ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 199 ความผิดปรกติในสุสาน ตอนที่ 2

ถนนสู่อาณาจักร

199 ความผิดปรกติในสุสาน: ตอนที่ 2

 

 

–มุมมุองเอเกอร์–

「หน่วยทหารของพวกไร้ชีวิตอย่างนั้นหรือ หือ…… นี่ไม่ตลกเลยนะ」

「มันจะแย่ถ้ามันโจมตีเราสองทิศ! เราควร-……」

ก่อนอิริจิน่าจะพูดจบประโยค ผมรีบไปหาโครงกระดูก

ไม่มีเวลาทำการถามตอบที่นี่

「แน่นอน เราจะขยี้ฝั่งหนึ่ง!」

พวกมันเน้นการยิงธนูมาที่ผมขณะผมพุ่งเข้าตีพวกมัน แต่ความแม่นยำของมันไม่แม่นเหมือนก่อนหน้า

ผมแม้แต่ไม่ต้องรับมือกับลูกธนูสามลูกที่ยิงพลาดเป้าและแค่เบี่ยงร่างเพื่อหลบลูกธนูสองลูกซึ่งเข้ามาใกล้เกือบโดนผม

ผมยิ้ม คิดกับตัวเองว่าแม้ว่าหลังจากกลายเป็นกระดูกแล้ว ส่วนหนึ่งของอดีตความเป็นมนุษย์ยังคงอยู่ในพวกมันและทำให้พวกมันตื่นตกใจเมื่อผมวิ่งออกไปกระทันหัน

「ข-เขายิ้ม……」

ครอล ไม่มีอะไรดีจะเกิดขึ้นถ้านายทำหน้าตึงเครียดเช่นนั้น

แต่มันอาจยากที่ต้องสู้กับกองทัพศพ

「เราเรียกกำลังเสริมดีมั้ย……」

ผมตอบอลิส บอกเธอว่ามันไม่จำเป็นต้องเรียกกำลังเสริม

「ดอรย่าาาา!」

เมื่อผมเข้าสู้การต่อสู้ระยะประชิด โครงกระดูกตัวถือหอกขึ้นสนิมก้าวมาข้างหน้าเพื่อปะทะผม

ถ้าผมใช้เวลาเพื่อบี้แต่ละตัวให้แบนทีละตัว ผีดิบจะเข้ามาใกล้ข้างหลังผม

ผมต้องกำจัดพวกมันทั้งหมดในการตีเดียว

โชคดีที่นี่สุสานและพื้นไม่ได้ถูกดูแล หมายถึงหินก้อนใหญ่มากมายฝังอยู่ข้างใต้

ใช้แรงส่งของการเหวี่ยงและการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ผมแทงหอกมุดเข้าไปในพื้นแทนเป็นศัตรู

หอกระดับอาวุธหนักมีเอกลักษณ์ของดวอร์ฟผสมกับความแข็งแกร่งของผมขุดลึกสู่พื้น

พร้อมเสียงครืน ก้อนดินม้วนขึ้นมาและหินนับไม่ถ้วนกับหินแตก, ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกันกับดิน, และกำลังถูกดีดใส่ศัตรู

พวกมันทำจากกระดูก ดังนั้นมันมีประสิทธิภาพมากกว่าที่จะตีพวกมันด้วยอาวุธทุบมากกว่าฟันพวกมัน

หินนับไม่ถ้วนบินใส่พวกมันยิ่งกว่าเติมเต็มหน้าที่นั้นได้

โครงกระดูกไม่มีลิ้นหรือคอดังนั้นพวกมันกรีดร้องไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เสียงของกระดูกแตกบอกผมว่าการโจมตีของผมมีประสิทธิภาพขนาดไหน

ผมดีดหินใส่พวกมันเต็มกำลัง แต่พวกมันยังแค่หินดังนั้นพวกมันไม่พอที่จะทำลายโครงกระดูกอย่างสมบูรณ์

แม้อย่างนั้น พวกมันทิ้งหอกเพราะข้อมือมันแตกหักและพวกมันล้มสู่พื้นเพราะขาถูกขยี้

ตอนนี้ที่มันทำอะไรไม่ได้แล้ว พวกมันไม่ต่างกับกระดูกกองๆกัน

「มีแค่สี่ตัวที่ยังอยู่เป็นชิ้น…… ครอล! จัดการพวกมันตัวที่ล้ม!」

อิริจิน่าและอลิสกำลังต้านผีดิบอยู่ข้างหลัง

พวกเธอน่าจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากครอล

ผมบุกเดินหน้าก่อนได้รับคำตอบจากพวกเธอและเหวี่ยงหอกผมข้ามตัวผมแนวนอนโดยใช้การเคลื่อนที่หมุนตัว

โครงกระดูกนี้ต้องเป็นนักรบที่ดีเมื่อมันมีชีวิตเพราะมันยกหอกขึ้นและกันการโจมตีของผม

แต่มันยังน่าเศร้าว่าหอกเก่าและแขนกระดูกไม่มีการต่อต้านที่มีความหมาย มันแตกหักเป็นชิ้นส่วนหลังจากรับการโจมตีของผม

กะโหลกจ้องร่างแตกมันผ่านตาโบ๋ๆและจากนั้นแสงดูเป็นลางร้ายเผาไหม้อยู่ในเบ้าตาโบ๋หายไปสู้ท้องฟ้ายามค่ำคืน

「โดนซะ!」

ผมกวาดขาตัวต่อไป

ผมอาจใช้กำลังมากเกินไปขณะทั้งสองขาของมันแตกเป็นชิ้นๆ และมันกระแทกสู่พื้นแบบหัวลงก่อนหลังจากหมุนกลางอากาศ

「และนั่น…… คือจุดจบตัวตัวนี้!」

ผมแทง ณ ซี่โครงของโครงกระดูกตัวที่สาม

หอกหนาไม่สามารถอยู่ในช่องว่างซี่โครงได้และขยี้กระดูกกลายเป็นชิ้นขณะปลายแทงซี่โครง แต่นั้นไม่พอที่จะจัดการโครงกระดูก

ขณะแขนของมันกำลังถูกยกเพื่อดึงสายธนู ผมยกหอกเพื่อยกน้ำหนักเบาของมันและจากนั้นดีดโครงกระดูก ณ โครงกระดูกตัวสุดท้าย

ผมใช้กำลังดึงหอกออกจากซี่โครงแตกเป็นชิ้นและส่งมันบินไป

มันค่อนข้างเป็นการยิงแม่นยำถ้าให้ผมโม้สักหน่อย ขณะมวลกระดูกโดนโครงกระดูกตัวที่สี่และสัตว์ประหลาดทั้งสองตัวระเบิดเป็นชิ้นหลังจากปะทะกับกำแพงสุสานบุคคล

ด้วยนั่น ศัตรูข้างหน้าถูกจัดการแล้ว

เมื่อผมดูเข้าตอนนี้ ครอลจัดการพวกมันห้าตัวและกำลังสู้กับตัวสุดท้ายหลังจากมันเสียแขนไป

「เออ้! โดนซะ! โอร่าาา!」

「……นายทำอะไรกับอยู่กับคู่ต่อสู้แขนเดียวน่ะ?」

ผมเตะโครงกระดูกจากข้างหลัง

ร่างมันถูกทำลายในหนึ่งการโจมตีและกะโหลกถูกขยี้ใต้ฝ่าเท้า

โดยไม่ล่าช้า ผมหันไปดูอิริจิน่าและคนอื่น

「อิริจิน่า สถานการณ์นั้น…… แค่เกือบควบคุมไม่ได้ หือ?」

อิริจิน่ากวาดผีดิบลงระหว่างล่าถอยช้าๆเรื่อยๆและอลิสส่งลูกบอลไฟใส่ที่ซึ่งพวกมันอัดๆกันเพื่อเผาพวกมัน

แม้อย่างนั้น พวกไร้ชีวิตยังเข้าหาจากด้านข้าง ซึ่งบังคับให้พวกเธอล่าถอย

ไม่มีระยะห่างเหลือมากระหว่างพวกมันและสุสานบุคคล

「ด้านหน้าจัดการเรียบร้อยแล้ว! มาวิ่งตรงสู่สุสานบุคคล」

「ต-แต่เราต้องการกุญแจ……」

ประตูหินปกคลุมไปด้วยมอสส์และทางเก่าถูกรัดอยู่ในล็อกโซ่เก่าๆบางอย่าง

โชคดีล็อกเป็นแค่โซ่ธรรมดาเพราะเราไม่มีเวลาเสียเพื่อเปิดมัน

「ฟู่นนนน! ……อุ่กกก๊าาา!!」

ผมกำโซ่จากสองฝั่งและดึงมันอย่างแรง

โซ่เหล็กถูกยืดจนถึงขีดจำกัดและเสียงเหล็กคมของข้อโซ่หลุดออก

「ข-เขาทำลายโซ่ด้วยมือเปล่าของเขา…… เหลือเชื่อ」

ครอลจำเป็นต้องฝึกร่างกายเพื่อที่ให้เขาทำมากเท่านี้ได้

ประตูแบบดันเข้าไปหนักสุดขีด  แม้ว่ามันไม่ควรเป็นปัญหาด้วยพละกำลังของผม

「อิริจิน่าและอลิส รีบเข้าไป!」

ผมยืน ณ ทางเข้าของสุสานบุคคลและตะโกน

อิริจิน่าและอลิสเริ่มถูกล้อมแล้ว

「ได้!」

อิริจิน่ารีบใช้แขนข้างหนึ่งเพื่ออุ้มอลิสหมุน 180 องศา และจากนั้นวิ่งสู่ที่ผมอยู่

ทันทีก่อนรีบเข้าไปทางเข้า อลิส ผู้ห้อยจากแขนอิริจิน่า ร่ายพรมไฟลาม, ไม่เหมือนลูกบอลไฟปรกติของเธอ, ใส่บริเวณใกล้ทางเข้าของสุสานบุคคลเปลี่ยนสู่ทะเลเพลิงและผีดิบที่พยายามไล่ตามของสาวถูกไฟลุกท่วม

「ครอล เราจะปิดมัน!!」

ครอลและผมดันประตูจากข้างในและมีเสียงขูดหินหนักขณะมันปิดแน่น คล้ายกับเมื่อตอนผมเปิด

น่าจะเพราะทางเข้าถูกปกป้องด้วยไฟ ผมไม่รู้สึกถึงผีดิบไหนๆทุบประตู

「มีโอกาสน้อยนิดที่บางอย่างอาจเกิดขึ้นถ้าประตูเปิดแบบพลักเข้ามาข้างใน มาวางบางอย่างหนักๆไว้ข้างหลังมัน」

ครอลและอิริจิน่ากลิ้งหินใส่หลังประตูแล้วยังกองของขึ้นสนิมเพื่อผนึกช่องว่างใดๆไว้

นั่นจะทำให้เรามั่นใจแล้วตอนนี้

「มีใครเป็นอะไรมั้ย?」

「อุมุ ไม่มีอะไรมากนอกจากแผลถลอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่!!」

「หนูก็…… ไม่เจ็บตัว」

「ผมก็ไม่เป็นไรด้วยเหมือนกัน」

โอ้ ถ้าอย่างนั้นผมเป็นแค่ผู้เดียวที่โดนธนูปักในท้อง

มันไม่เท่ แต่เพราะผมหยุดมันด้วยกล้ามเนื้อ มันแค่แผลถลอก

「ตอนนี้…… เราต้องรอที่นี่จนกว่าตะวันขึ้น」

「นี่มันน่าโมโหกะอีแค่ผีดิบเอง……」

อิริจิน่ามีหน้าค่อนข้างหงุดหงิดเมื่อเธอพึมพำนั่น แต่เธอหายใจแรงหลังจากสู่ตีฝ่ามา

ผมอลิสก็สีชมพูอ่อน ดังนั้นเธอน่าจะไม่มีพลังงานเวทมนตร์เหลือมาก

ครอลก็ดูเหมือนตื่นตัวหลังจากต่อสู้กับศพและโครงกระดูก

ผมอาจเป็นคนเดียวเท่านั้นในหมู่ทุกคนที่สู้ได้ตอนนี้

「มาใจเย็นลงสำหรับตอนนี้ เราจะพักหายใจและตรวจสภาพร่างกาย」

เราดูทั่วๆได้ระหว่างนี้ขณะผมแอบมองผ่านทางเดินใกล้ทางเข้า ผมเห็นได้ว่าอาคารเป็นทรงโดมรัศมีประมาณ 10 ม. เพดานสูงคร่าวๆ 5 ม. พร้อมส่วนกลางสูงที่สุด

เมื่อเป็นสุสานบุคคล ไม่มีหน้าต่างสักบาน ดังนั้นเราไม่ต้องกลัวผีดิบพุ่งเข้ามาข้างในจากที่ไหนเลย

สิ่งเดียวเท่านั้นที่ไม่น่าพอใจคือกำแพงทั้งหมดรอบตัวเราเติมเต็มไปด้วยโลงศพที่มีศพข้างในและผมเห็นโครงกระดูกจากช่องว่างที่โลงแตกได้

「มันจะไม่ดีถ้าพวกมันเริ่มผุดขึ้นมาข้างใน ฉันจะไปดูรอบๆ พวกเธออยู่ที่นี่」

ผมวนรอบบริเวณสุสานบุคคลที่ไม่ใหญ่มาก มันดูเหมือนสำหรับโลงในกำแพง ศพถูกวางหัวเข้าไปในกำแพงเมื่อดูความยาว

และจากนั้นมีฝาโลงหินอยู่ข้างบน

เข้าใจแล้ว มันค่อนข้างทำมาดี ร่างเก็บข้างในได้เยอะและแม้ว่าศพถูกชุบชีวิต พวกมันจะไม่สามารถเคลื่อนไหวและหนีไปข้างนอกได้

ผมแค่ตรวจดูศพในโลงที่ฝาโลงแตกไปชิ้นหนึ่ง แม้ว่าฝาโลงที่ผมเห็นทั้งหมดไม่เก่าจนจะผุพังก็ถูกปล่อยเป็นชิ้นพวกมันไม่น่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้

มันไม่ได้ดูเหมือนผมต้องกังวลเกี่ยวกับโครงกระดูกหรือผีดิบข้างในนี้

「แต่ก็เนาะ มันแคบที่นี่ ราเฟนอาจเล็ก แต่สุสานบุคคลเพียงพอที่จะเก็บทั้งเมือง」

ผมกำลังคุยกับตัวเอง แต่อลิสตอบผมหลังจากเธอใจเย็นลง

「ใต้ดิน…… บางทีส่วนหลักของสุสานบุคคลคือใต้ดิน……」

ผมมองที่สาวชี้และเห็นบันไดนำไปข้างล่าง

「เข้าใจแล้ว…… พี่จะวางฝาเผื่อไว้」

เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเยือนหลุมฝังศพ

เรามาที่นี่เพื่อหลบภัยจนถึงเช้า ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่เราต้องมุดลงไปใต้ดินที่อาจมีศพเดินไปไร้จุดหมาย

มันน่าสมเพชนิดหน่อย แต่มันดีกว่าที่จะเต่าหดหัวอยู่ ที่นี่และรอจนกว่าตะวันขึ้น

「พูดนั่นแล้ว ไม่มีหน้าต่างดังนั้นเราแม้แต่บอกยังไม่ได้ว่าตะวันขึ้นหรือยัง……」

สุสานบุคคลถูกปิดผนึกแน่นดังนั้นอาจไม่มีช่องว่างให้ตะวันผ่านมา

「อย่ากังวล! หนูหิวเมื่อตอนเช้า! หนูจะรู้ว่าเวลาไหนเมื่อหนูได้ยินท้องร้อง!」

การหวังพึ่งท้องอิริจิน่าเพื่อบอกเวลานั้นน่าเสียใจแต่เราไม่มีทางเลือกอื่น

ผมเบื่อแล้วตอนนี้…… และผมอยากโอบกอดผู้หญิงตอนนี้แต่ผมแน่ใจว่าอลิสหรืออิริจิน่าจะไม่เปียกเพราะศพทั้งหมดที่นี่และผีดิบรออยู่ข้างนอก

「อ-อืม……」

ครอลเล็ดเสียงสั่นเท่า

「มีอะไร? ฉันจะไม่โอบกอดนายเพราะนายเป็นผู้ชาย」

「ผมไม่ได้หมายถึงนั่น! ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอครับ!?」

「แน่นอนมันแปลก มีผีดิบและโครงกระดูกเป็นร้อยและแม้แต่ตั้งแถว ถ้านั่นไม่แปลกฉันไม่รู้ว่าอะไรแปลกแล้วล่ะ」

ผมไม่แน่ใจว่าทำไมครอลพูดถึงนั่นตอนนี้ แม้ว่าครอลส่ายหัวซ้ำๆ

อืมผมมีเวลาอยู่ดี ดังนั้นมาฟังนิทานเขาหรืออะไรก็ช่าง

「ไม่มีหน้าต่างที่นี่!」

ไม่มี นั่นทำไมอากาศอับ

ถ้ามีหน้าต่าง ผมแน่ใจว่ามันจะเหม็นผีดิบ

「เราไม่มีคบเพลิงด้วยเหมือนกัน!」

เราโยนมันทิ้งก่อนเรามาที่นี่ อย่าเน้นสนใจกับคบเพลิง นายจะเป็นคนตัวเล็กเหมือนขนาดเจี๊ยวของนายทุกอย่าง

「กระนั้น…… เราเห็นรอบข้างเราดีได้ยังไง!?」

「อืมไม่ใช่อลิส……」

ในมุมตาของผม อลิสส่ายหัวของเธอ

「หนูไม่มีพลังงานเวทมนตร์เหลือมากแล้ว…… นั่นทำไมหนูไม่ได้สร้างไฟอะไร」

อิริจิน่าและผมถือหอก

มองดูอีกครั้ง ที่ซึ่งแสงมา…… พื้น และมันสว่างเกือบเหมือนดวงจันทรา

และนั่นคืออะไรที่ส่องสว่างข้างในของสุสานบุคคล

「น-นี่…… จากใต้ดินจริงๆ……?」

「ได้เลย นายไปตรวจดู」

เมื่อผมชี้บันไดครอลเกาะขาผมระหว่างร้องไห้และส่ายหัว

มันแค่ล้อเล่น แต่แสดงความเป็นผู้ชายบ้าง

ไม่เป็นไรผมจะทำมัน

「แต่พี่ไม่อยากไป…… พี่จะทำนี่!」

ผมยืนกลางสุสานบุคคล ยกหอกของผมขึ้นสูงเหนือหัวและกระแทกมันกับพื้น

หินแตกและทั้งชั้นสั่น

「ระวัง…… อาคารจะถล่ม」

อลิสยองลงและปิดหัวด้วยมือ

พี่ผิดเอง พี่ใช้แรงมาเกินไป

แต่มันดูเหมือนมีประสิทธิภาพ

แสงอ่อนใต้พื้นเพิ่มความจ้า ทำให้รอบข้างเราสว่างเหมือนข้างนอกระหว่างกลางวันทันที

「มาดูกันว่าอะไรจะออกมา」

นี่เป็นลางของผม แต่ปรากฏการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นที่นี่กลางสุสานอาจเป็นบางอย่างเกี่ยวกับฝูงผีดิบใหญ่

「บางอย่างกำลังออกมา…… นั่นอะไร……!!?」

มันดันขึ้นจากพื้น…… ไม่ รูในพื้นไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น

มันไม่ได้ไต่ขึ้นมา แต่ผ่านมาเฉยๆแทน

บางอย่างมุดขึ้นมาอย่างช้าๆ…… และสูงขึ้นไปจนถึงเพดาน

「นั่นอะไรกัน……?」

「หนูไม่รู้! หนูไม่เคยเห็นมันมาก่อน!!」

「ฮฮฮฮฮฮิ๊」

สิ่งนั้นถูกปกคลุมด้วยเลือดและผ้าคลุม มันทรงเหมือนมนุษย์และปลดปล่อยบางอย่างมืดๆ…… บางอย่างเหมือนพิษกายรอบมันขณะมันลอยในอากาศ

มันให้เห็นได้ชัดหนึ่งชั่ววูบว่าเป็นชายตัวใหญ่ แม้ว่านั่นเพราะผ้าคลุมใหญ่มากเกินไปและตัวร่างกายมันไม่ใหญ่เท่าที่ผมคิด

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกได้ถึงความแสบคันบนผิว เหมือนบางอย่างเผาไหม้มัน จากรังสีกายน่ากลัวของอะไรนั้น

「สัตว์ประหลาด!」

「อุว้าาาา!」

อิริจิน่าและครอลตะโกนหลังจากเห็นหน้ามันวูบเดียวขณะลมของพิษแพร่ออกมาจากกายมันพัดขึ้นไปเปิดหมวกคลุมหัวมันเปิด

ผมไม่โทษพวกเธอ อะไรที่พวกเธอเห็นเป็นแค่กะโหลก แม้ว่ามันมีผิวแห้งสุดขีดติดอยู่บ้าง ซึ่งค่อนข้างต่างจากโครงกระดูก

ในเบ้าที่ดวงตาสมควรอยู่นั้นคือเบ้าตาโบ๋ดำสนิท ซึ่งดูเหมือนดูดคนหนึ่งเข้าไปข้างในได้ แต่เม็ดไฟเป็นจุดเต้นอยู่ในรูเหมือนทีลูกตาจะทำ

「ศัตรูน่าเกรงขามไม่ว่าจะดูยังไง」

ผมเห็นพวกไร้ชีวิตมาบ้างแล้วในอดีตแต่ผมไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเจ้านี่ แต่ผมบอกได้จากแรงกดดันท่วมท้นของมันว่าเจ้านี่ไม่ใช่โครงกระดูกทั่วไป

「โออออออออ่」

มันปล่อยเสียงอันน่ากลัวที่ดูเหมือนมาจากส่วนลึกของโลกและยกทั้งสองมือ

ณ วินาทีนั้นเอง พิษกายรอบมันขยายออกข้างนอก

เราหนีไม่ได้เพราะอยู่ในพื้นที่ปิดดังนั้นพวกเราทั้งหมดถูกหุ้มอยู่ในพิษกาย

「ทุกคน อย่าหายใจมันเข้าไป!」

แสงสว่างน่าสงสัยที่ส่องสว่างในบริเวณดั่งมันกลางวันมืดมนลงและทัศนวิสัยผมกลายเป็นศูนย์

ผมจับความรู้สึกรอบๆได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งและเดินไปข้างหน้า แต่ฉากไม่น่าเชื่อคลี่คลายหน้าดวงตาผม

「หยุดมัน! หยุด!」

มีคนผมบลอนด์กระเซิงอยู่หน้าผม

「ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!」

ชายถือดาบกำลังล้อมรอบสาวผมบลอนด์

「กิ่ย้าาา–! หยุดมันน้า!」

ชายฟันผู้หญิงผมบลอนด์ขณะเธอพยายามหนี

เสื้อผ้าเธอขาด และเลือดฉีดออกมาจากแผลอันเกิดขึ้นบนผิวนุ่มดูสวยงาม

「แล้วนี่ล่ะ?」

「กิ่ย้าาาาาา!」

ดาบแทงลึกเข้าต้นขาผู้หญิงและเธอล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

ชายขี่ผู้หญิงและยกดาบขึ้นเหนือหัวช้าๆ

「ใครก็ได้…… ช่วยด้วย…… ได้โปรด…… เอเกอร์……」

ผู้หญิงมองมาทางผมพร้อมน้ำตาไหลอาบหน้า และผมเห็นหน้าได้ไม่ผิดพลาด

มันเป็นกี่ปีแล้วตั้งแต่ผมเห็นหน้านั้น…… มันคืออาจารย์ของผมและผู้หญิงที่รักที่สุด…… ลูซี่

「ช่วยฉันด้วย…… ได้ประ-……」

ผู้หญิงยื่นมือและอ้อนวอน แต่ดาบแทงตรงสู่อกเธอ หลังจากหนึ่งครวญ ตาผู้หญิงเปิดกว้างและหยุดเคลื่อนไหว

ผมเริ่มเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆหลังจากเห็นนั่นเกิดขึ้น

เมินชายผู้ทรมานศพของผู้หญิงและเดินต่อไป ตะโกนสู่พื้นที่ว่างเปล่า

ผมอยากพูดเหมือนปรกติ แต่เสียงลึกมากกว่าคาดไม่ถึงออกมาซึ่งทำให้แม้แต่ผมยังตกใจ

「อย่ามาให้ฉันดูอะไรไม่น่าดูแบบนี้」

ผมเกร็งกล้ามท้องขณะพูดและฉากหน้าผมเริ่มสั่นไหวเหมือนผิวน้ำ

ผมเกร็งทั้งตัวมากกว่านั้น

「ฉันบอกให้เอาอะไรนี่ออกไปไกลๆตาฉัน」

เสียงของผมยิ่งหนักกว่าก่อนหน้า

มันเหมือนออร์คเห่า น้ำเสียงอันผมไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนได้ยิน

ทันใดนั้นเอง ผมรู้สึกถึงลมหนึ่งเป่าทั่วผมและรอบข้างของผมกระเด็นกระจาย

หลังจากเซเล็กน้อย ผมถูกนำกลับมาสู่สุสานบุคคล

พิษกายหุ้มทั้งห้องและบริเวณเดียวใกล้ตัวผมนั้นสว่าง

「ฮึ่ม…… ถ้าอย่างนั้นมันภาพลวงตาเหมือนที่คิด」

คนอื่นสามคนสลบไปและครวญเล็กน้อย

พวกเธอต้องได้เห็นฝันร้ายบางอย่างคล้ายที่ผมประสบ

อะไรนั่นนำใบหน้าและมือ, ทั้งสองมีผิวแห้ง, ใกล้กับหน้าครอล

ชายหนุ่มน่าสงสารครวญอย่างแรงกล้าระหว่างฟองออกปาก

ผมช่วยเขาให้เร็วจะดีกว่า

เมื่อผมเรียกหามัน อะไรนั้นเอามือมันกลับและหันเพื่อมองผม

มันดูเหมือนกำลังถามผม “ทำไม?”

แน่นอนมันควรรู้ว่าทำไม

「ไม่มีทางที่เธอจะล้มกะอีแค่คนสามคน」

ขณะผมเดินใกล้ขึ้น สิ่งนั้นส่งพิษกายใส่ผมอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่ผ่านนั้นอีกครั้ง ผมเกร็งกล้ามเนื้อในท้องและสนใจแค่นั้นระหว่างแบกหอกพร้อมผม

「แกคิดว่าแค่แทงหัวใจ…… มันพอฆ่าเธอเรอะ!?」

ผมนำความโกรธอันเดือดดาลจากฉากไม่น่าพิสมัยและเหวี่ยงมันไปพร้อมหอกของผม ส่งมันเข้ากลางตัวอย่างแม่นยำจับวาง

ร่างกึ่งใส่ของมันแตกกระจายและพิษกายถูกพัดกระจายไปในพริบตา

กระนั้น ไอ้สิ่งนั้นยิ้มมุมปากไม่แสดงสัญญาณถึงความพ่ายแพ้

ผมควรใช้แอ่งคู่…… บางทีมันเพราะเห็นฉากแบบนั้นทำให้เลือดวิ่งขึ้นหัว

「เฮ้ ทนเดี๋ยวเดียวนะ!」

ผมเรียกคนอื่นและวิ่งไปเพื่อตรวจดูพวกเธอ

「นึนน…… หยุดมันนะ…… ฉันจะไม่ใช้เวทมนตร์อีกแล้ว…… ดังนั้นอย่างโยนหินใส่ฉันเลย……」

มันดูเหมือนอลิสยังมีความรู้สึกค้างคาเกี่ยวกับเวทมนตร์เธอ

อืมเธอไม่ต้องกังวลถ้าเธออยู่กับผม

「อออุ่…… ไปไกลๆจากอัลม่า…… อย่าแตกข้างใน…… เธอคือคนรัก…… ของผม……」

มันดูเหมือนฝันร้ายของครอลคืออัลม่าโดนปู้ยี่ปู้ย่ำ

เขาบ่นเกี่ยวกับเธอกับสาวคนอื่น แต่อย่างที่คาดเขาคือกังวลกับเอลม่ามากที่สุด

ผมคิดว่าเธอทำบางอย่างกับเขา ดังนั้นผมกังวลนิดหน่อย

「ออุ่…… บอกฉันว่ามันไม่จริง…… ที่ฉันกินอาหารไม่ได้อีกแล้วเริ่มจากวันนี้……」

ผมจะให้อิริจิน่ากินมากเท่าที่เธออยากกินทีหลัง

ทุกคนสามารถตื่นได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ครอลค่อนข้างเหนื่อยมาก

มันดั่งเขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวันและดวงตาเขาว่างเปล่าด้วย

「เขาถูกจับโดยไอ้อะไรนั้น ดังนั้นบางทีมันเป็นผลของนั่น」

「มันดูเหมือนพลังชีวิตถูกดูดออกไปจากคนนั้น! คู่รักที่ตายก่อนหน้าน่าจะเจอชะตาคล้ายกัน!」

เข้าใจแล้ว พูดอีกอย่างคนนั้นเป็นคนเริ่มก่อทุกอย่าง

บางทีเพราะครอลโดนไปแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่มันไม่ได้ดูเหมือนชีวิตเขาอยู่ในอันตราย

เขาบอกผมว่าเขาไม่เป็นไรแม้เสียงของเขาอ่อนแอนิดหน่อย

「เอาตัวนี้ไปไว้ที่กำแพง แสงใต้พื้นยังไม่หายไป เขายังไม่ถูกกำจัด」

ผมอยากรู้ว่าเจ้านี้คืออะไร

ถ้าผมไม่รู้ มันอาจยากที่ต้องสู้

「รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเจ้านี่ไหม? พี่กำลังคิดว่ามันเป็นผีกินเนื้อหรือบางอย่างแต่พี่ไม่เคยได้ยินว่ามีตัวที่ทรงพลังเท่าตัวนี้ด้วย」

อิริจิน่าส่ายหัวระหว่างอลิสคิด

「อะไรก็ได้เกี่ยวกับมัน มันดีกว่าไม่มีอะไรเลย」

หลังจากผมพูดอย่างนั้น อลิสเริ่มพูดในเสียงอ่อน

「มันไม่ใช่ผีกินเนื้อ…… ผีกินเนื้อใช้เวทมนตร์ทรงพลังเท่านั้นไม่ได้ บวกกับร่างกายของพวกมันใกล้กับความเป็นมนุษย์」

จริง ร่างเจ้านั่นเบาและลอยๆ

มันรู้สึกเหมือนบางอย่างที่ผมเห็นตลอดเวลา

「อะไรนั่นน่าจะเป็นลิช…… หนูว่า มันคือรูปแบบหนึ่งของผู้ร่ายเวทมนตร์ที่ตายและถูกสิงโดยวิญญาณชั่วช้า มันไม่ใช่ปัญหาคนอื่น ซึ่งทำไมหนูจำมันได้ อะไรนั่นแข็งแกร่งมากๆและไม่ใช่คู่ต่อสู้ทั่วไป…… หนูว่า」

ลิช หือ…… ฟังดูปัญหาเยอะ

ณ ช่วงเวลานั้น แสงในห้องจ้าขึ้นอีกครั้ง

ถ้าอย่างนั้นเขาจะปรากฏอีกครั้ง

ร่างที่ถูกกำจัดรวมเข้าด้วยกันอย่างช้าๆและเปลี่ยนทรงเป็นรูปแบบชั่วช้าอีกครั้ง

「มันอยู่ที่นี่แล้ว! พยายามอย่าหายใจพิษกายนั้นเข้าไป เกร็งหน้าท้อง!」

อลิสก้าวถอยหลังสู่ครอลที่นั่งอยู่บนพื้นระหว่างอิริจิน่าและผมก้าวไปข้างหน้า

「โอออออออออออ้」

พิษกายพัดสาดมาข้างหน้าติดตามมาเป็นมิตรกับเสียงครวญ 

ผมชักแอ่งคู่ออกจากฝัก

「ฮึ่ม!」

ผมฟันแนวนอนและสสารควันหายไป เปลี่ยนสู่เม็ดแสง

ผมควรใช้นี่ตั้งแต่แรก

「ตายซ้าาาา!」

อิริจิน่าไม่พลาดโอกาสพุ่งเข้าตี คล้ายกับอะไรที่ผมทำ…… และแทงตรงผ่านกลางร่างลิช

「โออออออออ้」

「ไม่ได้เหรอ?!」

ลิชไม่ได้ดูเหมือนใส่ใจเกี่ยวกับการโจมตีของเธอเลยสักนิด ยืดมือของมันสู่อิริจิน่าระหว่างหอกยังฝังกายมัน

เธอกระโดดถอยหลังด้วยปฏิกิริยาตอบสนองแต่มือไอ้อะไรนั้นจับไหล่เธอ

「อุ่กกก…… ฮ่าาาา ฮ่าาา!」

ด้วยแค่สัมผัสผ่านๆ แม้แต่อิริจิน่าแข็งแร่งก็เริ่มหายใจแรง

ถ้าอย่างนั้นมันขโมยพลังชีวิตโดยจับส่วนหนึ่งของร่างกาย

「รอพร้อมอิริจิน่า พี่จะเผชิญหน้าไอ้นั่น」

ผมจะสู้ไอ้นี่คนเดียว

ผมยังต้องจ่ายเขากลับสำหรับฝันโง่ๆที่แสดงลูซี่ที่รักให้ผมดู

ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอดีตผู้ใช้เวทมนตร์ไปหรืออะไรก็ช่างแต่ผมจะส่งวิญญาณเขากลับไปสู่ดินแดนผู้ตาย

ด้วยแสงแอ่งคู่ในมือ ผมจ้องหน้าน่ากลัวของลิชอย่างเดียว

อะไรนั้นดูเหมือนจำผมได้ว่าเป็นภัยยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาและไม่ชำเลืองอิริจิน่าหรือคนอื่นซ้ำเลย

ระยะระหว่างอะไรลอยๆนั่นและผม, ผู้ยืนมั่นอยู่กับพื้น, ประมาณ 3 ม.

「ลุยล่ะนะ!」

ผมวิ่งไปข้างหน้า ณ เวลาเดียวกันกับที่ผมตะโกนและเล็งฟันลงไหล่มัน แต่มันลอยขึ้นไปข้างบนหาเพดานง่ายๆและหลบดาบผม

โดยไม่ล่าช้า ผมกระโดดขึ้นและพยายามแทงมันด้วยดาบผม

ผมแค่ต้องการระยะอีกนิดเดียวมากเท่านั้นเพื่อไปถึงไอ้อะไรนั้น แต่ผมสามารถเฉี่ยวผ้าคลุมมันได้ ทำให้เกิดเสียงไหม้และควันขาวปรากฏ

หอกอิริจิน่าอาจผ่านทะลุร่างลิช แต่ผมแน่ใจว่าแอ่งคู่จะมีประสิทธิภาพ

แค่เมื่อผมกำลังจะตั้งตำแหน่งตัวเองเพื่อท้าทายลิชอีกครั้ง การโจมตีหนักโดนผมเข้าที่ในหน้าและผมตีลังการกลับหลัง

มันต้องโยนบางอย่างใส่ผม แม้ว่าผมไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษมาทางผม

「ระวัง! มันเป็นเวทมนตร์ลม!」

ผมรับการกระแทกเข้าร่างผมอีกครั้งหนึ่งขณะอลิสตะโกนใส่ผมและเริ่มรู้สึกหมดลมหายใจ

ถ้าอย่างนั้นเขาโยนก้อนลมใส่ผม

ตอนนี้เมื่อผมมอง มือลิชส่องแสงแปลกๆ

「มันน่ารำคาญที่ฉันไม่เห็นมัน」

ผมพยามยิ้มแต่ผมคิดวิธีรับมือกับนี่ไม่ได้

การโจมตีลมเหล่านั้นหนึ่งหรือสองครั้งจะไม่ถึงตายแต่ถ้าโดนมากเกินไปนั้นผมจะไม่สามารถสู้ได้อีกแล้ว

เมื่อเห็นว่าผมยืนไม่มั่นคง มือลิชเริ่มส่องแสงอีกครั้ง มันช่วยไม่ได้ มาแค่ใช้ลางสังหรณ์และความรู้สึกว่าฟันตรงไหน

「เอเกอร์ซามะ…… ปล่อยมันให้หนู」

ก่อนผมกระโจนไปข้างหน้า อลิสตะโกนแล้วม่านไฟลามออกระหว่างผมและลิช

ตอนนี้ มันดูเหมือนดั่งเธอกีดกันเส้นทางผม แต่ผมเชื่อมต่อปริศนานี้อย่างเร็วและเข้าใจเจตนาเธอ

「ได้เลย ลุยล่ะนะ!」

ผมเริ่มวิ่งสู่ม่านไฟ

อีกครั้ง ลิชปล่อยลูกบอลลม…… แต่ผมเห็นมันได้

ลมถูกล้อมโดยไฟและเปลี่ยนสู้ก้อนไฟ

「การต่อสู้นี้เป็นของฉันแล้วตอนนี้ที่ฉันเห็นการโจมตี!」

เวทมนตร์บินด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เร็วเท่าลูกธนู

ผมเหวี่ยงแอ่งคู่ขณะผมวิ่งเพื่อลบเวทมนตร์ลมทิ้งไป

หลังจากยกเลิกเวทมนตร์ที่สอง, สาม, สี่…… และห้า ในที่สุดม่านไฟก็ดับลง

ก่อนผมรู้ตัว ลิชอยู่ในระยะดาบผมแล้ว การทำงานเป็นทีมที่ดีอลิส ผมจะต้องจำว่าให้ความรักเธอเยอะๆทีหลัง

「ตอนนี้มันจบแล้ว」

ผมทำมันแบบเดียวกับที่ผมรู้จักอย่างแน่นอนและเหวี่ยงดาบผมลง ฟันมันจากหัวถึงตัวมัน

ระยะระหว่างเราใครพอผมฟันศัตรูแยกสองซีกได้อย่างมั่นใจ แต่ผมทำไม่ได้

ก่อนผมจะฟันดาบลง มีแสงจ้าฉับพลัน…… ผมโดนการกระแทกของสายฟ้าฟาด ซึ่งรู้สึกคล้ายกับประสบการณ์ที่ผมมีในอดีต

ผมพยายามทนความเจ็บปวดและฝืนฟัน แม้ว่ามันไม่สร้างอะไรนอกจากแผลตื้นๆ

มากกว่านั้น แขนผมชาและดาบที่ผมออกแรงนำมันลงลื่นไหลหลุดลอยจากกำมือแล้วบินไปไหนก็ไม่รู้

ถ้าอย่างนั้นเวทมนตร์สายฟ้าหลังจากเวทมนตร์ลม…… ถ้าคนหนึ่งรวมพิษนั้นและความสามารถควบคุมผีดิบเป็นด้วย ใครจะรู้ว่ากี่เวทมนตร์ที่เขาใช้เป็น

「……มันใช้เวทมนตร์หลายประเภทมากขนาดนั้น…… ช่างเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่น่าทึ่ง」

มันไม่เป็นไรที่จะประทับใจแต่พี่อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายนิดหน่อยที่นี่

ผมขยับตัวผมอย่างที่ผมอยากทำไม่ได้เพราะสายฟ้า

ไม่มีอาวุธและขยับไม่ได้ต่อหน้าศัตรู…… นี่เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุด

「โออออออออ้」

ไม่ปล่อยให้โอกาสอันแสดงตัวของมันเองหนีไป ลิชอ้าแขนและห่อมันรอบผมดั่งพยายามกลืนทั้งร่างของผม

ผมไม่รู้ว่าไปทำให้ศพชอบผมตอนไหน…… แต่มันน่าจะเป็นวัตถุประสงค์อื่น

ความรู้สึกรอบตัวผมเหมือนที่คนจะเห็นได้ ความรู้สึกมึนงงที่โดดเด่นชัดเจนจากร่างของกระดูกธรรมดา

อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่โดดเด่นเหนือทั้งหมดคือความรู้สึกรุนแรงของการที่พลังงานข้างในร่างกายผมถูกดูดออกไปทันทีเมื่อผมถูกโอบกอด

「กุ่……」

ถ้าอย่างนั้นนี่คือที่มันรู้สึกเมื่อโดนดูดพลังชีวิต…… เข้าใจแล้ว ค่อนข้างทรมาน

「ฮาร์ดเลตต์โดโนะ! หนูต้องไปช่วย!!」

「ไม่ได้นะ! หนูทำอะไรกับมันไม่ได้แม้ว่าหนูจะ…… พี่จะ-……」

อลิสยื่นมือมาแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตอนนี้เมื่อผมมองดู ผมของเธอเป็นขาวล้วน

เวทมนตร์เธอต้องถูกใช้หมดแล้วตอนนี้

「แต่หนูยังต้องไป! ฮาร์ดเลตต์โดโนะจะตายเหมือนคนพวกนั้น!!」

「ทำไม…… ทำไมเวทมนตร์หนูไม่ออกมา!!?」

ผมได้ยินเสียงสาวๆคนอื่นตะโกนได้

ผมปล่อยให้พวกเธอกังวลเกี่ยวกับผมมากกว่านั้นไม่ได้แล้ว

「พี่จะยัง…… ไม่ตาย!」

ผมก็ห่อแขนผมรอบหลังลิช

และจากนั้น

「อุ่ก๊าาาาาาาาาา!!」

ผมกอดให้แน่นและกอดสุดแรงเกิด

「ท-ท่าหมีกอด!?」

「หยุดการเคลื่อนไหว…… ของผีเหรอ……?」

ลิชดูเหมือนทำหน้าตกใจช่วงเวลาสั้นๆแต่พลังดูดพลังงานมันแค่เพิ่มแรงขึ้นคู่ทุกลมหายใจที่ผมสูด

เข้าใจแล้ว ชายธรรมดาจะหมดเรี่ยวหมดแรงทันที

อย่างไรก็ตาม อย่ามาดูถูกคนแบบฉันผู้โดนดูดเลือดโดยบรินฮิลด์ทุกสัปดาห์

เมื่อเทียบกับสิ่งน่าสมเพชที่ผีทำกับผมกับความรู้สึกของการโดนดูดเลือด ที่มันรู้สึกเหมือนเธอจะดูดต่อไปจนกว่าผมจะตาย ความเจ็บนี้มันหวาน

「มีอะไร!? นั่นทั้งหมดที่แกมีเรอะ!?」

ผมรัดยิ่งแรงขึ้นแต่ไอ้อะไรนี้ไม่มีร่างปรกติดังนั้นกระดูกไม่แตก

อย่างไรก็ตาม ทรงของร่างไม่เป็นรูปร่างของมันเริ่มเปลี่ยนดังนั้นผมรู้ว่าการกระทำผมมีผลบางอย่าง

ศึกความอึดความทนดำเนินต่อไปสักพัก แต่คนแรกที่ยอมแพ้ก่อนคือลิช

ในพริบตา พลังที่ดูดพลังงานของผมอ่อนแอลงและมันเริ่มขยับร่างเพื่อพยายามหนี

แต่มันไม่สามารถทำได้ แม้ว่าร่างกายลิชผ่านกำแพงและพื้นได้และแม้แต่ให้อาวุธผ่านไป มันผ่านสิ่งมีชีวิตไม่ได้

……พูดอีกอย่าง มันเหมือนกันกับเคซี่

ผมกำลังสงสัยว่าเป็นอย่างนั้นมั้ยเมื่อผมรู้สึกถึงลมสัมผัสผม และตอนนี้ที่ผมรู้สึก มันไม่สามารถขยับถ้าผมรัดมันแน่นๆ

「โอออออออ้!」

ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ระหว่างผมติดหนึบ ลิชชักมีดเก่าออกมาและแทงสีข้างผม

อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนการต่อสู้ระยะประชุดไม่ใช่จุดแข็งของมันและการโจมตีไร้พลังไม่มีประสิทธิภาพกับผมในการเผชิญหน้ากล้ามเนื้อของผม

「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างอ่อนแอ! แกชอบนี่มั้ย!?」

ผมรัดแรงขึ้นอีกขั้นและในที่สุดลิชก็ปล่อยเสียงกรีดร้องน่ากลัว ทรงมันบางลงและยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

มันเหมือนกันกับเมื่ออิริจิน่าเหยียบเคซี่ ถ้าภูติผีกลายเป็นทรงแปลกๆ ไม่เขาจะไม่สามารถขยับได้เหมือนพวกเขาต้องการ

ได้เลย ตอนนี้มันโอกาสผม

ผมล้มไปข้างหลังระหว่างยังกอดร่างลิช ทางวิธีการ ผมไม่ได้ล้มสุดทาง ผมแค่แอ่นท่อนบนของผมลงข้างหลัง ก่อเป็นสะพานโค้งด้วยร่างกาย ผมกระแทกหัวลิชสู่พื้นพร้อมเขาที่อยู่ในอ้อมกอดของผม

「นนนนนนนนนนนนู้!!」

「ข-เขาจับผีทุ่ม……」

「อย่างที่คาดกับฮาร์ดเลตต์โดโนะ!!」

ลิชดิ้น หัวมันแยกและทั้งทัวของมันเปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่างหลังจากกระแทกลงพื้น

ไม่ปล่อยช่องเปิดนี่ไปให้สูญเปล่า ผมดีดกลับขึ้นไปแล้วหยิบแองคู่ซึ่งบินออกจากมือผมก่อนหน้า

「โออออ่…… โอออออ่…… อ่าาาา」

มันดูเหมือนมันพยายามใช้เหตุผลกับผม ฉันรู้แล้วว่าแกมีปัญญาคิด

แต่แกไม่ใช่ตัวตนที่อยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว ดังนั้นฉันอยากให้ทั้งหมดจบลงตรงนี้ถ้าเป็นไปได้

และมากกว่าเหนือสิ่งอื่นใด 

「มึ่งหมิ่นลูซี่」

ผมเหวี่ยงแอ่งคู่ลงใส่หัวลิชผู้นอนอยู่บนพื้น

ผมไม่พลาดครั้งนี้ ฟันมันขาดครึ่งและเปลี่ยนมันเป็นควันขาว พร้อมด้วยเสียงแผดร้องเหลือเชื่อจากลิช ในที่สุดควันก็หายไป

ความวุ่นวายทั้งหมดจบลงแล้วตอนนี้……

「โคร่กกก……」

ในที่สุดท้องอิริจิน่าก็ร้อง

ถ้าอย่างนั้นมันรุ่งเช้าแล้วตอนนี้

 

 

「ถ้าอย่างนั้นมันเหมือนที่เราคิด ผีดิบทั้งหมด…… ถูกควบคุมโดยเจ้านี่?」

ลิชถูกกำจัดและเราตรวจดูข้างนอกสุสานบุคคล เราเห็นตะวันกำลังขึ้นพร้อมกองศพเต็มไปหมดนอนอยู่ข้างหนึ่งของสุสาน

พวกมันทั้งหมดเป็นศพที่ไม่ได้ดูเหมือนสามารถขยับได้แล้วตอนนี้

「การที่สามารถควบคุมผีดิบได้เป็นร้อยๆ นั่นเวทมนตร์เหลือเชื่อเลยนะ」

แต่ตอนนี้เราแก้ปัญหานี้อย่างลับๆไม่ได้แล้ว

อืม มันดีกว่าถ้าลิชนี้ออกมาข้างนอก

「ถ้าอย่างนั้นในที่สุดนั่นคืออะไรล่ะครับ?」

ครอล ผู้ได้รับพลังงานกลับคืนมามากถามด้วยหน้าซีด

「ใครจะรู้…… บางทีหลังจากเราหาบริเวณใต้ดินของสุสานบุคคลเราจะเจอบางอย่าง?」

อย่างหนึ่งแน่ชัด มันแน่นอนว่าคนนี้เป็นผู้ใช้เวทมนตร์เก่งมากโขเมื่อมันยังมีชีวิตอยู่

ผมสงสัยว่าอะไรมันออกมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

「ไม่มีอะไรที่เราทำได้จากแค่คุยกัน」

ด้วยแผลข้างผมจากดาบสั้น รายการแผลของผมยาวขึ้นอีกแล้ว

บวกกันกับ ขาผมรู้สึกอ่อนแอหลังจากโดนดูดพลังชีวิตไปมาก

「แม้อย่างนั้น…… พี่กำลังลูบตูดหนู」

「หนูด้วย…… อ๊ะพี่แหย่นิ้วเข้าไป……」

เพราะการสัมผัสผู้หญิงเป็นวิธีดีที่สุดทำหรับผมที่จะฟื้นฟูแรงกายของผมหลังจากทั้งหมด

ครอลไปถูตูดอัลม่าเมื่อนายกลับไปบ้านด้วย เข้าใจ?

「ออุ…… ที่สำคัญมากกว่านั้น ซีเลียซังจะตะคอกใส่ผมอีกแล้วเมื่อเธอเห็นเอเกอร์ซามะได้รับบาดเจ็บระหว่างที่ผมไร้แผล」

「นายยังขาดกำลัง อิริจิน่า ฝึกเขาใหม่ถ้าเธอมีเวลา」

「ปล่อยให้หนูได้เลย!!」

ผมทำงานหนักมาก กระนั้นผมมีแค่ผ้าคลุมนี้เพื่อแสดงมัน……

มีแค่ผ้าคลุมที่ลิชกำลังใส่อยู่เป็นชิ้นเป็นอันและนั่นคือสิ่งเดียวเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่เมื่อร่างหลักมันหายไป

มันรู้สึกขยะแขยงเมื่อรู้ว่ามันถูกใส่โดนคนตาย

บางทีผมจะให้กับลีโอโพลต์เป็นของขวัญหรือบางอย่าง ผมแน่ใจว่าเขาไม่ถือ

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

ครอล – เรื่องสุดทางข้างเคียง: ชดใช้

「ท่านมีวันที่ลำบากวันนี้ ไม่ใช่เหรอครอลซามะ」

「ทำได้ดีมาก」

「ใช่…… อะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้น……」

ครอลจูบโลล่าและมีร่าขณะพวกเธอมาเพื่อทักทายเขาจากนั้นล้มอย่างเหนื่อยหน่ายลงบนเตียง

「ได้…… ช่วยเหลืออะไรมั้ย?」

「ไม่ ฉันไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ฉันปล่อยให้เอเกอร์ซามะได้รับบาดเจ็บและจากนั้นซีเลียตบฉัน…… และจากนั้นผู้หญิงอีกห้าคนโกรธฉัน」

「อ่ะฮ่าฮ่า……」

「มีเวลาแแบบนั้นด้วยล่ะเนาะ…… ให้เราทำให้สบายด้วยบริการบางอย่างมั้ย」

ครอลนอนหงายหน้าดั่งพูดว่าได้เลยและแม่และลูกสาวถอดกางเกงเขาออก

「เราจะใช้ปากของเรา……」

「ดังนั้นได้โปรดลืมเกี่ยวกับอะไรไม่น่าพอใจเหล่านั้น」

พวกเธอทั้งสองเริ่มเลียเขาจากทั้งสองข้างทันที และห้องเต็มไปด้วยกลิ่นลามกและเสียงดูดน้ำ

ปรกติแล้ว ครอลจะทนไม่ได้และปล่อยน้ำเชื้อของเขาเข้าปากพวกเธอ จากนั้นดิ่งสู่เซ็กส์

「เอ๋? แปลกจัง」

「ฉ-ฉันขอโทษ!」

「ให้ตายซี่ ลูกทำอะไรน่ะ ให้แม่ดูแลปลายแทน」

เสียงดูดน้ำชัดขึ้นอีกครั้ง

「เอออ๋…… ทำไมเป็นอย่างนี้?」

「ทำไมกัน…… เขาเร็วมากๆตลอด……」

「พี่จะถูมันด้วยมือ นะจ้ะ?」

การคุยอย่างมีน้ำใจดำเนินต่อไปเกือบชั่วโมง แต่ทั้งสามไม่ได้เชื่อมต่อร่างกายกันและกันเลย

「ไม่มีทางน่า……」 「ครอลซามะ……」 

「แม้แต่กระตุกมันยังไม่กระตุกเลย…… ทำไมเป็นอย่างนั้น…… แม้ว่ามันรู้สึกดีมาก! ทำไมมันไม่แข็ง?!!」

การร้องของครอลก้องไปไกลทั่วทั้งคฤหาสน์ ณ ยามค่ำคืน

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูร้อน

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 161,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4000

กองทัพส่วนตัว: 5300 คน

ทหารราบ: 3000, ทหารม้า: 900, พลธนู: 900, ทหารม้าธนู: 500

ปื้นใหญ่: 19

สำรอง: 3000

ครอบครัว: นนน่า (นนน่าผู้งดงาม), คาร์ล่า (ภรรยาน้อย), เมล (ภรรยาน้อย), คุ (คนรัก), รุ (คนรัก), เมลิสซ่า (คนรัก), มิเรล (คนรัก), ลีอาห์ (คนรัก), มิตตี้ (คู่หมั้น), มาเรีย (คู่หมั้น), แคทเธอรีน (คู่หมั้น), เคซี่ (ผี), ริต้า (หัวหน้าแม่บ้าน), โยกุริ (นักแต่งบทละคร), ปีปี้ (คนรัก), อลิส (สาวน้อยเวทมนตร์) อัลม่า (คนรับใช้)

เซบาสเตียน (พ่อบ้าน), โดโรเธีย (คนรัก ในเมืองหลวง)

ลูก: ซู, มิว, เอคาเทรีน่า, อมาต้า, อนาสตาเซีย (ลูกสาว); แอนโตนิโอ, คลอดด์, กิลบาร์ด, ไรเนอร์, บาร์โตโลม (ลูกชาย); โรส (ลูกสาวบุญธรรม)

ลูกน้อง: ซีเลีย (ผู้ช่วย), กิโด้ (หน่วยติดตามคุ้มกัน), ครอล (เสื่อมสมรรถภาพ), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการ), ลูน่า (ผู้บัญชาการ ), รูบี้, ไมล่า (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย), โพลเต้ (ผู้กำกับนักเรียน), เกรเทล (สุนัข), ลีโอโพลต์ (เจ้าหน้าที่ระดับสูง), อดอล์ฟ (เจ้าหน้าที่กิจการภายใน), ทริสตัน (นักกลยุทธ์?), แคลร์ & ลอรี่ (หาข้าวสาลี), ชวอร์ซ (ม้า), ลิเลียน (ดาราหญิง

แม่ – มาเซลีน;

ลูกสาว – สเตฟานี, บริดเจ็ต, เฟลิซี่ (รับมาดูแล)

สินทรัพย์: 0 ทอง

คู่นอน: 209, ลูกผู้เกิดแล้ว: 46

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน