคนนอก ถ้าเราบุกรุกนาของเขาและทำบางอย่างกับพลเมือง พวกเขาอาจเห็นว่าเป็นการเป็นภัยและมอบการเตือนให้เราทันที

「เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปตามทางแคบนี้ นี่คือบางอย่างที่เราจะไม่ได้เห็นบนที่ราบกลาง บางทีหนูรวมนี่ในเรื่องราวของหนูเมื่อหนูเล่าการผจญภัยของหนูให้นนน่าและคนอื่นๆฟัง」

เมื่อผมลูบหัวซีเลีย หน้าไม่มีความสุขดูผ่อนคลายขึ้นและหรี่ตา

「ใช่……ให้ลีอาห์ได้ฟังด้วย」

ไม่นานมานี้ ซีเลียและลีอาได้สนิทกันอย่างดีแบบแปลกๆ

พวกเธออายุไรเลี่ยกัน บวกกันกับมันดูเหมือนซีเลียอารมร้อนและจุกจิกเข้ากันได้กับลีอาห์ผู้อ่อนและสงบดี

「ลีอาห์เหมือนน้องสาวแต่เธอค่อนข้างเต็มมือ」

ลีอาห์ก็ทำบางอย่างแบบนั้นในอดีต บางอย่างเหมือน: “ซีเลียนั้นเหมือนน้องสาวผู้ลนลานกับทุกอย่างค่อนข้างง่าย”

ไม่มีอะไรดีกว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายมอบชิ้นส่วนของหัวใจให้แก่กัน

กองทัพเดินหน้าระหว่างผมคิดถึงอะไรแบบนั้น

แม้ว่าบริเวณนั้นอยู่ในสนามรบ ทหารไม่ได้รู้สึกตึงเครียดเพราะศัตรูถูกกำจัดไปแล้วครั้งหนึ่ง

สิ่งเดียวที่เหลือก็คือโจมตีเมืองอโตรัวและนั่นคือจบ – บรรยากาศแบบนั้นถูกส่งออกมาโดยเหล่าทหารทั้งหมด

「สาส์นด่วน! กองกำลังทหารของบางอย่างปรากฏว่าตั้งแคมป์อยู่ใกล้กับทางออกหุบเขาลึกทอกอร์」

ผมไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจ ลีโอโพลต์และไมล่าก็ด้วยเหมือนกัน

「ศัตรูหรือ? อโตรัวลงหลักหรือ?」

「ไม่ ธงนั้นต่างกัน แต่โชคร้าย รายละเอียดนั้น……」

ถ้าคนสอดแนมไม่รู้ นั้นหมายถึงมันคือธงซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

บางทีมันเป็นเมืองใกล้ๆมาแทรกแซง

「มีกี่คน?」

「ผมเชื่อว่าประมาณ 100」

「ฟุมุ……」

ลีโอโพลต์และผมเอียงหัวของเรา

นั่นไม่ใช่กองกำลังที่ใหญ่ ซึ่งหมายถึงพวกเขาจะไม่ได้เป็นภัยเลยสักนิด

「มีโอกาสที่ทหารมมากกว่านั้นกำลังซ่อนอยู่」

「อย่างไรก็ตาม เส้นทางนอกจากที่เราจะไปทั้งหมดค่อนข้างชัน ผมจินตนาการไม่ได้ว่าพวกเขากำลังซ่อนอยู่ในหน้าผาเหมือนผาเหล่านี้……」

มันเป็นงานง่ายสำหรับทหารที่จะรอทำการซุ่มโจมตีและค่อนข้างจะกลายเป็นตลกถ้าพวกเขาสะดุดและหล่นมาจากหน้าผา

「แค่มาระวังกันเถอะ เราจะแบ่งแนวหน้าเข้าสู่คลื่นสามกองของ 200 คนแต่ละกองและเดินทัพไปข้างหน้าทางนั้น」

「ฉันเห็นด้วย เราควรส่งผู้ส่งสาส์นไปที่หลังและให้พวกเขาออกจากเส้นทางไป มันอาจเป็นผู้บัญชาการผู้ส่งออกมาในความตื่นตกใจเพราะเขาไม่ได้จดหมายก่อนหน้านี้」

ในที่สุดเข้าก็มาเรื่อยๆถึงหุบเขาลึกและขึ้นทางลาดแล้วได้เห็น เหมือนที่บ่งบอกในรายงาน กองทัพของชายคร่าวๆร้อยคนกำลังไขว้แขนระหว่างยืนอย่างตระหง่านหน้าทางออกหุบเขาลึก

พวกเขากันทางเดียวที่จะออกจากหุบเขาลึก

「ฟุมุ……เราส่งผู้ส่งสาส์น ถูกมั้ย?」

「ใช่…… แต่เราไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ」

มันช่วยไม่ได้ มาคุยกับพวกเขาตรงๆ

ผมเดินไปข้างหน้าและตะโกนใส่พวกเขา

「เราคือกองทัพของโกลโดเนีย! เราเดินหน้ากองทัพเราเพื่อที่เราจะกำจัดบุคคลไร้กฎหมายและช่วยอโตรัว ทำไมนายยืนระหว่างทางเรา」

「เสียงดังก้องในการตอบทันทีหลังจากผมพูดเสร็จ」

「ข้ากิลเดรส ราชาแห่งอเลส ฉันมาเดินเล่นและมีความสุขกับทิวทัศน์ที่นี่!」

「ราชา…… เขาพูด?」

ลีโอโพลต์เปิดเอกสารบางอย่าง

เราไม่มีข้อมูลมากเกี่ยวกับนครรัฐ การสอบสวนน้อยที่สุดได้ทำเสร็จสงไปเพื่อให้รู้ว่าเมืองไหนที่อยู่ระหว่างเส้นทางเดินทัพของเรา แต่เพราะหลายเมืองปิดคนนอกออก เราหาอะไรเกี่ยวกับอะไรๆมากไม่ได้เลย

「กิลเดรส…… นั่นชื่อของราชาของอเลส ถ้าผมไม่ได้ดูผิด อเลสคือเมืองในทางตะวันออกและพวกเขาไม่ได้มีพันธมิตรเป็นพิเศษกับอโตรัว」

นี่ดูเหมือนมันจะเป็นปัญหา

「ราชากิลเดรส! ฉันคือมาเกรฟฮาร์ดเลตต์จากโกลโดเนีย นายพูดถึงบางอย่างว่ามาเดิน แต่นายให้กองทัพผ่านไปก่อนจะมีความสุขกับทิวทัศน์ได้มั้ย!?」

「ไม่! จะไม่มีเสน่ห์กับภูมิทัศน์เมื่อกองทัพของทหารเป็นหมื่นเหยียบย่ำผ่านไป」

ผมเดาว่านั่นจะเกิดขึ้น

ในความเป็นจริง ผมจินตนาการไม่ได้เลยว่าเขามาที่นี่เพื่อการเดิน

「ลีโอโพลต์ คิดยังไง?」

「อเลสควรเป็นชาติทางทหารคู่กับพลังที่เน้นไปอยู่รอบราชา ไม่มีทางที่พวกเขาจะรวมทัพทหารมากกว่า 100 ไม่ได้…… การคาดเดาเดียวที่ผมมีคือราชาเคลื่อนไหวอย่างอิสระไม่ได้」

เข้าใจแล้ว…… อืม ไม่มีประโยชน์ที่กำลังคิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่างที่คนหนึ่งไม่รู้

 「ราชากิลเดรส เราได้รับการอนุมัติจากเมืองรายล้อมซึ่งอนุญาตให้กองทัพเราเดินหน้าเข้าสู่อโตรัว ให้ฉันรับนี่ไว้เป็นว่าอโตรัวไม่เห็นด้วยกับนี่มั้ย?」   

 「ไม่กับนั่นด้วยเหมือนกัน อเลสไม่มีเจตนาต่อต้านโกลโดเนีย! คนที่อยู่ที่นี่คือข้ากับเพื่อนสนิทผู้ได้เลือกที่จะมาด้วยกับการเดินของข้า!」   

 「พ่นโกหกไร้สาระอะไรมาล่ะนั่น……」   

“ไม่มีทางที่นายจะเอาดาบและโล่มาเพื่อทำการเดิน” – ซีเลียพึมพำ

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้เกลียดชายแบบนี้

 「ราชา เราควรรอไปถึงเมื่อไหร่ที่นี่?」   

กิลเดรสน่าจะไม่ได้พิจารณาเวลาขณะเขาเอียงหัวเขาเล็กน้อยก่อนจะตอบ

 「เราจะกลับบ้านเราเมื่อหิมะเริ่มตกและมันหนาว」   

ทหารที่ยืนอยู่ข้างหลังราชางัดยิ้มออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 「แกกล้าดียังไงทำตัวกล้าแกร่งยิ่งใหญ่ด้วยแค่กองกำลังเล็กๆน้อยๆร้อยนึง!!」   

หน้าไมล่าบิดจากการยั่วยุของทหารทางกวนประสาทของการพูดของกิลเดรส

การเจรจาแตกหักลงไปแล้ว

แต่ผมกลับบ้านไปแล้วรู้สึกแย่ไม่ได้

 「ราชา…… เราไม่มีเจตนาจะต่อต้านอเลสด้วยเหมือนกัน ยังไงก็ตาม ถ้านายพูดอย่างนั้นต่อไปว่านายจะไม่ถอย เราไม่มีทางเลือกนอกจากดันผ่านไปด้วยกองกำลัง เขาใจไหม?」   

 「แน่นอน ข้าไม่ถือด้วยเหมือนกัน ฉันไม่ได้มีดินแดนพ่อบนไหล่ ณ ตอนนี้ แต่ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงพลังของพวกผู้ชายแห่งอเลส」   

พวกเขาอยากทำแบบนั้นตั้งแต่แรก

ความพยายามเจรจาอะไรมากกกว่านี้จะไร้ความหมาย ผมก้าวถอยและกลับไปสู่ข้างหลังเพื่อที่จะรอการจัดขบวนแถว

 「แค่ทหารหนึ่งร้อย พวกเขาจะถูกกำจัดในพริบตา」   

เขาสู้ได้ดีในการถกเถียงเล็กๆ แต่ไม่มีอะไรที่เขาทำได้เมื่อมัน 13,000 ปะทะ 100

 「เราส่งได้แค่ทหาร 20 คนได้ต่อแถวหนึ่งในบริเวณที่เป็นตำแหน่งของพวกเขา มันเป็นเนินด้วยเหมือนกัน……」   

ทริสตันก็ไม่ได้ดูเหมือนมีความรู้สึกอยู่ในความฉุกเฉินด้วย

แม้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้ตลอด

 「เพราเขาเห่ามากมาย เขาต้องมีความมั่นใจกับพละกำลังของกองทัพของเขา เราจะได้รับผู้เสียชีวิตด้วยเหมือนกันถ้าเราปะทะกับพวกเขาตรงๆ มายิงธนูเป็นฝนเพื่อขับไล่พวกเขาออกไปเถอะ」   

มีแค่ทหารอยู่ข้างๆกันได้ครั้งละยี่สิบ แต่ทักธนูใช้ในแถวแนวตั้งได้

นั่นน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อสรุปอะไรๆ

 「พวกเขาถูกส่งไปแล้ว」   

ลีโอโพลต์ได้สั่งพลธนูไปสู่ข้างหน้าแล้สว

จากอะไรที่เห็นได้ของอุปกรณ์ของพวกเขา พวกเขามีแค่ดาบและโล่เพียงเท่านั้น…… พวกเขาไม่ควรโจมตีสวนได้

 「ยิง!」   

ลูกธนูหลายร้อยเทลงไปบนศัตรูเหมือนฝน

ศัตตรูล้มทันที…… หรือไม่ใช่

 「ป้องกัน! ท่ายืนบน!」   

ในพริบตา ศัตรูเปลี่ยนสู่กล่องเหล็ก

ลูกธนูตกลงไปเป็นฝนลงบนพวกเจาแต่ทั้งหมดถูกปัดป้องโดยโล่ของพวกเขา

ถ้ามันเด้งออกแทนที่จะแทงโล่นั่นหมายถึงมันทำมาจากโลหะ……พวกมันควรจะมีน้ำหนักมาก กระนั้นทุกคนดูเหมือนจะแบกมันเหมือนไม่มีอะไร

 「……ช่างเป็นความอึดอะไรเช่นนี้」   

 「ใช่」   

โล่ที่แต่ละทหารตั้งขึ้นด้วยมือซ้ายจริงๆแล้วกันทหารข้างพวกเขาด้วย

คนนั้นก็ถูกปกป้องตัวเองจากทางขวาด้วยเหมือนกันด้วย

พวกเขาฝากชีวิตไว้กับชายข้างเขาเมื่อถูกลูกธนูตกลงไปเป็นฝน…… พวกเขาต้องได้รับการฝึกที่ยากลำบากและมีความเชื่อใจพวกพ้องของพวกเขาที่จะทำบางอย่างแบบนั้น

 「ชุดยิงที่สอง!」   

อีกครั้งหนึ่ง ลูกธนูบินไปสู่อากาศและตกลงสู่ศัตรู แต่ไม่มีผลอะไรอย่างแน่นอนเลย

แต่ผมคิดว่าลูกธนูไม่กี่ลูกจะผ่านช่องว่างผมไม่เห็นโล่สักหนึ่งตกลงสู่พื้น

 「ชุดยิงที่สาม!」   

มันเกิดขึ้นทันทีเมื่อผู้บัญชาการตะโกน

 「บบบบบบุกกกกกกกก—!!」   

ศัตรูบุกมาข้างหน้าพร้อมๆกันทันทีเมือเหล่าลูกธนูถูกปล่อยไปสู่อากาศ

ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจับเวลา

 「……เข้าระยะใกล้ไปหรือ?」   

ศัตรูไม่ได้ดูเหมือนโดนการโจมตีของพวกเขาดังนั้นพลธนูกลายเป็นค่อนข้างหงุดหงิดและเคลื่อนที่เข้าใกล้เกินไป

มันไม่ได้ใช้มากกว่าวินาทีสำหรับพวกเขาเพื่อเปลี่ยนจากตำแหน่งป้องกันสู่บุกตรงสู่เรา

ทันทีเมื่อคำสั่งการถูกตะโกนที่ฝั่งเรา พวกเขาวิ่งมาข้างหน้าเต็มความเร็ว

นั่นไม่ใช้การโต้ตอบจากคำสั่ง ทุกคนแค่เข้าใจตั้งแต่เริ่มว่าพวกเขาต้องทำอะไรต่อไป

 「จึ-! ช่างเป็นความเร็ว」   

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าพวกเขาเร็ว เกือบเหมือนหมูป่าวิ่งเข้าใส่

 「กองกำลังสำรอง ยิง!」   

เราทำอะไรนอกจากทำตัวเราเองเป็นตัวตลกได้ด้วยเหมือนกัน

เพื่อเป็นการระวังไว้ล่วงหน้า หน่วยพลธนูประมาณร้อยคอยอยู่ข้างหลังพร้อมง้างสายธนูรอ

ทหารเหล่านั้นปล่อยลูกธนูของพวกเขาในตำแหน่งกระจัดกระจาย

มันควรมีผลที่ยิ่งใหญ่บนพวกเขาแล้วตอนนี้ที่พวกเขาปล่อยขบวนแถวป้องกัน

 「กวาด!」   

ในพริบตา พวกผู้ชายปัดลูกธนูที่บินสู่พวกเขาด้วยดาบ

ลูกธนูส่วนใหญ่ถูกปัดกระเด็นและมีแค่ไม่กี่ลูกสามารถถูกเป้าหมายของพวกมัน…… แม้ว่าชายผู้ถูกแทงแขนดันมาข้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตะโกนยิ่งดังขึ้นระหว่างทำอย่างนั้น

 「ช่างเป็นทักษะ…… แม้แต่พลทหารก็เป็นแบบนี้รึ?」   

เพราะพลธนูเคลื่อนที่ไม่ได้ทันทีหลังจากปล่อยชุดยิง ทหารราบซึ่งติดตามคุ้มกันพวกเขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อสกัดกั้นศัตรู

 「หทาร ถอย! ทหารราบ ถอยอย่างช้าๆระหว่างซื้อเวลา」   

 「จงได้เห็นความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ชายแห่งอเลส!」   

กิลเดรส ผู้ใส่ผ้าคลุมสีแดง ยืน ณ ข้างหน้าของทัพขณะพวกเขาทั้งหมดกระโดดใส่เราไม่นานหลังจากผู้บัญชาการมอบคำสั่ง

ทันทีที่พวกเขาปะทะกับกองกำลังของเรา พวกเขาทำทหารราบเหมือนกันหลายคนล้มกระเด็นจากการชนโล่ที่เขากำลังถืออยู่ข้างหน้าเพียงครั้งเดียว

 「ธรรมดา! พวกเจ้ามันธรรมดา! ในอเลส พวกเจ้าแม้แต่ดูแลเรื่องเตรียมอาหารของพวกเรายังไม่ได้เลย!」   

พวกเขามีทักษะสูงในการตั้งขบวนแถว มากกว่านั้นแต่ละบุคคลแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ

ทหารราบเราทำอะไรกับพวกเขามากไม่ได้และแค่ล้มกันต่อไปทีละคนตามๆกัน

แม้แต่การโจมตีสวนหายากที่กองกำลังเราสามารถทำได้ถูกปัดไปข้างๆอย่างง่ายดายด้วยโล่ของศัตรูก่อนพวกเขาจะล้มกระเด็น

ราชากิลเดรสเด่นแม้ว่าอยู่ในหมู่ชายเหล่านั้นทั้งหมดผู้แข็งแกร่ง…… เขากระโดดมาข้างหน้ากองทัพ กระแทกทหารด้วยโล่ ฟันอีกสองคนด้วยดาบ จากนั้นหันไปตัดหัวอีกคน

ดาบและโล่ทั้งหมดที่เหวี่ยงใส่เขาจากซ้ายและขวาถูกเขี่ยไปไกลๆด้วยโล่ของเขา

ทุกครั้งมันมีสายทางสีแดงจากผ้าคลุมแดงที่ราชาใส่ น้ำพุแห่งเลือดถูกสาดออกมาและพวกเดียวกันจะทรุดลงสูพื้น

 「จงดูพลังของกองทัพข้า! ที่คืออะไรที่พวกผู้ชายแห่งอเลสทำได้!!」   

ศัตรูตะโกนอย่างดังตอบการตะคอกของราชา ระหว่างพวกเขาเราก้าวถอยหลังเล็กน้อย

ผมสงสัยถ้าชายแบบนี้ – แม้ว่าเป็นศัตรู – จะถูกเรียกว่าผู้กล้า

 「นี่…… ไม่มีทาง……」   

ซีเลียพึมพำเงียบๆขณะเธอจ้องในความทึ่ง กำลังดูเหล่าผู้ชายฉีกทหารราบและแม้แต่เริ่มจะพันพลธนูล้ม

ผู้บัญชาการตะโกนอย่างสิ้นหวังเพื่อให้กองทัพถอย แต่ไม่สามารถทำได้เพราะทางแคบ

พื้นที่มีเหลือสำหรับพวกเขาบ้างเผื่อไว้ แต่การแพ้แบบนี้ไม่ได้อยู่ในความคาดหวังของเรา

 「ให้พลธนูฝืนยิงพวกเขาไป พวกเขาแค่ต้องยิงโดนเป้า」   

 「พวกเขาอยู่ข้างหลังค่อนข้างไกล มีโอกาสที่จะยิงโดนพวกเดียวกัน」   

 「พี่รู้ ลูน่า ณ จุดนี้เราจะได้รับผู้เสียชีวิตหนัก พี่ไม่ถือถ้ามีการยิงผิด แค่ให้พวกเขายิง」   

คำสั่งผมต้องถูกส่งต่อสู่พวกเขาและลูกธนูหลายร้อยตกลงไปเป็นฝนสั้นๆหลังจากนั้น

แน่นอนเลย ลูกธนูไม่ได้แค่เทลงบนศัตรู  – ตัดสินจากว่าพวกเขาจะมีความเสียเปรียบถ้าพวกเขาเข้าปะทะในการต่อสู้ระยะประชิดระหว่างถูกยิงด้วยลูกธนู – ถอยนิดหน่อยกลับไปเพื่อจัดขบวนแถว

 「คนเหล่านั้นผู้ได้รับบาดเจ็บ เคลื่อนที่ไปข้างหลัง!」  「พวกเขามีแค่ร้อย…… อะไรกับผู้ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้」

เหล่าทหารกำลังรู้สึกหวั่นไหวจากที่ไม่สามารถตีศัตรูแตกพ่ายได้ด้วยความได้เปรียบทางจำนวนอันท่วมท้นเหมือนที่พวกเขาวางแผนไว้

ซีเลียพยายามเต็มที่ในการจะวิ่งไปทั่วอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะเข้าสู่การควบคุมสถานการณ์

 「นี่คาดไม่ถึง」   

 「โชคร้าย…… ผมเคยได้ยินมาว่าพวกเขาแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้ถึงจุดนี้」   

 「ใช่มั้ย? มีอะไรหลายอย่างในโลกนี่ที่เราไม่รู้ เหมือนทำไมผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่ทีแรก……」   

ไมล่าจ้องทริสตัน แต่ไม่มีเวลาที่จะมาตามไม่ทัน

อะไรที่เรารู้คือทักษะเยอะจนน่ากลัว ความเป็นกลุ่มเดียวกันของพวกเขาระดับฝีมือมหาศาลแต่ความแข็งแกร่งของบุคคลทางทหารของพวกเขาไม่ปรกติ ทหารแต่ละคนถูกพิจารณาได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาของพวกเขา

 「นั่นถูกแล้ว เพิ่มเติมนั้น เราไม่มีพื้นที่จะล้อมพวกเขา」   

 「ใช่ ถ้าเราอนุญาตให้คนแค่ 20 สู้พวกเขาแต่ละครั้ง เราจะได้รับผู้เสียชีวิตมหาศาล」   

ผมมองไปทางลีโอโพลต์

 「ฉันเข้าใจ ศัตรูไม่ได้มีหอกยาวใดๆ มาให้เราเหยียบย่ำพวกเขาด้วยม้า」   

ใช่มันเป็นเวลาที่เราจะเปลี่ยนสู่การโจมตีต่อไป

ทหารม้าประมาณ 200 คนตั้งแถวขึ้นมา ด้วยการมี 10 คนในแต่ละแถวเพราะภูมิประเทศ กระนั้น ทหารราบควรไม่สามารถหยุดหอกที่พุ่งเข้าตี

ไม่สำคัญว่าทหารของอเลสแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาเทียบไม่ได้กับน้ำหนักกับแรงส่งของพวกม้า

 「ฮาร์ดเลตต์โดโนะ! หนูไปเพื่อขยี้พวกเขา!」   

อิริจิน่าจะเป็นคนนำการบุก

 「พี่หวังพึ่งหนูนะ」   

 「ไปกันเถอะ บุก! แก้แค้นให้พลธนู!」   

“โอออ้!” – ทหารตะโกนในการตอบและเสียงของเกือกม้าก็กลบเสียงของพวกเขา

อืม มาดูว่าพวกเขาจะรับมือกับม้าอย่างไร

 「ปรกติแล้ว เราคาดหวังให้พวกเขาเข้าสู่ขบวนแถวป้องกันและจากนั้นเล็งไปที่ขาม้าผ่านช่องว่างของโล่」   

 「ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ถ้าพวกเขาได้รับการโจมตีที่ตกลงมาจากม้าพุ่งเข้าใส่ พวกเขาจะกระเด็นไปข้างหลังไปด้วยกันกับโล่ของพวกเขา จากนั้นเราแค่ต้องรอจนกว่าพวกเขาจะถูกเหยียบย่ำด้วยเกือกม้า」   

ผมดูไปด้วยความหวังนั้นในใจแต่ศัตรูไม่ได้ดูเหมือนจะเหลียวดูการปรากฏของทหารม้าของเรา

 「บบบุกกกกกก–!」   

 「อะไร-!?」   

ผมปล่อยเสียงผมเล็ดออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ

กับความตกใจของผม คนเหล่านั้นตอบการบุกของทหารม้าบุกด้วยการบุกมาข้างหน้าด้วยตัวเอง

 「ไอบ้าเอ้ย ไม่มีทางที่พวกเขาจะไปยืนชนเท้ากับม้าได้」   

 「มันควรจบแล้วตอนนี้ พวกเขากำลังทำบางอย่างทุบุมบ่ามจัด」   

ไมล่าและทริสตันก็แสดงออกถึงความตกใจอันยิ่งใหญ่

ผมไม่รู้ว่าลีโอโพลต์ไปไหน

และจากนั้นเมื่อสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน

 「พ-พวกเขาบิน!?」   

ทหารอเลส 20 คน ณ ข้างหน้าหยุดการพุ่งใส่เพื่อที่จะงอตัวก้มลงครึ่งตัว และจากนั้นทหารที่อยู่ข้างหลังใช้คนข้างหน้าเป็นแท่นกระโดดเพื่อกระโดดเข้าใส่ทหารม้า

ทหารม้าชี้หอกลงข้างล่างดังนั้นเองพวกเขาไม่สามารถกันการเคลื่อนไหวกลางอากาศได้ ถูกฟันลงทีละคนตามๆกันโดยดาบของศัตรู

ทหารม้าบางคนสามารถตอบสนองและป้องกันการโจมตีเริ่มต้น แต่ทหารศัตรูปัดป้องหอกพวกเขาด้วยโล่และจากนั้นฟันม้าทหารระหว่างกระโจน

เพราะแนวหน้าต้องหยุดกระทันหัน แนวหลังไม่มีทางเลือกนอกจากลดความเร็ว กำจัดแรงส่งซึ่งพวกเขาสร้างมา

ด้วยโล่ใหญ่พร้อมขาถูกผนึก ความได้เปรียบของม้าอย่างเดียวคือมองได้สูงกว่า

มีแค่เสียงร้องทรมานจากพวกเดียวกันที่ได้ยินมาขณะที่พวกเขาถูกฟันลงและม้าล้มไปทั่วทุกที่

 「อุโอออออออ้!」   

 「คิ่ย้าาาาา!」   

พวกเสียงตะโกนคำรามดัง ชายในผ้าคลุมแดงจับคอม้าและหักมัน

ทหารกำลังขี่ม้าถูกโยนลงสู่พื้น

ช่างเป็นชายที่แกร่งจนไร้สาระในการหักคอม้าด้วยมือเปล่า

 「……จึ」   

มันเข้าใจได้ว่าทำไมถึงหงุดหงิด ซีเลียจึ้ปากและมองดูผมอย่างกังวล

พี่รู้ พี่จะไม่บุกเข้าไปด้วยตัวพี่เอง

 「คุ! บัดซบ!」   

อิริจิน่าเปลี่ยนไปเป็นทหารราบหลังจากเสียม้าไปและเหวี่ยงหอก แต่เธอไม่ได้มีการรุกขึ้นหน้าปรกติ

ในความเป็นจริง เธอดูเหมือนถูกดันกลับไปข้างหลัง

 「อิริจิน่าถูกใช้กล้ามเกทับในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับทหารราบ……」   

ซีเลียไม่เชื่อสายตาเธอ

ผมตกใจซ้ายขวาวันนี้ แต่ทั้งหมดไม่ได้ดีเลย

เธอสู้อย่างกล้าหาญ และไม่ได้แค่เพียงไม่สามารถกำจัดได้แม้แต่คนเดียว ศัตรูทั้งหมดของเธอดูใจเย็นอย่างสมบูรณ์

ณ จุดนี้ เราอาจแพ้ถ้าเราไม่ระวัง

 「เราต้องถอยทัพ…… เราจะไม่ชนะแม้ว่าเราจะสู้ต่อไป」   

 「มันช่วยไม่ได้……」   

 「สถานการณ์นี้ดูเหมือนคล้ายกัน…… ส่วนที่ว่ากำลังถูกใช้เพื่อดันผ่านไป」   

ดั่งว่าพวกเขากำลังรอคำสั่งของผม ผู้บัญชาการตะโกนเพื่อให้ทหารม้าถอยทัพ แม้ว่าศัตรูจี้หลังมาอย่างร้อน

และข้างหลังพวกเขา……

 「เจ้าเห็นหรือไม่ ฮาร์ดเลตต์หรืออะไรก็ตาม ที่คืออเลส! นี่คือความสามารถที่พวกผู้ชายของอเลสทำได้! วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!」   

ด้วยหนึ่งขาอยู่บนม้าที่เสียผู้ขี่ กิลเดรสประกาศชัยชนะของเขา

 「ชายคนนั้น…… ปีปี้! ยิงเขาลงไม่ได้เหรอ!?」   

 「ปีปี้จะพยายาม」   

ผมปิดลูกธนูที่ปีปี้เล็งด้วยมือของผม

การต่อสู้จบแล้ว มันจะทิ้งรสชาติแย่ๆในปากผมถ้ามีแม้แต่ที่เขาถูกฆ่าลงไปแบบนั้น

มากกกว่านั้น มันจะลดกำลังใจอย่างใหญ่โตถ้าเขาจับลูกธนูได้

 「พระอาทิตย์กำลังตก ที่คือความพ่ายแพ้ของเรา มาแค่เตรียมสู่พรุ่งนี้อย่างเงียบๆ」   

ตอนนี้เมื่อผมมองดู ทหารคนอื่นก็ดูค่อนข้างไม่ไหวแล้วด้วย เราดิ้นรนมากกับคนแค่ศัตรูเพียงหยิบมือร้อยคนและมีแค่ร่างของพวกของเราถูกเห็นได้ทั่วทั้งสนามรบ

ให้ตายเถอะช่างเป็นศัตรูที่ไม่อยากจะเชื่อผู้โผล่ขึ้นมา

ผมหันไปเพื่อมองดูลีโอโพลต์ผู้กำลังขยุกขยิกไปทั่วกับอะไรไม่รู้ข้างหลังผม

 「เราจะชนะอย่างไม่ต้องสงสัยพรุ่งนี้」   

ถ้าอย่างนั้นนั่นไม่เป็นไร ผมไปนอนได้คืนนี้

 「ฉันจะไปนอนแล้ว ซีเลีย เช็ดตัวพี่ลงที่หลัง」   

 「ด-ได้ อย่างเป็นธรรมชาติ หนูจะดูแลท่านตอนกลางคืน……」   

 「ไม่ มันไม่เป็นไร พี่จะโอบกอดหนูหลังจากกำจัดเจ้าพวกนี้ จนกว่าจะถึงตอนนั้น พี่จะเก็บไว้ก่อน」   

ด้วยนั้นพูด ผมเข้าไปในเต็นท์ที่เตรียมให้ผมโดยเฉพาะ และหลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่รอบๆแล้ว เตะถังเปล่าไป

 「ถ้าอย่างนั้นเขาค่อนข้างโกรธ……」   

 「เพราะทั้งหมดเขาถูกยั่วยุมากขนาดนั้น……」   

 「เขาไม่เคยเป็นคนเชื่อฟังตั้งแต่แรก」   

เงียบเลย พี่ได้ยินเธอ

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูร้อน

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ 

พลเมือง: 160,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 23,000 ลินต์บลูม: 4000

กองทัพส่วนตัว:  12,100 คน

ทหารราบ: 6500, ทหารม้า: 750, ทหารม้าธนู: 4000

ปืนใหญ่: 18

สินทรัพย์: 300 ทอง

คู่นอน: 202, เด็กผู้เกิดแล้ว: 46

 

แปลโดย: วายุวายุ

tipme : เร็วๆนี้

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดตอ Facebook:  https://bit.ly/3SwePL9 / X: @wayuwayutl

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน