ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 202 คนโชคร้าย

ถนนสู่อาณาจักร

202 คนโชคร้าย

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

เมื่องานเลี้ยงเสร็จสิ้น ขุนนางรับของชำร่วยไปกับพวกเขาและกลับบ้าน

ขุนนางหลายคนใช้เวลาเที่ยวชมด้วยความสงสัยทั่วเมืองราเฟนที่พัฒนา แต่คนเหล่านั้นผู้ยังอยู่คือขุนนาง ผู้มีดินแดนของตัวเอง และขุนนางบริวาร ผู้น่าจะตรวจดูการเก็บเกี่ยวหรือภาษีของดินแดนของตัวเอง

พวกเขาน่าจะไม่อยากอยู่นานเกินไป

คนเดียวเท่านั้นผู้อยู่เป็นระยะเวลานานกว่าคือเซเลสติน่าและฝ่ายของเธอผู้ถูกเชิญจากอาณาจักรมอลต์

โชคร้าย เซเลสติน่าไม่สำคัญพอที่จะทำให้มีปัญหากับงานของอาณาจักรเมื่อเธอไม่อยู่

「คนหนึ่งได้ยินมันทั่วทั้งคืน…… แต่พี่แน่ใจว่าไม่มีเจตนาร้ายแต่พี่นอนแบบนี้ไม่ได้」

ผมตื่นขึ้นและยืดตัวก่อนเปิดหน้าต่าง

เมืองราเฟนยังเติมเต็มด้วยเสียงดังยิ่งใหญ่จากความวุ่นวายหากินแม้ว่ามันจะได้เวลาตะวันขึ้นแล้ว

ขุนนางเสร็จจากงานเลี้ยงหลังจากหนึ่งคืน แต่ผู้คนยังไม่เสร็จจากเทศกาลพวกเขา

การเก็บเกี่ยวเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและด้วยความจริงที่ว่าการเก็บเกี่ยวปีนี้นั้นเหลือเฟือกว่าปีที่แล้ว พลเมืองมีชีวิตชีวากว่าปรกติ

การเอะอะนี้น่าจะดำเนินต่อไปไม่มากก็น้อยทุกหมู่บ้านและเมืองภายในดินแดนของผม

ผมเอียงเหยือกน้ำเพื่อเติมเต็มแก้วของผม แต่ไม่มีอะไรเหลืออยู่ข้างใน

ขณะผมกำลังคิดเรียกแม่บ้าน ผมมองดูข้างผมและตัดสินใจไม่ทำมัน

「นึนยู้…… พี่ชาย…… อุ้ม…… หนู……」

ข้างผมทางขวาคือเซเลสติน่าม้วนเกือบเป็นลูกบอลและหลับอย่างสบาย

เธออยู่ดึกเมื่อคืนเพื่อมองไฟจากเทศกาลผ่านหน้าต่าง

เพราะเธอยังเด็ก ผมควรให้เธอหลับนานกว่านี้สักพัก

「อ่ะ…… อา…… ฮาร์ดเลตต์ซามะ…… ด้วยบางอย่างหนาเท่าแขน…… ห-หนูจะตาย…… อ่าาฮฮฮู้」

ข้างผมไปทางซ้าย โมนิก้าหลับอย่างสบายพร้อมกับแหวกขาออก

เมื่อวานหลังจากเซเลสติน่าหลับไป ผมสร้างความรักกับเธอระหว่างทำให้เสียงครางของเธออู้อี้

ถ้าเราใช้เวลานานเกินไป ราชินีน้อยอาจตื่นขึ้น ดังนั้นเรามีช่วงเวลาสั้นๆแต่เข้มข้น

เซเลสติน่าครวญและยืนกรานจะนอนกับผมไม่สำคัญว่าอย่างไร ดังนั้นโมนิก้าพูดว่าเธอจะดูเซเลสติน่าเพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะไม่ถูกกระทำชำเราโดยผม อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนเธอเป็นคนผู้มีความสุขกับตัวเธอเองแทน

เธอยังไม่ได้บอกผมให้หยุดแม้ว่าเมื่อผมกำลังน้ำแตกข้างในเธอโดยไม่ใช้ยาคุมใดๆ

ผมเติมเต็มท้องของเธอเต็มปริ่มระหว่างการสร้างความรักของเราในห้องน้ำและบนเตียง

เธออาจยอมสละร่างกายตัวเองแล้วกับความจริงที่ว่าการตั้งท้องนั้นเลี่ยงไม่ได้

「อึนนนนน……」

「โมนิก้าา……」

เมื่อเซเลสติน่าและโมนิก้าเข้าใกล้กัน พวกเธอทั้งสองคนกอดกันอย่างค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ทำให้พวกเธอดูเหมือนพี่น้องผู้สนิทกันดีมากๆ

มันควรจะไม่เป็นไรที่จะปล่อยพวกเธอให้หลับไป

「อรุณสวัสดิ์ เอเกอร์ซามะ」

ผมเพียงแค่โยนผ้าคลุมบนไหล่ผมและออกจากห้องเพื่อเห็นซีเลียกำลังรอผมอยู่

งานของหนูเป็นที่ซาบซึ้ง เร็วมากในตอนเช้า

「ว้าา เอ็นท่านกำลังยื่นออกมา! เอเกอร์ซามะนั้นใหญ่ดังนั้นมันเห็นได้ถ้าท่านไม่ปิดข้างหน้าดีๆ!」

ซีเลียแดงและรีบผูกข้างหน้าเสื้อผ้าผมทันที

ขอโทษที่สร้างปัญหา

เพราะทั้งหมดมันใหญ่ในตอนเช้า

เห็นซีเลียผู้น่ารักในตอนเช้าให้กำลังใจผมดีจริงๆ

แม้ว่า ผมจะรู้สึกโชคดีจริงๆที่ได้เกิดมาเป็นผู้ชายถ้าสาวๆอื่นอิจฉาและเริ่มสู้กันเพื่อทักทายผมแบบนี้

「ลีโอโพลต์ซังเรียกหาท่าน เขาน่าจะอยากให้ท่านมุ่งหน้าไปห้องทำงานหลัจากท่านตื่น」

「……มันทั้งหมดเละเทะ」

สาวๆที่เริ่มออกันสู่ผมในฝันของผมทั้งหมดเปลี่ยนเป็นลีโอโพลต์

「อย่างน้อยรอจนกว่าพี่กินอาหารเช้าไม่ได้เหรอ?」

「คนรับใช้ทำความสะอาดจนถึงเช้า…… ถ้าท่านอยาก หนูให้พวกเขาเตรียมอาหารเร็วๆได้」

「ไม่ ช่างมันเถอะ」

ผมแค่ตัดสินใจตื่นเช้าสำหรับวันนี้และกระแทกโต๊ะ ขอว่าอาหารพร้อมหรือยังไม่ได้

มาเอาเรื่องอะไรที่น่ารำคาญออกไปไกลๆก่อน

「นอกจากนี้ มันอาจไม่ใช่เรื่องไม่ดีทั้งหมด」

ผมถูหัวซีเลียด้วยสองมือ ทำให้ผมมีสไตล์ของเธอเละเธอและทำให้เธอกรีดร้องเบาๆเป็นผลลัพธ์

「มันมีสักครั้งที่พี่ถูกเรียกโดยลีโอโพลต์แล้วพี่ยิ้มกับอะไรที่ถูกพูดมั้ยเล่า?」

ซีเลียจัดผมเธออย่างเงียๆ

นั่นไง เห็นหรือยัง?

 

 

ห้องทำงาน

「ฮัลโหลนั่น……」

「มันคือข่าวดี」

ผมมาที่ห้องทำงานด้วยความรู้สึกหดหู่แต่ผมเห็นรีเบคก้ากำลังนั่งอยู่ข้างใน…… เธอคือบารอนกิตติมศักดิ์ ผู้ที่ผมเคยได้ยินว่าเธอถูกเลื่อนตำแหน่งสู่หัวหน้าของเจ้าหน้าที่ข้อมูล

「ดีที่เธอมา!」

ขณะผมเคลื่อนที่ไปเพื่อกอดและจูบเธอ มือหนึ่งถูกแทงออกมาใส่ผมในการต่อต้าน

「ทำอะไรกระทันหันน่ะ!?」

「เอเกอร์ซามะ~~ ได้โปรดหยุด-」

ถ้าแม้แต่ซีเลียดึงผมกลับไป ถ้าอย่างนั้นผมเดาว่าผมไม่มีทางเลือก

「ฮ่าา ฮ่าา…… ช่างเจ้าชู้เหมือนเคย ไม่ใช่เหรอ…… หนูไม่อยากรู้ว่าอะไรที่ท่านพบว่าน่าดึงดูดใจเกี่ยวกับผู้หญิงถึกๆแบบฉัน」

「เธอมีตูดแน่นซึ่งค่อนข้างดีเมื่อได้จับ มันก็เด้งและดีดกลับและฉันจับมากเท่าไหร่ก็ไม่พอ」

เหมือนที่เธอพูดเอง ร่างกายรีเบคก้าไม่ได้เป็นโค้งเว้าและไม่เห็นนมเธอเมื่อเธอใส่เสื้อ

เธอมีหน้าสวยและที่สุดของทั้งหมด ท่าทางใจแข็งบวกกับความแอบลามกที่เธอแสดงให้ผมเห็นเป็นครั้งคราว นั่นที่ทำให้ห้ามใจไม่ไหว

สักวันหนึ่ง ผมจะกดเธอและทำให้เธอคราง

「เราไม่ได้ไปถึงไหนเลย ดังนั้นผมจะอธิบาย ในเช้าตรู่วันนี้ หน่วยรักษาความปลอดภัยที่ได้ถูกแต่งตั้งให้คุ้มกันการขนส่งภาษีเก็บเกี่ยวเห็นบุคคลน่าสงสัย ผู้อ้างว่าเป็นขุนนางเมื่อถูกจับ และจากนั้นถูกนำมาที่นี่」

「จับอีกแล้ว…… ฉันเชื่อว่าอย่างเดียวกันเกิดขึ้นกับฉันมาก่อนถ้าฉันจำไม่ผิด」

รีเบคก้าเลี่ยงสายตาเธออย่างอึดอัดใจ

หน้าเธอแดงเล็กน้อย ดังนั้นมันหมายถึงเธออายเกี่ยวกับมันหลังจากทั้งหมด

รีเบคก้าและผมให้ความร่วมมือกันในหลายๆวิธีเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของเรา

สาวนั้นมาพร้อมความต้องการก้าวไปข้างบนบนโลกใบนี้อย่างกล้าแข็งโดยใช้ข้อมูลที่ผมมอบให้เธอเพื่อพิสูจน์ความสามารถแด่ราชา

ในวิธีนั้น ผมก็สามารถรู้ว่าอาณาจักรเข้าใจสถานการณ์ผมมากเท่าไหร่และผมก็เก็บไม่ให้พวกเขารู้ความลับที่ผมอยากซ่อนไว้

ถ้ามีข้อมูลที่เธอต้องการ ผมเอาให้เธอดู เพื่อที่เธอไม่ต้องหลบๆซ่อนๆไปทั่ว

「ห-หนูเป็นเจ้าหน้าที่ข้อมูลของอาณาจักร ไม่ใช่อีโง่ผู้พร้อมนำข้อมูลให้ท่านตลอดเวลา」

รีเบคก้าและผมแค่ร่วมมือกัน เราไม่ได้ใช้ชะตาร่วมกันหรืออะไรเลย

มันไม่แปลกที่เธอใช้ความสัมพันธ์เธอกับผมเพื่อสืบไปทั่วหาอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอได้เปรียบ

หรือบางทีเธอถูกสั่งให้สืบจำนวนเก็บเกี่ยวซึ่งจะกลายเป็นภาษีของอาณาจักรและทำให้มั่นใจว่าผมไม่ได้กักตุนอะไรไว้

「ออออุ่……มันนอกเหนือความคาดหมายที่ยามออกไปนอกกำแพงเมือง ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมถนนปลอดภัยมาก」

พวกเขาไม่ได้อยู่ใต้ความรับผิดชอบของไมล่าและหน่วยรักษาความปลอดภัยของเธอ

เพราะพวกเขาเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างอิสระ แน่นอนมันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะไปไกลนอกเมืองและเจอกับกลุ่มขนส่งถ้าพวกเขารู้ว่าของสำคัญมีกำหนดการมาถึง

ถ้าพวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัย พวกเขาจะหานอกเมืองเพื่อหาคนนั้นด้วยซ้ำ

「ขออภัยที่หยาบคาย แต่พี่ไม่เชื่อว่าหนูเหมาะจะเป็นสายลับ」

「……หนูรู้ดี หนูไปทางควบคุมทั้งหมดและบริหารจัดการมากกว่าลงปฏิบัติการบนพื้นที่」

แน่นอนเธอพิสูจน์ตัวเองว่ามีความสามารถรับมือกับข้อมูล

มันอาจดีกว่ามากๆที่จะให้คนอื่นวิ่งไปทั่วและรวมข้อมูล

「ถ้าอย่างนั้น อยากสืบอะไรล่ะ? มันอาจเป็นบางอย่างที่พี่ช่วยตอบได้」

「อย่างแรก เหตุการณ์เกี่ยวกับผู้คลั่งไคล้มากราโดและการจับผู้ก่อเหตุหลักแม็กซิมิเลียน แค่เมื่อวันก่อน การประหารถูกจัดขึ้นและพระองค์ส่งคำชื่นชมให้ความภักดีกับความสำเร็จลอร์ดฮาร์ดเลตต์มากมาย ฉันเชื่อว่าคำประกาศเจ้าหน้าที่และรางวัลจะถูกส่งโดยอธิบดีกิจการรัฐบาล แต่หนูแค่อยากให้ท่านรู้ล่วงหน้า」

ถ้าเป็นอย่างนั้นแค่พูดมันออกมา ผมคิดว่าวัตถุประสงค์หลักของเธอมีบางอย่างเกี่ยวกับการขนส่งธัญพืชเพราะเธอไปดูตรงนั้น

「ต่อไป…… เกี่ยวกับสภาพกิจการของการเก็บเกี่ยวปีนี้」

ซีเลียทำหน้าไม่มีความสุข ระหว่างผมยิ้มและมองดูต้นขาที่ออกมาจากการเกงขาสั้นของรีเบคก้า

สีหน้าลีโอโพลต์ไม่เปลี่ยน ยังคงอยู่ธรรมดาเหมือนเคย

「การประมาณคร่าวๆควรจะถูกกำหนดแล้วและส่งไปล่วงหน้า ไม่ใช่เหรอ?」

ผมให้อดอล์ฟนำทุกอย่างเข้าด้วยกัน คิดว่าถ้าเธอรู้และเข้าใจสถานการณ์เก็บเกี่ยวสำหรับดินแดนยาวไปถึงภูมิภาคทิศใต้ จุดยืนเจ้าหน้าที่ข้อมูลเธอก็จะเพิ่มขึ้นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ผมจะได้ค่าตอบแทน

「ใช่ แต่ฉันจำเป็นต้องยืนยันว่าการประมาณเท่ากับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่」

ช่างน่าเศร้าใจ…… ไม่เชื่อใจพี่หรือ?

เพราะทั้งหมด เราได้ผ่านอะไรกันมา พี่จะชอบมันถ้าเธอเชื่อพี่มากกว่านี้ และเธอก็ใส่เสื้อผ้าบางกว่านี้ได้ด้วย

ในความเป็นจริง จำนวนถูกปรับลงเล็กน้อยจากการประมาณที่ทำรายการในเอกสารที่อดอล์ฟยื่นให้ผมก่อนมันถูกส่งไป แต่ท้ายที่สุดจำนวนนั้นเป็นการประมาณคร่าวๆและอาจมีการผกผันหรือนับผิด

「อย่างที่คาดได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับรีดภาษีทันทีหลังจากที่ขอ ยังมีการส่งมาจากหมู่บ้านไกลๆด้วยเหมือนกัน」

「อืมนั่น…… -หนูว่าท่านพูดถูก……」

นั่นโกหก

การจัดเตรียมที่อดอล์ฟรวมเพื่อการเก็บภาษีนั้นละเอียดสุดขีดและจำนวนรวมด้วยกันกับจำนวนที่ต้องส่งไปเป็นภาษีถูกกำหนดและคำนวณทันทีที่การเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้น

ถ้ามีแม้แต่น้อยกว่าหนึ่งถุงเขาจะรู้ทันที หมายถึงหัวหน้าหมู่บ้านหลอกเขาไม่ได้และคนเก็บภาษีขโมยอะไรสักอย่างไม่ได้ขณะมันถูกขนส่ง

「……รับทราบ ฉันจะเชื่อท่านครั้งนี้」

รีเบคก้าไม่ได้กดดันประเด็นไปไกลกว่านี้ จากนั้นจ้องผมเมื่อเธอจับได้วว่าผมกำลังมองต้นขาของเธอ

เธอต้องเคลื่อนที่ไปอย่างดุเดือดระหว่างปัญหาเล็กๆกับหน่วยรักษาความปลอดภัย สายตาของผมถูกดึงไปโดยต้นขาชุ่มเหงื่ออย่างเป็นธรรมชาติ

「อ่ะแฮ่ม! ยังไงซะ หนูก็แค่มีเจตนามาที่ราเฟนและแค่ดูทั่วๆก่อนกลับไปเพียงเท่านั้น ตอนนี้ พระองค์จะไม่รับข้ออ้างดังนั้นหนูจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง แน่นอนนี่แค่บนกระดาษ ระหว่างหนูสืบสวนหลังม่าน ดังนั้นได้โปรดมาเจอกับหนู」   

「หนูเป็นที่ต้อนรับ ได้โปรดอยู่นานเท่าที่อยากอยู่」   

หน้ารีเบคก้าอ่อนลงเล็กน้อยแต่เกร็งขึ้นทันทีหลังจากนั้น

「หนูจะอยู่ในโรงแรมในเมือง…… หนูจะไม่ส่งมอบร่างกายง่ายขนาดนั้น」   

ด้วยความสัมพันธ์ของเรา อย่างน้อยให้พี่ใส่หัวเข้าไปข้างใน

รีเบคก้าถอนหายใจและดื่มน้ำจากแก้วที่เตรียมไว้

「ขณะสำหรับค่าตอบแทน ถ้าพี่มีข้อมูลที่ต้องการ หนูจะตอบทุกอย่างที่หนูสามารถตอบได้」   

ถ้าเป็นแบบนั้น ผมมีบางอย่างที่ผมอยากถามมาสักพักแล้วตอนนี้

「เมื่อเธอช่วยตัวเอง-」   

「คุณนายเบลซ มีความเข้าใจสถานการณ์ในสหพันธรัฐอย่างแม่นยำไหม?」   

เจ้าลีโอโพลต์โง่นั่นแทรกผมขณะผมถามคำถามมีค่าของผม

รีเบคก้าไม่สงสัยอะไรสักอย่างและตอบเขาแแทน

ช่างไร้เหตุผล

「……ถ้าคุณถามคำถามนี้ ฉันเดาว่าคุณได้รู้เกี่ยวกับมันแล้ว? ยังไงซะ เพราะทั้งหมดมันไม่ใช่บางอย่างที่ซ่อนได้ โชคร้าย เครือข่ายข้อมูลของเราไม่ได้ไปตลอดทางถึงตะวันตกของสหพันธรัฐด้วยเหมือนกัน ดังนั้น ข้อมูลของเรามาจากการวิเคราะห์เรื่องราวจากพ่อค้าและทำการตัดสินใจว่าอะไรที่พวกเขาพูดถูกต้องหรือผิด…… และมันดูเหมือนจักรวรรดิการ์แลนด์ได้เดินหน้ากองทัพใหญ่สู่ที่ราบตะวันตกแล้ว สหพันธรัฐโอลก้าก็เริ่มรวมกองทัพของรัฐบริวารเพื่อก่อตั้งกองทัพสหพันธรัฐและกำลังเตรียมสงครามใหญ่ใกล้ๆ…… คืออะไรที่ฉันได้ยิน」   

อะไรที่ลีโอโพลต์ถามนั้นเกี่ยวกับสงครามระหว่างสหพันธรัฐและจักรวรรดิ

ข้อมูลนี้บินไปทั่วในหมู่พ่อค้าแล้วและไม่ใช่อะไรสักอย่างที่น่าตกอกตกใจ

นั่นไกลจากเอื้อมมือของเครือข่ายข้อมูล ดังนั้นเราต้องคิดว่ารีเบคก้า, ผู้ที่เป็นหัวหน้าการขับเคลื่อนหลักของข้อมูลของอาณาจักร, จะรู้ข่าวที่เกี่ยวข้อง

「รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับจำนวนพวกเขามั้ย?」   

「เพราะทั้งหมดนี่คือข้อมูลจากพ่อค้า…… เราก็เน้นความสำคัญกับชาติทางใต้หรือข้อความลับน่าหวาดเกรงเขียนในประเทศเรา เราไม่มีบุคลากรเพื่อเฝ้าดูจนถึงจุดจบของโลกหรือเงินเพื่อจ่ายสำหรับข้อมูลนั้น เราแค่รู้ว่าพวกเขาอย่างตีฝ่าพรมแดนชาติของสหพันธรัฐ แน่นอนพวกเขาควรมีอย่างน้อยหลายแสน」   

เราไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่

ลีโอโพลต์ไม่ได้ดูเหมือนเขาคาดหวังอะไรมากด้วยเหมือนกันและลงที่นั่งหลังพูดว่า “อย่างนั้นหรือ”

ผมบอกได้ สายตาเขาเป็นสายตาที่เสียความสนใจไปแล้ว

「สำหรับเวลานี้ การแลกเปลี่ยนกับสหพันธรัฐจะไม่ได้ถูกลดลงโดยตรง มันดูเหมือนราคานั้นขึ้นช้าๆแต่ผมไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้า มันนอกเหนือความเชี่ยวชาญของผม」   

ถ้าอย่างนั้นมันหมายถึงสำหรับเวลานี้ผลบนโกลโดเนียจะน้อย

พ่อค้าแม่ค้าและราคาก็นอกความเชี่ยวชาญของผมด้วยเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นผมจะเรียกอดอล์ฟมา

「สถานการณ์กำลังผกผัน แต่ถ้าให้หนูพูดความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่สภาพกิจการปัจจุบันจะดำเนินต่อไประหว่างสองชาติสู้กันในพื้นที่กันชน, ที่ราบตะวันตก, หรือ?」   

ลีโอโพลต์พยักหน้าเล็กน้อย

เขาต้องกำลังคิดว่าอะไรที่พูดนั่นเป็นแค่ความคิดเห็นของเธอและไม่ใช่อะไรที่เป็นหลักการ ดังนั้นมันไม่คุ้มค่าฟังเลยสักนิด

ช่างโง่เง่า ถ้าเขาฟังอย่างตั้งใจ โอกาสใกล้ชิดกับเธออาจถูกสร้าง

ผมแน่ใจ…… เธอจะตอบคำถามผมเกี่ยวกับการช่วยตัวเองของเธอ

โอ้อืม มันไม่ได้สำคัญมากๆแต่ผมจะถามเกี่ยวกับนั่น

「บางทีเธอรู้เกี่ยวกับเขา โม-…… โมนา-……. โมไม่มีเงิน……」   

  「เคานต์โมนาชิ」  「ใช่ เธอรู้จักขุนนางใกล้ชิดกับเขามั้ย?」         

ซีเลียพูดตามขึ้นมาโดยไม่ล่าช้า

ขอโทษ พี่มีปัญหากับการจำชื่อพวกผู้ชาย

ขุนนางอับโชคสามคนนั้นไม่ได้ดูเหมือนสำคัญไม่สำคัญว่าผมดูมันอย่างไร และมันไม่ใช่ข้อมูลลับสูงหรืออะไรสักอย่าง

「เคานต์โมนาชิ? ตอนนี้ทีท่านนำเขาขึ้นมา เขาเป็นขุนนางที่มีดินแดนซึ่งอยู่ทางซ้ายกับลอร์ดฮาร์ดเลตต์ ถูกมั้ย? ใกล้ชิดกันเหรอ?」   

ดวงตารีเบคก้าหรี่ลงเล็กน้อย

เธอต้องไม่มีข้อมูลมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผม

「ฉันไม่รู้เรื่องเลย แม้แต่ชื่อเขาก็ไม่ได้ทำให้นึกออก」   

ดวงตาหรี่ของรีเบคก้ากลับไปเป็นปรกติ

「……อย่างนั้นเหรอ? ตระกูลโมนาชิเป็นตระกูลบารอนผู้รับใช้ในรัฐบาลของอาณาจักรมาเป็นรุ่นๆแล้ว แต่หลังจากนั้นได้รับตำแหน่งเคานต์และดินแดนสำหรับความสำเร็จมากมายที่เขาได้รับระหว่างสงครามต่อเนื่อง」   

การถูกเลื่อนตำแหน่งจากบารอนสู่เคานต์นั้นเป็นก้าวกระโดดใหญ่

แม้ว่าผมไม่เคยได้ยินชื่อนั้น

「ความดีของเขาไม่ได้งดงามเป็นพิเศษเท่าลอร์ดฮาร์ดเลตต์หรืออธิบดีราดาห์ล นโยบายการกระจายทั้งตำแหน่งขุนนางและดินแดนกว้างขวางในภูมิภาคห่างไกลเห็นได้ยากนั้นตรงไปสู่บุคคลผู้ธรรมดาๆกระนั้นภักดีแทนจะเป็นคนเหล่านั้นผู้ความสามารถสูงมากและทะเยอทะยาน」   

「พระองค์อาจมีแนวโน้มนิสัยบางอย่าง แต่ผมคิดว่าเขาจะแต่งตั้งคนเหล่านั้นผู้เขาใช้เป็นคนประจำตำแหน่งได้」   

「ไม่เหมือนลอร์ดฮาร์ดเลตต์ เขามีดินแดนมากปัญหาและบริเวณห่างไกลที่เขาอยู่ไม่ได้อยู่ในพรมแดนชาติ พูดกันตรงๆ มันจะไม่สร้างความต่างกันใหญ่โตไม่ว่าใครทำมัน」   

นั่นเป็นวิธีพูดถึงที่ย่ำแย่สำหรับเขา

「เราออกนอกประเด็นไปเล็กน้อยแล้ว แต่เกี่ยวกับเคานต์โมนาชิ เขาดำเนินการพัฒนาดินแดนเขาอย่างทะเยอทะยานหลังจากได้รับบริเวณกว้างขวาง เพราะเขาเป็นข้าราชการเขามีประสบการณ์กิจการภายในและเขาไม่ใช่ชายไม่รู้ภาษา แต่……」   

เขาไม่ได้ดูเหมือนบางคนผู้ประสบความสำเร็จ

「เขาอับโชค」   

「อับโชค? อะไรกัน เขาแค่เหมือนรูปลักษณ์เขาเลย!」   

ผมย้อนกลับไปที่น้ำเสียงปรกติของผมอย่างไม่ได้ตั้งใจ

「เมื่อเขาถางป่าเพื่อทำการก่อสร้างถนน เขาทำไปเจอรังงออร์คและทุกอย่างเปลี่ยนเป็นภัยพิบัติ」   

「นั่นค่อนข้างอับโชค……」   

อดอล์ฟผู้ผมเรียกมา ส่งเสียงทึ่งทันทีเมื่อเขาปรากฏตัวในห้องทำงาน

ผมก็ส่งเสียงแปลกๆออกไปด้วย

「บนวันที่เขาสร้างสะพานที่เขาจ่ายเงินสร้างไปเยอะที่ยาวไปสองเมืองใหญ่ที่ถูกแยกโดยแม่น้ำเสร็จ มีฝนตกหนักที่แค่เกิดขึ้นทุกๆทศวรรษที่ก่อให้เกิดน้ำท่วมใหญ่และลากมันหายไป」

「อาา…… ช่างย่ำแย่」   

แม้แต่ซีเลียก็ฟังดูเหมือนเธอเสียใจกับเขา

「เขาพยายามพัฒนาที่ดินแห้งและขุดโดนบ่อน้ำ แต่น้ำพิษพุ่งออกมาและพืชผลทั้งหมดเหี่ยว……」   

「นั่นพอแล้ว」   

ถ้าผมได้ยินมากกว่านี้อีก โชคร้ายนี้อาจมาโดนผม

「เพราะทั้งหมดโชคนั้นสำคัญ…… ความรู้จะไม่ช่วยเมื่อมันเป็นเรื่องเหมือนลมฟ้าอากาศ」   

ผมเห็นด้วยกับอดอล์ฟ มีบางสิ่งในโลกนี้ที่คนหนึ่งทำอะไรกับมันไม่ได้

รีเบคก้ายิ้มอย่างขมขื่นและเปิดสมุดจด

「เกี่ยวกับผู้ติดตามสองคนของเขา วิสเคานต์บินโบและบารอนโกคิน พวกเขาทั้งสองถูกมอบดินแดนติดกันให้ในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตระกูลทั้งสามประทับใจกันและกันและสร้างวฝ่ายเล็กๆที่มีเคาน์โมนาชิเป็นแกนกลางถูกก่อตั้งขึ้น」   

“แต่พวกเขาแทบไม่มีอิทธิพลหรือความนิยมในเมืองหลวง” – เธอเติมมาภายหลัง

「ที่เหลือทั้งสองเป็นขุนนางผู้อยู่ในกองทัพ บุคคลผู้ถูกเลื่อนตำแหน่งเนื่องจากความสำเร็จในการต่อสู้ ……พวกเขาทั้งสองมีโชคร้ายคล้ายกันเหมือนเคานต์โมนาชิ แต่ว่าพวกเขาไม่มีความรู้หรือประสบการณ์เพื่อจัดการดินแดนของพวกเขา ดังนั้นมันรู้สึกเหมือนพวกเขาได้สิ่งที่ทำ」   

ซีเลียซ่อนหลังผม

ความโชคร้ายจะบินมาทางนี้ อดอล์ฟและลีโอโพลต์ ทำตัวเป็นโล่ของเรา

「วิสเคานต์บินโบคือลอร์ดศักดินาเล็กๆที่มีเมืองค่อนข้างใหญ่ 3000 คนในกลางดินแดน ในตอนเริ่ม มันดูเหมือนเขามั่นคงทางการเงินและเขาเลยลดภาษีและบริจาคสู่การกุศล」   

「มันอาจดูเหมือนเขาเป็นเจ้าคนนายคนที่เมตตา แต่เงินเขาหมดลงอย่างเร็ว」   

อดอล์ฟออกความคิดเห็นเร็วๆออกมา

「นั่นเป็นที่เกิดขึ้นตรงๆ หลังจากหนี้กองกันกับพ่อค้าแม่ค้าซ้ำๆ ในที่สุดเขาก็พูดว่าพอคือพอและเปลี่ยนเป็นภาษีหนักอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะให้ตัวเลขกลับไปเป็นสีดำ」   

แน่นอนอดอล์ฟส่งเสียงสลดใจนิดหน่อยออกมา

「ไปมาจากภาษีเบาเป็นภาษีหนักเร็วมาก…… มันอาจเป็นแค่การเพิ่มภาษีเรียบง่าย แต่ความตกอกตกใจกับพลเมืองนั้นใหญ่โต รายได้รวมของพลเมืองคงอยู่เท่าเดิม กระนั้นเขาเลือกทางเลือกที่แย่ที่สุด ซึ่งแค่ทำให้ประชาชนไม่ชอบ พื้นฐานของพื้นฐานเมื่อเป็นเรื่องการเปลี่ยนภาษีนั้นคือลดมันทั้งหมดทีเดียว แต่เพิ่มมันอย่างช้าๆเรื่อยๆ」   

มาพูดกันว่าภาษีนั้นไปมาจาก 10 สู่ 5 จากนั้นสู่ 15

ผู้คนนั้นได้ภาษีเท่าเดิมระหว่างมันเปลี่ยนดังนั้นมันดูเหมือนภาษีพวกเขาเพิ่มขึ้นกระทันหันสามเท่าจากก่อนหน้า

「และจากนั้น อย่างเป็นธรรมชาติ?」   

「พ่อค้าแม่ค้าและบุคคลมีเงินส่วนใหญ่วิ่งหนี ทิ้งคนผู้เก็บภาษีไม่ได้ หมู่บ้านและเมืองทำนาเริ่มแย่ลง พืชผลขายไม่ออกและมีการโวยวายใหญ่ ปล่อยให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ชีวิตร้องขอเงิน」   

ผมไม่อยากพูดมันว่ามันเป็นความผิดเขาเพราะความโชคร้ายแบบอื่นเกิดขึ้นกับเขาด้วย

「บารอนโกคินยิ่งน่าสงสารมากกว่า」   

「พี่เริ่มหดหูแค่ฟังมัน」   

「แม้ว่าเป็นบารอน ดินแดนของเขาไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น และมันดูเหมือนเขาไม่ได้มีช่องว่างพอถ้าให้เริ่มต้น…… อย่างไรก็ตามเขาค้นพบพื้นที่ซึ่งดีและอุดมสมบูรณ์」   

เฮฮฮ๋ ดีสำหรับเขา

「และดังนั้นบารอนผู้มีเมตตาให้พลเมืองย้ายจากพื้นที่ไม่ดีเพื่อให้พวกเขาเตรียมดินบนพื้นที่ดีได้」   

「เดี๋ยวก่อน อพยพไปที่นั่น ถ้าอย่างนั้นพูดอีกอย่าง-……」   

อดอล์ฟดูเหมือนเขาไม่เชื่ออะไรที่เขาเพิ่งได้ยิน

「มันเหมือนที่ฉันพูด ผู้คนถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเก่าและถูกทำให้ใช้ชีวิตบนดินแดนอุดมสมบูรณ์」   

「เขาทำให้พวกเขาทิ้งหมู่บ้านที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ข้างในมาหลายรุ่นเหรอ?」   

「ใช่ หนูเดาว่าเขาทนมองพลเมืองดิ้นรนบนพื้นที่ซึ่งไม่เพียงพอและหวังดีกว่านั้นกับพวกเขา」   

อุกอาจ มีขีดจำกัดว่าคนหนึ่งโง่ได้มากขนาดไหน

มันไม่ได้ฟังดูเหมือนโชคมีอะไรสักอย่างเกี่ยวข้องกับความโชคร้ายของชายคนนี้

「แม้อย่างนั้น คนสร้างหมู่บ้านและนา พวกเขาดิ้นรนของจริง อยู่บนความเกือบตาย และมันดูเหมือนบารอนไปสนับสนุนพวกเขาด้วยเหมือนกัน แต่-……」   

「เขาต้องได้รับการจ้องด้วยเจตนาฆ่าแม้ว่าเขาเชื่อว่าเขาทำบางอย่างดี」   

อืม เรื่องนี้ฟังดูเหมือนลอร์ดศักดินาโง่ๆและคนขยันๆของเขา…… แต่ผมแน่ใจว่ามีประเด็นสำคัญซึ่งยังไมถูกพูดถึง ไม่ใช่หรือ?

「แค่ก่อนฤดูร้อนของปีนี้ มีน้ำท่วมที่กวาด-……」   

「พี่ว่าแล้ว」   

ในท้ายที่สุด พลเมืองที่ย้ายทั้งหมดที่เดียวหนีสู่ดินแดนใกล้เคียง, ทิ้งที่ดินที่ถูกท่วมและว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ไว้, สู่พื้นที่ขาดแคลนที่เป็นหมู่บ้านเก่าของพวกเขา

「ตอนนี้ บารอนดิ้นรนแค่หาบางอย่างกินและมีข่าวลือว่าเขาทำงานนอกเมืองระหว่างซ่อนตำแหน่ง ไม่ว่ายังไง มันดูเหมือนทั้งวิสเคานต์บินโบและบารอนโกคินมีลูกมากมาย…… แต่ละคนมีมากกว่า 10」   

ว้าว พวกเขาทำงานหนัก

บางทีผมควรประเมินพวกเขาดีขึ้นนิดหน่อย

「ยังไงก็เถอะ หนูดูเหมือนรู้ค่อนข้างพอควรเกี่ยวกับขุนนางเล็กๆของภูมิภาคห่างไกลนะ」   

ด้วยบุคลากรและงบที่จำกัดเช่นนั้น ทำไมเธอสืบสวนพวกเขาในรายละเอียดเช่นนี้

「มันเพราะพวกเขาต้องสงสัยครั้งหนึ่ง พวกเขาขอเหล่าขุนนางและคนผู้มีอิทธิพลจากเมืองหลวงพร้อมกันกับบริเวณรอบดินแดนเขา ดังนั้นมันถูกคิดว่าพวกเขากำลังรวบรวมผู้สมรู้ร่วมคิด……」   

「แล้ว ในท้ายที่สุดล่ะ?」   

「เมื่อมันถูกค้นพบว่าพวกเขาวิ่งไปทั่วเพื่อขอกู้ หนูยกเลิกการสืบสวน」   

ฟุมุ พวกเขาอาจเป็นพวกคนโง่ แต่สามเกลอนี้ดูเหมือนค่อนข้างไร้พิษภัย

เหตุผลที่พวกเขาสิ้นหวังมากที่งานเลี้ยงต้องเป็นเพราะพวกเขาอยากยืมเงิน

ดูเหมือนผมไม่ต้องสนใจพวกเขาเป็นพิเศษแบบใดๆ

「คุณนายเบลซ ผมขอถามบางอย่างด้วยได้ไหม?」   

「อะไร?」   

อดอล์ฟเรียกออกไปหารีเบคก้า

มันรู้อยู่แล้วว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของผม

ดังนั้นอะไรสักอย่างนอกจากงานนั้นเลยขีดจำกัด นายได้ยินไหม

「การเก็บเกี่ยวดูเป็นอย่างไรสำหรับโกลโดเนียทั้งหมดฤดูใบไม้ร่วงนี้?」   

「หืมม……」   

สีหน้ารีเบคก้าเกร็งขึ้น

มันไม่ได้ดูเหมือนเธอพูดเกี่ยวกับนั้นได้ง่ายเท่าที่เธอพูดมาจนถึงตอนนี้

หลังจากมองลงข้างล่างสุกพักและเคาะโต๊ะ เธอถอนหายใจ

「ฉันพูดอะไรเฉพาะเจาะจงไม่ได้ ฉันพูดได้แค่ว่า ทั้งหมดมันไม่ค่อยดี」   

เธอหันตาเธอหนีไป ไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว

「พี่ขอโทษจริงๆสำหรับคำถามเหล่านี้ทั้งหมดเช้าตรู่มาก ได้โปรดสบายๆ ถ้าหนูชอบ ได้โปรดอยู่ด้วยกันในห้องนอนพี่……」   

「ไม่ล่ะ ขอบคุณ ฉันจะหาอะไรทำเอง」   

รีเบคก้ายืนขึ้นอย่างไม่สนใจใยดี

ผมชำเลืองมองทางอดอล์ฟและให้สัญญาณเขาด้วยดวงตาของผม จากนั้นยื่นชุดเอกสารให้เธอ

เขาส่ายหัวยอมแพ้แต่นี่คือการตัดสินใจของผม

มันจะทำผมใจเสียถ้าผมหลอกเธอและมันดูเหมือนจะไม่ได้ผลประโยชน์ในความสัมพันธ์ในอนาคตกับเธอ

「และนี่คือ?」   

「จำนวนเก็บเกี่ยวโดยประมาณนั้นล่าช้าไปแล้ว เจ้าหน้าที่กิจการภายในเพิ่งพาข้อมูลล่าสุดมา มันอุดมสมบูรณ์มากกว่าที่คาดไว้」   

รีเบคก้าจ้องตรงมาสู่ดวงตาของผม

เธอต้องพยายามหาความหมายแฝงที่อยู่หลังการมอบข้อมูลจริง

「……หนูจะรับความต่างเล็กน้อยนี้มาเป็นอาวุธของหนู」   

「ได้ ทำอย่างที่เธออยากทำ」   

การจับหัวใจเธอนั้นดีกว่าภาษีแค่เล็กน้อย

ถ้าผมได้หัวใจพอที่จะเป็นอิทธิพลกับชะตาเราเหมือนที่ผมทำกับแคลร์ เราจะไม่จำเป็นต้องมาแยงจมูกใส่หาเจตนาจริงกันและกันตลอดเวลา

และจากนั้นเรือนร่างน้อยๆไม่เป็นทรวดทรงจะตกเป็นของผมอย่างเลี่ยงไม่ได้

อดอล์ฟไม่มีความสุขกับที่บัญชีผิดที่เขาสร้างสุญเปล่า แต่เขาเข้าใจความหมายของการเอาชนะใจผู้หญิง ดังนั้นเขาไม่บ่น ลีโอโพลต์ก็พยักหน้าเล็กน้อยเห็นด้วย

ซีเลียไม่ได้ดูเหมือนชอบที่ผมมองร่างกายรีเบคก้าเหมือนผมเลียเธอทั่วตัวและรำคาญอย่างเป็นธรรมชาติ

「ยังไงซะ หนูเดาว่างานหนูที่นี่เสร็จแล้ว」   

ผมอยากให้เธอกินอาหารเช้ากับผม แต่รีเบคก้าพร้อมกลับบ้านหลังจากเสร็จงานของเธอแล้ว

「หนูไม่อยากถูกเห็นว่าเข้าออกบ้านท่านอย่างเปิดเผย ให้หนูออกไปอย่างลับๆทางประตูหลัง」   

「ได้เลย」   

นั่นสะดวกสำหรับผมด้วย

ผมห่อแขนรอบเอวเธออย่างไร้กังวลเพื่อไปส่งเธอละหว่างเธอตามอย่างเชื่อฟัง ทำให้มั่นใจว่ามือผมไม่ได้ไปถึงตูดเธอ

ผมอยากทำให้เรือนร่างนี้เป็นของผม แต่ผมรีบไม่ได้

มีโอกาสสำหรับผมให้ชิงเธอด้วยกำลังในอดีต

แต่สุดท้ายผมอยากละลายหัวใจเธอและรับความบริสุทธิ์ที่เธอปกป้องมา 23 ปีด้วยความเต็มใจ

「อืม เราอยู่ที่ทางออกแล้ว หนูไปด้วยตัวเองได้จากที่นี่」   

ดูเหมือนผมนำเธอออกประตูหลังและเข้าสู่ลานหลังบ้านด้วยความบังเอิญ

「ถ้าอย่างนั้น ของขวัญจากลา……」   

「ได้ ได้」   

รีเบคก้าที่ทนนิสัยไม่ไหวจิกปากเธอเข้ากับของผม แต่ผมกอดเธอและควงลิ้นเข้าสู่ปากเธอเพื่อจูบที่ลึกกว่านั้น

「นื้อออออ—!! นึม—!! เอ้!」   

「กุ……」   

ผมอยากมอบการลากันอย่างรักใคร่ แต่เธอกัดลิ้นผมและตีเข่าหว่างขาของผม

นี่ทั้งหมดหลังจากผมทำอะไรจากใจกับเธอด้วย

「นี่และนั่นเป็นอะไรที่ต่างกัน! ถ้ามันเป็นจูบเบาๆถ้าอย่างนั้น…… หนูไม่ถือ แต่ท่านควรจะคอยดูมารยาทของท่านถ้าท่านทำอะไรสักอย่างมากกว่านี้ คนอาจมองในที่สาธารณะแบบนี้ นอกจากนี้ ถ้าท่านเข้มข้นเกินไป หนู-……」   

「หนูจะทำการเกงเปียกหรือ?」   

รีเบคก้าจ้องผมคมๆ

「นั่นถูกแล้ว! ท่านจะบอกหนูให้หนูไปหาโรงแรมระหว่างพยายามซ่อนกางเกงเปียกเหรอ?」   

「พี่ขอโทษ…… ดังนั้นอย่าโกรธหนักหนาเลย พี่แค่ต้องการเธอมากมายจนพี่ไม่เห็นอะไรนอกจากเธอ」   

เมื่อผมลดหัวและขอโทษ รีเบคก้าดูตกใจ

「หนูแน่ใจว่าขุนนางอื่นแม้แต่จินตนาการยังไม่ได้เลยว่าลอร์ดฮาร์ดเลตต์คำนับใส่บางคนแบบหนู เพราะทั้งหมดความประทับใจในตัวท่านในเมืองหลวงนั้นน่าทึ่งจากข่าวลือที่หนูได้ยิน」   

นั่นเพราะรีเบคก้าเป็นผู้หญิงและผมเล็งเธอไว้

มันจะไม่เหมือนกันถ้าหนูเป็นผู้ชาย

「พี่เป็นพวกของหนู ดังนั้นพ่งพี่ตามสบายเมื่อยามจำเป็น」   

「และการตอบแทนท่านจะดึงหนูขึ้นเตียง ซึ่งก็คือทำไมหนูพยายามไม่พึ่งท่านมาก」   

ผมยิ้มและจูบเบาๆกับเธอครั้งนี้

ผมสงสัยว่าธุระไม่น่าพึงพอใจอะไรที่ผมต้องรับมือเมื่อลีโอโพลต์เรียกผม แต่ผมรู้สึกค่อนข้างสดชื่นเพื่อเริ่มตอนเช้า

มันดูเหมือนมันจะเป็นวันที่ดีวันนี้

 

 

ลางสังหรณ์ผมไม่ผิดพลาด

หลังจากดำเนินการกินอาหารเช้าตอนสาย มิตี้วิ่งสู่ผมอย่างมีความสุขขณะผมนั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น

「จดหมายมาจากแม่โดโรเธีย」   

เธอเปิดจดหมายที่มาจากเมืองหลวงอย่างระวัง

อัลม่าและครอลเหมือนลูกของโดโรเธียด้วยดังนั้นพวกเขาวิ่งมาเพื่ออ่านมันด้วยกัน

ผมคิดว่าครอลกับอัลม่าใกล้กัน แต่พวกเขาแยกอย่างรวดเร็ว

ช่างแปลก ผมรู้ว่าอัลม่าดูแปลกๆไม่นานมานี้ แต่ครอลก็ดึงตัวเองออกห่างอย่างกระอักกระอ่วนด้วยเหมือนกัน

บางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา…… อืม มันไม่สำคัญ

「พีทไม่ได้ฉี่รดที่นอนมาเป็นเดือนแล้ว มันพูดไว้~」   

「มันดูเหมือนเมล็ดถูกนำไปจากดอกทางตะวันในสวนเยอะในปีนี้」   

「โมโกะใช้งานแผงผักได้แล้วตอนนี้…… เขาขวัญอ่อนมาก ดังนั้นฉันหวังว่าเขาจะไม่เป็นไร」   

มีช่องว่างระหว่างครอลและอัลม่า แต่พวกเธอทั้งสามกำลังคุยกันอย่างตื่นเต้นขณะพวกเธออ่านจดหมายพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

มีแค่คนเหล่านั้นผู้โตมาด้วยกันกับพวกเธอที่อาจเข้าใจว่าพวกเธอพูดเกี่ยวกับอะไร ดังนั้นมันผมไม่เข้าไปเกี่ยวและงีบหลับจะดีกว่า

จดหมายไม่ได้แค่มีสภาพปัจจุบันของเด็กๆในเมืองหลวงแต่ก็คำพูดห่วงใยสู่มิตี้และคนอื่นๆ

พวกเธอก็ส่งเสียงกันอย่างเสียงดังช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นน้ำตาไหลและสะอื้นช่วงเวลาต่อไป

มันอาจดีที่จะบอกพวกเธอนานๆครั้งว่าให้ไปที่เมืองหลวงและทำงานบ้าน

พวกเธอทั้งสามอ่านจดหมายเสร็จและปิดกระดาษอย่างระวังก่อนจะมาทางผม

「มันดูเหมือนส่วนนี้พูดถึงนายท่าน」   

「จากโดโรเธียถึงพี่เหรอ?」   

ผมสงสัยว่ามันมีอะไรเกี่ยวกับการซ่อมบางที่ในคฤหาสน์หรือเงินและอาหารหมด

ปรกติแล้ว มันจะไม่เป็นไรโดยแค่บอกเซบาสเตียน แต่สาวเคร่งบอกทุกอย่างกับผมอย่างเปิดเผย

เมื่อผมดูเนื้อหา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผม

「อืมม ถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ บอกให้เรารู้ว่ามันพูดอะไรได้ไหม?」   

เธอต้องเดามันว่ามันไม่ใช่อะไรสักอย่างจริงจังหลังจากมองหน้าผม

เธอถูก มันไม่ใช่อะไรไม่ดี

「มันดูเหมือนโดโรเธียท้องกับลูกพี่ มันดูเหมือนท้องของเธอค่อนข้างใหญ่แล้ว ฟุฟุฟุ พี่ทำผู้หญิงมากกว่าอายุ 40 ท้อง」   

「เฮฮฮ๋ ถ้าอย่างนั้นแม่ท้อง」   

มิตี้และอัลม่ายิ้ม

แต่ไม่มีทั้งสองคนทำการเคลื่อนไหว

「มีอะไร อยู่ดีๆก็แข็งนิ่ง」   

「「……」」   

ผมพยายามเรียกพวกเธอแต่พวกเธอไม่ตอบสนอง ยืนนิ่งๆพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

ความเงียบดำเนินต่อไปสักพัก

「「เอออออออออออออออออออออ๋!!?」」   

การร้องของสองสาวดังก้องในหัวของผม

แม้ว่าผมจะไม่ถือถ้าพวกเธอครางแทน

「มีอะไร!?」   

ดู หนูทำให้ซีเลียรีบมาแล้ว

「ม-แม่ท้อง!? ทำไม? ลูกนายท่านเหรอ!?」   

ท่านฉีดน้ำเชื้อในแม่เหรอ!? เธอ 44 แล้ววนะ……

มิตี้และอัลม่าจับผมพร้อมๆกัน

「อืม นั่นเพราะพี่เป็นผู้ชายและโดโรเธียเป็นผู้หญิง เมื่อเราชิดใกล้กัน เจี๊ยวพี่เข้าไปในเธอและอสุจิยิงออกไป นั่นคือที่เด็กเกิดขึ้นมาได้อย่างไร」 

 「หนูไม่ได้หมายถึงนั่น!! พี่ทำอะไร!!?」     

 「แม่กำลังมีน้ำชุดใหญ่เข้าไปในท้องเธอด้วยตัวเธอเองในเมืองหลวง…… นี่จริงจัง!」   

ผมแพ้ต่อแรงกดดันของสองสาวและล้มไปที่โซฟา

ซีเลียต้องเดาว่าอะไรอยู่ในจดหมายและดูในความตกใจมาก

「……เพื่อใส่เจี๊ยวเข้าไปข้างใน…… ฮ่าฮ่า คนหนึ่งต้องทำมันให้แข็ง คนนั้นเรียกตัวเองว่าผู้ชายไม่ได้ถ้าทำคนนั้นทำไม่ได้……」   

ตอนนี้เมื่อผมคิดเกี่ยวกับมัน ครอลเงียบตลอดเวลานี้

แม้แต่ตอนนี้ เขาพึมพำบางอย่าง

 「ไม่ว่ากรณีไหน นี่จริงจัง! อัลม่า เรียกเมลิสซ่าซังมาที่นี่!」

มันดูเหมือนมันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ถ้าเธอมีลูกของผม ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยเธอมากเท่าที่ทำได้ ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เท่าทุกคนทำมัน

 「ฉันคิดว่าเอเกอร์ซามะหว่านเมล็ดพันธุ์ไปทั่วทุกที่ จริงๆแล้วมันค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่」   

 「อย่างนั้นเหรอ?」   

 「มันเป็นอย่างนั้น」   

ผมลูบหัวซีเลียระหว่างรอคลื่นของผู้หญิงให้มาปะทะผมตอนไหนก็ได้ตอนนี้

ในระหว่างนั้น ครอลจมไปที่พื้นและทอดสายตาลงข้างล่าง

 「สำหรับผม บางอย่างเหมือนสร้างลูกนั้น-…… ไม่ ผมแม้แต่ทำให้ผู้หญิงพอใจไม่ได้ อัลม่าก็ปฏิบัติกับผมอย่างเย็นชาหลังๆนี่เพราะเธอรู้ว่าผมไร้ประโยชน์แล้ว……」   

ถ้าอย่างนั้นผมเดาว่าหลายอย่างเกิดขึ้นในตอนที่ผมไม่รู้

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 161,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4000

กองทัพส่วนตัว: 5300 คน

ทหารราบ: 3000, ทหารม้า: 900, พลธนู: 900, ทหารม้าธนู: 500

ปืนใหญ่: 19

สำรอง: 3000

หน่วยรักษาความปลอดภัย: 100

สินทรัพย์ 10 000 ทอง

คู่นอน: 209, เด็กผู้เกิดแล้ว: 46

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท